˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
~ 1960's ยุคที่วงการดนตรีได้เปลี่ยนแปลงไป ตลอดกาล ~
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ ~ 1960's ยุคที่วงการดนตรีได้เปลี่ยนแปลงไป ตลอดกาล ~ 




~ Forward to you [14] 1960's ยุคที่วงการดนตรีได้เปลี่ยนแปลงไป ตลอดกาล ~


สถานการณ์จำลอง






หอกศรี : เย้ๆๆ ปิดเทอมแล้ว

หรี่ลดา: นี่หร่อน จะดีใจไปทำไม วัยเกินกว่าจะเรียนแล้วนะยะ (เบ้ปาก)

หอกศรี : แหมก็นิดนึง นี่ติ๊ พอดีฉันอยากรู้เรื่งราวของดนตรีเพิ่มเติมน่ะ แนวเพลงรู้แล้ว พวกสังกัดค่ายเพลงก็พอรู้ แต่สิ่งนึงที่สงสัยก็มีอีกเยอะ อย่างช่วงที่เราเกิดไม่ทัน มีเพลงฮิตมากมายที่ยังคงเปิดมาถึงทุกวันนี้ เธอไม่สงสัยบ้างหรอหรี่ ว่ายุคนั้นสมัยนั้น มันมีอะไรดี และเป็นมาอย่างไร

หรี่ลดา: ไม่รู้ ไม่สงสัย อะไรทั้งนั้น แล้วนี่หร่อนจะสงสัยไปทำไมมากมาย ฟังๆไปเถอะ รู้มากแค่ไหนเดี๋ยวพอเพลงออกมาก็ พ็อพตลาดๆ เหมื้อนเดิม (เสียงสูง)

หอกศรี : เออออ (- - '' )

หรี่ลดา: โอ๋ๆๆๆ ชั้นล้อเล่น อืมก็พอมีทางที่จะช่วยหร่อนได้นะ พอดีชั้นมีคนรู้จักอยู่คนนึงน่ะ เขาน่าจะเล่าเรื่องราวให้หร่อนฟังได้ แต่ชั้นไม่รู้ว่าป้าแกจะว่าหรือเปล่านะ แล้วชั้นก็ลืมเบอร์ป้าแกไปแล้วด้วย

หอกศรี : หรี่ เธอก็ลอง Twitter หรือไม่ก็เมนต์ Facebook ไปถามสิ เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง

หรี่ลดา: ว่าแต่ Twitter, Facebook คืออะไรหรา??

หอกศรี : แอร๊ยยย *0* โอเอมจี!!! อีติ๊ อีโลว์เทค อีห่า ว่าแต่มึงเปิด Computer เป็นยังเนี่ย กรี๊ดดๆๆ

หรี่ลดา: แหมๆ เมิงก็พูดเกินไป ว่าแต่ Computer คืออะไร

หอกศรี : (หงายหลัง ตกเก้าอี้ ขาชี้ฟ้า)







วันต่อมา ณ บาร์แห่งหนึ่ง





หรี่ลดา: นี่แหละบ้านของป้าคนที่ชั้นเคยบอกไว้ ไม่รู้แกอยุ่หรือเปล่านะ (กดกริ่ง กริ๊งๆๆๆ)

หอกศรี : ว้าวบ้านเหมือนบาร์เลยอ่ะ

หรี่ลดา: ก็ใช่น่ะสิ นี่คือบาร์ที่ชั้นเคยมาโชว์ แต่ชั้นขึ้นโชว์สายประจำ พวกนักเที่ยวเลยเรียกกว่า บาร์เลท

หอกศรี : หึ หึ (ฮากริบ)






ป้าแชร์: (เปิดประตู) อ้าวววววว อะไรยังไง ที่ไหน เมื่อไร แล้วนี่ใครคะเนี่ยยย

หรี่ลดา: หรี่เองค่ะป้า จำได้บ่

ป้าแชร์: อย่างบอกนะว่านี่คือ หรี่ลดาพาเพลิน อดีตดาวค้างฟ้าที่บาร์เลท แห่งนี้ ..โอ้วว์เธอดูตันขึ้นเยอะเลยนะ

หรี่ลดา: พอค่ะ !! คือวันนี้หรี่พาเพื่อนมาคนนึง ชื่อหอกศรี พอดีมานอยากจะรู้เรื่องราวดนตรีอะไรเทือกนี้อ่ะค่ะป้า หนูก็เลยนึกถึงป้า เห็นว่าแก่ อุ้ย! หมายถึงแก่ประสบการณ์นะคะ ป้าก็ช่วยๆเล่าหน่อยละกัน









ป้าแชร์: ...เอาล่ะ เข้ามาในบ้านก่อน มา ตามป้ามา

อื้ม ป้าคิดว่า เราควรจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของดนตรี กันก่อนดีกว่านะจ๊ะ ป้าขอเริ่มที่ ปี 60's ก่อนเลยละกัน เพราะเหตุการณ์ต่างๆมันยังเป็นที่จดจำสำหรับป้ามาจนถึงทุกวันนี้ (แหงนหน้ามองฟ้า ตาเป็นประกาย)




หอกศรี : แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างหรอคะ ช่วงปีนี้


ป้าแชร์: หลายอย่างเลย นอกจากจุดเปลี่ยนทางดนตรี ก็ยังเป็นปีที่มนุษย์เราสามารถขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก, เป็นปีที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุด ที่ชิลี ความรุนแรงถึง 9.5 ริกเตอร์, ปีแห่งสงครามเวียดนาม และอื่นๆอีกมากมาย







ป้าแชร์: เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะ ในปี 1965 เป็นช่วงที่เรียกว่า Swinging London จุดโฟกัสวัฒนธรรมใหม่อยู่ที่อักกฤษ ผู้ชายใส่ชุดสูทเข้ารูป ส่วนผู้หญิงก็ส่วมมินิสะเกิร์ตทรงผมตีโป่งเหมือนรังผึ้ง เดินเท้ากันออกมาช้อปกระจาย จนเป็นกิจวัตรประจำวัน ของพวก Beautiful People ที่เป็นจุดระเบิดของยุคที่เรียกว่า Sixty นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลกครั้งยิ่งใหญ่ วิถีชีวิตใหม่ของหนุ่มสาวทั่วโลก







หอกศรี : แล้วเขาเอาเงินจากไหนมาซื้อของกันทั้งวี่ทั้งวันล่ะคะป้า


ป้าแชร์: สมัยนั้นเป็นช่วงยุคหลังสงคราม อังกฤษนั้นก็ได้รับค่าตอบแทนจากสงครามรวมถึงเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู เป็นยุคของการเกิดใหม่ในทุกๆด้าน







หรี่ลดา: หรี่อยากเกิดในยุคนั้นจังเลยค่ะป้า จะได้ทาปากแดง แต่งตัวสวยๆทุกวันเลย ^^ (ส่งกระจกพับ หยิบอุทัยทิพที่พกมาทาปาก)






ป้าแชร์: ถึงแม้ตอนนั้นอะไรมันจะดีไปหมด แต่สำหรับการเหยียดสีผิวก็ยัคงมีอยู่มาก ในยุคนั้นสมัยนั้น คนดำก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ อย่างการที่มีคำดำสักคนเป็นแชมป์มวยหรือทำอะไรที่เด่นๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่ายกย่องและเกิดความภูมิใจ นักมวยก็อายุไม่เท่าไหร่ นักร้องอย่าง The Beatles ก็กำลังวัยรุ่น ทำให้คนหนุ่มสาวสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องมองหาฮีโร่ในตัวผู้ใหญ่อีกต่อไป ความเป็นอิสระในตัวเองจึงมีมาก


หอกศรี : แสดงว่าทั้งทางสังคมและการพัฒนาทางด้านคนตรี อังกฤษก็ไม่ได้เป็นรองอเมริกาเลยใช่มั้ยคะในตอนนั้น







ป้าแชร์: ใช่จ๊ะ และในปี 1965 นี้เอง ที่ดนตรีของอังกฤษ เริ่มหลีกหนีอิทธิพลจากดนตรีอเมริกา วงเด่นอย่าง The Beatles ที่ตอนแรกๆได้ Cover เพลงของศิลปิน Blues จากอเมริกา พอมาถึงตอนนี้ก็เริ่มสำรวจ และทำเพลงในแนวดนตรีใหม่ๆ จากเพลงรักง่ายๆมาเป็นเพลงรักสลับซับซอนน่าค้นหา แต่ก็ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bob Dylan ในขณะเดียวกัน Paul McCarty ก็ได้ทำเพลงที่ถือว่าเป็น Pop อมตะตลอดกาลอย่าง Yesterday


หรี่ลดา: กรี้ดๆๆ เพลงนี้หนูรู้จักค่ะ เป็นเพลงที่ดีมาก และถ้าในปัจจุบันถ้าพูดถึงเพลงที่ดีๆ หนูก็คงยกให้กับ เพลง Beautiful นะคะนะค้าาา


หอกศรี : แหมไม่ค่อยเลยนะเมิง ...แล้ว The Beatles นี่ดังสุดเลยหรอคะ


ป้าแชร์: ก็อาจจะใช่นะ แต่มองไปทางคู่แข่งที่สำคัญของ The Beatles ในสมัยนั้นก็มี The Rolling Stones ที่ตีคู่กันมาอย่างสูสี ในด้านของความดัง และในส่วนของ The Rolling Stones นั้นก็ได้แต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จมากอย่าง (I Can't Get No) Satisfaction ที่สร้างความฮือฮาด้วยรีฟกีต้าร์เสียงแปลกๆ คล้ายตู้แอมป์แตก อันมาจากเทตนิคที่เรียกว่า Fuzz Box








ปี 1965 นี้เองในอังกฤษ ก็มีวงดนตรีเกิดใหม่ราวกับดอกเห็น และทีเห็นจะมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากหน่อยก็ The Animals ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยเพลง We'vs Gotta Get Out of This Place (ที่ต่อมาเป็นเพลงประจำสถาบันของนักศึกษามหาวิยาลัยอเมริกัน สำหรับร้องตอนเซ็งสุดๆ) นักกีต้าร์ดาวรุ่งของปี Eric Clapton ก็แจ้งเกิดในยุคนี้นะ

Eric ได้อัดเพลง I'm Your Witchdoctor กับ John Mayall และได้สร้างเสียงใหม่จากแอมป์ยี่ห้อ Marshall อันเป็นการวางรากฐานให้กับศิลปิน Rock รุ่นหลังที่ตามมา เช่น Jimi Hendrix และ Led Zeppelin







(รายชื่อศิลปินในยุคนี้ คลิ๊กเพื่อขยาย)




หรี่ลดา: เสียดายนะคะที่มือกีต้าร์ระดับเทพอย่าง Jimi Hendrix ต้องมาเสียไปก่อนวัยอันควร


ป้าแชร์: หรี่ หนูรู้จัก Jimi Hendrix ด้วยหรอ


หอกศรี : หอกก็รู้ค่ะ เพราะเคยอ่านจากกระทู้นี้ สงคราม ผู้คน บุปผาชน และดนตรี


ป้าแชร์: ใช่จ่ะ สิ่งที่ถือเป็นปรากฏการณ์อีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยคือ เทศกาลดนตรี Woodstock ส่วนเนื้อหาก็ตามกระทู้นั้นเลยจ้า









หรี่ลดา: ทางฝั่งอังกฤษกำลังบูมขนาดนี้ แล้วตอนนั้นฝั่งอเมริกาเป็นยังไงบ้างคะป้า


ป้าแชร์: ปี 1965 เป็นปีที่นักดนตรี นักร้องเริ่มตระหนักถึงอิทธิพล เงินและความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้ ถ้าหากออกมาถูกที่ถูกทางก็รวยเละ เพราะฉะนั้นจึงมีวงดนตรีและนัหร้องเกิดใหม่ทุกวัน


ขณะที่ทางอังกฤษกำลังเล่นสนุกฝุ่นตลบอยู่นั้น ทางฝั่งอเมริกาก็สู้กลับด้วยวิธีการทุกรูปแบบ ทั้งการสร้างวงที่ออกเพลงดังเพลงเดียวแล้วก็หายไป อย่างเพลง Wooly Bully ของ Sham and The Pharoahs ที่ฮิตระเบิดไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในไทย อีกเพลงก็ Hang On Sloop ของ The Mccous หนุ่มๆไทยนิยมเล่นมาก เพราะใช้แค่ 3 คอร์ด แต่ก็มีบางวงที่ไม่ได้ออกเพลงฮิตแล้วหายไปเลย อย่าง The Byrds ผู้สร้างความฮืฮา ด้วยการใช้เทคนิคกีต้าร์ 12 สายในเพลง Mr.Tambourine Man และก่อกำเนิดแนวดนตรี Folk Rock








หอกศรี : โห มีแต่วงผู้ชาย แล้วไม่มีวงผู้หญิงบ้างเลยหรอคะ


ป้าแชร์: แหม ป้าก็เพลินไปหน่อย ทำไงได้ก็ผู้ชายสมัยนั้นน่ากินทั้งนั้น (เลียริมฝีปาก) อะๆเข้าเรื่อง ที่หนูถามว่ามีวงผู้หญิงมั้ย คำตอบคือ มี แต่กระแสอาจจะสู้ผู้ชายไม่ได้ แต่ใช่ว่าจะไม่เด่นไม่ดังนะ ขอยกตัวอย่าง หนูเคยดูเรื่อง Dreamgirls ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 มั้ย









หรี่ลดา: หนูเคยค่ะ แล้วมันเกี่ยวกันยังไงล่ะป้า


ป้าแชร์: Dreamgirls นี้ มีสมมติฐานมาจากเรื่องจริงที่บังเกิดขึ้นในวงการเพลงในยุค 60 ซึ่งมีวงสามสาวตัวดำนามว่า The Supremes ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคการเติบโตของบริษัทแผ่นเสียงของคนดำนาม Motown ซึ่งก่อกำเนิดนักร้องผิวดำในแนว Soul, R&B, Funky และ Pop อยู่มากมาย ใน Dreamgirls ก็ได้จำลองสถานการณ์ในช่วงนั้นมาให้เห็นถึงความพยายามของวงการดนตรีผิวดำที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคสารพันกว่าจะมาอยู่แถวหน้าของวงการบันเทิงคนผิวขาวได้


The Supremes มีเพลงฮิตขึ้นอันดับ 1 บน Billboard ถึง 12 เพลง ไม่น้อยเลยใช่มั้ยละสำหรับศิลปินกลุ่มหญิงผิวดำ นอกจากนี้ก็ยังมี The Marvelettes ที่ก็ถือได้ว่าเป็นวงรุ่นบุกเบิกของค่าย Motown Records








หรี่ลดา: ใช่ๆ หนูดูในหนังนะ เห็นพวกนักร้องสมัยนั้นจะออกแสดงสดทุกคืนเลย ใส่ชุดสวยๆ มีท่าเต้นน่ารักๆ แสงสีสาดส่อง อู้ยยย ชอบ


ป้าแชร์: ใช่เลย เพราะช่วงปี 1960's มีความสำคัญอย่างหนึ่งคือ เป็นปีที่ศิลปินเริ่มพยายามเปลี่ยนจุดขาย จากการออกแสดงสดมาเป็นการออกแผ่นเสียง ก่อนหน้านี้ธุรกิจดนตรีเป็นเรื่งของการออกโชว์ แต่หลังจากปี 1965 วงการดนตรีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง








วัยรุ่นถือเป็น ยุคทอง ในชีวิตของเราแต่ละคน เพราะฉะนั้น ผู้ที่อยู่ในวัยรุ่นสมัย Sixty จึงถือว่าโชคดีที่ได้เป็นประจักษ์พยานการปฏิวัติ และการเปลี่ยนแปลงของโลก จากยุคเก่าหลังสงครามเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นล้วนได้มาจากการต่อสู้ และหลายครั้งที่ดนตรีถูกจับมาเป็นอาวุธและปฏิวัติได้สำเร็จ







หรี่ลดา: ขอบคุณค่ะป้า สำหรับข้อมูลดนตรีให้กับหนูและเพื่อน

หอกศรี : เช่นกันค่ะ ...หาวววว (เอามือป้องปาก)


ป้าแชร์: คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าถ้าป้าว่างๆ จะมาเล่าให้พวกหนูฟังดนตรีในยุคอื่นๆอีก ส่วนคืนนี้นอนเถอะ สาวๆ เดี๋ยวป้าจะนับแกะให้ฟัง ...ลูกแกะตัวที่ 1 ลูกแกะตัวที่ 2 ลูกแกะตัวที่ 3





หรี่ลดา: แอร๊ยย ป้าคะ ไม่ต้องนับหรอก หนูกลัวแม่มัน

หอกศรี : หรี่เมิงอย่าทักสิ เดี๋ยวก็โผล่มาหรอก บรึ๋ย (คลุมโปง) z Z Z



.... หลังจากสองสาวหลับไป ป้าแชร์ก็เอารูปสมัยวัยสาวมารำลึกถึงความหลัง

อย่างน้อยครั้งนึงป้าก็เคย รวย และสวยเวอร์ (เอารูปขึ้นมาดู ทาบอกหลับตาปริ้มมม ยิ้มมุมปาก)





ข้อมูลอ้างอิง : My Generation โดย คุณอัมพร จักกะพาก / Swinging City / 1960's Music wiki



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
สรุปคือพิธีกรของพี่ฟ้า คืออีติ๊อีหอก

อันนี้ไม่รู้ใช่หรือเปล่านะ
ตอนนั้นอิทธิพลยุค Sixty มีอิทธิพลในไทยมากกก ด้วยนะ ยุคลุงแอ๊ด สมบัติไรเงี้ย ช่วงนั้นไทยเดินตามตะวันตก ไม่ต่างกับสมัยนี้ที่เดิมตามเกาหลีเลย ที่ผู้ชายไว้จอนใส่นำมันบนผมวาววับ ผู้หญิงก็ดัดผม มีปอยผมงอนๆ ติดต่างหูดอกไม้ ไรเงี้ย

ถูกยุคไหมเนี่ยพี่ฟ้า แอร๊ยยย



แก้ไขล่าสุดโดย Bitchy เมื่อ Tue Oct 04, 2011 8:54 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง

_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like like like like like like like like like

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อยากให้ยุคนี้เค้ากลับมานิยมเดินสายโชว์ืสดๆตามร้านตามเวทีอะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เนื้อหาเยอะแทบอ่านไม่หมดค่ะ .


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
บริทเริ่ดมากค่ะ สมฉายา

GODNEY LEGENDARY SPEARS


like like like like like like


_________________
CLICK

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Bitchy พิมพ์ว่า:
สรุปคือพิธีกรของพี่ฟ้า คืออีติ๊อีหอก

อันนี้ไม่รู้ใช่หรือเปล่านะ
ตอนนั้นอิทธิพลยุค Sixty มีอิทธิพลในไทยมากกก ด้วยนะ ยุคลุงแอ๊ด สมบัติไรเงี้ย ช่วงนั้นไทยเดินตามตะวันตก ไม่ต่างกับสมัยนี้ที่เดิมตามเกาหลีเลย ที่ผู้ชายไว้จอนใส่นำมันบนผมวาววับ ผู้หญิงก็ดัดผม มีปอยผมงอนๆ ติดต่างหูดอกไม้ ไรเงี้ย

ถูกยุคไหมเนี่ยพี่ฟ้า แอร๊ยยย



ใช่จ้า ในไทยนี่จะนิยมทางฝั่งตะวันตกมากๆๆ ถ้าจำไม่ผิดเขาจะเรียกกันว่า ยุคจิ๊กโก๋หลังวัง อะไรเทือกนี้ แต่งตัวสีจัดจ้าน ผมต้องเงา หวีเรียบ เกงฟิต ผู้หญิงนี่เอมี่่ก็เอมี่เถอะ เขียนตากรีดกันจนเลือกจะออก ยุคนั้นถ้าพูดถึงทางสังคมการใช้ชีวิต การแต่งตัวนี่เก๋แบบมีสไตล์มากนะพี่ว่า อ้อ สเปรย์ฉีดผม นี่ก็เป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้เลย สาวๆหนุ่มๆฉีดกันสนุกสนาน



HalO_Of_AngelS พิมพ์ว่า:
อยากให้ยุคนี้เค้ากลับมานิยมเดินสายโชว์ืสดๆตามร้านตามเวทีอะ



เดี๋ยวนี้รายได้ของนักร้องส่วนใหญ่ก็มาจากการทัวร์เนอะ แต่อยากให้เป็นแบบเมื่อก่อนที่ไปร้องตามร้านอาหารอะไรแบบนี้จริงๆ แต่คงยากเพราะเดี๋ยวนี้สังคมมันใหญ่ขึ้นมาก


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


อ่าเมื่อกี้ไปหาข้อมูลดู ใช่ยุคที่เรียกว่า โก๋หลังวังจริงๆด้วย หาจาก Google มา

ขอเอาข้อมูลมาลงเลยเนอะ


"โก๋หลังวัง"

หมายถึงคนรุ่นที่เกิดประมาณปี พ.ศ. 2500 และหรือ หมายถึงเกิดมาทันใช้ชีวิตวัยรุ่นหรือเห็นสังคมในช่วงนั้น ซึ่งน่าจะประมาณ ค.ศ. 1957 หรือที่เรียกกันว่ายุค "ซิกตี้" (60th)

ในสมัยนั้น -วังบูรพา- คือแหล่งรวมวัยรุ่นชาย-หญิง ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพและพร้อมพรั่งำปด้วยห้างสรรพสินค้า,ห้องอาหาร,ร้านไอศครีม และโรงภาพยนตร์ ตลอดจนตู้เพลง ซึ่งยังเป็นของใหม่และทันสมัย ประเทศไทยเริ่มได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมต่างประเทศอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอเมริกัน ราชาร็อคแอนด์โรล์อย่าง "เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley)" และดาราชื่อก้องอย่าง "เจมส์ ดีน์" (James Dean)" ล้วนเป็นแม่แบบของวัยรุ่นทั่วโลก และวัยรุ่นไทย ทั้งเสื้อผ้า,การแต่งกาย และทรงผม








คำว่า "โก๋" ในที่นี้เขาหมายถึงหนุ่มๆวัยรุ่นที่ทุกวันนี้เรียกว่า -วัยจ๊าบ- หรือ -ขาโจ๋- ถ้าเป็นผู้หญิงเขาเรียกว่า "กี๋" ส่วนที่เป็น "โก๋หลังวัง" ก็เพราะเป็นแหล่งชุมนุมของหนุ่มสำอางในยุคนั้น นิยมกรีดกรายกันอยู่แถววังบูรพาภิรมย์ ซึ่งในยุคนั้นมีโรงภาพยนตร์ชั้นนำอยู่ 3 โรงคือ คิงส์,ควีนส์ และ แกรนด์


เนื่องจากแหล่งบันเทิงในสมัยก่อนมีไม่มากอย่างสมัยนี้ ดังนั้นหนุ่มสาวทั้งหลายจึงต้องไปพบกันตามหน้าโรงภาพยนตร์ดังๆ เพราะร้านหนังสือ,ร้านแผ่นเสียง,ร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะเป็นกระจุกอยู่บริเวณโรงภาพยนตร์เช่นกัน




_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ยุคซิคตี้แสนโด่งดังงงงงง
แต่เกิดไม่ทัน555
The Beatles กับ The Rolling Stone เป็นอะไรที่เป็นตำนานมาก
like like


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ถ้าอยากรู้ดรื่อง Sixty แบบโดยรวม เราขอแนะนำหนังเรื่อง Hairspray นะ เป็นกึงๆภาพยนตร์เพลง หลายคนคงได้ดูแล้วล่ะ




_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 3
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com