มีรวมๆ มา 3เรื่องค่ะ
--------------------------------------
ระวัง! เงินคุณอาจถูกถอนไปง่ายๆ
อาทิตย์ที่แล้ว แม่เราได้รับโทรศัพท์จากคนๆนึง อ้างว่า เป็นบ.ชื่อ SM international หรืออะไรสักอย่างนี้แหละ
บอกว่า แม่ได้รับรางวัลที่2 จากการสุ่มจับเบอร์มือถือ ซึ่งรางวัลคือ เงิน 60,000 บาท
เค้าว่า เค้าเป็น บ.ที่เกี่ยวกับมือถือ แต่ไม่ได้เป็น sponsor เจ้าของเงิน
บ. sponsor คือ บ.เงินทุนหลังทรัพย์ธนสิน ซึ่งเค้าว่า เดี๋ยวอีก 10 นาที บ.เงินทุนจะโทรมาหาแม่ ให้แม่รอรับโทรศัพท์
เค้าย้ำว่า ห้ามปิดมือถือหรือห่างจากมือถือเลยนะ เพราะถ้าบ.เงินทุนโทรมาแล้วแม่ไม่ได้รับสาย เค้าจะถือว่าสละสิทธิ์
และ บ.เงินทุนอาจจะขอเบอร์บัญชีเพื่อโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีให้
แม่ถามรายละเอียดของบ.เค้า เค้าว่า บ.อยู่ ถ.ลาดพร้าว (เค้าบอกเป็นที่อยู่มา) แล้วก็เล่ารายละเอียดของธุรกิจให้แม่ฟัง จากนั้นก้อให้เบอร์โทรศัพท์ที่ office เอาไว้
หลังจากที่วางสายไปสักพัก ก็มีคนโทรมา บอกว่าเป็น บ.เงินทุนธนสิน โทรมา confirm ว่าแม่เป็นผู้โชคดีจริงๆ
เค้าขอเบอร์บัญชีของแม่และบอกว่า จะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีให้ทันที เค้าว่า พอเค้าโอนแล้วให้แม่รีบไป update สมุดบัญชีดูว่าเงินเข้าหรือไม่
ซึ่งตอนที่เค้าโทรมา เป็นเวลาใกล้ 6 โมงเย็นแล้ว แม่ก็สงสัยเหมือนกันว่าเค้าจะโอนยังไง แล้วจะไป update book ยังไง เพราะ แบงค์ปกติคงปิดแล้ว
ถ้ายังเปิดก็คงเป็นสาขาย่อยที่อยู่ในห้างฯ แต่ก็ไม่ใช่วิสัยของคนหรือบ.ส่วนใหญ่ที่จะไปโอนที่สาขาตามห้างแถมยังเป็นเวลาเลิกงานแล้วอีกต่างหาก
แม่เลยตัดสินใจให้เบอร์บัญชี ธนาคารนึงไป แต่เป็นบัญชีที่ไม่มี ATM (และเงินไม่เยอะมาก) เพราะใจนึงก็กลัว (...แต่อีกใจก็คิดว่าถ้าเป็นจริงก็ดีสิ)
หลังจากที่วางหู แม่ก็ลองโทรไปเช็คเบอร์โทรศัพท์ที่คนแรกทิ้งไว้ ปรากฎว่าเป็นเบอร์ fax ติดต่อใครไม่ได้ และเบอร์ที่โทรมาทั้งสองครั้ง ก็ขึ้นหน้าจอมือถือว่า private call
จากนั้นแม่ก็โทรไปที่ธนาคารเช็คว่าเงินมีการโอนหรือถอนไปบ้างหรือไม่ ซึ่งก็ไม่มีทั้งการโอนและถอนเงินออกจากบัญชี แม่จึงเล่าเรื่องให้ธนาคารฟัง
ธนาคารถามคำแรกว่า บัญชีคุณมีทำ ATM ไว้หรือไม่ ซึ่งแม่ก็บอกว่าไม่มี ธ.ก็บอกว่า งั้นก็ดีแล้ว เพราะถ้ามีเค้าอาจจะใช้วิธีการใดสักวิธีเพื่อทำ ATM ขึ้นมาใหม่และเบิกเงินไป
แต่ถ้าไม่มี ATM เค้าก็ไม่มีทางเบิกเงินเราไปได้นอกจากต้องมีสมุดบัญชี ธ.บอกให้แม่เก็บสมุดบัญชีไว้กับตัวดีๆ
พอวันรุ่งขึ้น แม่เลยไปเบิกเงินในบัญชีนั้นออกมา และเหลือไว้เพียงนิดหน่อย ให้บัญชียังคงอยู่ โดยที่ไม่มีวี่แววการโอนเงินเข้าแต่อย่างใด
ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังให้ทุกคนระวังตัวไว้ เราว่าแม่เราโชคดีที่เลือกเอาบัญชีที่ไม่มี ATM ให้พวกมันไป ไม่งั้นก็คงโดนถอนไปหมดแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าณ วันนี้ พวกมันจะไม่สามารถถอนเงินจากบัญชีที่ไม่มี ATM ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะพัฒนาวิธีการหลอกลวงวิธีไหนอีก เพื่อให้ได้เงินมา
แล้วเราจะตามเล่ห์เหลี่ยมพวกมันได้ทันตลอดไปรึเปล่า
ฝากเพื่อนๆทุกคนเตือนคนในครอบครัวและเพื่อนๆที่รู้จักด้วย จะได้ไม่ตกเป็นเหยือ่พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ค่ะ
----------------------------------------------------------------
แฉเรื่องจริง! เตือนภัยสังคม แก๊งมิจฉาชีพ อาละวาดบน BTS
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนักข่าวสาว ของหนังสือพิมพ์ "ประชาชาติธุรกิจ" เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ใครจะนึกว่าบนรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ที่มีผู้คนอยู่มากมายจะมีภัยอันตรายแฝงอยู่!!!
เวลาประมาณเกือบบ่ายโมง ดิฉันได้ขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากสถานีรถไฟฟ้าราชดำริเพื่อเดินทางไปหมอชิต ดังนั้นจึงต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีสยาม ระหว่างยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ที่สถานีสยาม ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามว่าไปอนุเสาวรีย์ขึ้นรถตรงนี้หรือเปล่า ดิฉันก็ตอบไปว่าใช่
ตามปกติสถานีรถไฟฟ้าสยามผู้คนพลุกพล่านมาก วิ่งขึ้นรถลงรถกันด้วยความรวดเร็วตลอดเวลา พอรถไฟฟ้ามาจอดเทียบชานชาลา ดิฉันก็รอจนคนลงหมดแล้วเดินเข้าไปในตัวรถพร้อมกับมองหาที่ยืนสำหรับตัวเอง
ช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏว่า มีผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 19-20 ปี ใส่กางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด ถือกล่องกระดาษใบหนึ่งท่าทางหนักมาก เดินขึ้นมาในขบวนรถ แล้วชนบริเวณด้านหลังดิฉัน ซึ่งก็ไม่ได้ชนแรงอะไร แค่ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรมาโดนที่หลัง ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นกลับตะโกนว่า คุณชนผม ด้วยสัญชาตญาณดิฉันก็หันไปกล่าวคำขอโทษ ก็เห็นเขาถือกล่องใบใหญ่อยู่
เรื่องไม่จบแค่นั้น ผู้ชายคนนั้นทรุดตัวลงวางของแล้วลงไปนอนกับพื้น แสดงอาการเสมือนว่า บาดเจ็บสาหัส ดิฉันก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรเพราะการเดินกระทบกันแค่นั้นไม่น่าจะทำให้ได้รับบาดเจ็บอะไรได้ แต่เขาร้องโอดโอยเหมือนใกล้ตาย จนคนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงทนไม่ไหว ลุกลงไปพยุงขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ แล้วถามเขาว่าเป็นอะไร เขาก็ชี้มาที่ดิฉันว่าเป็นคนชนเขาล้มจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทุกคนในรถก็คงตกใจเช่นเดียวกับดิฉันว่า ชนกันแค่นี้ถึงกับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้เลยหรือ???
สุภาพบุรุษที่ลุกขึ้นไปให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มคนนั้น ก็เข้าไปดูที่บริเวณหัวเข่าที่เขาบอกว่าเจ็บมาก เพื่อดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็ไม่มีรอยแผลอะไร มีเพียงรอยแดงเหมือนคนนั่งคุกเข่า แต่เขาก็บอกว่าเขาเจ็บมากเหมือนขาเขาหัก สุภาพบุรุษคนนั้นก็สงสัยจึงถามต่อว่า ขาของคุณ มีปัญหาหรือเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า เขาเคยขาหัก
สุภาพบุรุษคนนั้นจึงตะโกนว่า "ในรถคันนี้มีใครเป็นหมอหรือพยาบาลบ้าง มีคนหกล้มได้รับบาดเจ็บช่วยเข้ามาดูหน่อย"
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณประตูอีกด้านหนึ่งก็เดินเข้ามาดู และก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็พูดเสริมขึ้นว่า เขาอาจจะมีโรคประจำตัว พอเจออย่างนี้ก็อาจจะวูบลงไปได้ เพราะตัวเขาเองเคยเป็นเช่นนี้ต้องนอนโรงพยาบาลตั้ง 3 วัน ผู้ชายคนนี้อาจจะมีปัญหามาก่อน แล้วต้องถือของหนักก็อาจจะได้รับบาดเจ็บได้
ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมา ถ้าเจ็บมากขนาดนี้ก็ไปโรงพยาบาลดีกว่า ผู้บาดเจ็บก็พูดสวนขึ้นมาทันควันว่า ผมไม่ไปโรงพยาบาลหรอก ผมยังเป็นนักศึกษาไม่มีสตางค์ ถ้าไปโรงพยาบาลก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ผู้หญิงคนนี้ชนผมต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผม แล้วต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วย เพราะของๆ เขาได้รับความเสียหาย กล่องที่ถือมาเป็นจอแอลซีอี(จอคอมพิวเตอร์) ที่ต้องนำไปให้คนอื่นไม่ใช่ของตัวเขาเอง
ดิฉันไม่ได้พูดอะไร รู้สึกช็อก!!! แต่หลายคนที่อยู่บนรถไฟฟ้า รวมถึงผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือเขาก็บอกกับเขาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชน คุณเดินเข้ามาแล้วล้มลงไปเอง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังยืนยันว่า ดิฉันเดินชนเขาจนได้รับบาดเจ็บ ข้าวของเสียหายและจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเขา
ผู้ชาย 2 คนที่ยืนข้างๆ ดิฉันก็กระซิบให้ดิฉันออกไปจากรถลงสถานีหน้า ไม่ต้องไปโต้เถียงกับคนบ้าแบบนี้ พอใกล้ถึงต่อไปสถานี เด็กหนุ่มผู้ที่บอกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ตะโกนว่า "มันจะหนีไปแล้ว เดินชนผม ทำของผมเสียหายแล้วหนี"
พอถึงสถานีราชเทวี ดิฉันจึงรีบเดินออกจากรถคันนั้นไป พร้อมกับโทรศัพท์เล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนต่างตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นขบวนการมิจฉาชีพ เพราะมีข้อพิรุธมากมาย เพื่อนแนะนำว่าจริงๆ แล้ว ควรโทรศัพท์เรียกตำรวจมาจัดการ ... แต่สำหรับดิฉันถือว่า เป็นวันที่โชคร้ายจริงๆ
---------------------------------------------------
ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ชิงรถเล่นง่ายๆ
เตือนภัยในที่จอดรถกลยุทธ์ใหม่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ชิงรถทุกวันนี้มิจฉาชีพได้พัฒนาวิธีการกินอย่างผิดกฎหมายออกไปเรื่อยๆ บางครั้งบางวิธีเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้แต่ก็เป็นไปแล้วและมีผู้ประสบมากับตัวจนสูญรถยนต์ไปซึ่งๆ หน้าโดยคนร้ายจะเลือกลานจอดรถที่ไม่มียามเฝ้าค่อนข้างปลอดคนเป็นทำเลในการลงมือโดยมีอุปกรณ์คือกระดาษหนังสือพิมพ์กับเทปกาวเท่านั้นคนร้ายจะเลือกดูรถคันที่คนขับเป็นผู้หญิงมาตัวคนเดียวและจอดแบบเอาหน้ารถเข้าซึ่งเมื่อเจ้าของรถไปจากรถแล้ววายร้ายก็จะนำกระดาษหนังสือพิมพ์ไปแปะที่กระจกหลังจนเต็ม แล้วก็รอจังหวะเมื่อเจ้าของรถกลับมาแล้วเข้าไปในรถโดยที่ไม่ได้ดูก่อนกว่ารถ ตัวเองมีอะไรผิดปกติเมื่อต้องการถอยรถออกจากช่องย่อมต้องการมองกระจกหลังแต่พอเหลือบมองปรากฏว่ามีกระดาษอะไรไม่ทราบมาบังจนมองไม่เห็นผู้ที่ไม่เฉลียวใจจะเปิดประตูออกไปเพื่อเอากระดาษออกโดยที่ยังติดเครื่องรถไว้และไม่ได้ ล๊อคประตูคนร้ายที่ซุ่มรอจังหวะนี้จะฉวยโอกาสเปิดประตูเข้าไปนั่งแทนที่แล้วขับรถออกไปต่อหน้าเจ้าของ ทันทีส่วนใหญ่ที่โดนกันเป็นสุภาพสตรีที่ใช้รถและไปคนเดียวต้องสูญทั้งรถและกระเป๋าถือ โทรศัพท์ เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่จะใส่ของพวกนี้ไว้ในกระเป๋าถือที่แน่นอนว่าต้องวางอยู่ในรถขณะที่โดน...
-----------------------------------------------------------------
อันนี้น้องจุกฟังข่าวมาเอง มีเด็กอดีตนักศึกษาแพทย์เข้าไปปล้นร้านทอง
ก่อนเข้าไปปล้น ได้หาข้อมูลจากทางอินเตอร์เนต ว่ามีวิธีปล้นยังไง
ปล้นวันไหนสำเร็จมากที่สุด(ทำเป็นสถิติเลยนะ) และสำรวจร้านทองบริเวณนั้นว่า
ตำรวจระดับยศไหนที่ดูบริเวณนั้น ถ้ายศไม่มาก ความสามารถก็คงงั้นๆ
อันนี้ออกเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้เอง
น่ากลัวมากๆ ไปไหนมาไหนต้องระวังตัวมากขึ้นจริงๆ
ขอบคุณ พันช์ SI 009 และ SIMD/B
_________________