Nastina's X'mas (MC#10 : Special 4 A Merry Christmas)
ผู้ตั้ง
ข้อความ
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009
ตอบ: 2997
Nastina's X'mas (MC#10 : Special 4 A Merry Christmas)
อย่างที่สัญญาไว้ในคอลัมน์Mortal Kombatว่าผู้ชนะจะได้รับการเขียนถึงใน Music Cassanovaพร้อมกับปักหมุดเป็นเวลา2สัปดาห์ หากแต่นี่ก็ใกล้เทศกาลคริสมาสต์เข้าไปทุกทีแล้วส่วนตัวก็อยากจะให้ของขวัญคริสมาต์กับบอร์ดและคนอ่านเป็นงานเขียนสบายๆและไหนๆจะปักหมุดทั้งทีแล้วก็น่าจะทำอะไรให้มันพิเศษๆไปเลยเนอะ ^ ^ Music Cassanova ครั้งที่10นี้จึงขอสับรางมาเขียนอะไรแบบง่ายๆสั้นๆเพื่อต้อนรับ "คริสมาสต์" กับอัลบั้มน่ารักๆที่ดิฉันฟังบ่อยมากๆและเลือกมาเพื่อที่จะฟังบ่อยๆตลอดช่วงเทศกาลนี้ ซึ่งก็มีทั้งอัลบั้มคริสมาสต์และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคริสมาสต์ แต่ก็นับว่าเป็นงานดนตรีที่เติมราสชาติอันหวานหอมประดับบรรยากาศอันแสนสุขในช่วงนี้เลยทีเดียว ก็ขอมอบ Music Cassanova ครั้งนี้เป็นของขวัญให้บอร์ดFF Magและคนอ่านที่น่ารักทุกท่านนะคะ.....Merry Christmas ค่ะ!
1.อัลบั้มคริสมาสต์ประดับหิ้งตราบสิ้นลมวายชีวา
Mariah Carey : Merry Christmas
Merry Christmas (Music Cassanova#10)
"Music Is One Of The Ways By Which You Can Know Everything Which Is Going On In The World,Anything Human Ca Be Felt Through Music.Which Means There Is No Limit To The Creating That Can Be Done.It's Infinite,Like God." ข้อความข้างต้นจากเจ้าป้า "นีน่า ซีโมนส์" -- หนึ่งในอภิมหาดิว่าแห่งดนตรีแจ๊ซซ์ที่ดิฉันเคารพที่สุด -- แม้จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสมาสต์แต่สำหรับดิฉันแล้วถือว่า "เป็นแรงบันดาลใจ" อย่างยิ่งยวดที่ทำให้เกิด Music Cassanova ในครั้งนี้ขึ้น จากประโยคหนึ่งที่ป้ากล่าวถึงดนตรีในแง่ของความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณควบคู่กับความเป็นไปของสภาวการณ์ตลอดจนภาวะความรู้สึกรอบตัว ซึ่งก็เป็นอะไรที่ตอบคำถามผู้อ่านบางท่านได้ดีว่า "แนสทิน่าคนนี้นั่งรีวิวบ้าๆบอๆมาตลอด8ปีเพื่ออะไร?".....คำตอบคือเพื่อแบ่งปันความรู้สึก ณ ชั่วขณะหนึ่งๆกับการระบายหลายสิ่งหลายอย่างในปัจจุบันขณะให้ผู้อ่านที่ติดตามผลงานกันมาได้รับรู้ เช่นเดียวกับ Music Cassanova ในครั้งนี้ ที่ส่วนตัวตั้งใจอุทิศให้แก่เทศกาล "คริสมาสต์" ที่ส่วนตัวรักและผูกพันมากๆมาตั้งแต่เด็กๆซึ่งตัวดิฉันเองก็กล้ายอมรับอย่างไม่อายนะคะว่าจวบจนอายุ23ย่างจะ24แก่ซะขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กได้ในทุกๆเทศกาลคริสมาสต์ กล่าวคือทุกวันนี้ยังเชื่อในจิตวิญญาณของคริสมาสต์ เชื่อในซานตาคลอส ยังวางถุงเท้า นมและคุกกี้ไว้ที่ปลายเตียงทุกคืนคริสมาสต์เพราะยังเชื่อในการได้รับความรักและเชื่อในการได้แบ่งปันความสุขแก่คนรอบข้าง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ช่วงคริสมาสต์ตลอด8ปีที่ผ่านมาจะเห็นนางแนสทิน่าทำอะไรเวิ่นๆเว่อร์ๆอยู่เสมอเนื่องจากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้มากและต้องการให้ทุกๆอย่างออกมาพิเศษเพราะส่วนตัวคิดอยู่เสมอว่า "จิตวิญญาณของคริสมาสต์คือสิ่งที่ชาวคริสต์และผู้ที่รักและศรัทธาในพระคริสต์ควรรักษาไว้" รวมถึงส่วนตัวก็อยากจะเป็นผู้ให้บ้างแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุดก็ตามอย่างแค่ "งานรีวิว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัดและคาดว่าน่าจะเป็นวิธีการเมอร์รี่คริสมาสต์ที่ตัวเองทำได้ดีที่สุดโดยผ่าน "ดนตรี" ที่สะท้อนถึงความรัก ความเทิดทูนและศรัทธาอันบริสุทธิ์ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์และพระเยซูคริสต์....อัลบั้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและจิตวิญญาณคริสมาสต์ที่สวยงาม บทสรุปของสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคงจะไม่มีอัลบั้มคริสมาสต์ชุดใดในโลกนี้ที่เหมาะสมไปกว่างานชุด Merry Christmas ในปี1994ของมารายห์ แครีย์หนึ่งในศิลปินที่รักที่สุดตลอดกาลด้วยความที่เป็นอัลบั้มพ็อพคริสมาสต์ที่มากไปกว่าแค่นิยามของ "ศิลปินเสียงดีที่ทำอัลบั้มเฉลิมฉลองเทศกาลเพราะๆ" ตัดสินแค่แทร็คเปิดอัลบั้มอย่าง Silent Night แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่เขียนนี่ไม่ได้อวยหรือเข้าข้างอะไรเธอแต่เขียนอย่างที่คิดจริงๆเพราะว่าอยู่ในโรงเรียนคาทอลิกมา9ปี ใกล้ชิดและสัมผสกับกอสเพลมาในระดับหนึ่งพอได้มาฟังเพลงนี้ของเธอแล้วสัมผัสได้ทันทีเลยว่านี่เป็นการร้องกอสเพลสรรเสริญพระเจ้าที่ออกมาจาก "จิตวิญญาณ" จริงๆเพราะว่ามันไม่มีอะไรที่สามารถปิดกั้นศรัทธาของมารายห์ที่สื่อสารถึงพระองค์ผ่านเสียงร้องและสะท้อนให้คนฟังได้สัมผัสถึงความรักและความเทิดทูนอย่างบริสุทธิ์ใจชนิดซาบซึ้งแบบใจต่อใจเลยทีเดียว น้ำเสียงที่ลุ่มลึกเยือกเย็นแต่สุขสงบเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์และพลังที่แสนอบอุ่นจนขนลุกฟังแล้วต้องขอชมว่าเป็น Silent Night เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่เคยฟังมาจากศิลปินเมนทสตรีม ต่อด้วย All I Want For Christmas Is You เพลงพ็อพคริสมาสต์สนุกๆที่เข้าขั้นโลโก้คลาสสิคของเธอประจำเทศกาลนี้ไปแล้วด้วยความหวานใส น่ารักและรื่นเริงสมกับบบรรยากาศอันสุขสันต์ของเทศกาลคริสมาสต์เชื่อว่าจะเป็นอีกเพลงที่ทุกคนไม่ลืมในเทศกาลนี้ มาที่ทีเด็ดของอัลบั้มนี้กับ O Holy Night,Jesus Born On This Day,Hark! The Herald Angels Sing และ Jesus Oh What A Wonderful Child งานคอนเทมโพลารีย์คริสเตียนกอสเพลที่เธอถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและทรงพลังจนน่าขนลุกทุกเพลง เป็นงานกอสเพลที่ถ้าให้รีวิวตัดคะแนนจะได้5เต็มจากดิฉันทุกเพลงเนื่องจากครบถ้วนสมบูรณืแบบทุกองค์ประกอบทางดนตรีแต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ "มิติทางอารมณ์" ที่มีให้คุณสัมผัสอย่างเต็มเปี่ยมทั้งความอบอุ่นเปี่ยมสุข อารมณ์ขลังๆศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งตอนยืนท่ามกลางผู้คนมากมายร้องเพลงในโบสถ์ในคืนคริสมาสต์อีฟและที่สำคัญที่สุดความศรัทธาในพระคริสต์อย่างบริสุทธิ์แรงกล้าอันมากมายมหาศาลที่เธอสะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนจนฟังแล้วจะอดรู้สึกยินดีไม่ได้ที่ครั้งหนึ่งในโลกแห่งวัฒนธรรมกระแสหลักอันเชี่ยวกรากได้มีศิลปินพ็อพที่สามารถนำพาศรัทธาและจิตวิญญาณระดับนี้ถ่ายทอดลงสู่ผลงานของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบระดับนี้.....สุดท้ายนี้ Music Cassnova ครั้งที่10นี้ก็ขอฝากบทความสั้นๆถึงอัลบั้มคริสมาสต์ที่รักที่สุดในเทศกาลแห่งความสุขนี้ไว้เป็นของขวัญแก่ผู้อ่านทุกท่านๆในวันคริสมาสต์นะคะ..........ขอให้สันติสุขได้โปรดเกิดขึ้นกับชีวิตและจิตวิญญาณของพวกคุณทุกคน ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด8ปีนี้ Merry Christmas ค่ะ
Putumayo : The Christmas Series : Christmas/World Music/Pop/Jazz/Blues
เอาจริงๆแล้วส่วนตัวไม่ได้คาดคิดเลยนะคะว่ามายสเปซครั้งที่แล้วที่เขียนถึงงานชุด Paris จากค่ายเวิลด์มิวสิคอย่าง Putumayo จะมีผู้อ่านหลายท่านชอบมากๆถึงขั้นส่งรีเควสต์มาขอรีวิวแนะนำอัลบั้มของค่ายนี้กันอีก ว่าแล้วก็จัดให้ค่ะกับ The Christmas Series ที่รวม5อัลบั้มเพลงคริสมาสต์น่ารักๆจากซีรี่ยส์Holidayในแบบฉบับเวิลด์มิวสิคสไตล์ Putumayo ที่คนรักดนตรีไม่ควรพลาดที่จะหามาประดับคอลเล็คชั่นเพื่อความเก๋และเติมเต็มบรรยากาศแห่งความสุขประจำช่วงคริสมาสต์กันนะคะ
เริ่มต้นที่อัลบั้มแรกที่ครอบครัวแนสชอบกันสุดๆอย่าง A Family Christmas ที่เป็นการนำเพลงคริสมาสต์มาถ่ายทอดไปกับภาคดนตรีที่หลากหลายชนิด "คุ้มค่า" ในอัลบั้มเดียวคือมีครบทุกอารมณ์น่ะค่ะตั้งแต่งานเรโทรหอมๆเป็นสวิงแจ๊ซซ์ผสานบลูส์ใน Is Zat You Santa Claus?,Frosty Snowman และ Boogie Woogie Santa Claus สลับไปผ่อนคลายกับโฟล์คเพราะๆใน Here We Come A Wassailing บลูส์กราสใน Sleigh Ride ยันคันทรี่ย์เย็นๆกับเพลง Winter Wonderlandที่คัดสรรมาเพื่อคริสมาสต์ที่แสนจะอบอุ่นสำหรับทุกครอบครัวโดยแท้ สำหรับคนที่ชอบฟังดนตรีคริสมาสต์ในแบบฉบับแจ๊ซซืและบลูส์เป็นชีวิตจิตใจนี่ขอแนะนำ New Orleans Christmas ที่สะท้อนวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์ของฝากนิวออร์ลีนผ่านดนตรีนิวออร์ลีนแจ๊ซซ์ บลูส์ สวิงและสแตนดาร์ดเพียโนไลท์แจ๊ซซ์ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม้เด็ดอยู่ที่ Santa Claus Is Coming To Town,Christmas In New OrleansและSilver Bellที่ให้อารมณ์แจ๊ซซ์ยุคคลาสสิคช่วงยุค40-50หลังจากที่ดนตรีสวิงเสื่อมมนต์ขลังและถูกแทนที่ด้วยบลูส์กับบีบ็อพแทนน่ะค่ะ และที่สุดยอดเลยก็คือ A Jazz&Blues Christmas อีกหนึ่งอัลบั้มที่ทำออกมาเอาใจคนรักดนตรีบลูส์และแจ๊ซซ์แต่จะต่างจากอัลบั้มก่อนหน้านี้ตรงความ "ดิบ" แบบศิลปะดนตรีสไตล์คนดำจริงๆฟาดครบทั้งบลูส์ แจ๊ซซ์ โซลและอาร์แอนด์บีชนิดที่คอเออร์บันถ้าได้มาฟังก็คงต้องมีกรี๊ดตีปีกกันผั่บๆๆๆๆ เท่าที่ที่ฟังภาพรวมดูแล้วน่าจะถูกจริตกับพวกที่ชอบเพลงบลูส์แจ๊ซซ์ตามคลับยุค40-50ไปยันคนรักดนตรีโซลโมทาวน์ยุค60-70ยันคออาณืแอนด์บีรุ่นใหม่ๆที่มี "ความเก๋า" ในการเสพย์งานดนตรีประมาณนี้มาพอตัว แทร็คที่แนะนำว่าต้องฟังมี Christmas Celebration เพลงเปิดอัลบั้มโดย BB King ตามด้วย Santa's Blues กับ Rudolph The Red-Nosed Raindeer โดย Cherles Brown และ Ray Charles ตามลำดับ ตบด้วยงานจาก The Duxes Of Dixie Land ใน Merry Christmas,Baby งานนิวออร์ลีนแจ๊ซซ์สุดหรูหรากรีดกรายพร้อมตบหนักๆด้วยน้ำเสียงบลูส์ดิบๆจากจิตวิญญาณโซลทรงพลังหนักหน่วงฟังเชื่อว่าน่าจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้ฟังฟากคอนเทมโพลารีย์อาร์แอนด์บีได้ล้นหลาม ตบท้ายด้วย All I Ask For Christmas โดย Mighty Blues King แทร็คที่หลุดจากภาพรวมของบลูส์และแจ๊ซซ์ค่อนอัลบั้มมาเป็นศิลปะแบบโซลในแบบฉบับที่คอโมทาวน์ผู้หลงใหลในสตีวี่ วอนเดอร์,เจมส์ บราวน์,อัล กรีนและมาร์วิน เกย์ฟังแล้วต้องยิ้มกันแก้มปริ อำลาด้วยชุดChristmas Around The World และ World Christmas Party กับอัลบั้มเพลงคริสมาสต์ในแบบฉบับเวิลด์มิวสิคที่อัดเอาบรรยากาศความรื่นเริงช่วงเทศกาลคริสมาสต์พร้อมกลิ่นอายอารยธรรมจากทั่วทุกมุมโลกมาฝากคุณผ่านภาคดนตรีที่หลากหลาย อาทิ เร็กเก้,บราซิลเลี่ยน,แจ๊ซซ์,ละทิน,แซมบ้ายันบลูส์ เป็นต้น จะว่าไปคริสมาสต์ทั้งทีลองมาฟังเพลงอย่าง We Wish You A Merry Christmas,Silent Night หรือ Joy To The World เป็นภาษาต่างๆไม่ว่าจะเป็นเฮติหรือคิวบาก็แปลกดีเหมือนกันนะ ^ ^
ไม่ว่ากาลเวลาจะเดินผ่านไปถึงเทศกาลใดก็ตามแต่สิ่งหนึ่งบที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนคือ "เกย์" กับ "ดิว่า" ก็ยังคงเป็นของคู่กันเสมอ ซึ่งนอกจากอัลบั้มคริสมาสต์ชุดแรกของมารายห์ที่ดิฉันยกขึ้นหิ้งไปแล้ว ส่วนตัวก็ยังมีอัลบั้มคริสมาสต์จากศิลปินดิว่าท่านอื่นๆที่ประทับใจพอตัวอีกหลายอัลบั้มแต่ Music Cassnova ครั้งนี้ขอคัดมาเพียงแค่4อัลบั้มที่ฟังแล้วรู้สึกพิเศษเป็นการส่วนตัวในช่วงปีนี้ที่สุด เริ่มจาก My Kind Of Christmas ของคริสทิน่า อากิเลร่าศิลปินหญิงที่ดิฉันชื่นชอบที่สุดตลอดกาลฟัง Christmas Time เพลงเก่งประจำอัลบั้มที่ชวนให้หวนคิดถึงยุคเบ่งบานของศิลปินทีนดิว่าและดนตรีพ็อพบับเบิ้ลกัมช่วงต้นทศวรรษ2000 ก่อนจะสลับมาฟังงานอดัลท์คอนเทมโพลารีย์กอสเพลเพราะๆใน Angels We Have Heard On High ที่เธอโชว์พลังเสียงได้อย่างน่าทึ่ง ไต่ระดับไปฟังเพลงขั้นมหาโหดใน Merry Christmas,Baby เพลงบลูส์โซลดิบๆถึงชั้นกลายร่างจะเป็นบลูส์กราสที่เธอร่วมงานกับ Dr.John และ O Holy Night ไฮไลท์เด็ดของอัลบั้มที่ตัวเพลงเป็นงานคอนเทมโพลารีย์คริสเตียนติดกลิ่นคลาสสิคอาร์แอนด์บีในช่วงต้นก่อนจะสลับไปเป็นกอสเพลอภิมหาอลังการในช่วงกลางแชะตบท้ายด้วยจิตวิญญาณของบลูส์โซลและแจ๊ซซ์เต็มขั้นส่วนตัวขอยกให้เป็นหนึ่งใน Oh Holy Night ที่เรียบเรียงได้อย่างมีมิติและชั้นเชิงที่สุดเท่าที่เคยได้ฟังมา ท่านถัดไปขอยกให้ Ashanti's Christmas ของอแชนทิสุภาพสตรีที่โลกลืมซึ่งภาพรวมก็สมชื่อค่ะเพราะเป็นงานคริสมาสต์ในแบบฉบับอแชนทิจริงๆ เพราะไม่ต่างอะไรกับนั่งฟังสตูดิโออัลบั้มของเธอเลยเป็นอัลบั้มที่เดินไปอย่างเรียบง่ายด้วยบีทอาร์แอนด์บีเนิบนาบเทมโพเดียวฟาดคุ้มทั้งอัลบั้ม คนที่ชอบความหลากหลายอาจจะมองว่าเป็นอัลบั้มคริสมาสต์ที่จืดชืดน่าเบื่อขาดสีสันแต่ส่วนตัวขอแย้งในมุมกลับว่าเป็นอัลบั้มคริสมาสต์เพราะที่ฉีกกรอบจากธรรมเนียมงานคริสมาสต์เดิมๆที่ต้องมีบลูส์ แจ๊ซซ์และกอสเพลดีนะ เป็นงานสะอาดๆหวานใสเรียบง่ายแถมไพเราะฟังเพลินดีอีกต่างหาก ไม่เชื่อลองฟัง We Wish You A Merry Christmas ฉบับของเธอดูสิ....น่ารักซ๊า ^ ^ ต่อด้วย Rejoyce The Christmas Album จากเจสซิก้า ซิมป์สันซึ่งก็เป็นอัลบั้มพ็อพคริสมาสต์ที่มีครบทุกความต้องการตามธรรมเนียม ถามว่าดีมั้ย?อันนี้ไม่ขอตัดสินเพราะงานพวกนี้ก่อเกิดมาจากศรัทธา แต่ถ้าถามว่าชอบมั้ย?นี่คงต้องตอบกันตามตรงว่าประทับใจน้อยกว่าท่านอื่น อย่างไรก็ตามเสียงใสๆที่บาดลึกเข้าไปถึงอารมณ์ของคุณเธอใน What Child Is This กับ Breathe Of Heaven ที่ทำเอาดิฉันถึงกับระทวยครั้งแรกจนอดใจอ่อนมองช้ามอัลบั้มนี้ไปไม่ได้ในทุกคริสมาสต์ ปิดท้ายกับ Merry Christmas II You ที่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นแม่มาลัยอีกแล้วซึ่งกฌปฏิเสธไม่ลงนะคะว่าฟังบ่อยสุดๆจนเข้าวินมากับเขาเหมือนกัน เป็นอัลบั้มคริสมาสต์จากศิลปินสายเมนทสตรีมที่ส่วนตัวประทับใจสุดแล้วในปีนี้ อย่างไรก็ตามส่วนตัวขอไม่พูดถึงอัลบั้มนี้มากนะคะเพราะว่าเขียนรถึงไปหมดแล้วในคอลัมน์มายสเปซครั้งที่30 ถ้าใครยังไม่อ่านลองติดตามไปอ่านได่ฃ้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนะคะ ^ ^
เชื่อว่าในชีวิตการฟังเพลงของทุกๆคนย่อมต้องมี "อัลบั้มประจำตัว" อย่างน้อยก็สักหนึ่งชุดที่สามารถเปิดฟังบ่อยแค่ไหนก็ได้ตามที่ใจต้องการ เป็นอัลบั้มที่ฟังได้ในทุกช่วงอารมณ์และทุกฤดูกาล อัลบั้มที่ไพเราะจับใจและสวยงามจนต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม "มันก็จะยังคงอยู่เคียงข้างคุณเสมอ" และสำหรับดิฉันเองถ้าให้เลือกงานดนตรีซักชุดจากนับหมื่นนับแสนชุดบนโลกนี้คงจะหนีไม่พ้นอัลบั้ม The Man Who ของ Travis วงบริทพ็อพจากสก็อทแลนด์ที่ส่วนตัวชื่นชอบประทับใจที่สุด
ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณ "ลุงนีล" อดีตนักรีวิวประจำบอร์ดที่ได้เคยแนะนำอัลบั้มนี้ไว้เมื่อประมาณ3-4ปีที่แล้ว -- สมัยที่ยังไม่สนใจฟังTravisอย่างจนิงจัง -- พร้อมกับบบรรยายสรรพคุณไว้สั้นๆว่า "เป็นอัลบั้มที่เพราะและดีที่สุดของTravis" แหมมมมมมมมมมมมมมมมม๊!!!!! เห็นคนที่แถบไม่เคยจะออกปากชมงานของศิลปินคนไหนอย่างตาลุงมันอวยซะขนาดนี้แล้วตัวอิฉันก็อยากจะโดดงานไปหามาฟังซะตั้งแต่วันนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด พอได้มาลองฟังดูแล้วก็ "ถึงกับปิ๊ง!!!" เพราะว่าเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า "สวย" ทั้งอัลบั้มสมคำตาลุงมันจริงๆกับงานดนตรีอัลเทอเนทีฟร็อคที่เรียบเรียงอย่างพลิ้วไสวประณีตละเมียดละไมละเอียดลออแบบร็อคสไตล์อังกฤษแท้ๆที่โดดเด่นด้วยสียงกีตาร์เพราะๆกระซวกถึงกลางใจ แถมยังแพรวำราวไปด้วยอารมณ์ดิบสดเข้มข้นทั้งหวานจับจิต เหงาเศร้าสร้อยยันหม่นหมองหดหู่โดยทั้งหมดทั้งมวลยื่นอยู่บนกรอบของความเป็น "บริทพ็อพ" งามสง่าชนิดจงรักภักดีไม่มีแตกแถว ไม่เชื่อก็ลองจิ้ม Driftwood แทร็คที่เพราะที่สุดในอัลบั้มที่จะทำให้คุณหลุดลอยไปกับมนตร์สะกดของดนตรีบริทพ็อพงามๆจากกลาสโกว์ที่สวยทรงศักดิ์ประหนึ่งถูกเนรมิตขึ้นมาจากโลกเหนือจินตนาการก็ไม่ปานหรือจะเป็น Turn ที่กระแทกกระทั้นอารมณืด้วยเสียงกีตาร์เพราๆและท่อนคอรัสที่แสนจะทรงพลังบาดใจ ในขณะที่ LUV ก็เป็นความหวานใสฉาบน้ำแข็งที่เปี่ยมไปด้วยความหนาวเหน็บเยือกเย็นเจิดจรัสในแบบฉบับที่คนรัก Coldplay สองอัลบั้มแรกฟังแล้วจะต้องศิโรราบ ในขณะที่ As You Are เพลงเปิดอัลบั้มก็เป็นอัลเทอเนทีฟร็อคสุดลุ่มลึกหากแต่เข้มข้นหนักหน่วเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่สุดแสนจะทรงพลัง ตบท้ายด้วย Why Does It Always Rain On Me ที่โดดเด่นจากการเรียบเรียงที่ต่างออกไปแจ่ก็ไม่ทำให้เสียเอกภาพไปแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าน่ารักดีฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับเป็นเพลงเท่ห์ๆของพวกฮิปปี้จิ๊กโก๋ที่ร้องเพลงเมาๆตัดพ้อชีวิตด้วยน้ำเสียงเหน่อๆยียวนกวนประสาทแต่ทรงเสน่ห์สุดๆ
เทียบกับงานที่ดีที่สุดของ Travis อย่าง 12 Memoriesที่ทางวงแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางภาคเนื้อหาและมิติทางภาคดนตรีจนกลายเป็นงานมาสเตอร์พีซของทางวงในแง่ของ "พัฒนาการ" อัลบั้ม The Man Who อาจจะเสียเปรียบในเรื่องของสาระและชั้นเชิงที่เข้มข้นจรรโลงโลกอันเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับเอาชนะใจคอดนตรีระดับสูง แต่ถ้าพูดกันในแง่ของความ "เพราะ" ที่ต้องจัดให้เป็นความไพเราะในระดับที่เรียกว่า "ขาดใจ" กันไปเลย แถมด้วยความฟังง่าย ฟังเพลินและยังทนทานในระยะยาวแล้ว ส่วนตัวแม้จะคิดว่า 12 Memories ดีกว่าแต่ถ้าให้เลือกที่จะคบหากันในระยะยาวล่ะก็ดิฉันก็พุ่งตรงไปหา The Man Who อิย่างไม่คิดและรีรอใดๆให้มากความ เพราะแค่สัมผัสกันด้วยใจแบบผ่านๆในรอบแรกก็ขอยกให้เป็นหนึ่งในงานบริทพ็อพที่ "เพราะ" ที่สุดเท่าที่เคยฟังเลยทีเดียว
Gareth Gates : What My Heart Wants To Say
ย่างเข้าเดือนธันวาคมนี้แม้อากาศจะไม่หนาวสมใจอยาก แต่ก็นะวัฒนธรรมอันตื่นตาตื่นใจของฤดูหนาวก็มีมายืนทักทายเราทุกๆที่ๆย่างกรายไปแค่นี้ก็กล้อมแกล้มทำเป็นหนาวกันได้แล้วล่ะ (เพราะต้องมีเรื่องให้เสียเงินเยอะแน่นอน หึหึหึ) และอะไรจะเหมาะสมเข้ากันกับบรรยากาศช่วยปลายปีแบบนี้มากไปกว่าดนตรี "พ็อพ" ชนิดที่เป็นพ็อพจ๋าๆสนุกสนานรื่นเริงหวานใสบริสุทธิ์จากสูตรสำเร็จของท่อนคอรัสเพราะๆโพรแกรมมิ่งแบบเมนท์สตรีมเอาใจตลาดและความเป็นอีซี่ลิสสูงโด่และอดัลท์คอนเทมโพลารีย์กะขายละลานตาไปทั้งอัลบั้ม จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งหมดก็ได้บทสรุปลงเอยด้วยดีที่ What My Heart Wants To Say อัลบั้มชุดแรกของกาเร็ต เกตส์ศิลปินรองชนะเลิศจากรายการ Pop Idol ไม่เชื่อก็ลองฟังเพลงในอัลบั้มอย่าง Suspicious Minds ดูว่าเหมาะกับบรรยากาศช่วงปลายปีขนาดไหน ตบตามด้วยพาเหรดเพลงเพราะๆไม่ว่าจะเป็น Anyone Of Us (Stupid Mistake),Alive,One And Ever Love,Walk On Byหรือแม้แต่จะโหลหน่อยอย่างToo Serious,Too Soon ก็ยังคงเต็มเปี่ยมเพียบพร้อมไปด้วยเมโลดี้เพราะๆและท่อนคอรัสติดหูที่ฟังแล้วต้องเคลิ้มทุกครั้งไป
ส่วนตัวแล้วไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่รักใคร่ดนตรีจำพวก "คันทรี่ย์" มาตั้งแต่สมัยไหน คือยอมรับว่าเพราะแต่ไม่ค่อยได้หามาฟังถ้าจะถามว่าในแวดวงนี้รู้จักใครดีสุดก็คงหนีไม่พ้น "ชาไนญ่า ทเวน" ที่เป็นคันทรี่ย์ดิว่าขวัญใจตลอดกาลชนิดไปไหนไปกันขาดงานเธอไม่ได้สักสัปดาห์และอีกคนที่ชอบไม่แพ้กันคือ "เฟธ ฮิล" ที่ทำงานคันทรี่ย์พ็อพร็อคสวยๆเมโลดี้ติดหูฟังง่าย ฟังสบายและแน่นอนฟังเพลิ้น เพลินด้วยความที่เป็นคันทรี่ย์พ็อพร่วมสมัยฟังได้เรื่อยๆชนิดไม่เชยแถมยังเพียบพร้อมไปด้วยน้ำเสียงหวานใสหยาดเยิ้มสุดไพเราะฟังแล้วอารมณ์ดี๊ ดีอีกต่างหาก เขียนเชียร์ขนาดนี้แล้วก็ขอท้าพิสูจน์ให้คุณๆที่ยังไม่เคยทำความรู้จักกับเธอลองไปหาอัลบั้ม "Faith" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "Love Will Always Win" ในInternational Versionมาฟังกัน แล้วจะรู้ว่างานชุดนี้ไม่ได้มีดีแค่เพลงเก่งอย่าง This Kiss หรือเพลงที่เปิดกันจังอย่าง Let Me Let Go แต่ความดีลงองค์สถิตกันถ้วนทั่วทั้งอัลบั้มเลยทีเดียว
อีกหนึ่งอัลบั้มที่ส่วนตัวคัดมาจากงาน25ชุดใน Music Cassanova#10 เพื่อจะลงในมายสเปซครั้งนี้คือ Some People Have Real Problems จาก "เซีย" ศิลปินสาวจากออสเตรเลีย -- ที่ร่วมเขียนเพลงให้คริสทิน่า อากิเลร่าในอัลบั้ม Bionic และ Burlesque -- ในฐานะที่เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ฟังบ่อยที่สุดในช่วงนี้ด้วยความที่เป็นตัวแทนที่สะท้อนอารมณืความรู้สึกในช่วงนี้ได้อย่างชัดเจนรวมถุงเข้ากับบรรยากาศในช่วงฤดูหนาว -- ที่แม้จะไม่หนาวสะใจ-- นี้สุดๆ
โดยส่วนตัวต้องเรียนตามตรงว่าค่อนข้างจะเฉยๆกับเซียมากตั้งแต่สมัยที่เป็นหนึ่งในกองทัพโปรดิวซ์เซอร์อัลบั้มแป๊กสนั่นของนังติ๊แล้ว คือไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเธอจนต้องกระวีกระวาไปตามหาอัลบั้มมาฟังอย่างMajor Lazer,M.I.A,Santigold หรือ Ladytron แต่พอนานๆเข้าได้เห็นเจ้าหล่อนทวิตข้อความอัพเดทข่าวคราวอีติ๊บ่อยครั้งจนเริ่มจะเอ็นดูประกอบด้วยแรงอาฆาตของคนอ่านที่ร่อนรีเควสต์มาจิกๆๆๆๆอยากจะให้เขียนรีวิวถึงเธอกันอีกก็อดไม่ได้ที่จะต้องหามาฟังโดยปริยาย โชคดีเป็นของดิฉันที่วันนั้นได้เผอิญโทรศัพท์คุยกับคุณพี่ปั๊ก "The Chameleon" จากบอร์ดติ๊ที่คุณพี่ได้แนะนำอัลบั้มชุดนี้มาพอดีพลางบอกว่า "เพราะมาก....ลองฟังดูสิ!" ประกอบกับความที่ส่วนตัวขี้เกียจจะไปศึกษาถึงรกรากของนางว่าแล้วก็..... เอาวะ!เริ่มแม่งมันที่อัลบั้มนี้แหละ...... ถึงคราวฟังจบแล้วต้องร้องว่า อู๊ยยยยยยยย!!!คุณพี่ปั๊กขา!!!!หนูล่ะต้องขอบคุณพี่มากๆเพราะอัลบั้มนี้เป็นอะไรที่ "เพราะจริงๆ" ชนิดที่เล่นเอาวางไม่ลงเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะออกแนวบัลลาดเกือบยกชุดแต่นั่นหาใช่อุปสรรคแต่อย่างใดด้วยความที่ภาคดนตรีเป็นงานคอนเทมโพลารีย์เปี่ยมเสน่ห์ด้วยมิติลูกเล่นกรีดกรายแบบดนตรีพ็อพระดับสูงแซมด้วยจิตวิญญาณโอลด์สคูลดิบสดด้วยเครื่องเป่าเพราะๆแบบบลูส์โซล น้ำเสียงอาร์แอนด์บีกึ่งพ็อพโซลสไตล์คนขาว (บลูส์อายส์โซล) สุดทรงพลังผสานโครงสร้างดนตรีสุดคลาสสิคที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาคดนตรีแจ๊ซซ์ช่วง40-50ในหลายๆแทร็ค ส่วนตัวฟังแล้วนึกถึงงานคอนเทมโพลารีย์บัลลาดยุค40-50แบบมารายห์ปะทะกับอารมณืพ็อพสแตนดาร์ดนวลเนียนแบบป้าวิทในแบบฉบับที่นำเสนอตามธรรมเนียมแบบพวกศิลปินอินดี้ฝั่งออสซี่อย่าง Zero 7 เป็นอาทิโดยลดความล่องลอยของดนตรีอิเล็คโทรนิคดาวน์เทมโพลงและแทนที่ด้วยเครื่องดนตรีสดๆที่ให้อารมณ์ดิบกว่า สดกว่ามีความเป็นร็อคและโซลมากกว่าก่อนที่จะถ่ายทอดผ่าน้ำเสียงของศิลปินหญิงที่เป็นการพบกันคนละครึ่งทางระหว่างความหวานใสสไตล์จีวล์กับความทรงพลังเกรี้ยวกราดในแบบฉบับสาวแกร่งอย่างพิ้งค์ ได้บทสรุปออกมาเป็น Some People Have Real Problems ของนางเซียนี่แหละ เหอๆๆๆ
สำหรับเพลงที่ไม่อยากให้พลาดจริงๆก็คือ Electric Bird ที่เป็นงานคอนเทมโพลารีย์พ็อพโซลบัลลาดผสานบิ๊กแบนด์แจ๊ซซ์ด้วยเครื่องเป่าสุดอลังการ เป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดตลอดกาลของเซียสำหรับดิฉัน Buttons ฮิดเด็นแทร็คที่เป็นงานอินดี้พ็อพสไตล์เซียแท้ๆแม้จะออกสดใสน่ารักเกินภาพรวมของอัลบั้มที่ค่อนข้างหม่นไปนิดแต่เชื่อว่าคนที่ติดตามเซียมาตั้งแต่งานชุดแรกน่าจะชอบ Little Blck Sandals แทร็คเปิดอัลบั้มที่เพราะมากๆเช่นกันฟังแล้วนึกถึงงานอัลเทอเนทีฟของมิเชล แบรนซ์,พิ้งค์และวาเนสซ่า คาร์ลทันในภาคที่เกรี้ยวกราด ดิบหม่นและบีบคั้นอารมณืความรู้สึกมากกว่า....เป็นความหวานที่เปี่ยมไปด้วยความหมองหม่นอ้างว้างและความรู้สึกที่รวดร้าวโดยแท้ Death By Chocolate อีกแทร็คที่หลงใหลเป็นการส่วนตัวด้วยภาคดนตรีแลบะเนื้อหาที่ทำเอาหลุดลอยไปไกลเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วย Soon We'll Be Found และ Beautiful Calm Driving อีกสองเพลงเพราะๆที่การันตีความควรค่าแก่การยกอัลบั้มนี้ให้เป็น "มาสเตอร์พีซ" ที่สมบูรณืแบบที่สุดในชีวิตการทำดนตรีของเซียอย่างสมศักดิ์ศรีเลยทีเดียว
3.สำหรับแฟนๆของมาดอนน่าที่ชอบเพลงประมาณJustify My Love,Rescue Me,Erotica,Where's The Like Begins,Waiting และ Secret Garden ลองหาแรงบันดาลใจทางดนตรีในยุคDitaของอีเจ๊แม่ไปฟังกันดูนะคะ ^ v ^
Pink Martini : Joy To The World : Jazz/Christmas/Pop/Adult Contemporary/Gospel
อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลคริสมาสต์แล้ว ตื่นเต้นๆๆๆๆๆๆมากกกกกกกก!!! ช่วงนี้เป็นช่วงที่แนสจะลุกลี้ลุกลนมีความสุขไปกับบรรยากาศรอบตัวทุกอย่างสุดๆและแน่นอนว่าเป็นช่วงที่ประทับใจกับชีวิตมากที่สุดในรอบปี ^ ^ ก่อนที่จะถึง "วันคริสมาสต์" ส่วนตัวก็อยากจะเขียนถึงอัลบั้มคริสมาสต์เพราะๆอีกสักอัลบั้มให้ท่านผู้อ่านไปลองหามาฟังกัน ซึ่งบทสรุปก็มาลงตัวที่ Joy To The World อัลบั้มคริสมาสต์สุดไพเราะเก๋ไก๋จาก Pink Martini
สำหรับชื่อของ "Pink Martini" นี่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่รู้จักกันดีแล้วในหมู่คอดนตรีทุกท่านโดยเฉพาะคนรัก "แจ๊ซซ์" เนื่องจากวงจากพอร์ทแลนด์วงนี้ทำงานสแตนดาร์ดแจ๊ซซ์ออกมาได้อย่างเยือกเย็นหรูหรากรีดกรายนิ่งเรียบแต่ประณีตวิไลแถมยังดัดจริตได้ใจมากๆเสียจนปฏิเสธไม่ลงว่า "ของพวกเขาแน่จริงๆ!!" มาที่งานชุดล่าสุด Joy To The World งานลำดับที่5ของทางวงซึ่งจากชื่อก็เดาได้ไม่ยากนะคะว่าเป็นอัลบั้มคริสมาสต์โดยความพิเศษของอัลบั้มนี้คือความเป็นงานเพลงคริสมาสต์บนดนตรีสแตนดาร์ดแจ๊ซซ์เพราๆเย็นๆผสานความเป็นกอสเพลตามฑรรมเนียมจากภาคเนื้อหา -- ในส่วนของภาคดนตรีมีความเป็นกอสเพลมาแบบประปรายพอเป็นพิธีแต่ก็เป็นความเรียบง่ายที่สมบูรณ์แบบและทรงพลังสุดๆไม่แพ้งานกอสเพลที่ยกคอรัสมาทั้งโบสถ์พร้อมออร์แกนเครื่องตระหง่านเท่ายอดหลังคา -- และอดัลท์คอนเทมโพลารีย์สูงโด่เป็นมิตรกับทุกหูสมคอนเส็ปท์ Holiday Music ตามธรรมเนียมไม่มีหลุดกรอบใดๆ....แต่ว่าก็ว่าเถอะอัลบั้มนี้ส่วนตัวสัมผัสได้ถึงความเป็นพ็อพมากกว่าแจ๊ซซ์หลายเท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องกังวลกันไปว่าจะฟังยากน่าเบื่อชวนหลับพริ้มไปเฝ้าซานตาคลอสแต่อย่างใดเนื่องจากเพราะพริ้งพลิ้วหวานฟังเพลินมากๆ เชื่อเถอะ!!!
ก่อนจากก็ขอแนะนำแทร็คสุดโปรดสักนิดเอาไปเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจในการเลือกฟังของคุณกันตามใจชอบ ขอเริ่มที่ We Three Kings ที่เมโลดี้สวยมากๆเป็นสแตนดาร์ดแจ๊ซซืเย็นๆที่ไพเราะชวนผ่อนคลายเหลือใจชนิดที่คนรักงานของเจ้าป้าดิว่าแจ๊ซซือย่างแอนนิต้า โอเดย์และบลอสซั่ม เดียร์รี่ย์นี่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง Santa Baby คริสมาสต์แครอลสุดอมตะที่ถูกนำมาทำใหม่ในแบบฉบับของPink Martiniก็น่ารักฟังเพลินไปอีกแบบ ที่สุดยอดเลยก็คงจะเป็น Silent Night ที่ส่วนตัวขอยกให้เป็นแทร็คที่ดีที่สุดของงานชุดนี้ในแง่ของการเรียบเรียงเปิดตัวด้วยออเครสตร้านิ่งเรียบสไตล์คอนเทมโพลารีย์คริสเตียนที่ร้องคลอไปกับบทเพลงสรรญเสริญพระเจ้า (ที่น่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศสมั้ง???) ก่อนที่จะสลับมาเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแบบ Traditional ที่คลอเคลียคู่ไปกับคอรัสกอสเพลที่ฟังแล้วอบอุ่นชวนขนลุก Congratulations(Happy New Year) นี่แปลกดีลงเสียงร้องเป็นภาษาจีนแมนดารินแต่ดนตรีกลับเป็นเฟร๊นซ์แจ๊ซซ์แบบปารีเซียงจ๋า เก๋ไก๋! Schedryk(Ukranian Bell Carol) แทร็คที่3ก็เป็นอีกเพลงที่ส่วนตัวประทับใจมากกับคอนเทมโพลารีย์คริสเตียนกอสเพลที่กระเดียดไปทางคลาสสิคคัลมากกว่าจะเป็นอดัลท์คอนเทมโพลารีย์หรือแจ๊ซซ์ฉีกไปจากภาพรวมของอัลบั้มได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ก็ยังมีWhite Christmas,Part1กับPart2สองเพลงเปิดงานที่ก็เพราะมากๆเช่นกันเช่นเดียวกับAuld Lang Syneเพลงปิดอัลบั้มที่ขอแนะนำให้คุณผู้อ่านได้ลองเลือกฟังกัน