˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
(กระทู้เตือนภัยพิบัติและการเตรียมการ)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
จับตา!! ปรากฎการณ์ “ซุปเปอร์มูน” เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่






วันนี้(12 มี.ค.2554) สำนักงานข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปรากฎการณ์ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดใน รอบ 19 ปี กำลังจะอุบัติขึ้นในค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าใน ค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมที่จะถึงนี้ คนบนโลกจะได้เห็นปรากฎการณ์ "ซูเปอร์มูน" หรือดวงจันทร์ดวงใหญ่ เนื่องจากเป็นค่ำคืนที่ดวงจันทร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 19 ปี

โดย คาดว่ามันจะโคจรห่างจากโลกเพียง 356,577 กิโลเมตรเท่านั้น จากปกติที่โคจรในระยะห่างเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร ประจวบเหมาะกับค่ำคืนนั้น ยังเป็นค่ำคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวงอีกด้วย ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าว จะส่ง ผลให้คนบนโลกเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าดวงจันทร์ เต็มดวงที่เคยเห็นถึง 14% และดวงจันทร์ก็จะส่องสว่างกว่าค่ำคืนดวงจันทร์เต็มดวงทั่วไปถึง 30% นอกจากนี้ มันยังส่งผลให้โลกเกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าปกติ กล่าวคือ ระยะเวลาที่น้ำขึ้นก็ขึ้นสูงมาก ขณะที่เมื่อน้ำลง น้ำก็จะลดลงมากกว่าปกติเช่นกัน

ถึงแม้ว่าปรากฎการณ์ ซูเปอร์มูน จะทำให้ค่ำคืนวันที่ 19 มีนาคมเป็นค่ำคืนที่งดงามสว่างไสวกว่าทุก ๆ คืนอย่างไร แต่ผู้คนในหลายพื้นที่ทั่วโลก กลับไม่อยากให้ค่ำคืนนั้นมาถึง ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกในระยะที่ใกล้ผิดปกติ แรงดึงดูดของมันอาจจะส่งผลให้เกิดหายนะบางอย่างขึ้นบนโลกเช่นกัน

โดย ในขณะนี้ ประเด็นเรื่องดวงจันทร์ในคืน 19 มีนาคม กำลังถูกพูดถึงกันในวงกว้าง หลังจากมีข่าวลือออกมาว่า การที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าใกล้โลกครั้งนี้ อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหว พายุพัดถล่ม สึนามิ หรือภูเขาไฟระเบิดก็เป็นได้ เหมือนกับที่มันได้เคยเกิดขึ้นค่ำคืนซูเปอร์มูนหลายครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่มีการบันทึกใน ประวัติศาสตร์ พบว่า ใน ปี ค.ศ.1955, 1974, 1991 และ 2005 ได้เคยปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนมาแล้ว และในปีดังกล่าวก็มีภัยพิบัติ และสภาพอากาศที่เลวร้ายเกิดขึ้นบนโลกในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนพอดี

จากรายงาน ภัยพิบัติระบุว่า ในปี ค.ศ.1938 พายุเฮอริเคนได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับซูเปอร์มูน, ในปี ค.ศ.1955 ได้เกิดน้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ในออสเตรเลียในช่วงซูเปอร์มูนเช่นกัน และในปี ค.ศ.1974 ซูเปอร์มูนก็เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับพายุไซโคลนเทร ซี่ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย ส่วนในปี ค.ศ.2005 ก่อนที่จะเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนเพียงไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคนไปในช่วงเวลานั้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ทำให้หลายคนเชื่อว่า มันมีความเป็นไปได้ที่การเกิดซูเปอร์มูนในสัปดาห์หน้ านี้จะมาพร้อมกับภัย พิบัติบางอย่างเช่นกัน

นอกจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความเป็นไปได้ของการเกิดภัยพิบัติในช่วงซูเปอร์มูนมีมากขึ้นไปอีก นั่นคือ เคน ริง นักโหราศาสตร์เจ้าของฉายา "มูนแมน" ที่ พยากรณ์อากาศและการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ บนโลกด้วยดวงจันทร์ ได้ออกมาเตือนว่า ในช่วงค่ำคืนซูเปอร์มูนที่จะถึงนี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวในเมืองไครซท์เชิร์ช นิวซีแลนด์ขึ้นอีกครั้ง และอาจมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย เคน ริง ได้ออกมาเปิดเผยคำทำนายดังกล่าว หลังจากที่เขาเคยโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ในวัน ที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ในไครซท์เชิร์ช ระหว่างวันที่ 15-25 กุมภาพันธ์ โดยเฉพาะวันที่ 18 ในเมืองไครซท์เชิร์ช หรืออาจคลาดเคลื่อนได้ประมาณ 3 วัน ซึ่งหลังจากเผยแพร่คำทำนายได้เพียง 1 สัปดาห์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ได้เกิดขึ้นจริงในเมืองไครซท์เ ชิร์ชตามคำทำนายของเขา โดยเกิดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ด้านนายเดวิด ฮาร์แลนด์ นักประวัติศาสตร์อวกาศได้ออกมาเปิดเผยว่า ดวง จันทร์ไม่ได้มีอิทธิพลถึงขั้นที่จะทำให้โลกเกิดภัยพิบัติได้ขนาดนั้น มันจะส่งผลกระทบเพียงแค่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าที่เคยเป็นเท่านั้น จะไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดแต่อย่างใด แต่หากเกิดภัยพิบัติใด ๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ก็คงเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดซูเปอร์มูนเท่านั้น ไม่ได้มาจากอิทธิพลของดวงจันทร์อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากันในแต่ละคืน เพราะไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นวงกลม ทำให้แต่ละเดือน จะมีช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด หรือที่เรียกว่า Perigee ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในระยะห่างประ มาณ 363,104 กิโลเมตร และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรห่างโลกมากที่สุด หรือ Apogee อยู่ที่ระยะห่างประมาณ 405,696 กิโลเมตร แต่ช่วงเวลาที่มันโคจรเข้า ใกล้โลกมากที่สุด และยังเป็นดวงจันทร์เต็มดวงด้วย จะมีให้เห็น 2-3 ปีต่อ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ในปีนี้ ดวงจันทร์จะอยู่ในจุดที่ใกล้กว่าทุก ๆ ครั้ง ในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ซูเปอร์มูนที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์ที่น่าจับตา



ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก http://www.chaoprayanews.com



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
นิวเอจทางเลือกของคนยุคใหม่?


เวลาพูดเรื่อง “นิวเอจ” หลายคนในบ้านเราทำหน้างง บางคนก็ถามว่ามันคืออะไร? แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนใหญ่สนใจ แต่ใช่ว่าจะไม่รับเอาอิทธิพลของมันมา เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกับมันหน่อยแล้วกัน


จริง ๆ “นิวเอจ” ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นักมีมานับสิบ ๆ ปีแล้ว เพียงแต่บ้านเราไม่ค่อยพูดถึงเท่านั้น แต่แม้ไม่พูดถึงอิทธิพลของนิวเอจและลัทธิความเชื่อนี้ก็แทรกแซงอยู่ในสังคม ไทยแทบทุกวงการ ไม่ว่าสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือ ภาพยนตร์ ตลอดจนวิถีปฏิบัติ ดนตรี และ ฯลฯ ยกตัวอย่างที่กำลังฮือฮาในเวลานี้ก็เห็นจะเป็นหนังสือและซีดีเรื่อง The Secret โดยรอนด้า เบิร์นหรือเล่มอื่นๆ ที่เข้ามาทำกระแสเป็นพัก ๆ เช่น The Conversation With God ในช่วงก่อนหน้านี้ และยังมีหลายๆ เล่มที่ร้านหนังสือบ้านเรายังไม่ได้ขึ้นป้ายจัดหมวดหมู่ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ กันหรือแม้แต่ภาพยนตร์ก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ตัวอย่างชัดๆ เห็นจะเป็น The Golden Compass หรือพวกดนตรีกรีนมิวสิคทั้งหลายตลอดจน การแพทย์ทางเลือก การใช้ยาแผนโบราณ ซึ่งบ่อยครั้งก็มักมีมิติด้านจิตวิญญาณบางอย่างอยู่ด้วย เช่น แนวคิดการผสมผสานกาย ใจและจิตวิญญาณ เป็นต้น ซึ่งแต่ละอย่างที่กล่าวมาล้วนมีสิ่งดีๆ มากมายทว่า นี่คือทางเลือกของคนยุคใหม่จริงหรือ ก่อนอื่นมาดูที่มาที่ไปของลัทธินิวเอจกันคร่าวๆ





ลัทธินิวเอจคืออะไร

จะว่าไปก็เป็นผลกระทบส่วนหนึ่งจากกระแสสังคมยุคโลกาภิวัตน์ก็ว่าได้ที่ วัฒนธรรมตะวันตกมาบรรจบกับตะวันออกมากยิ่งขึ้น เกิดผสมผสานขึ้นเป็นวัฒนธรรมใหม่ของคนยุคใหม่ที่เรียกว่า “นิวเอจ” ซึ่งมีรูปแบบย่อย ๆ หลากหลาย ส่วนมากค่อนไปทางจิตนิยม เน้นการปฏิบัติศาสนาในด้านพิธีกรรมของศาสนาที่อุบัติจากตะวันออก
อาจเป็นเพราะองค์ประกอบของศาสนาตะวันออกที่เราคุ้นเคยและฝังตัวผสมปนเป อยู่ในความเชื่อของคนไทยมาช้านานนี่เองที่ทำให้คนในประเทศตะวันออกอย่างเราๆ ไม่ตื่นตัว หรือรับรู้ว่าเป็นลัทธิใหม่เสียทีเดียวเพราะโดยปกติการรับเอาวัฒนธรรมตะวัน ตกเข้ามาผสมปนเปกับวัฒนธรรมของเราก็ถือเป็นธรรมชาติส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่ แล้ว แต่สำหรับประเทศที่มีพื้นฐานความเชื่อเดิมในศานาคริสต์ กระแสวัฒนธรรมและศาสนาตะวันออกถือเป็นสิ่งใหม่ และเมื่อเข้าไปมีอิทธิพลผสมผสานกับศาสตร์หรือศาสนาตะวันตก จึงถูกมองเป็นสิ่งใหม่และตื่นตัวกันมากว่า

จากบทความใน www.songtangonline.com ที่โพสท์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2007 กล่าวว่า “ขบวนการเคลื่อนไหวสู่ยุคใหม่ วัฒนธรรมใหม่หลากหลายนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกกันหลวมๆ รวมๆ ว่า POSTMODERNISM (ยุคหลังสมัยใหม่) ซึ่งนักคิดนักวิชาการด้านสังคมตะวันตกแทบทุกคนเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมระดับโลก อย่างน้อยก็จากยุคมืดบอดทางปัญญาในสมัยกลางของยุโรป (MIDDLE AGE) มาสู่ยุคฟื้นฟูและสู่ศตวรรษการรู้แจ้งของสังคมตะวันตกอันเป็นที่มาของ อารยธรรมความศิวิไลซ์ วัฒนธรรม “สมัยใหม่" ที่ยกมนุษย์ขึ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือที่ดำรงอยู่โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ เพื่อคุณภาพที่ดีของชีวิต เป้าหมายที่นำมาซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยี เพื่อแปรเปลี่ยนธรรมชาติสู่ความมีคุณภาพที่ดีกว่าของชีวิตดังกล่าว... ขบวนการนี้มีเป้าหมายหลักที่การ “โยนทิ้ง” วัฒนธรรมเก่าที่เรามี ที่เคยชินมาหลายสิบชั่วคนนับแต่ยุคฟื้นฟูและศตวรรษแห่งการรู้แจ้งที่กล่าวมา ข้างต้น นั่นคือ “โยนทิ้ง” ความเป็นสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหลัก หรือเป็นคราบที่ฝังตัวอยู่ในระบบการเมือง สังคม หรือเศรษฐกิจที่เราใช้ ๆ กันอยู่และคิดว่าถูกต้องแล้ว แต่กลับเป็นแหล่งเพาะความแตกแยกขัดแย้งที่ก่อปัญหาสารพัดดังที่รู้ ๆ กันในปัจจุบัน ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากความรู้ด้านกายภาพเพียงด้านเดียว โดยมีปรัชญาของเดส์การ์ต มีฟิสิกส์คลาสสิกของนิวตัน มีชีววิวัฒนาการของอาร์ลส์ ดาร์วิน และมีจิตวิทยาพฤติกรรศาสตร์ผิวเผินของซิกมันด์ ฟรอยด์ เป็นเครื่องมือ”
นิยาม

ลัทธินิวเอจเป็นการเคลื่อนไหวอิสระด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้เชื่อและผู้ปฏิบัติที่ต่อเติมความเชื่อใหม่ๆ เข้ากับความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมทั้งจากตะวันออกและตะวันตกซึ่งผสมผสานเข้า กับความคิดทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยเฉพาะจิตวิทยาและนิเวศวิทยาส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนาหลักๆ ในโลกนับจากลัทธิจิตวิญญาณนิยมพุทธศาสนา ศาสตร์ลึกลับว่าด้วยไสยศาสตร์ และอาคมฮินดู ศาสนาอิหร่าน เทววิทยา เต๋า เวทย์มนต์ตามพิธีกรรมต่างๆ และอื่นๆ อีกมาก จึงเป็นแนวความคิดและกิจกรรมที่ครอบคลุมกว้างมาก ซึ่งผู้เข้าร่วมในวัฒนธรรมย่อยจะเลือกเอาเองว่าอยากสนับสนุนหรือเข้าร่วมสาย ไหน และไม่มีนิยามที่เป็นทางการ แต่มีงาน วิจัยหนึ่งเสนอว่า พวกที่เอาตัวอย่างจากคำสอนทั้งหลายแหล่มาปฏิบัติทั้งจาก “ศาสนาหลัก” และธรรมเนียม “อื่นๆ” แล้วสร้างความเชื่อของตัวเองจากประสบการณ์ นั่นก็ถือเป็นพวกนิวเอจได้ พวกนี้จะไม่ทำตามระบบศาสนาที่มีอยู่เดิม

นิวเอจต่างจากศาสนาหลักๆ ส่วนใหญ่ตรงที่ไม่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ องค์กรกลาง สมาชิกภาพนักบวช ศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ หลักคำสอน หลักข้อเชื่อ ฯลฯ สำนักพิมพ์ถือเป็นองค์กรกลาง ส่วนการสัมมนาการประชุมใหญ่ หนังสือ และการรวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการเข้ามาแทนที่คำเทศนาและการประชุมทางศาสนา



ความเป็นมา

คำสอนของลัทธินิวเอจเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยเกิดจากปฏิกิริยาการต่อต้านสิ่งที่มองกันว่าเป็นความล้มเหลวของคริสเตียน และมนุษยนิยมทางโลกในการให้แนวทางจิตวิญญาณและศีลธรรมในอนาคตจึงเกิด วิถีปฏิบัติและความเชื่อรูปแบบจิตวิญญาณทางเลือก หรือศาสนาทางเลือกขึ้น ดังนั้น การใช้คำว่า “ทางเลือก” ในความคิดแบบลัทธินิวเอจโดยทั่วไปจึงส่อถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อ หลักๆ ทางศาสนาและ/หรือวิทยาศาสตร์ และความคิดนิวเอจมากมาย รวมทั้งวิถีปฏิบัติในโลกตะวันตกมักตำหนิคริสตศาสนาอย่างโจ่งแจ้งหรือไม่ก็อ้อมๆ

ราวกลางปี 1970 เกิดนิตยสารรายเดือน New Age Journal ขึ้นแล้วถูกนำไปตั้งเป็นชื่อร้านหนังสือและของที่ระลึกเล็กๆ แนวนี้อีกหลายพันแห่ง ต่อมาคำนี้ยิ่งแพร่หลายมากขึ้นเพราะสื่อมวลชนอเมริกันนำไปใช้เรียกวัฒนธรรม ย่อยด้านจิตวิญญาณทางเลือก รวม ทั้งกิจกรรมทั้งหลายของกลุ่มตั้งแต่การนั่งสมาธิ การปลุกวิญญาณผู้ตาย การกลับชาติมาเกิด ลูกแก้ว จนถึงเรื่องสุขภาพ เช่น ฝังเข็ม ดนตรีบำบัด จิตบำบัด ฯลฯ ความเชื่อในปรากฏการณ์วิปริต หรือ “เรื่องลี้ลับ” เช่น ยูเอฟโอ ความลึกลับของโลกและวัฏจักรของพืชผล หรือทำนายดวงชะตาโดยใช้ลูกตุ้ม ไพ่ทาโร่ โหราศาสตร์เป็นต้น




ราวปลายปี 1980 มีสิ่งพิมพ์ใหม่ๆ อีกมากมายปรากฏขึ้นสนองตลาดนี้ ได้แก่ Psychic Gulde Magazine (ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Body, Mind & Spirit), Yoga Journal, New Age Voice (นิตยสารดนตรีนิวเอจโดยเฉพาะ) และนิตยสารการค้า เช่น New Age Retailer, NaPRA ReView (สมาคมผู้พิมพ์และค้าปลีกแนวนิวเอจ) และ ฯลฯ

ความเชื่อ

จากความเชื่อพื้นฐานที่หลากหลายมาก นิวเอจทุกคนจึงได้รับการสนับสนุนให้ “เลือกหา” ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ตัวเองรู้สึกสบายใจที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป นี้ หรือทั้งหมดนี้


ศาสตร์แห่งเป้าหมาย

- เชื่อว่าเหตุการณ์ประจวบเหมาะมีความหมายและบทเรียนด้านจิตวิญญาณที่สอนผู้เปิดใจรับได้
- ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันหมดโดยพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่มีพลังงานแบบเดียวกัน
- มีเป้าหมายกว้างใหญ่ไพศาล และความเชื่อที่ว่าธาตุแท้ทุกอย่างร่วมมือกัน (เต็มใจหรือไม่ก็ตาม) สู่เป้าหมายนี้
- ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตและบทเรียนต้องเรียน
- ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง และความสัมพันธ์ยังถูกกำหนดให้เกิดขึ้นซ้ำๆ จนกว่าจะดี


ความรู้ด้านจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์

- การหยั่งรู้โดยสัญชาติญาณเป็นตัวชี้นำที่เหมาะสมกว่าหลักเหตุผลหรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์
- วิญญาณทั้งหลาย (นางฟ้า วิญญาณที่ล่องลอย ผีสางธรรมชาติ และ/หรือ มนุษย์ต่างดาว) มีจริงและนำเราได้ถ้าเรายอมเปิดใจ
- ทุกศาสนามีแก่นเหมือนกัน ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคำสอนและเอกลักษณ์ทางศาสนา
- รูปแบบจิตวิญญาณผู้หญิง รวมทั้งภาพลักษณ์ของพระเจ้าเพศหญิง
- มีอารยธรรมโบราณอยู่ เช่น แอทแลนติส และได้ทิ้งสิ่ง ที่ตกทอดมาและอนุสาวรีย์ต่าง ๆ เช่น ปิรามิดใหญ่และอนุสาวรีย์หิน ซึ่งธรรมชาติแท้จริงของสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกค้นพบโดยนักประวัติศาสตร์ สำคัญๆ
- ทำเลทางภูมิศาสตร์บางแห่งพลังจิตได้ เช่น สถานที่บางแห่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาทั่วโลก
- วิทยาศาสตร์ตะวันตกละทิ้งจิตวิทยาด้านประสาทรับรู้ การนั่งสมาธิและสุขภาพองค์รวมจนเกิดความเสียหาย
- วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณที่สุดแล้วก็เข้ากันได้ การค้นพบใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น วิวัฒนาการ กลไก พลังงานรังสีเมื่อเราเข้าใจถูกต้องย่อมชี้ไปสู่หลักการจิตวิญญาณ

ศักยภาพของมนุษย์

- ความคิด มนุษย์มีศักยภาพยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดและสามารถเอาชนะความเป็นจริงทางกาย ได้ มีผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณไม่กี่คนเท่านั้นที่บรรลุศักยภาพสูงสุดได้
- ทุกวันนี้เด็กๆ เกิดมาพร้อมอำนาจจิตวิญญาณที่พัฒนาสูงกว่าในยุคก่อนๆ
- ท่าที่ดีที่ได้รับการสนับสนุนด้วยคำยืนยันชมเชยจะสามารถประสบความสำเร็จในทุกสิ่งได้
- มนุษย์รับผิดชอบมีส่วนในกิจกรรมสร้างสรรค์ดีๆ ที่จะทำงานและรักษาตัวเอง คนอื่นและโลกนี้
- การนั่งสมาธิ โยคะ ไทชิ จี้กง และกิจกรรมของชาวตะวันออกช่วยให้เราบรรลุศักยภาพของตัวเองได้
- มนุษย์มีศักยภาพรักษาโรคได้ (เช่น การใช้สัมผัสบำบัด) ซึ่งสามารถพัฒนาขึ้นมารักษาคนอื่นด้วยการสัมผัส หรือแม้แต่จากระยะไกลได้
- อาหารที่รับประทานเข้าไปมีอิทธิพลต่อจิตใจ เช่นเดียวกับร่างกาย
- การอดอาหารอาจช่วยให้บรรลุภาวะจิตสูงขึ้นได้

จิปาถะ

- จิตสำนึกนั้นยังฝังแน่นดุจมีชีวิตแม้หลังจากตายแล้วแต่อยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง
- ชีวิตหลังความตายมีเพื่อนเรียนรู้เพิ่มขึ้นโดยกลับชาติมาเกิด วัฏจักรนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ คล้ายแนวคิดของฮินดู
- หินและลูกแก้วมีพลังจิตช่วยนั่งสมาธิ และรักษาโรค
- ความฝันและประสบการณ์ทางจิตมีความหมายด้านจิตวิญญาณ






ลัทธิผสมผสาน

- เป็นแบบผสมผสาน และมีรากมาจากปรากฏการณ์ที่ต่อต้านวัฒนธรรม
- มักเน้นแนวคิดที่ใกล้เคียงความจริงและมักอ้างคำกล่าวตามศาสนาฮินดูที่ว่า “มีความจริงเดียว แต่ไปได้หลายทาง”
- ไม่เพียงพยายามเน้นทางเลือกส่วนบุคคลเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังยืนกรานว่า ความจริงถูกกำหนดโดยบุคคลและประสบการณ์ของเขาหรือเธอได้ด้วย

พระเจ้าคือจักรวาล

- ทุกอย่างที่ดำรงอยู่คือพระเจ้าซึ่งนำไปสู่แนวคิดที่ว่าเราแต่ละคนเป็นพระเจ้า
- ไม่แสวงหาพระเจ้าตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ แต่แสวงหาพระเจ้าในตัวเอง และทั่วจักรวาล

กรรม

- การดีและชั่วที่เราทำจะสั่งสมขึ้นหรือถูกลบล้างออกไป เมื่อชีวิตสิ้นสุดลง เราจะได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษตามกรรมเวรของเรา โดยกลับชาติมาเกิดใหม่ที่อาจดีหรือร้าย

รัศมีไฟฟ้า
- เชื่อว่ามีสนามพลังที่แผ่รังสีออกมาจากร่างกาย คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น แต่บางคนอาจตรวจจับได้เป็นรัศมีระยิบระยับหลากสีที่ห้อมล้อมร่างกาย พวกที่เชียวชาญ ตรวจจับและตีความหมายรัศมีนี้สามารถวินิจฉัยภาวะจิตใจ ตลอดจนสุขภาพร่างกาย และจิตวิญญาณของคนได้



ศาสนาสากล

- ทุกอย่างเป็นพระเจ้า จึงมีความเป็นจริงเพียงอย่างเดียว ฉะนั้น ทุกศาสนาก็เป็นแค่เส้นทางสู่ความเป็นจริงสูงสุดนั้นเท่านั้น
- อาจมองเป็นรูปภูเขาที่มีเส้นทางจิตวิญญาณหลายสายที่นำไปสู่ยอดเขาได้ บางเส้นทางก็ยาก บางเส้นทางง่ายกว่า ไม่มีเส้นทางใดถูกต้องเพียงเส้นทางเดียว ในที่สุดทุกเส้นทางก็พาไปถึงยอดเขาเหมือนกัน
- ควาดหวังว่าศาสนาสากลใหม่นี้ซึ่งมีองค์ประกอบของทุกความเชื่อในปัจจุบันจะวิวัฒนาการขึ้นไปและได้รับการยอมรับทั่วโลก




ระเบียบโลกใหม่

- เมื่อยุคอควอเรียสเริ่มปรากฏขึ้น ลัทธินิวเอจก็จะเฟื่องฟู เป็นสังคมสมบูรณ์แบบที่มีรัฐบาลโลก
- เป็นจุดจบของสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ ความหิวโหยมลพิษ และความยากจน เพศชายหญิง เชื้อชาติศาสนาและการเลือกที่รักมักที่ชังทุกอย่างจะหมดสิ้น
- ความจงรักภักดีของผู้คนต่อเผ่าพันธุ์ หรือประเทศขอตนจะถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วง และความสนใจในโลกและประชากรโลกทั้งหมด




มีคนมากมายที่นับถือศาสนาต่าง ๆ แต่ก็ได้ผนวกเอาความเชื่อหลายอย่างของลัทธินิวเอจเข้าไว้ในความเชื่อเดิม ด้วย ดร.คาร์ล แรชเค ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาศานาแห่งมหาวิทยาลัยเดนเวอร์อธิบายว่า "ลัทธินิวเอจเป็นเหมือนเอดส์ฝ่ายวิญญาณซึ่งทำลายความสามารถที่คนจะรับมือและทำหน้าที่อย่างถูกต้อง” และยังอธิบายต่อว่า “โดยเนื้อแท้แล้ว มันคือการตลาดของลัทธิเทียมเท็จที่มาในคราบการเมือง"

นิวเอจเป็นอีกความพยายามของมนุษย์ที่แสวงหาชีวิตที่ดีกว่า และความหมายแท้จริงของชีวิตด้วยกำลังของตัวเอง และเป็นความพยายามพิสูจน์ว่ามนุษย์ทำได้โดยไม่ต้องมีพระเจ้า มนุษย์สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ และจนถึงอาจควบคุมทุกสิ่งได้ แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่มนุษย์ทำได้จริง
แท้จริงลึก ๆ ในใจมนุษย์ทุกคนก็รู้ว่า มีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกุมชะตาชีวิตเราอยู่ (แม้จะไม่ยอมรับก็ตาม) แต่เพราะความพยายามจะปลดแอก และบังเหียนนี้จากชีวิตมนุษย์จึงเสาะหาวิธีประกาศอิสรภาพจากสิ่งนี้ โดยเอาสิ่งดีๆ จากศาสนาหลักๆ มาผสมผสานปนเปเพื่อชี้คนออกจากศาสนาหลักๆ ไปที่ตัวเอง และบอกว่าเราทำได้โดยไม่ต้องมีพระเจ้า หรือนี่อาจเป็นความปรารถนาลึกๆ ในใจมนุษย์ที่อยากเป็นพระเจ้าเสียเอง


แหล่งอ้างถึงข้อมูล
(2008). BRIDGE ปีที่ 3 เล่มที่ 11. กรุงเทพฯ
NEW AGE SPIRITUALITY,
www.songtangonline.com


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused Confused


_________________

น้องยูค ผู้หน้ารัก
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิท! ยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วัน ๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริง ๆ



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
NaZa จะองกรของใครอีกละค่ะ ถ้าไม่ใช้อิลลูมินาติ กรั่กๆ


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like like


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
สรุปโลกจะแตกแมะ? จะได้เอาหมุดลงบอกตรงๆอายเค้าค่ะ


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ผู้รู้ IT AGAIN พิมพ์ว่า:
สรุปโลกจะแตกแมะ? จะได้เอาหมุดลงบอกตรงๆอายเค้าค่ะ
Laughing


_________________
Kawaii Pong
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 5 จาก 7
ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com