บอกก่อนว่าผมไม่ใช่นักวิจารณ์มืออาชีพแต่อย่างใด วิจารณ์ไปตามที่เห็นนะครับ หากไม่ตรงใจหลาย ๆ คนก็ขอประทานโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เรื่องแรกเลยครับ "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก"
เนื้อเรื่อง...ผมว่าเนื้อเรื่องของเรื่องนี้มีจุดบกพร่องหลายอย่างนะ ทั้งเหตุการณ์ที่จงใจให้เกิดขึ้นมาเอง เช่น ฉากที่เพื่อนโกรธนางเอก จู่ ๆ ก็ดีกันเพราะเพลง อืมนะ หลายคนอาจอินแต่ผมว่ามันเร็วไปนะ มันเหมือนรัดรวบยังก็ไม่รู้ ไหนจะเนื้อเรื่องของพระเอกอีกตอน ม.ปลายก็ชอบทั้งบอล ทั้งถ่ายรูป โดยเนื้อเรื่องหลักแล้วผมก็ยังไม่เข้าใจว่าคนเขียนบทจะให้พระเอกเอาดีด้านนักบอล หรือช่างภาพกันแน่ หากเอาดีช่างภาพทำไมถึงยกประเด็นเรื่องนักบอลมืออาชีพมาล่ะ ? หากเอาดีด้านนักบอลแล้วทำไมตอนจบถึงได้เอาอาชีพช่างภาพเป็นหลักล่ะ ? เออนะ เหมือนหนังตั้งใจจะพยายามเน้นตรงจุดให้มันโดนชีวิตเด็ก ม.ต้นไปแอบปิ๊งรุ่นพี่ซะมากกว่าจนลืมจุดเล็ก ๆ ซึ่งมันก็เป็นช่องโหว่ได้ง่าย ผมรู้สึกแว่ เนื้อเรื่องไม่น่าอวยกันแยะเลยว่าดีจริง หรืออะไรต่าง ๆ นานา แล้วไหนจะฉากจบที่บอกว่าจบได้เบสิคมาก ๆ นึกว่าดูเรื่อง The Ugly Truth ซะอีก ถ้าจบอีกแบบ คือคล้าย ๆ แฟนฉันก็น่าจะพอไปรอดอ่ะ แต่นี้จบได้ละครไทย คือแว่ เบสิคสุด ๆ ส่วนตัวผมไม่ปลื้มเลย ฉากจบ มันดูเหมือนพยายามทำให้ซึ้ง แต่ผลกลับ ...อะไรอ่ะ ? อืมนะ..
นักแสดง...ชื่นชมนางเอกนะครับ ผมชอบ แสดงได้น่ารักดี แต่เหมือนดูเธอแล้วชอบนึกไปถึงแพตตี้ อังศุมาลินตลอดเลย ไม่รู้นะ แต่ผมให้ความรู้สึกว่าเธอเหมือนแพตตี้มาก ๆ ซึ้งถ้าบทนี้ตกเป็นของแพตตี้ผมว่าหนังอาจจะน่ารักและดูสดใสขึ้นมาเลยแหละ เพราะบางฉากของนางเอกคนนี้ก็เล่นได้ไม่น่าเชื่อถือเลยอ่ะ เช่นฉากที่สารภาพรัก มันดูพยายามจนเกินไปอ่ะครับ ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้จนดูว่าพยายามให้ซึ้งจนเกินไป ผมคนนึงล่ะรำคาญมาก มาถึงพระเอก...ถือว่าพัฒนาการดีมากจากก้อนหินแข็งถือเรื่องก่อน ๆ เรื่องนี้ทำมาริโอ้แสดงได้น่ารักดี ในหนังนะบทของมาริโอ้ดูเป็นรุ่นพี่ที่สุขุม แต่บางฉากกลับขี้เล่น เกเรียน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความสุขุมนั้นมาจากตัวมาริโอ้หรือบทของโชน แต่ถือว่าพัฒนาการทางด้านการแสดงดีกว่าแต่ก่อนมากกกกกกกกกกกกก
สรุปเรื่องนี้เต็ม 5 ผมให้ 2 อ่ะ ให้เพราะนักแสดง
*****************************************
อีกเรื่องคือ "Unstoppable" ครับ
บอกตามตรงว่าเห็นตัวอย่างเรื่องนี้แล้วกระตุ้นต่อมอยากดูของผมมากกกกกกกกก ตัวอย่างนี้นะ โอ้โห ตัดฉากรถไฟชนมั่วซั่ว กระหึ่ม บอกกับตัวเองว่าต้องดูในโรงให้ได้!!!! ....
เนื้อเรื่อง...เนื้อเรื่องดำเนินเรื่องได้เฉื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก แล้วฉากที่รถไฟเริ่มบังคับไม่ได้เป็นอะไรไม่มีจุดสนใจเลย เหมือนกับฉากธรรมดา ๆ ทำไมผมรู้สึกว่าฉากนี้เหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่รถไปหลุดไปแล้วเดี๋ยวมันก็หยุดเอง ทำไมไม่เห็นรู้สึกว่า เฮ้ยๆๆๆๆ ห้ามรถไฟดิ ๆ รถไปแล้ว ๆ ห้าม ๆ เร็ว คือหนังแนวนี้แน่นอนครับเป็นหนังระทึกขวัญกระชากอารมณ์คนดู ต้องกดดันให้ถึงสุดขีดถึงจะสุดยอด แล้วหนังไม่ทราบว่าจะเขียนเนื้อเรื่องของพระเอกกับไอดำหรอครับ เห็นเล่ากันอยู่นั่นแหละ รถไฟจะชนกันอยู่แล้วก็ยังเล่าไม่เลิก (อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ ค่อนข้าวรำคาญ) ขอบอกว่าช่วงแรกของหนังที่พวกพระเอกยังไม่เข้าหารถไฟเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากกกกกกกกกกกก เล่าอยู่ได้ชีวิตตัวเอง คือที่ดูตัวอย่างยังไงยังไงหนังมันต้องระทึกและบู๊กว่านี้แน่นอน แล้วที่น่าติอีกอย่างคือ เด็ก ๆ ที่เข้าไปอยู่ในรถไฟกลับออกมาแค่ฉากสองฉากเอง ทั้ง ๆ ที่หนังควรจะให้ความสำคัญกับตรงนั้นด้วยนะ บอกตามตรงว่าผิดหวังอย่างแรง แต่พอหนังเริ่มเข้าจุดสำคัญ ๆ คือฉากที่พระเอกเริ่มเข้าไปหยุดรถไฟอ่ะครับ ตอนนั้นระทึกดีครับ แต่บางฉากสำหรับบางคนอาจเดาได้ว่ายังไงยังไงมันก็ต้องไม่เป็นอย่างงั้น ...สำหรับผมเรื่องนี้คาดหวังไว้มากเกินไป ก็ผิดหวังมากเกินไป
บทของนักแสดง คริส ไพน์-ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าพระเอกมีอดีตไม่ดีอะไรกับอาชีพหน่วยกู้ภัย แต่เท่าที่จำได้หนังไม่ค่อยเล่ารายละเอียด แค่สะท้อนภาพเป็นบางฉากเท่านั้นว่ามีอดีตไม่ดีกับอาชีพกู้ภัย...
เรื่องนี้เต็ม 5 ผมให้ 2.5 อ่ะ ให้นักแสดงกับฉากระทึกหลัง ๆ
****************************************************
ต่อไป 5 แพร่ง
ผมจะขอให้คะแนนเป็นตอน ๆ ไปละกันนะครับ แล้วเดี๋ยวจะสรุปอีกทีโดยรวมทีหลัง
เริ่มกันที่ "หลาวชะโอน"
ความน่ากลัวมี 10 ก็ให้ 10 เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เปิดฉากได้ดีที่สุด ๆ มีครบครันในทุก ๆ เรื่อง อันดับแรกเลยแหละครับเรื่องความน่ากลัว ตอนนี้ถือว่าทำได้หดหู่และน่ากลัวมาก ทั้งภาพ ทั้งดนตรีประกอบทำให้รู้สึกวังเวและหดหู่จริง ๆ อีกทั้งพล็อตเรื่องก็ดี จุดหักมุมสอนธรรมะได้เยี่ยม เรื่องนี้ผมไม่ให้ข้อติเลย บทดี ภาพและเสียงเยี่ยม นักแสดงก็พอไปรอด
นักแสดง...ผมว่าเก้าเป็นนักแสดงวัยเยาว์ที่ดีคนนึงเลยนะ หมายถึงเป็นเด็กที่เล่นบทนั้น ๆ ได้ดี เมื่อถึงฉากที่กลัวก็กลัวจริง ๆ และเมื่อถึงฉากต้องใช้อารมณ์ทางด้านสายตาก็แสดงออกมาได้เยี่ยม และนักแสดงอีกคนที่ทำให้ผมขนลุกมากคือพี่เร แม๊คโดนัล ฉากที่เก้ากับพี่เรแย่งน้ำต้มมาม่ากันฉากนี้สายตาพี่เรน่ากลัว ๆ แล้วยิ่งพอเห็นถ้วยลอยได้เป็นอะไรที่น่ากลัวสุด ๆ นักแสดงเด่น ๆ ของตอนนี้ผมให้เต็มเลย
Backpackers
ตอนนี้เปิดฉากด้วย 2 วัยรุ่นญี่ปุ่นตกรถหรือไม่มีรถกลับบ้านน่ะแหละ เลยต้องโบกรถของแน๊คกลับ ระยะเวลาที่อยู่ในรถกันกลิ่นอายความน่ากลัวยังคงอยู่นะ แต่พอหลังจากความจริงปรากฏ คือหลังจากเปิดตรงข้างหลังอ่ะ ที่มันเป็นที่เก็บของแล้วปรากฏว่ามีศพ หลังจากตอนนั้นแหละ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากกกกกกก ความน่ากลัวกลับหายไปเหลือไว้แต่ความน่าตื่นเต้น ผมว่าคนไทยน่าจะทำหนังซอมบี้ให้น่ากลัวได้นะ แต่กลับกลายไม่น่ากลัวเลย อีกทั้งพล็อตหนังยังตลก พิเรนทร์ไม่เข้าท่า ซอมบี้เกิดจากกินยาที่ถูกสั่งให้กลืนดูแล้วมันไม่สมเหตุสมผลเลย และอีกยังรถยนต์ที่จู่ ๆ ก็ขับมาโดยไม่มีคน ตรงนี้สร้างความมึนงงให้กับคนชมหลายคนมาก รวมทั้งผมด้วย
นักแสดง...ตอนนี้ไม่ต้องใช้อารมณ์มากมายเลยไม่เห็นฝีมือของแน๊คเต็ม ๆ นางเอกที่เป็นญี่ปุ่นก็น่ารักดี ไม่รู้จะวิจารณ์ยังไงนะ เพราะมันไม่มีฉากไหนที่ใช้อารมณ์แบบจริง ๆ จัง ๆ เท่าที่ดูมามีแต่ฉากกลัว กับกลัวล้วน ๆ ซึ่งแต่ละคนก็ทำออกมาได้ดี
รถมือสอง
ตอนนี้นิโคลทำให้ผมตระหนักว่าตอนนี้เป็นตอนที่ผมไม่ชอบที่สุด พล็อตเรื่องโอเค บทพอใช้ได้ แต่นักแสดงกลับ ....(เดี๋ยวค่อยพูดในด้านของนักแสดงทีหลัง) เนื้อเรื่องผมค่อนข้างชอบนะ ตัวหลักทำงานทุจริตเอารถมือสองมาย้อมแมวขาย และผลกรรมก็เลยตามทันถือว่าเป็นอีกตอนที่สอนหลักธรรมได้เหมือนกัน (แต่เบสิคมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก) เนื้อเรื่องใช้สถานที่เข้ากับชื่อตอนดี ไม่นอกเรื่อง ผีก็น่ากลัว สยองใช้ได้แต่ผมกลับไม่สยองไปกลับมัน แต่แปลกไม่รู้ทำไมคนข้าง ๆ ผมปิดตาเวลาผีออกมาจากตอนนี้นะ ส่วนจุดจบของเรื่องนี้ผมทำออกมาได้สลดมากเลย แต่หลายคนถ้าได้ดูแล้วอาจเดาได้ว่าจะเป็นเช่นไร
นักแสดง ตอนดูนิโคลแสดงตอนแรก ๆ ก็อินอยู่หรอก แต่พอตอนผีโผล่ แล้วนิโคลหนีเท่านั้นแหละ ลูกก็ลูกเถอะกูไม่สน กูหนีไว้ก่อน แต่ละฉากที่นิโคลเจอผีทีไรความกลัวเธอยังไม่สุดขีดเลยครับ หน้าตา ท่าทาง บุคลิก...โอเคกลัวครับกลัว แต่ปัจจัยหลักของนักแสดงที่ออกมาจากฟีลลิ่งอันดับแรกเลยคือสายตาคือตัวระบุอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะตาม แต่นิโคล เทริโอ้เธอเล่นยังไงไม่รู้อ่ะ เหมือนกับแค่กลัวไปตามบทบาทที่เขาเขียนมาให้ ซึ้งหากวัดกับพี่มาช่าแล้วนิโคลเทียบไม่ติดเลย และฉากที่ผมขัดใจสุด ๆ คือฉากจบของตอนนี้ นิโคลเล่นได้แย่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คุณเป็นแม่นะครับ ท่องไว้ว่าแม่สูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ต้องออกมาให้ได้มากกว่านี้สิ ความเห็นผมว่านิโคลยังเล่นไม่เต็มที่เท่าไหร่
ห้องเตียงรวม
555555555555555555555555+ พอพูดถึงตอนนี้ทีไรก็ชอบไปนึกถึงเรื่องถกเถียงสมัยของจริง ๆ เถียงกับพวกสยามโซนว่าตกลงแดนเป็นเพื่อนเก้าในตอนหลาวชะโอนรึเปล่า ผมอยู่ฝั่งไม่ใช่ ...ช่างมันครับอย่าไปพูดถึงมันอีกเลย 55555+ ....บอกก่อนเลยว่าตอนดูตัวอย่างของตอนนี้ ผมคิดในใจแล้วว่าต้องเป็นตอนที่น่ากลัวที่สุดแน่ ๆ หากใครเห็นฉากที่แดนเอาเสาน้ำเกลือเขี่ยผ้าม่านเพื่อดูเตียง ๆ แล้วจะเห็นบายศรี เซ่นไหว้คนตายนั้น ในตัวอย่างตอนที่มีมือคนดึงเซ่นไหว้ไปทำผมตกใจมากกกกกกกกก เลยติดตาติดใจยังไงจะต้องเตรียมหัวใจกลับเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน ...แต่พอมาดูจริง ๆ ไอ้ที่ตกใจน่ะ ตกใจจริงครับ แต่ลองมาคิด ๆ ดูแล้วเราตกใจเสียงเอฟเฟคนี่หว่า เพราะผมมาดูแผ่นอีกทีเทียบความตกใจกลับหลาวชะโอนไม่ได้เลย เนื้อเรื่องดำเนินเรื่องอย่างไม่มีเป้าหมาย เป็นเนื้อเรื่องแค่ผู้ชายคนนึงนอนพักกับคนไข้คนนึงเตียงข้าง ๆ แต่คนไข้คนนั้นกลับตายมาได้หลายวันแล้ว กลายเป็นว่าพี่แดนของเราต้องนอนกับคนตาย ตลอดเวลาที่นอนก็เจอเรื่องแปลก ๆ เท่าที่ผมดูนะเหตุการณ์ที่แดนเจอต้องมากกว่า 2 วันแน่ ๆ ซึ่งขัดกับหลักการความเป็นจริงอยู่นะ เพราะถ้าคนกลัวผีมาก ๆ (ในเรื่องดูออกเลยว่าแดนกลัวในบทของที่แดนแสดง) ก็ควรจะออกไปตั้งแต่เจอผีครั้งแรกแล้วล่ะครับ แต่อยู่ที่บทเขายื่อไว้ให้เนื้อเรื่องมันยาวขึ้นเฉย ๆ เพื่อนฉากจบจะได้ออกมาเป็นแบบนี้ อย่างนี้ และฉากจบนะ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะกล้าเล่นแบบนี้ 555555555+ แว๊บแรกที่ดูภาพเรื่อง The Skeleton Keys ลอยมาแต่ไกลเลยครับ
นักแสดง ตอนนี้แดนเล่นเป็นหนุ่มทะเล้น ขี้เล่นชอบแซวคนอื่น ๆ ซึ่งก็ตรงตัวแดนเหมือนกัน เลยทำออกมาใช้ได้ แต่พอต้องมาเล่นเป็นคนอีกบุคลิกในฉากจบแดนทำให้ผมอึ้งมากกกกกกกกกกก เหวอไปเลยตอนแรก ๆ คนละคนกับไอพี่แดนตอนแรกมาก ถ้าไม่ใช่แดนตอนนี้อาจง่อยไปเลยครับ...
ตอนสุดท้าย "คนกอง"
เนื้อเรื่องเบาสมองได้อีก ไร้แก่นสาร ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ แต่ก็ยังรู้จักเอาเนื้อเรื่องของผีเอามาเกี่ยว แต่จริง ๆ มันก็...นะ ตอนนี้หลายคนฮานะ แต่ผมไม่ อาจจะมียิ้มมุมปากเล็ก ๆ แต่ไม่ถึงกับฉีกปาก อ้าปากหัวเราะ 555555555555+ อ่ะ บอกตามตรงแอบงีบหลับไปประมาณ 5 นาทีติ่นมาเพราะเสียงหัวเราะพวกคนในโรง ผมว่าหนังอย่างนี้ต้องไปดูในโรงฯนะ หากดูที่บ้านแล้วมันไม่เพื่อนฮาแน่ ๆ ผมคนนึงหละดูที่บ้าน ดูยังไงก็ไม่ตลกซักที แต่ต้องนับถือคนเขียนบทนะ เอาเรื่องจากคำพูดเล็ก ๆ มาเป็นฉากจบ เลยทำให้เป็นคำที่สำคัญของตอนนี้ไปเลย นั้นคือคำว่า "หักมุม"
มาเรื่องนักแสดง ทุกคนบอกได้คำเดียวว่าเป็นเซ็ตนักแสดงที่ครบครันมากกกกกกกกกก พี่มาช่าจากแต่ก่อนที่จะจำเป็นภาพผู้หญิงขึม ๆ แต่พอมาเล่นบทนี้ก็ตีบทแตกเป็นคัมมาดีได้เยี่ยม นักแสดงคนอื่น ๆ อย่างฟรอย อย่างคนอื่น ๆ ก็ดี คือใช้อารมณ์ความกลัวแต่แฝงคัมมาดี้ซึ่งนี่มันก็เป็นงานถนัดของ ผกก. หนังผีตลกไทยอยู่แล้ว
สรุปเลยนะ
ที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่สนุกเพราะ ผู้กำกับคนละคนไงครับ อีกคนกำกับตามใจฉัน อีกคนกำกับให้ตอนฉันถูกชมได้ตอนเดียว แต่ไม่เคยนึกเลยว่าเรื่องนี้ชื่อเรื่องว่า 5 แพร่งนะครับ ไม่ได้ชื่อเรื่องว่าหลาวชะโอน หรือชื่อว่าคนกอง หากเรื่องนี้เอาหลาวชะโอนแยกออกมาทำเป็นเรื่องเดี่ยว ๆ มีอยู่ 2 กระแสแน่นอน 1. มีสิทธิ์ได้รับคำชมดี แต่ 2. อาจได้รับคำด่าเพราะอย่าลืมนะครับ หนังเรื่องหนึ่งอย่างน้อยต้องชั่วโมงครึ่งถึงจะดูน่าสนใจ ซึ้งรายละเอียดในชั่วโมงกว่า ๆ ก็ต้องเพิ่มขึ้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ของ ผกก ฉะนั้นเรื่อง 5 แพร่งเป็นชื่อของหนังเรื่องหนึ่ง ผมว่าที่กำลังจะมีต่อภาค 3 เนี่ย น่าจะให้ ผกก คนเดียวกำกับไปเลยดีกว่านะ แล้วหามุขเด็ด ๆ ออกมาสร้างเป็นตอนแต่ละตอน คือหนังเรื่องนี้ความคิดมันเจ๋งตั้งแต่ 4 แพร่งแล้วล่ะครับ คือทำหนังผีออกมา 4 ตอน ซึ่งผมโคตรชอบเลย 4 แพร่ง แต่พอมา 5 แพร่งกลับผิดหวังตอนที่ 2 3 4
*อีกนิดนะครับ หนังเรื่องนี้ส่วนตัวผมคิดว่าคนคิดโปรเจ็คท์และการเรียงลำดับเรื่องดีมากเลยนะครับ เปิดด้วยเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ปิดท้ายด้วยเสียงเฮฮาความสุข แล้วมันจะให้คนดูหลายคนอิ่มใจกับเสียงเฮฮาในตอนสุด เลยทำให้หลายคนชอบเรื่อง 5 แพร่ง...
พอละ 3 เรื่องพอนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย avril_takk เมื่อ Tue Dec 21, 2010 1:44 pm, ทั้งหมด 5 ครั้ง
_________________
สโมสรฟุตบอล ที่ปลอดพวกหน้าปรุ
