
กลับไปเปิดรีวิวเก่าๆตัวเองอ่านแล้วฮาแล้ว นอกจากความรู้เรื่องเพลงจะน้อยนิดแล้ว ยังวิจารณ์อะไรไปเรื่อยเปื่อยจนอยากลบทิ้งให้หมด เกริ่นมาขนาดนี้ ก็ต้องเป็นงาน Rewrite อีกละสิ่ ถูกแล้วละค่ะ อิอิ แต่อย่าพึ่งด่านะค่ะมาเอาแต่รีวิวเก่ามาหากิน เพราะทั้งสำนวน ความรู้เรื่องเพลง และบลาๆๆ ตอนนั้นมันง่อยจริงๆ โดยการเขียนครั้งนี้จะสดใหม่ไฉไลกว่าเดิมแน่นอนค่ะ
แล้วใครคือเป้าหมายที่ถูกเลือกคราวนี้ล่ะ? (พูดอย่างกับหนังฆาตกรรม) รีได้เลือก Kylie Minogue กับ Fever อัลบั้มที่ดังที่สุดในชีวิตน้าไข่มาเขียนอีกครั้ง ถ้าถามว่าถูกใจอะไรในงานชิ้นนี้ คงเป็นเรื่องของความเป็น Fashionista ที่คลิ๊กกับ Lifestyle ของรีก็เป็นไปได้ อีกทั้งความหอมหวนของแนวดนตรี Futuristic แห่งยุคมิลเลนเนียม ที่ได้ฟังกี่ทีก็อดเปรี้ยวปาก ชวนให้น่าลิ้มลองทุกๆครั้ง แม้ตัวรีจะรู้จักผลงานน้าอย่างจริงๆจังๆก็ช่วง Light Year ไปแล้ว แต่แค่นั้นก็บอกอะไรต่ออะไรได้หลายครั้ง ไม่ว่าความเป็นเจ้าแม่เพลงแดนซ์ฮอล ที่ไม่ว่าอีเคชช่าวอนนาบีอยากเป็นซักกี่ชาติก็เทียบชั้นไม่ได้ หรือ หนึ่งในศิลปินที่มีศักดิ์และความสามมารถของเนื้องานดนตรีอันโดดเด่น ไม่แพ้ศิลปินหญิงแถวหน้าคนไหนๆบนโลกนี้ทั้งสิ้น
Fever : 96%
เกริ่นเข้าสู่อัลบั้ม Fever รีขออ้างอิงความเห็นจากพี่วิคและนาโอดีกว่าค่ะ เพราะอาจจะได้ข้อมูลที่ลึกและเป็นข้อเท็จจริง รวมทั้งมุมมองของแฟนคลับและผู้ติดตามน้าไข่มานาน (ขี้เกียจเขียนเองก็บอกไป อิอิ) ซึ่งเขียนได้ดีกว่ารีเขียนเองแน่นอน
VJ พิมพ์ว่า:
คือหลังจากช่วงปลายยุค 90 อัลบั้มของไคลี่อย่าง Kylie Monogue ที่ย้ายค่ายมาอยู่สังกัดเพลงเต้นรำชั้นแนวหน้าอย่างดีคอนสตรัคชั่น หรือ Impossible Princess ชุดต่อมา (โดยเฉพาะอัลบั้มหลัง) ไม่ถือว่าประสบความเร็จในระดับที่น่าพอใจนัก เมื่อเทียบกับว่าเธอเป็นศิลปินเพลงชั้นแนวหน้าในยุค 80s มาโดยตลอด แม้จะมีเพลงฮิตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สร้างปรากฎการณ์อะไร (เมื่อคำนึงถึงความคาดหวังของค่ายเพลงที่เซ็นสัญญากับศิลปินระดับแม่เหล็กอย่างไคลี่) จนเข้าสู่ยุคมิลเลนเนี่ยม ไคลี่ย้ายมาสังกัดพาร์โลโฟน การรวมทีมกับนักแต่งเพลงระดับฝีมือและจังหวะในการปล่อยอัลบั้มและซาวน์ที่ลงตัว กล่าวคือนำดิสโก้ที่เป็นรากของเธอมาผสมกับซาวนด์อิเลคโทรนิกในแบบที่เคยทำกับดีคอนสตรัคชั่น ทำให้เธอกลับมามีเพลงฮิตอีกครั้งในวงกว้าง ทว่า ความสมบูรณ์แบบในงานชุดนี้มันยังไม่ลงตัวเนื่องจากตัวไคลี่เองยังสนใจในซาวนด์ "ที่เธอไม่ถนัด" ซึ่งก็เป็นเพราะรอยต่อระหว่างยุคของเพลงเต้นรำกับเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟที่เน้นการเล่นดนตรีมากกว่าการใช้ซินธิไซเซอร์
ทว่า เมื่อมาถึงอัลบั้มฟีเวอร์ ความลงตัวของงานชุดนี้ถือได้ว่าหมดจด เพราะในขณะที่อัลบั้ม Light Year มีซาวนด์เต้นรำชั้นดี แต่ก็ยังมีกลิ่นของอัลเทอร์เนทีฟเจือปน ซึ่งแนวเพลงทั้งสองนั้นไม่สอดรับกันอย่างลื่นไหล ต่งจาก Fever ที่ใช้ทีมผลิตงานเป็นศิลปิน,นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่ทำแต่เพลงเต้นรำทั้งหมด จึงไม่แปลกที่งานชุดนี้จะฟังลื่นไหลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะไม่เพียงแต่เพลงที่เรียบเรียงได้อย่างประณีตในทุกเมโลดี้ แต่การลำดับเพลงในงานชุดนี้จะไม่ทำให้คนฟังต้องกดข้ามแทร็คอย่างแน่นอน เพราะมันสอดรับประสานกันอย่างหมดจดจริงๆ
ความสำเร็จจาก Light Year ถูกตอกย้ำด้วยเพลงเอกอย่าง Cant Get You out Of My Head ที่เรียกได้ว่าเป็น I Should Be So Lucky ในยุคมิลเลนเนี่ยมของเธอ เพลงนี้ฮิตทั่วโลกและทำให้ไคลี่กลับมาคืนบัลลังก์ Dance Act ได้อีกครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี เรียกว่าเปิดศักราชใหม่ได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 90
ความลงตัวในงานชุดนี้ทำให้ไม่เพียงแต่อัลบั้ม Fever เป็นอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลฮิตกระหึ่ม แต่ยังทำให้กลายเป็นอัลบั้มที่ขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลกมากที่สุดโดยเฉพาะทั้งในอเมริกาและอังกฤษที่ตั้งแต่เข้ายุค 90 มา เธอไม่เคยมีผลงานฮิตขนาดนี้เลย จึงนับได้ว่างานชุดนี้เป็นการคัมแบ็คของศิลปินเพลงเต้นรำอันดับหนึ่งของโลกที่ยืนหยัดอยู่ในวงการมากว่า 20 ปีอย่างเต็มภาคภูมินั่นเอง
นาโอ พิมพ์ว่า:
อย่างที่พี่วิคบอกไปแล้วว่า ความเก๋เริ่ดที่แท้จริงของอัลบั้มนี้ คือความเป็นเอกภาพที่ชัดเจนของอัลบั้ม ที่ต้องการนำเสนอเพลงแดนซ์ร่วมสมัยในหลายๆรูปแบบ บนเอกภาพของเพลงแดนซ์ชั้นเริ่ด ไม่ว่าจะเป็น เฮาส์ ฟังค์ อิเลคโทร ซิงโคร และดนตรีอัพบีทอีกหลายๆ รูปแบบ ขยำรวม แล้วจัดวาง ในส่วนผสมต่างๆ อย่างลงตัว ในรูปแบบของอัลบั้ม แน่นอนว่า แข็งชนิดที่ฟังได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องกดข้ามแทรค หรือ จะ Shuffle ฟังทั้งอัลบั้ม ก็ไม่สะดุดเลย เพราะเพลงมันยืนอยู่บนเอกภาพมุมกว้างแต่ชัดเจนมาก
หมัดเด็ดที่ทำให้อัลบั้มนี้พีคสุดๆ คือการเปิดตัวของ Cant Get You out Of My Head ที่เป็นซิงเกิ้ลแรกที่แข็งชนิดเป็นงานมาสเตอร์พีชของไคลี่ แบบที่ไคลี่เองยังไม่กล้าแตะอีกรอบเลย ด้วยความที่เพลงนี้โดดเด่น และนำสมัย เรียกกระแสเพลงเต้นรำให้กลับมามีบทบาทอีกครั้งได้อย่างชัดเจน ด้วยรูปแบบเพลงอิเลคโทรแดนซ์แบบยุโรป ที่ออกมาแก้ขัดความเลี่ยนของ R&B ฮิพฮอพที่ออกมาเยอะจนน่าเบื่อ.. เมื่อคนยังใฝ่หาความสนุก นี่จึงเป็นสิ่งที่แก้เลี่ยนได้ดีและดีมากด้วย
การเลือกตัดเพลงอื่นๆ ก็ทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ยูโรบีทดิบๆ แบบ In Your Eye หรือ เฮาส์เต้นรำจังหวะลอยๆ น่ารักๆๆ แบบ Love at First Sight แถมยังตบท้ายด้วยเพลงดีๆ และ MV ที่เริ่ดที่สุดอย่าง Come Into My World สิ่งเหล่านี้ ล้วนตอบรับสิ่งที่ Fever วางเอาไว้ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ปูความสำเร็จและความสุขตั้งแต่ต้นจนจบ
และสิ่งที่ทำให้เราศรัทธาในตัวไคลี่อย่างมาก โดยเฉพาะอัลบั้มนี้ นั่นคือ การเลือกที่จะเน้นคุณภาพเพลง และให้ความสำคัญกับการทำงาน และการโปรโมททุกขั้นตอน.. เรียกได้ว่า ไคลี่ใช้คุณภาพงานนี้อย่างแท้จริง เพื่อส่งเสริมชื่อเสียงให้ตัวเอง .. ซึ่งไม่เหมือนยุคนี้ ที่หวังแต่จะเอาเรื่องส่วนตัวแรงๆ มาขายกัน โดยที่งานเพลงไม่มีอะไรน่าจดจำเลย แต่ไคลี่กลับเลือกที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางของความเป็นศิลปินอย่างแท้จริง
จุดเด่น
ส่วนตัวยกให้หนึ่งในอัลบั้มเพลงเต้นรำตัวอย่าง แม้อาจไม่งดงามเท่า Body Language หรือเปรี้ยวซ่าเท่า X แต่ต้องบอกว่าในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน อัลบั้มนี้ถือว่าเป็นงานที่ประณีตและโดดเด่นมากพอจะกดบรรดางานจากอุตสาหกรรมพ็อพบัลเบิ้ลกรัมที่เฟื่องฟูสุดๆ ให้ดูกลายเป็นดนตรีพลเมืองชั้นสองไปโดยปฏิยาย (จริงๆอยากใช้คำแรงกว่านี้ แต่เดี๋ยวจะดูรุนแรงเกินไป) แม้ปัจจุบันเราจะเห็นพวกศิลปินอินดี้แนวอิเล็กโทรนิคพ็อพ หรือพวกบรรดาดีเจคลับมิกซ์กลับมาเล่นงานยูโรบีทช่วงยุค90sมากขึ้น แต่มันก็ไม่คลาสสิกเท่าอัลบั้มที่เป็นผลผลิตจากยุคปลาย90sจนถึงยุคมิลเลนเนียมอย่างแน่นอน
ส่วนจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของอัลบั้มนี้ ส่วนตัวรีว่าเป็นอัลบั้มเต้นรำที่ฟังได้ทุกโอกาสจริงๆ อาจด้วยเป็นคนชอบงานพวกยูโรบีทด้วย เพราะมันดูมีอะไรมากกว่าพวกงานเทคโนที่มักจะเน้นพวกความเฟี้ยวฟ้าว เอะอะก็ตึงตึงโป๊ะ กลายเป็นงาน3ช่าซะอย่างงั้น ดูไร้คลาสพิลึก แต่ด้วยตัวธีมหลักของอัลบั้มนี้ คือยูโรบีท เวลาฟังไปเรื่อยๆก็จิตนาภาพตัวเองเป็นพวกนางแบบกำลังเดินบนรันเวย์สวยๆแทน แซ่บเว่อร์
จุดด้อย
อืมมม ด้วยความเป็นอัลบั้มพ็อพแดนซ์เรื่อยๆเอื่อยๆ ทำให้ดูไม่หวือหวามากนัก ใครชอบงานคลับแดนซ์ซ่องแตกหรือดับเสต็บโจ๊ะพรึมๆ อาจจะคิดว่าเพลงแดนซ์ห่าอะไรว่ะ เนือยฉิบหาย อีกทั้งการมิกซ์ โพรแกรมมิ่งก็ดูเชยแหลก (แหม ก็ปาไป10กว่าปีแล้วนิ) ทำให้หลายคนไปซบงานแดนซ์ตื้ดๆสมัยนิยมดีกว่า
Singles of Fever
Can't Get You Out of My Head : 5/5
ถ้าพูดน้าไข่ Kylie Minogue หลายคนจะนึกถึงเพลงนี้ทันที (แต่แฟนเก๋าๆหน่อยคงคิดถึง I Should Be So Lucky มากกว่า) ด้วยอารมณ์แบบว่า เพลงนี้แหล่ะที่ชอบเปิดตามผับ เพลงนี้แหล่ะที่พวกกะเทยชอบเอามาโชว์ตามคาบาเร่ แน่นอนเพราะมันได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงเต้นรำแห่งยุคที่ดีที่สุด ปราศจากข้อกังขาใดๆมาโต้แย้ง ด้วยอิเล็กโทรนิกพ็อพแห่งยุคมิลเลนเนี่ยม ที่ดึงแนวเพลงยูโรแดนซ์อย่าง นูดิสโก้ ซิงโคร และยูโรเฮาส์ เอามามิกซ์กัน แล้วเรียบเรียงแบบงานอัพเทมโพ ที่ทรงพลังและมีมิติมากมาย ชนิดที่ว่าสร้างประวัติการณ์ให้น้าขึ้นทำเนียบ ราชินีเพลงเต้นรำอย่างสมบูรณ์ สำหรับใครอยากรู้ประวัติและความสำเร็จของเพลงนี้เพิ่มนั้น ลองไปค้นหาเอาเอง เพราะมีมากมายจนนับไม่หวั่นไม่ไหวกันเลยทีเดียว
In Your Eyes : 5/5
ซิงเกิ้ลที่2 ที่ตัดเฉพาะโซนยุโรปและออสเตรเลียบ้านเกิด สำหรับซิงเกิ้ลนี้ถ้าเป็นก่อนหน้านี้อาจจะรู้สึก ธรรมดา แต่พอมาฟังอีกครั้งตอนนี้ แล้วถึงกับ อุทานกับตัวเองเบาๆ ฉันละเลยปล่อยผ่านเพลงนี้ไปได้ยังไง มันเป็นเพลงที่เก๋และชิคเว่อร์ แซ่บเหมือนทานพริกเปล่าๆผสมมะนาวกันเลยทีเดียว งานยูโรพ็อพอัพบีท ที่รังสรรค์ด้วยงานยูโรแทรนซ์ติดคลับเฮาส์หรูหรา ผสมดิสโก้และชิลเวฟ ตบด้วยพวกซิงโครตามสไตล์งานคลับมิกซ์ในผับไฮโซ ฟังเพลงนี้ไปก็จินตภาพว่าตัวเองกำลังเดินปิดรันเวย์ด้วยชุดฟินาเล่เบาๆ นิยามสั้นๆว่าเริ่ดจริงๆ
Love at First Sight : 4.5/5
ซิงเกิ้ลที่3ของอัลบั้มนี้และเป็นซิงเกิ้ลที่2ในอเมริกา สำหรับเพลงนี้เป็นเพลงที่รีปลื้มมาตั้งแต่ฟังครั้งแรกอยู่แล้ว ยูโรพ็อพอัพบีท น่ารักๆ เป็นอคูสติกกึ่งคลับเฮาส์ เจือนิวเวฟบางๆ เสริมด้วยลูกเล่นอย่างพวกชิลเอาท์ กอสเพล และโพแกรมมิ่งหยาบๆเน้นพวกดนตรีสด สาดเอ็ฟเฟ็คและเสียงสังเคราะห์เฟี้ยวฟ้าวไปมา ส่วนตัวคิดว่าน้าไข่ฉลาดมากที่เลือกเพลงเป็นซิงเกิ้ลท้าชนกับพวกงานทีนพ็อพและบรรดาฮิฟฮอฟ อาร์แอนด์บีที่กำลังมีอิทธิพลในอเมริกาตอนนั้น (ยังไม่รวมพวกเพลงร็อคที่แตกขนานซ่านเซ็นไปทุกระหนระแหงจนผลักงานยูโรบีทกลายเป็นลูกเมียน้อย) เพราะถ้าเอา In Your Eyes มาตีตลาดคงไม่ทำชาร์ตได้ดีขนาดเพลงนี้ เพราะถึงจะเป็นงานยูโรบีทเหมือนกัน แต่เพลงนี้ก็ได้อิทธิพลของงานทีนพ็อพและอาร์แอนด์บีเข้ามาผสมกลืนอยู่ด้วยเป็นเนื้อเดียว เป็นงานที่ฟังสบายและแมสไปในตัว
Come into My World : 5/5
ซิงเกิ้ลปิดอัลบั้ม ที่รียกให้เป็นไฮไลต์ประจำอัลบั้มนี้ไปโดยปฏิยาย งานยูโรแดนซ์อัพเทมโพผสารคลับเฮาส์ ยูโรแทรนซ์ ดิสโก้ฟังค์ แอมเบี้ยนท์ และ กอสเพล อีกทั้งการมิกซ์ที่บ่งบอกรสนิยมของเพลงเต้นรำชั้นสูง ที่ทำออกมาได้ประณีต สื่อถึงความใส่ใจในตัวงาน และสมบูรณ์แบบที่สุดเพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้ โดยไม่ต้องไม่งมหาจากที่ไหนอีกแล้ว แค่คำว่า เปรี้ยว เก่ และแซ่บเว่อร์ คงพรรณนาสรรพคุณเพลงนี้ไม่พออย่างแน่นอน
แก้ไขล่าสุดโดย nini เมื่อ Tue Dec 11, 2012 6:19 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________

