Britney Spears - Britney
หลังจากเขียนตัวแม่อย่างมาดอนน่าไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงตัวลูกอย่างบริตนี่ย์ สเพียร์สฺ มาเขียนต่อเลยแล้วกัน โดยคราวนี้รีขอเลือกอัลบั้มที่รีชอบมากสุดของหอกมาเขียน นั้นก็คืออัลบั้ม Britney สำหรับความประทับใจต่างๆระหว่างรีกับบริตนี่ย์คงไม่ต้องพูดแล้วมั้งนะ เอาเป็นเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า
Britney : 97%
บอกก่อนเผื่อมีบางคนไม่รู้ เห็นใช้ชื่อจริงเป็นชื่ออัลบั้มแบบนี้อัลบั้มนี้ไม่ใช่อัลบั้มแรกแล้วนะค่ะ อัลบั้มนี้ล่อไปอัลบั้มที่3แล้วค่ะ สำหรับชาร์ตยอดขายและความสำเร็จของอัลบั้มนี้นั้น ในเมกาขายได้มากกว่า5ล้านก็อปปี้ส์แล้วค่ะ ส่วนทั่วโลกไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่แล้ว แต่เท่าที่หามาได้จากข้อมูลล่าสุด(ปี2009)รู้สึกจะมากกว่า15ล้านก็อปปี้ส์นะ ที่สำคัญในชาร์ต US Billboard 200 Decade-end chart ของทศวรรษที่ 2000-2009 อัลบั้มนี้อยู่อันดับที่ 64 ค่ะ ซึ่งอัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ขายได้น้อยที่สุดในบรรดา3อัลบั้มแรก แต่ก็ขายดีกว่า4อัลบั้มที่เหลือ ส่วนฝากซิงเกิ้ลนั้นต้องบอกว่าล้มเหลวที่สุดในบรรดาซิงเกิ้ลจากทั้ง7อัลบั้ม(แถม2รวมฮิตด้วยเลย) โดยไม่มีซิงเกิ้ลไหนในอัลบั้มนี้ สามารถพุ่งไปแตะท็อป10บนชาร์ตบิลบอร์ดได้เลย เพราะนางโดนดีเจแบนนั้นเอง เพราะอะไรนะเหรอที่โดนแบน เพราะนางเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เด็ก และเยาวชน เนื่องจากการเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองจากทีนไอดอล กลายเป็น เซ็กซิมโบล์ (ต๊ายยย เด็กที่นั้นสิ้นคิดเน๊าะ ส่วนหนูหอกก็คงอยากเจริญรอยตามอีเจ้แม่ละมั้ง อีแม่ลูกคู่นี้ช่างเหมือนกันจริงๆ) แต่เป็นบริตนี่ย์ซะอย่าง ชีก็ดอนท์แคร์ค่ะ เพราะแม้นางจะโดนแอนตี้ในบ้านเกิด แต่นางกลับได้รับความนิยม แบบท้วมท้น ทั้ง ยุโรป เอเชีย หรือจะบอกง่ายๆว่าทั่วทั้งโลกก็ได้ ทั้งพรีเซ็นเตอร์แน่นเอี๊ยด ที่เห็นได้ชัดเลยคือพรีเซ็นเตอร์ เป๊ปซี่ กับพี่เก้ อีพิ้งค์และก็อีบี (ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกหอกแย่งซีนอีกนั้นแหล่ะ) อีกทั้งภาพยนตร์ที่นางขึ้นแท่นเป็นนางเอกเรื่องแรก Crossroad ก็ช่วยต่อยอดความโด่งดังของพ็อพสตาร์คนนี้ ทั้งๆที่เป็นภาพยนตร์ที่แสนจะลงทุนต่ำแท้ๆ แต่ก็ยังสร้างรายได้และขยายฐานแฟนคลับให้แก่บริตนี่ย์ได้ ที่เป็นแบบนี้เพราะอะไรละค่ะ? ถ้าไม่ได้บริตนี่ย์มาเล่นนะเหรอ คงจะมีปัญญาฟาดรายได้ไป 61.1 ล้านเหรียญจากทั่วโลกหรอกนะ สำหรับแนวเพลงในอัลบั้มนี้ อย่างที่รู้กันว่านางเปลี่ยนภาพลักษณ์แบบได้180องศา สลัดภาพสาวน้อยน่ารักขวัญใจมหาชน ขึ้นแท่นเซ็กซิมโบล์คนถัดไป ด้วยเพลง I'm a Slave 4 U พร้อมไลฟ์อันสุดฉาวบนเวที MTV Video Music Awards 2001 ที่นางใส่แค่บราเซียสีเขียวพร้อมงูเหลือมเผือก เรียกกระแสท็อล์กออฟเดอะทาวน์ทั่วทั้งบ้านทั้งเมือง พร้อมระเบิดแฟชั่นจีสตริงกับยีนส์ข้าม้าเอวต่ำให้ฮิตระบาดยิ่งกว่าเอดส์หรือไข้หวัดนก ไข้หวัดไก่เสียอีก แต่เอาเข้าจริงๆแทร็คแรงในอัลบั้มกับมีแค่ไม่กี่แทร็คเท่านั้น เพราะที่เหลือกับเป็นงานต่อยอดเดิมๆจาก2อัลบั้มที่แล้วมากกว่า ทำเอาแฟนเพลง แฟนคลับนางถึงกับบ่นอุ๊บถึงความใจไม่ถึงของนางที่จะเปลี่ยนทั้งทีต้องได้แบบหรี่ติ๊นาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ทำหนังมหากาพย์ไตรภาคแบบนี้ แต่สำหรับรีคิดว่านางคิดถูกนะที่เปลี่ยนเบาๆที่ละหน่อย เพราะเพื่อนหรี่ทุกวันนี้ยังหาแนวดนตรีเป็นของตัวเองไม่ได้เลย เพราะเปลี่ยนบ่อยเกิน แต่สิ่งที่ต้องชมจากใจต่ออัลบั้มนี้เลยคือ ถ้าไม่มีอัลบั้มนี้ เราคงไม่เห็นความชาญฉลาดของบริต(หรือJIVEดีหว่า?) ที่แก้เกมส์จากกระแสเพลงทีนพ็อพ บับเบิ้ลกัมพ็อพในเมกาเริ่มลดความนิยมลง โดยกระแสงานเออบันกำลังบูม มีศิลปินแรฟเฟอร์ ฮิฟฮอฟ เกลื่อนกลาด โดยทั้งตัวนางและค่ายเห็นว่าถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไปคงไม่รอด นางเลยไปจับ Pharell แห่งดาวพระเกตุมาแร็ฟและมิกซ์เพลง Boys ใหม่โดยใช้ชื่อ Boys The Co-ed Remix หรือแม้แต่ซิงเกิ้ลที่2อย่าง Overprotected ที่นางเอามิกซ์ขายใหม่ โดยได้เด็กดำ Darkchild มารีมิกซ์ให้ แต่ก็เท่านั้นอะค่ะ เพราะในเมกา2เพลงนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี
จุดเด่น
พล่ามมาซะยาวเชียว แหมนานๆจะเขียนถึงอัลบั้มที่ออกปากว่ารักมากที่สุดของศิลปินคนโปรดเสียทีก็ต้องขอกันหน่อย สำหรับจุดเด่น และคงเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดของอัลบั้มนี้ นั้นก็คือ นี้คืองานพ็อพของบริตนี่ย์ แน่นอนว่า มันก็งานพ็อพบับเบิ้ลกัมธรรมดา หอกไปสร้างสรรค์แนวทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จะกล่าวมันไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ แต่มันเป็นงานพ็อพที่เป็น signature เฉพาะตัวของบริตนี่ย์ต่างหาก หรือถ้าพูดจริงๆแบบไม่กลัวแฟนคลับคนอื่นตบแล้วละก็ ต่อให้งานนั้น แนวนั้นจะเป็นของใครก็ตาม แต่ถ้ากลายเป็นแนวเพลงในอัลบั้มของบริตนี่ย์แล้วละก็ ก็เรียกว่างานพ็อพของบริตนี่ย์ทั้งนั้นแหล่ะ ส่วนอีกจุดเด่นหนึ่งในอัลบั้มนี้ต้องชมนางว่า ถึงแม้จะทำเพลงกล้าๆกลัวๆ ที่ดูเหมือนตอนกะจะทำงานแนวทดลองเต็มขั้น ไปๆมาๆก็กลับมาตายงานทีนพ็อพ แต่ทุกแทร็คที่ร้อยเรียงออกมานั้น ทำได้ดี ชัดเจน และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของงานพ็อพช่วงยุคมิลเลเนียมเลยทีเดียว
จุดด้อย
ด้วยความไม่กล้าของนางนั้นแหล่ะที่ทำให้อัลบั้มที่ภายนอกเหมือนจะแรง พอเอาเข้าจริงๆกลับเบาหวิวเป็นปุยนุ่นแบบนี้ อีกทั้งการเอาแทร็คทดลองที่เหมือนจะเมนแทร็คไปไว้เป็นโบนัสแทร็คเสียหมด ก่อนจะเอาพวกงานพ็อพธรรมดาๆมาใส่เมนแทร็คแทน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดยังไงของหร่อน แทนที่จะได้อัลบั้มพ็อพลูกผสมเจ๋งๆไปเลย ก็กลายเป็นอภิมหาไตรภาคซะงั้น อีกประเด็นที่ไม่พูดคงไม่ได้ คือความเฟลแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้งข่าวแย่ๆที่ออกมาเป็นระยะ ทั้งข่าวปาร์ตี้เกิร์ล ติดยา เลิกกับหยอย รวมทั้งพฤติกรรมเหวี่ยงๆ ก็ช่วยพากันทำลายภาพพจน์นางเข้าไปอีก จากที่โดนแบนทำให้ตัวเพลงพากันไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเจอประเด็นแย่ๆเข้าไปอีก ต้องถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ต้องเผชิญกับมรสุมย่อยๆกันเลยทีเดียว แต่โชคดีที่ก็นางผ่านมันมาได้ และก้าวเป็นเจ้าหญิงเพลงพ็อพอย่างภาคภูมิในอัลบั้มต่อมา แต่ก็ไม่รู้เคราะห์ซ้ำ กรรมซัดหรือยังไงถึงมาโดนแจ็คพ็อตมรสุมชีวิตอีก ซึ่งถือเป็นตัวแปรที่สำคัญ เป็นจุดกำเนิดปัญหาที่ตีตรวนนางมาตลอด กว่าจะพิสูจน์กันได้ก็ปาไปอัลบั้มที่4-5 นั้นก็คือ ภาพลักษณ์และชีวิตส่วนตัวของนางอยู่เหนือฝีมือและอาชีพของนางตลอด ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็โดดเด่นเกินอาชีพนักร้อง ทำให้โดนตีตราหน้ามาถึงทุกวันนี้ (แม้จะพิสูจน์ตัวเองจนผ่านมาหมดแล้วก็ตาม)
Singles of Britney
I'm a Slave 4 U : 5/5
สำหรับรีถ้าพูดถึงบริตนี่ย์ สเพียร์สฺแล้วกลับไม่เคยนึกถึงซิงเกิ้ลอื่นอย่าง ...Baby One More Time, Oops! I Did It Again หรือ Toxic เลย แต่กลับนึกถึงซิงเกิ้ลนี้มากกว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า180องศา ละทิ้งภาพลักษณ์เดิมจนหมด และกำเนิดภาพลักษณ์ขึ้นใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม โดยเพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงแจ้งเกิดเซ็กซี่สตาร์คนใหม่อย่างสมภาคภูมิ ชนิดที่ต้องจารึกไว้เป็นวิทยาทานแก่คนรุ่นหลังกันเลยทีเดียว อีกทั้งเป็นสัญญาณป่าวประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่า บริตนี่ย์คนเดิมได้ตายไปแล้วนะย่ะ ที่ยืนอยู่ตรงนี้คือราชินีเพลงเต้นรำคนใหม่ ที่จะมาพร้อมแนวเพลงใหม่ ยืนพื้นด้วนงานพ็อพแดนซ์เขย่าฟลอร์ ให้ซ่องแตกไป3บ้าน4บ้านกันเลยทีเดียว ซึ่งนางก็ไม่ใช่ดีแต่ปากหรือเปลี่ยนแต่ภาพลักษณ์แต่แนวเพลงยังใสกิ้งที่ไหน เพราะตัวเพลงนี้ก็ร้อนแรงไม่แพ้ภาพลักษณ์ของนางเหมือนกัน เมื่อนเบนเข็มมางานเต้นรำเต็มตัวแล้ว โจทย์แรกของงานนี้คือคลับแดนซ์แรงๆแบบเปิดทีต้องโยกกระจายกันทั้งเมือง ทำให้เราได้ลิ้มลองงานเต้นรำที่โชยกลิ่นอายดนตรีเออบันที่เข้ามามีอิทธิพลต่อตลาดเพลงในยุคนั้นอย่างมาก อีกทั้งเสียงเพอร์คัสชั่นตามงานเรกเก้ที่ช่วยเร่งจังหวะผสารเสียงร้องสุดกระเส้าดัดจริตกึ่งแร็ฟของนางยิ่งทำให้เพลงนี้พุ่งดีกรีองศาความฮอตจนปรอตแตกเข้าไปใหญ่ นี้เป็นผลงานที่รีกล้าพูดเลยว่าเป็นเพลงพ็อพเลอค่าแห่งทศวรรตอีกเพลงหนึ่งเลยทีเดียว
Overprotected : 5/5
สูงสุดคืนสู่สามัญ งานทีนพ็อพธรรมดาที่เราคุ้นเคย พร้อมภาพลักษณ์ของบริตนี่ย์คนเดิมได้กลับมาอีกครั้ง มองเผินๆอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่การกลับมาครั้งนี้ ทั้งแววตา ท่าทางของนางไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว นี้คือเพลงสั่งลาของภาพลักษณ์ทีนไอดอลต่างหาก เนื้อหาจิกกัดตัวเธอเองที่โดนฟูมฟักเหมือนไข่ในหินจนไม่สามารถคิดอะไรได้เอง ไร้อิสรภาพทั้งทางร่างกายและความคิด ซึ่งเพลงนี้เหมือนเป็นการประกาศศักดาว่า ฉันจะไม่ใช่ฉันคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันจะบินไปด้วยปีกของฉันเองและยืนมันด้วยขาของตัวเอง ทำให้ไม่แปลกใจที่ตัวเพลงนี้มันทำให้รีรักที่สุดในอัลบั้มแบบไม่ต้องสงสัย
I'm Not a Girl, Not Yet a Woman : 5/5 และ I Love Rock 'n' Roll : 3.5/5
เป็น2ซิงเกิ้ลที่ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Crossroads โดยซิงเกิ้ลถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลที่3 ส่วนอีกตัดโปรโมตเฉพาะโซนยุโรป สำหรับเพลงแรกนั้น เป็นงานบัลลาดอคูสติกอดัลท์คอนเทมโพรารี่โปร่งๆหวานกลับเนื้อซึ้งกินใจ ที่ตุ๊ดแต๊วชอบเอาไปเปลี่ยนเป็นมุกหากิน สำหรับเพลงนี้ รีคิดว่าเป็นเพลงที่ดีและทรงพลังที่สุดของบริตนี่ย์ตลอดกาล แค่ภาพเนื้อหาก็หมดจด ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของตัวตนบริตนี่ย์ได้ชัดเจน ยังไม่รวมกับที่เพลงนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญต่อเหล่าแฟนเกิร์ล(อีกทั้งเหล่ากะเทยและเพสที่3) ให้ยืนหยัดหาเส้นทางชีวิตและความฝันต่อไป ส่วนอีกเพลงเป็นงานเพลงคัฟเวอร์ของราชินีพั้งค์ร็อคอย่างป้าโจน เจ็ทท์ ที่ของเดิมเวอร์ชั่นออริจินอลเป็นงานร็อคแอนด์โรล ยุค80s ที่มาตีความใหม่ในฉบับงานพ็อพร็อคเปรี้ยวๆและดูเซ็กซี่แบบฉบับบริตนี่ย์ แม้ใครจะค่อนขอดเพลงนี้หนาหูว่าหร่อนทำเพลงห่าอะไรออกมา เสียของหมด ดู Fighter ของอีหรี่เพื่อนหร่อนสิ่ ทำโอเปร่าร็อคที่อัพบีทอีกหน่อยไปทำเมทัลได้สบายๆแล้ว แต่ดูหร่อนสิ่ แหมจะให้หอกไปแหกปากแบบติ๊นาก็ใช่ที่ ยังไงหอกก็มีแนวของหอกละกัน แน่นอนว่าในที่สุดแล้ว มันก็ออกมาแบบงานร็อคของบริตนี่ย์ สเพียร์สฺที่ไม่ต้องไปก็อปใคร เหมือนใคร เป็นงานคัฟเวอร์ที่เหล่าแฟนคลับ Britney's Army พูดได้เต็มปากแบบไม่อายเลยว่า นี้คืองานคัฟเวอร์ที่ขบถ ฉีกไม่เหลือเค้างานเดิมและเป็นงานคัฟเวอร์ที่โดดเด่นไม่แพ้ต้นฉบับเลยทีเดียว
Anticipating : 5/5
อดีตเพลงที่เคยรักที่สุดในอัลบั้มนี้ เป็นซิงเกิ้ลที่5ที่ตัดเฉพาะประเทศฝรั่งเศส ตัวเพลงเป็นบับเบิ้ลกัมพ็อพใสๆแบบงานยูโรพ็อพสะอาดๆผสมเข้ากับงานโอล์ดสคูลดิสโก้ ทำให้ได้เพลงเต้นรำเบาๆที่งดงามและสะอาดที่สุดของบริตนี่ย์ สำหรับใครที่มองว่าดูยังไงก็แค่งานพ็อพธรรมดาๆ จะเก๋ไม่เก๋ เริ่ดไม่เริ่ดยังไง ส่วนตัวก็ยังมองหาใครที่ทำเพลงแบ๊วๆน่ารักใสๆแต่กลับมีชั้นเชิงสู้เพลงนี้ของบริตนี่ย์ไม่ได้ซักคน
Boys : 5/5
ซิงเกิ้ลปิดอัลบั้มที่ส่วนตัวยกความดีความชอบให้เป็นเพลงที่ภาคดนตรีดีและโดดเด่นที่สุดในอัลบั้ม หลังจากจับงานเต้นรำอาร์แอนด์บีครึ่งๆกลางๆแบบซิงเกิ้ลแรก มาที่เพลงนี้ ที่เวอร์ชั่นเดิมเองก็เป็นงานเต้นรำที่ติดงานแบล็กมิวสิคสูงอยู่แล้ว แต่หอกยังไปจับ Pharrell แห่งวง The Neptunes มามิกซ์และแร็ฟเพิ่ม พร้อมตัดขายแบบงานเต้นรำฮิฟฮอฟเต็มสตรีม ด้วยความเปรี้ยวและเก๋ไก๋ของตัวเพลงเอง แน่นอนว่าแค่ฟังก็รู้แล้วว่ามันโดดเด่นถึงใจแค่ไหน แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างบวกกับเป็นซิงเกิ้ลปิดอัลบั้มทำให้เพลงดีๆอย่างนี้ไปไม่ถึงดาว ทั้งที่ความจริงมันควรจะได้ฉายศักยภาพในตัวมันเองมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนตัวได้แต่เสียดายที่แทร็คดีๆอย่างกับมาผิดเวลาตลอด อีกเพลงหนึ่งก็คือ Break The Ice หอกนี้ดวงอาภัพมากๆ มีเพลงดีๆก้ชอบไปไว้เป้นโบนัสแทร็ค พออยู่ในเมนแทร็คก็ไม่ตัดเป็นซิงเกิ้ล หรือพอตัดเป็นซิงเกิ้ลก็ดันไม่ดังซะงั้น เห้อออ
แก้ไขล่าสุดโดย nini เมื่อ Tue Dec 25, 2012 8:48 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________