˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
บทสัมภาษณ์คนไทย ที่คว้ารางวัลออสการ์มากอดได้เมื่อเช้า !!
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ บทสัมภาษณ์คนไทย ที่คว้ารางวัลออสการ์มากอดได้เมื่อเช้า !! 







ภาพยนตร์ The Duchess คว้ารางวัลออสการ์สาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมของปีนี้ คุยกับหนึ่งในทีมงานชาวไทย.. ลุพธ์ อุตมะ

เป็นทายาทเจ้าของร้านปอเปี๊ยะ ก๋วยเตี๋ยวหลอดชื่อดัง หลังโรงหนังฟ้าธานีเก่า คนเมืองเชียงใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จัก

เกิดมา 32 ปี ชายหนุ่มคนนี้ เพิ่งจะมีโอกาสได้มาช่วยแม่ เสิร์ฟ ห่อปอเปี๊ยะ รับเมนู และล้างจาน...ก็วันนี้

ทั้งๆ ที่เกิดและโตในเชียงใหม่ ไม่เคยไปไหนไกลจากบ้านเกิด แต่ ลุพธ์ อุตมะ บัณฑิตจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อสิบกว่าปีก่อน บอกกับเราว่า "เพิ่งจะได้มาช่วยแม่วันนี้ ร้อนมาก (ลากเสียงยาว) เหงื่อตกเลย แต่ก็สนุกดีครับ" เขาเปรย หลังกลับมาจากอังกฤษได้ไม่กี่วัน

จริงอยู่ ชีวิตของเด็กหนุ่มล้านนาคนหนึ่งซึ่งไปทำงานในต่างแดน อาจจะไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าจะบอกว่า เขากลับมาครั้งนี้เพื่อรอลุ้นผลรางวัลออสการ์ที่ประกาศวันนี้

เปล่า เขาไม่ใช่คอหนังตัวยง แต่เขาจดจ่ออยู่กับ รางวัลสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (Best Achievement in Costume Design) เป็นพิเศษ ซึ่งภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษเรื่อง The Duchess คือ 1 ใน 5 ที่ได้เข้าชิง และ เขาเป็นคนไทยตัวเล็กๆ หนึ่งเดียวในหนังเรื่องนั้น...

* ลุ้นแค่ไหนคะ

80 เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะได้มา 1 รางวัลแล้วจาก BAFTA Film Award (ออสการ์ของฝั่งอังกฤษ) เราทำงานกันหนักจริงๆ ทำกันเป็นทีมเวิร์ค สำคัญที่สุด

* คุณลุพธ์ เข้าไปดูในส่วนไหน

ผมเป็นผู้ช่วยคอสตูม ดีไซเนอร์ ดูแลเสื้อผ้านักแสดงชาย ซึ่งต้องทำรีเสิร์ชเยอะมาก เพราะเป็นหนังพีเรียด ย้อนไปราว ค.ศ.1780 เรื่องราวของตระกูเสปนเซอร์ ต้นตระกูลของเจ้าหญิงไดอาน่า

ก่อนผมจะได้เข้าไปทำ เขาเรียกตัวสัมภาษณ์ 5 คน มีผมคนไทยคนเดียว นอกนั้นอังกฤษหมด ก่อนไปผมทำการบ้านเยอะมากกก ทั้งหาข้อมูล เดินพิพิธภัณฑ์ อ่านหนังสือ เผื่อเวลาเขาถามเราจะได้ตอบถูก สุดท้ายเขาก็เลือกเรา (ยิ้ม)

* ต้องเตรียมตัวอย่างนี้ทุกครั้ง?

ใช่ครับ เราเป็นคนไทย ต้องพยายามมากกว่า สมมติเขาทำ 100 เราต้องทำ 150 ต้องพิสูจน์ตัวเอง ทั้งซักรองเท้า เสื้อผ้า ถุงเท้า ทุกอย่างตั้งแต่พื้นฐาน เพราะเป็นคอสตูม ดีไซเนอร์ ไม่ใช่แค่ซื้อหรือออกแบบเสื้อผ้า

* แล้วเข้าไปในวงการได้อย่างไรคะ

ต้องย้อนกลับไปสมัยมหาลัย ด้วยความที่ชอบงานการแสดง เข้าไปปี 1 ก็ไปอยู่ชุมนุมการแสดงเลย แล้วก็รู้ทันทีว่า แสดงไม่เก่ง (หัวเราะ) พอขึ้นปี 2 ก็ได้ไปทำงานเบื้องหลัง ทำทุกอย่าง ฉาก ไฟ ช่วยกำกับการแสดง ซึ่งอย่างหลังคิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด เราได้มองงานเป็นภาพรวม แจกแจง แบ่งงานตามความสามารถของแต่ละคน พอขึ้นปี 4 ก็ได้เป็นผู้กำกับครับ

* เป็นผู้กำกับที่ดุไหมคะ

ไม่ดุ แต่ละเอียด

ยกตัวอย่าง ตอนเรียน ได้ทำละครเวทีเรื่อง 'ความเข้าใจผิดของอัลแบร์ การ์มู' ได้สคริปต์เป็นภาษาไทยมาอ่าน อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ เลยไปหาบทภาษาอังกฤษมาอ่าน ก็ยังรู้สึกว่าไม่ เลยไปหาต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสมาอ่าน ถึงจบ

สรุป อ่านถึง 3 ภาษาแล้วค่อยมาคุย ตีความกับอาจารย์ จุดนี้เลยยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเราทำงานด้านนี้ได้

* เขยิบไปใกล้ในวงการหนังได้อย่างไร

ปี 3 มีพี่คนหนึ่งชื่อหนอน ทำแคสติ้งให้กับหนังต่างประเทศ มาที่มหาลัย ติดต่อมาที่ชุมนุม หาคนไปช่วยทำแคสติ้ง เราก็ได้ไปช่วย ก็รู้สึก เฮ้ย ชอบ

ขึ้นปี 4 ไปฝึกงานที่ฝรั่งเศส ไม่ไปกรุงเทพฯ เพราะอยู่กรุงเทพฯ ไม่เป็น อยู่เชียงใหม่ ก็ไม่มีที่ให้ฝึก (เอกประชาสัมพันธ์) เลยตัดสินใจไปฝรั่งเศส โดยหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เขียนเมลล์ไปขอฝึกงานแล้วเขาก็ตอบกลับมา สรุปได้ไปฝึกที่ศาลากลางจังหวัด ในแคว้นแคว้นหนึ่งของเขา

พอกลับมา พี่หนอนก็ชวนให้เข้ามาช่วยงาน เพราะมีหนังฝรั่งเศสกำลังเข้ามาถ่ายทำ พี่หนอนพาไปแนะนำกับ ป้าแอร์ มุทิตา ณ สงขลา ซึ่งเป็น คอสตูม ดีไซเนอร์ที่เก่งมาก หนังฟอร์มใหญ่ๆ ที่ถ่ายทำในเมืองไทยเกือบทุกเรื่องต้องเรียกป้าแอร์ เลยได้ไปช่วยเขาเพราะเราพูดได้ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ป้าแอร์ก็เอ็นดูเรา สอนเราทุกอย่าง

* โกอินเตอร์เลยหรือเปล่าคะ

ยังครับ รอจนเรียนจบอายุ 22 พอ 23 ตัดสินใจไปลอนดอนเลย ตอนนั้นแฟนเป็นกงสุลอังกฤษ (ประจำเชียงใหม่) ต้องย้ายกลับไป เลยตัดสินใจไปเลย

* ทางบ้านไม่ว่าเหรอคะ

แม่เขาคอยสนับสนุนให้ทำทุกสิ่งที่ชอบ ถือเป็นความโชคดี เพราะเขาให้ความรักกับเราได้ไม่เต็มร้อย เขาเลยให้เรามาในรูปแบบนี้ แม่จะไม่เคยบอกว่าไม่ แต่จะถามว่า อยากหรือเปล่า ถ้าลูกว่าดี แม่ก็ว่าดี

* ขอถามเรื่องครอบครัวนะคะ

คุณแม่เลิกกับคุณพ่อ ท่านมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่ แต่เราจะมาอยู่กับญาติทางแม่ ไปอยู่กับน้าบ้าง ลุงบ้าง ป้าบ้าง ย้ายไปอยู่บ้านละ 2-3 ปี เพราะแต่ละบ้านมีภาระ ลูกเขาโต ไม่มีเวลาดูแล เราก็โรเททไปบ้านอื่น

เด็กๆ ก็น้อยใจนะว่าทำไมครอบครัวไม่อบอุ่น ทำไมต้องย้ายไปบ้านโน้น บ้านนี้ แต่พอโตมา มันกลับสอนเราว่า ชีวิตไม่ได้อะไรมาง่ายๆ เสมอไป

* เริ่มต้นอย่างไรคะ ชีวิตที่อังกฤษ

เริ่มไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ ที่ London College of Fashion แล้วก็ทำงานร้านอาหารไทยไปด้วย ทำอยู่ 3-4 เดือนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ถามตัวเองว่า อีก10ปีข้างหน้า เราจะทำอะไร จะยังทำร้านอาหารไทยเหรอ เลยลาออกมา

แล้วเขียนจดหมายไปบีบีซี ลอนดอน ขอฝึกงานด้านเสื้อผ้า แต่เขายังไม่ตอบกลับมา เลยไปลงคอร์สเรียนวิชาตัดเย็บเสื้อผ้าวินเทจ(โบราณ) เพิ่มเติม ไม่นานบีบีซีกเรียกตัวไปสัมภาษณ์ ถามเราว่าคาดหวังอะไรบ้าง คือเขามองเราเป็นเด็กต่างชาติ แต่น่าสนใจตรงพูดภาษาเขาได้ มีความรู้เรื่องเสื้อผ้าพอสมควร ก็ได้ฝึกกับที่นั่น 4 เดือน เวียนไปทำหลายโปรดักชั่น

ต่อด้วยฝึกงานที่ Royal Opera House ที่นี่ เราได้เรียนรู้งานด้าน เอฟเฟกต์เสื้อผ้า เช่น ย้อมผ้าให้เก่า ปรับสีให้มอๆ หรือ การทำเอจจิ้ง (Aging) เสื้อผ้า เพราะหนังละคร มีทั้งคนจน คนแก่ คนถูกทิ้ง ซึ่งการเอจจิ้งเสื้อผ้าจะทำให้คาแรคเตอร์ของแต่ละตัวแสดง ชัดเจนขึ้น

พอฝึกจบ ก็ร้อนวิชา เขียนจดหมายไปหาคอสตูม ดีไซเนอร์เยอะมาก (ลากเสียงยาว) เขียนไปยี่สิบกว่าคน ไม่มีใครตอบกลับมาเลย รออยู่นานมาก (ลากเสียงยาวอีก) ก็มีอยู่คนหนึ่งตอบกลับมา ชื่อ แอนดรูว์ คอกซ์ (Andrew Cox) เขาเรียกเราเข้าไปคุยและให้โอกาส สอนการอ่านสคริปต์ การตีความตัวละครต่างๆ เป็นเมนเตอร์ (ที่ปรึกษา) ให้เรา

จากจุดนั้นเลยค่อยๆ มีงานเข้ามา ทั้งหนัง ซีรีส์โทรทัศน์ รายการต่างๆ

* ฟังดูเส้นทางยาวไกล

เราไม่ได้จบปริญญาด้านนี้มาโดนตรง เลยต้องพยายามให้มาก โชคดีที่อังกฤษ จะใช้ประสบการณ์เป็นหลัก เขาจะไม่เคยถามเราว่าจบจากที่ไหน เขาจะดูเนื้องาน ดูรายละเอียด เช่น ตัดเย็บได้หรือเปล่า ทำเอจจิ้งได้ไหม พูดง่ายๆ ดูหน้างานมากกว่า

* จริงๆ แล้ว งานคอสตูม ดีไซเนอร์ มีรายละเอียดอย่างไรบ้างคะ

ขั้นแรก ได้สคริปต์มา อ่าน และตีให้แตก ให้เห็นคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวว่าเป็นอย่างไร

สอง ทำคอสตูม พล็อต (Costume Plot) ของทุกฉาก ทุกตอน และทุกวัยของทุกตัวละคร ถ้าโปรดักชั่นไหน ทุนไม่เยอะ ก็ใช้วิธีซื้อเอา แต่ถ้าเงินเยอะ ก็ดีไซน์เอง แล้วถึงจะไปหา คอสตูม เฮาส์ (Costume House) สถานที่ให้เช่า รับตัดเย็บ และเก็บเสื้อผ้าที่เป็นคอสตูม จะเป็นแหล่งรวมของ คอสตูม ดีไซเนอร์ ทั่วอังกฤษ

สาม เลือกเสื้อผ้า ทำฟิตติ้ง (Fitting) กับนักแสดง ขั้นตอนนี้ต้องคุยกับโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับและนักแสดง

คุยกับโปรดิวเซอร์ว่าอยากให้โทนสีของหนังออกมาเป็นอย่างไร จะทำเป็น คัลเลอร์ พาเล็ต (Color Palette) แผงสี หลายๆ สีไปให้เขาเลือกดู ส่วนผู้กำกับ คุยกันว่าอยากให้หนังออกมาเป็นรูปแบบไหน

กับนักแสดง ก็แชร์กันว่า อยากให้คาแรกเตอร์ของตัวเองออกมาเป็นอย่างไร

* ดูละเอียดมากเลยนะคะ

ยัง ยังไม่จบครับ ขั้นตอนที่สี่ ถึงการถ่ายทำ ซึ่งไม่ได้ถ่ายทำตามสคริปต์หน้า 1-100 นะครับ ถ่ายตามโลเกชั่นเป็นหลัก ต้องสลับฉากไปมา เราต้องดูความต่อเนื่อง สมมติว่าฉากนี้ ที่นี่เสื้อเปียกนิดหน่อย พออีกเดือนต่อมา ต้องไปถ่ายอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นฉากต่อกัน เราก็ต้องทำให้เสื้อดูเปียกเหมือนๆ กันอีก

สุดท้าย โพสต์โปรดักชั่น (Post Production) เรายังต้องเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดเอาไว้ เผื่อจะมีการถ่ายซ้ำ (Reshoot) อาจเพราะ สีไม่ดี หรือ ล้างออกมาแล้วฟิล์มเลอะ พอหนังฉายนั่นแหละถึงจะปล่อยเสื้อผ้าออกไปได้

* ปล่อยไปไหนคะ

ไปไว้ที่คอสตูม เฮาส์ หนังอังกฤษส่วนใหญ่จะเอาเสื้อผ้าทั้งหมดไปเก็บไว้ที่นั่น ดังนั้นที่นั่นจะมีเสื้อผ้าทุกแนว ทุกยุคสมัย ทุกเพศทุกวัย เผื่อเรื่องต่อๆ ไป จะมายืม หรือมาดูเพื่อเป็นไอเดีย หาข้อมูลเพื่อทำเรื่องใหม่

คอสตูมเฮาส์ที่นั่นจึงใหญ่มาก เดินสองวันก็ยังไม่หมด นั่งแสดงให้เห็นว่า อังกฤษให้ความสำคัญกับงานด้านศิลปะทุกแขนง ไม่ว่าจะแต่งหน้า ทำผม ดีไซน์ ดาราหรือนักแสดงเองก็ให้เกียรติเรามาก

* งานที่คุณลุพธ์ทำอยู่ ความยากที่สุดคืออะไร

ความเป็นคนไทย มันก็มีส่วนนะ คือ ต่อให้พูดเก่งแค่ไหน ยังไงมันก็ไม่ใช่ภาษาเรา บางครั้งเราไปเจอภาษาเฉพาะ ไม่เข้าใจ แต่บางครั้ง คนไทยไม่ถาม เอาแต่ เยส เยส ทั้งที่จริง ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่า

แต่ผม ถ้าไม่รู้ จะถามเลย

* เคยเจอสถานการณ์ลำบากบ้างไหม

ตลกมากกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง พอจบงานจากบริเจ็ท โจนส์ (Bridget Jones: The Edge of Reason) เจนี่ (Jany Temime) คอสตูม ดีไซเนอร์ของเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ชวนมาให้ช่วยทำภาค 4 (Harry Potter and the Goblet of Fire) ทำชุดเด็กหญิงอินเดียฝาแฝด แต่บังเอิญว่า ตอนนั้น แอนดรูว์ คอกซ์ (เมนเตอร์) เรียกตัวให้ไปเป็น คอสตูม ซูเปอร์ไวเซอร์ (Costume Supervisor) ของหนังเรื่อง The Business เรื่องนี้เราได้คุมภาพรวม และได้ดีไซน์เองทั้งหมด

ก็ชั่งใจนะ ระหว่างหนังดัง แต่เราเป็นแค่ตัวเล็กๆ ได้ทำเสื้อให้เด็กอย่างมากแค่ 20-30 ชุดกับอีกเรื่อง แม้จะฟอร์มเล็ก แต่เราได้เป็นบอส ได้ดู ได้ใช้ความสามารถ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบเสื้อผ้าทุกคาแรคเตอร์ รวมกว่า 20 คาแรกเตอร์ 4,000-5,000 ชุด

เลยตัดสินใจเลือกทางนี้ เพื่อนยังขำเลยนะว่า ยูทิ้งแฮร์รี่ฯ ได้ยังไง แต่ตอนนั้น เรารู้สึกว่าเราเลือกถูกแล้ว

* ค่าตอบแทน น่าพอใจไหมคะ

ก็ดีครับ ได้เงินเท่าคนอังกฤษ ตีคร่าวๆ ประมาณอาทิตย์ละ 1,000 ปอนด์ แล้วแต่ว่าเรื่องไหนเราเป็นบอส หรือผู้ช่วย

* จัดตารางเวลาให้ตัวเองอย่างไร

จันทร์-เสาร์ ทำงาน วันอาทิตย์และวันหยุดอื่นๆ ก็จะไปตามพิพิธภัณฑ์ ศึกษางานเสื้อผ้า เทคคอร์สเสื้อผ้า ดูโอเปร่า (ดูโปรดักชั่น) ไปร้านหนังสือ ซื้อมาไว้เป็นคลังข้อมูล ที่บ้านจะมีหนังสือเยอะมาก

* ชีวิตดูมีความสุขนะคะ

เหงาครับ (ตอบทันที) no place like home ครั้งหนึ่งเคยถามตัวเองว่าจะอยู่อังกฤษทำไม อยากกลับเมืองไทย เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา ไม่มีคนไทยทำงานด้วยเลย

เลยโทรคุยกับแม่ แม่บอกว่า ลุพธ์ อายุ 32 ก็เหมือนเราพายเรือได้มาแค่ครึ่งเดียว ยังไม่ถึงฝั่งเลย พายต่อไปอีกนิด เดี๋ยวก็ถึงฝั่งแล้ว

ฟังอย่างนั้น เราก็ฮึด มีกำลังใจ

* วางอนาคตไว้อย่างไร

อยากเป็นคอสตูม ดีไซเนอร์ที่เก่ง เก่งในที่นี้คือ ไม่หยุดนิ่ง เรียนรู้ตลอด

สำหรับผม คนที่บอกว่าตัวเองเก่งแล้ว คือคนที่ไม่เก่ง แต่คนที่ถ่อมตัวว่ายังไม่เก่ง คนนั้นน่ะเก่งจริง

ถ้าเปรียบกับการพายเรืออย่างที่แม่บอก 1-10 เราน่าจะมาได้แค่ 4 หนทางยังอีกกว้างและไกล มีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ

ใฝ่ฝันมากๆ ว่าอยากจะกลับมาอยู่เมืองไทย กลับมาอยู่กับแม่ กลับมาเป็นอาจารย์ เอาความรู้ ประสบการณ์ที่มีมาถ่ายทอดให้เด็กๆ น้องๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้น ขอเก็บเกี่ยวให้แข็งและแน่นก่อน ตั้งใจว่ากลับมาแล้ว จะต้องตอบได้ทุกคำถาม

* ชื่อลุพธ์ แปลกดี แปลว่าอะไรคะ

นายพรานครับ เป็นภาษาสันสกฤต ลุงตั้งให้

* ถ้าเป็นนายพรานจริงๆ จะล่าอะไร

คงเป็นนายพรานล่าฝันมั้งครับ (หัวเราะ)

* กลับมาเมืองไทย ได้เล่าเรื่องออสการ์ให้แม่ฟังหรือยังคะ

แม่ไม่รู้จักออสการ์ (หัวเราะ) ถามว่า คืออะไรเหรอลูก เราก็อธิบายว่า ก็สุพรรณหงส์ของอเมริกา เขาถึงร้องอ๋อ เหรอ เออ เก่งนะลูก (หัวเราะ)




_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ยินดีด้วยค่ะ Smile


_________________


Tweet me
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
บทสัมภาษณ์ ยาวพอๆ กับซิกเดือนหยาดเลย

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รางวัลจะตกเป็นของเค้าหรือเปล่า หรือว่าเป็นของผู้กำกับ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ภูมิใจกันทั่วหล้า


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Eflower พิมพ์ว่า:
รางวัลจะตกเป็นของเค้าหรือเปล่า หรือว่าเป็นของผู้กำกับ


เป็นผู้ช่วยคอสตูม ดีไซเนอร์

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ภูมิใจ จิง ๆ ... wow


_________________

http://twitter.com/PalmLopez
http://www.facebook.com/palmlopez
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email ชมเว็บส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เก่งมากเลย สุดยอดดดด


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 2
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com