Ellie Goulding – Bright Lights



จริงๆเคยแพลนไว้ก่อนนานแล้วว่าจะเขียน ซึ่งก็เป็นช่วง Halcyon กำลังจะวางแผง แล้วก็เจอโลกเลื่อนๆๆๆๆจนถึงตอนนี้ก็คิดว่าสมควรได้ฤกษ์ถึงเวลาเขียนได้แล้วนะจ้ะ จริงๆต้องเกริ่นประวัติไหม? เอาซักนิดนึงก็ได้เผื่อบางคนยังไม่รู้จัก เอลลี่ โกลด์ดิ้ง นางเป็นศิลปินอินดี้จากเกาะอังกฤษที่ดังพอตัวในหมู่คนฟังเพลงสากลในช่วงปี2011 โดยเรื่องราวโดดเด่นที่ทำให้นางกลายเป็นที่น่าสนใจและถูกกล่าวถึง คงหนีไม่พ้น การที่สามารถพาอัลบั้มแรก Lights ไปคว้ารางวัล Critics' Choice Award จากเวที 2010 BRIT Awards ได้ ทำให้นักวิจารณ์จากต่างทั่วทุกสำนักถึงกับการันตีว่านางนี้แหล่ะ คือตัวจริงของจริงไม่ต้องอิงกระแสใดๆ โดยเฉพาะกับเพลงฮิต ที่ใครหลายๆคนน่าจะคุ้นเคย อย่างเพลง Lights นี้ถือว่าได้รับคำชมจากทั้งฝั่งนักวิจารณ์และคนฟังหนาหูกันเลยทีเดียว แต่ว่าเพลงนี้กลับไปอยู่ในอัลบั้มรีแพ็กเกจ Bright Lights แทน อีกทั้ง6แทร็คที่เหลือในรีแพ็กเกจอัลบั้มนี้ที่ปล่อยของไม่แพ้กัน ซึ่งวันนี้รีได้หยิบอัลบั้มนี้มาเขียนแบบ Full Version เต็มสตรีมทุกแทร็คทุกเม็ดเลยทีเดียว แย็บเบาๆก่อนจะเข้าตัวรีวิวว่า อัลบั้มนี้แซ่บแท้ๆเด็ดดวงสุดๆ ไม่เสียแรงมาเขียนอวยแน่นอน ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงลองไปหาโหลดมาฟังดูละกันนะค่ะ

Bright Lights : 87%

สำหรับสตูดิโออัลบั้มเดบิ้วอย่าง Lights นั้น ว่าไปแล้วก็น่าสนใจตั้งแต่เห็นชื่อบรรดาทีมโพรดิวเซอร์ ที่เคยรังสรรค์ผลงานทั้งแบบฉบับแทร็คลิสต์ในอัลบั้มและรีมิกซ์ให้กับศิลปินอินดี้และศิลปินชื่อดังมากมาย ทั้ง Starsmith, Frankmusik, Fraser T, Smith Richard Stannard, Liam Howe, Fred Falke โดยเฉพาะ Ben Lovett แห่งคันทรี่แบนด์ชื่อดังที่สุดในปีที่ผ่านมา Mumford & Sons เจ้าของรางวัลอัลบั้มแห่งปีจาก Grammy Award ปีล่าสุดและศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมจากสหราชอาณาจักรบนเวที Brit Award ปีล่าสุดเช่นกัน(แหม แย่งซีนศิลปินที่จะถูกรีวิวไปไหมหว่า? 55) ที่มาดูแลแทร็คพิเศษๆ Your Song ที่เป็นงานคัฟเวอร์ของป้าแอ๊ว Sir Elton John ให้ ที่สำคัญที่สุดเลยคือ ตัวเอลลี่นั้นก็มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงทุกเพลง(ยกเว้น Your Song)ในอัลบั้มนี้อีกด้วยนะ เก่งจริงๆอะไรจริงแฮ่ะ
สำหรับแนวเพลงในอัลบั้มนี้ส่วนใหญ่ยืนพื้นที่แนวผสมซะส่วนใหญ่ โดยจะมีแนวดนตรีหลักๆ2แนวคือ อินดี้โฟล์คและซินธ์โฟล์ค ไปจนถึงอิเล็กโทรนิกโฟล์ค อัลเตอร์เนทีฟแดนซ์ ยูโรแดนซ์ ดรัมแอนด์เบส และงานแบบดีเจรีมิกซ์ ซึ่งเอาจริงๆแล้วแม้จะเป็นงานลูกผสมที่โน้มไปทางอิเล็กโทรนิก้าทั้งอัลบั้มก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ฟังยากเย็นอะไรมากมาย(ยิ่งถ้าเทียบกับ Halcyon อัลบั้มนี้ดูเด็กๆไปเลย) ออกจะฟังง่ายกว่าที่คิดด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่โดดเด่นคือการเอาแนวเพลงที่ดูไม่น่าส่งกันมารวมกันได้ และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือทำให้มันเข้าถึงได้ง่ายนั้นแหล่ะ ที่ทำให้ตัวรีนั้นทึ่งกับกึ๋นและฝีมือของนางเป็นพิเศษ
มาดูในส่วนของ7เพลงที่เป็นในส่วนรีแพ็คเกจกันดีกว่า เอาจริงๆจะพูดว่าควรจะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะแต่ละเพลงในอัลบั้ม Lights เองก็ทำได้สมบูรณ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะการเรียงต่อของแต่ละเพลงในอัลบั้มที่จบได้ฟินาเล่มากๆ แต่ถ้าถามว่า7เพลงที่เพิ่มมาใหม่โดดเด่นแค่ไหนนั้น? แน่นอนว่าโดดเด่นกว่างานในอัลบั้มเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังนั้น ให้ความรู้สึกว่าเป็นงานที่เติบโตขึ้นผ่านการถูกขัดเกลามาแล้ว เสริมศักยภาพโดยรวมให้น่าฟังยิ่งขึ้น อีกจุดเด่นหนึ่งนั้นที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ความหลากหลายของแนวดนตรีของทั้ง7แทร็คนั้น ช่วยดึงดูดคนฟังได้ทั้งกลุ่มแมสจนไปถึงตัวกลุ่มนักฟังเพลงเองเลยทีเดียว ต้องถือว่าเป็นเป็นอีกส่วนที่เติมเต็มให้อัลบั้มนี้น่าสนใจขึ้นมากเลยทีเดียว สำหรับถ้าใครได้ฟังแค่เพียงอัลบั้ม Lights แล้วยังไม่ได้ฟัง Bright Lights แล้วละก็... ก็เหมือนว่ายังฟังอัลบั้มนี้ไม่ได้สมบูรณ์นั้นแหล่ะ

จุดเด่นและจุดด้อย
จุดเด่นคงเป็นอย่างที่บอกไปข้างต้นคือการเอาแนวเพลงที่ดูไม่น่าส่งกันมารวมกันได้ และทำให้มันเข้าถึงได้ง่ายนั้นแหล่ะ ส่วนจุดด้อย ถ้าจะหาจุดติติคือความไม่สุดของหลายๆเพลงที่น่าจะลงไปให้ลึกกว่านั้น แต่ก็อย่างว่าอัลบั้มแรกอะเน๊อะจะทำฟังยากอะไรมากมาย พออัลบั้มต่อมาเป็นไงล่ะ ฟังยากชนิดเอาตายเลยทีเดียว จะมาว่าทำไม่ถึงไม่ได้แล้วละนะทีนี้

Singles of Lights & Bright Lights

Under the Sheets : 4/5
สำหรับซิงเกิ้ลแรกนั้นดูท่าแล้วจะค่อนข้างฟังลำบากไปเสียหน่อย ที่จะเลือกมาเป็นเพลงเปิดตัวศิลปินใหม่ อีกทั้งเนื้อหาค่อนข้างแรง18+กันเลยทีเดียว ประมาณว่าเซ็กซ์เธอมันก็ห่วยเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆที่ฉันเคยนอนด้วยนั้นแหล่ะย่ะ หูย ตายแล้ว ช่างไม่เข้ากับหน้าใสๆของหนูเลยนะค่ะ ทำให้มันไม่ส่งให้ซิงเกิ้ลนี้ประสบความสำเร็จมากนัก ทั้งด้านกระแสและด้านชาร์ตเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าตัวเพลงมันไม่ดีอะไรหรอกนะ มันโอเคเลยแหล่ะ เพียงแต่มันขัดกับลุคน่าถนุถนอมของนางไปหน่อยเท่านั้นเอง สำหรับภาคดนตรีเพลงนี้ค่อนข้างทำได้เกรี้ยวกราดในสไสตล์อัลเตอร์เนทีพร็อคจัดจ้านที่ทำได้ถึงพริกถึงขิงจริงๆยืนพื้น แบบเข้าใจเลยว่า สิ่งที่เธอต้องถูกปรนเปรอนั้นเน่าหนอนแค่ไหน(ต้องเข้าใจนางหน่อยนะค่ะ ว่าเรื่องเซ็กซ์มันเรื่องใหญ่จริงๆ) แล้วเอาดึงแนวอิเล็กโทรนิคพ็อพมาเป็นตัวผสม โดยเพลงนี้ตา Starsmith โพรดิวเซอร์เพลงนี้เอง ก็กล่าวว่าตัวเองอยากได้บรรยากาศประมาณเครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่มาจำลองเอาไว้ ประหนึ่งกำลังทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์ให้ระเบิดชนกันตู้มต้ามสุดเหวี่ยงกันเลยทีเดียว ซึ่งผลลับที่ออกมาก็ถือว่าน่าประทับใจเลยทีเดียว ต้องถือว่าตา Starsmith ทำได้ดีมากไม่เสียแรงเป็นดีเจมิกซ์มีชื่อที่ทำงานให้กับศิลปินดังๆมากมาย

Starry Eyed : 3/5
ถัดมากับซิงเกิ้ลที่2ที่สร้างชื่อให้นางพอสมควร ด้วยการพีคสูงสุดถึงอันดับที่4บน UK Singles Chart พูดถึงภาคเนื้อหาเสียก่อน เหมือนนางจะรู้ตัวนะว่าซิงเกิ้ลแรกเนื้อหามันดูกากีไปเสียหน่อย ทำให้เพลงนี้ก็จะดูซอล์ฟๆเบาๆเป็นชะนีหิวดุ้น อยากได้อยากโดนเหมือนชะนีติ่งหูทั่วไปไม่มีอะไรมากมาย ส่วนภาคดนตรีก็ลดมาเป็นงานอิเล็กโทรพ็อพแบบเทคโนเฮาส์ดาดๆทั่วไป ทั้งโพรแกรมมิ่ง ซินธิไซเซอร์ หรือ ซาวด์สแครทช์ก็หาได้จากดีเจมิกซ์พื้นๆนั้นเอง แต่มันก็ฟังง่ายติดหูดีอะนะ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่มันจะค่อนข้างดังพอตัว

Guns and Horses : 5/5
ซิงเกิ้ลลำดับที่3 ที่บรรดานักวิจารณ์ต่างยกนิ้วชมกันทั่วทุกสำนัก แม้ด้านชาร์ตนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในแง่การตอบรับจากคนฟังแล้ว ถือว่าเป็นงานที่ฉายแววศักยภาพของนางได้โดดเด่นมากๆเพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้เลยทีเดียว ตัวเพลงเป็นอคูสติกอิเล็กโทรนิคพ็อพ ที่ผสมผสารระหว่างแทรนซ์และเรฟ ในรูปแบบอัพเทมโพบีท ตัวเพลงจะค่อยไตร่ลำดับความพีคจากงานอคูสติกแทรนซ์และดรัมแอนด์เบสที่เน้นดนตรีสดตบด้วยเสียงไซโลโฟนคลอเคลียบางๆก่อนค่อยๆพีคทะยานในแต่ละฮุคแบบงานเทคโนคลับแดนซ์ โดยเฉพาะท่อนบริดจ์นั้น ถือเป็นไฮไลต์ประจำเพลงนี้ที่จะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ ด้วยความพีคที่พุ่งขึ้นแตะระดับจุดสุดยอดให้ค้างเติ่งฟินกันข้ามคืนเลยทีเดียว แล้วจบด้วยเสียงปรบมือแบบงาน After Party ในเอาโทรเป็นอันเรียบร้อย

The Writer : 3.5/5
ซิงเกิ้ลลำดับที่4 พูดถึงภาคเนื้อหากันก่อน เพลงนี้จะมาแนวเศร้าๆ เพ้อพกเป็นชะนีไฮสคูลทั่วไป ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายที่ตัวเองหลงใหล แม้เค้าไม่เห็นค่าพวกหล่อนก็ตาม แค่เนื้อหาก็น้ำเน่ากามิกาเซ่สุดๆนั้นแหล่ะ ตัวเพลงก็ธรรมดาๆนะ ไม่ได้อลังการยัดห่าอะไรเยอะแยะเหมือนซิงเกิ้ลที่แล้ว ก็อย่างว่าอะเน๊อะ เนื้อหาแบบนี้จะอัพบีทอะไรซักแค่ไหน ก็เป็นซินธ์พ็อพร็อคกุ๊งกิ๊งๆใสๆไปเรื่อยๆนั้นแหล่ะ แต่หลายคนน่าจะชอบนะ เพราะฟังง่าย เนื้อหาโดนใจแบบนั้น

Your Song : 5/5
ซิงเกิ้ลที่5ประจำอัลบั้มนี้และถือเป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม Bright Lights อีกด้วย โดยเพลงนี้อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นเพลงคัฟเวอร์จากป้าแอ๊ว Sir Elton John นั้นเอง จำได้เลยว่าตอนฟังครั้งแรกจากเวอร์ชั่นป้าแอ๊วนี้อินมากๆ เป็นเพลงที่ดีเว่อร์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นทำนองหรือเนื้อหานี้หมดจดจริงๆ คือก็เข้าใจนะว่าป้าแต่งให้ผัวป้า แต่มันก็อดอินไปด้วยจริงๆไม่ได้ ฟังกี่ทีก็แอบน้ำตาซึมเบาๆ เป็นบทเพลงที่ปนเปไปทั้งความรู้สึกเศร้า เหงา และโรแมนติคในเพลงเดียว ส่วนในเวอร์ชั่นนังเอลลี่เองก็มาในสไตล์บัลลาด คอนเทมโพรารี่โซล ฟูลเพียโนงดงาม ที่ผนวกเข้ากับแซดคอร์แบบอินดี้สมัยนิยมในปัจจุบัน แล้วคงจะไม่พูดถึงคงไม่ได้คือท่อนอิมโพรไวซ์ลากยาวไปถึงท่อนผสารเสียงกอสเพลในฮุคสุดท้ายที่ฟังกี่ทีกี่ทีก็ขนลุกมากๆ(โดยเฉพาะไลฟ์) ช่างเป็นงานคัฟเวอร์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพลงนี้ถึงดังมากๆในแถบยุโรป

Lights : 4.5/5
ซิงเกิ้ลสุดท้ายปิดอัลบั้มและเป็นซิงเกิ้ลแจ้งเกิดนางในระดับเวิร์ลดฺไวด์ สำหรับด้านยอดขายและความนิยมเพลงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ ถึงแม้ว่าในบ้านเกิดจะไม่เปรี้ยงป้างเท่าที่ควร แต่ในทวีปอเมริกาเหนือทั้งแคนาดาและอเมริกาเพลงนี้กลับได้รับความนิยมอย่างมากมาย ขนาดข้ามฝากมาคว้าอันดับ2บนชาร์ต Billboard Hot 100 และอันดับ1ในส่วนของชาร์ตย่อย Pop Songs โดยปัจจุบันสามารถขายได้มากกว่า3ล้านดาวน์โหลดในอเมริกาแล้ว และคว้าท็อป5บนชาร์ตปลายปีของ US Billboard Hot 100 ในปี2012ที่ผ่านมาอีกด้วย สำหรับซิงเกิ้ลนี้เป็นไตเติ้ลแทร็คชื่อเดียวกับอัลบั้มนางนั้นแหล่ะ แต่ตัวเพลงจริงๆกับอยู่ในอัลบั้มรีแพคเกจ Bright Lights ที่สำคัญนอกจากประสบความสำเร็จจากด้านชาร์ตต่างๆและยอดขายแล้วนั้น ด้านการวิจารณ์ก็เป็นไปในทางที่ดีเช่นกัน โดยนักวิจารณ์หลายๆสำนักถึงกับกล่าวชมกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะการใช้เสียงของนางในเพลงนี้เปรียบเทียบอุปมาอุปมัยเหมือนดั่งแสงสว่างท่ามกลางความมืดที่กำลังเข้ามาคุกคาม แม้แสงนั้นจะดูริบรี่ในความมืด แต่มันไม่จางหายไปไหน เช่นกันกับภาคเนื้อหาที่ดูอัพเกรดเป็นชะนีมีสมองมากขึ้น กล้าให้ความหวังแก่ผู้อื่นที่กำลังเผชิญกับความสิ้นหวัง ว่าจะเข้มแข็งและนึกถึงแสงสว่างนั้นได้ แม้ที่ไม่มีมันอยู่ ส่วนภาคดนตรีเอง ว่ากันตามตรงว่าค่อนข้างดร็อปกว่าส่วนประกอบด้านอื่นๆ ทั้งเทคนิคการดีไซน์การร้อง ภาคเนื้อหา หรือสานส์ที่ตัวนังเอลลี่ต้องการจะสื่อถึงคนฟัง ที่พากันโดดเด่นกว่าตัวซาวด์มาก แต่ก็นะ.. เพลงที่ดีไม่ใช่ว่าแค่มีดีเพียงส่วนประกอบส่วนเดียวก็เพียงพอ ทุกๆส่วนประกอบก็ต้องเกื้อหนุนส่งเสริมกัน นั้นแหล่ะถึงจะเป็นเพลงที่ดี ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นเช่นนั้น


_________________

Track by Track

This Love (Will Be Your Downfall) (4/5) หลังจากทำเพลงสนองตัณหาชะนีติ่งแตก และสถาปนาตัวเองเป็นเจ้แห่งบรรดาชะนีสก๊อยไร้สมอง แต่อยู่ดีไม่ว่าดี กลับนึกบ้าอยากเห็นแจ้งสัจธรรมราวกับกำลังตรัสรู้ได้ก็มิปาน นังเอลลี่เคยสวมบทบาทเป็นซิสเตอร์นางชีถามเราๆกันว่า พวกหร่อนนะรู้จักความรักดีแค่ไหนเหรอ? ถึงมาพล่ามรักๆๆๆแบบนี้ ความรักมันไม่ได้สวยหวานหอมอบอวลเหมือนดั่งในนิยายหรอกนะยะ เลิกเพ้อพกได้แล้ว ความรักนะมันคือหายนะต่างหากล่ะ เอากับนางเซ้ สงสัยเมายาดองแหงๆเลยเพี้ยนมาทำตัวเป็นSuperwomanแบบนี้ มาวิจารณ์ที่ตัวเพลงบ้างดีกว่า เพลงนี้เองก็เป็นแดนซ์ร็อคกุ๊งกิ๊งๆที่เป็นลูกผสมระหว่างซินธ์พ็อพ,อิเล็กโทรโฟล์ค,นูดิสโก้และนิวเวฟ มีกอสเพลเป็นแบ็กกราวนฺด์คอรัสบางๆให้ความรู้สึกกับลังล่องลอยในอวกาศก็มิปาน ตอนฟังครั้งแรกๆนี้เป็นเพลงที่ผ่านskipบ่อยมากๆ แต่พอมานั้งรีวิวแล้วเป็นอีกแทร็คที่รายละเอียดเนื้อดนตรี ชั้นเชิง ถือว่าทำได้ดีมากๆในระดับอินดี้พ็อพอะนะ เลยปัดจาก3.5เป็น4 ถัดมาที่ Every Time You Go (5) สำหรับส่วนภาคดนตรีของเพลงนี้ ค่อนข้างจะใช้ลูกเล่นไปในแนวเพลงเดียวกันคือ เป็นงานอัพบีทร็อค คืออัลเตอร์เนทีฟแดนซ์และอิเล็กโทรโฟล์ค แล้วหยอดลูกเล่นอย่างที่ใช้ในชามเบอร์พ็อพพอเป็นพิธี ที่เด่นอีกจุดหนึ่งคือท่อนลี้ดกี้ต้าร์ไฟฟ้าที่ปรากฎเป็นแซมเพิ้ลตั้งแต่ท่อนclimb โดยเฉพาะท่อนโซโล่ช่วงฮุคสุดท้ายที่เด่นเป็นไฮไลต์ของเพลงนี้เลยทีเดียว ส่วนภาคเนื้อหาก็ยังงงเหมือนตัวนางในเพลงนั้นแหล่ะ ว่าตกลงนางตื่นหรือยังตอนเขียนเพลงนี้ แต่เท่าที่เห็นแฟนอินเตอร์จะบอกว่าเพลงนี้สื่อถึงเรื่องเซ็กซ์นั้นแหล่ะ คือนางอยากต่อแต่ผู้ชายไม่เอาแล้ว ก็ว่าไปนั้น แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดลึกอะไรขนาดนั้น ก็แค่เพลงชะนีกำลังจะถูกทิ้งแล้วอยากให้ทุกอยากกลายเป็นความฝันเท่านั้นแหล่ะเน๊อะ Wish I Stayed (4/5) เพลงนี้ส่วนตัวเห็นว่าภาคเนื้อหาค่อนข้างดีมากๆ และน่าเตือนใจอีพวกวอนนาบีอยากเป็นคนชาติอื่น อาทิ อีติ่งเกาหลี อีติ่งมะกัน และอีพวกไม่อยากเป็นคนไทยทั้งหลายว่า พวกมึงมันโง่ ไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าที่ๆพวกมึงเกิดหรอก อยากเป็นมากนักก็ตายห่าแล้วอธิษฐานให้ชาติหน้าไปเกิดบนประเทศที่พวกมึงรักนักเลยเซ้ แต่ภาคดนตรีส่วนตัวเห็นว่าจืดไปหน่อย จะบอกว่าค่อนข้างธรรมดามาก แต่เห็นนางเขียนเพลงดีๆกับเค้าเสียทีก็เลยให้เรตเพลงนี้สูงหน่อยแล้วกัน Your Biggest Mistake (3.5/5) และ I'll Hold My Breath (3.5/5) 2เพลงนี้เป็น2เพลงที่ภาคดนตรีเรียกได้ว่าอ่อนที่สุดในอัลบั้มนี้แล้ว โดยเพลงแรกนี้ถึงกลับไปทำบับเบิ้ลกัมพ็อพกันเลยทีเดียว แต่โอเคนะ ที่สำคัญเพลงนี้ชอบออโต้จูนเสียงร้องด้วย แปลกดี ส่วนเพลงที่2ก็เป็นซินธ์พ็อพอะเน๊อะ ตัวงานก็เป็นอดัล์คอนเทมดพรารี่แบบยูโรพ็อพสบายๆหยอดซินธ์น่ารักๆ เป็น2เพลงที่เหมาะกับวันสบายๆไม่ต้องคิดอะไรมาก Salt Skin (4.5/5) ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่นางจะเลือกเอาเพลงนี้มาปิดอัลบั้ม เพราะดีทั้งเนื้อหาและดนตรีเลยทีเดียว โดยเพลงนี้ นางเลือกจะตีแผ่ความหมายของ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์” เพื่อที่จะได้สิ่งที่ต้องการมา เราจะไม่สนใจเลยว่าต้องทำลายใครบ้าง คนที่ดีไม่สามารถมีที่ยืนในสังคมได้ อ้างสิทธิ์ความชอบธรรมของตนเพื่อที่จะทำร้ายคนอื่น และสุดท้ายก็เป็นแค่หุ่นให้คนที่มีอำนาจกว่าเชิด ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรทั้งนั้น ส่วนภาคดนตรีจะค่อนไปสายงานอิเล็กโทรนิคมากกว่าเพลงอื่นๆในอัลบั้ม ตัวเพลงใช้ลูกเล่นที่หลากหลาย ทั้งลูกเล่นดรีมพ็อพฟุ้งๆหรือลูกเล่นสังเคราะห์ต่างๆ โทนเพลงจะมีจังหวะกลางๆแบบงานดีพเฮาส์ติดไอแทรนซ์บางๆและพีคขึ้นเรื่อยๆสไตล์งานอัพเทมโพ ทำให้ฟังได้ค่อนข้างเรื่อยๆไม่น่าเบื่อเกินไป แทร็คต่อไป มาดูที่แทร็คแรกของอัลบั้มรีแพ็คเกจบ้าง Human (4/5) มาซะพังค์เชียวเน๊อะสำหรับเพลงนี้ ก็ดีเหมือนกันมีหลากหลายแนวทางให้เลือกฟัง ส่วนภาคเนื้อหาก็นะ ทำพังค์(ถึงจะเป็นแค่พ็อพพังค์ก็เหอะ)ทั้งทีก็ต้องทำเพลงกัดๆจิกๆอยู่แล้วล่ะ เพราะมันเป็นแพทเทิร์นที่คู่กันอยู่แล้ว ตัวเพลงก็จะพูดถึงคนกลุ่มหนึ่งที่มีชีวิตเพอร์เฟ็คท์เป็นชีวิตที่ใครหลายๆคนหมายปองอยากเป็น “มนุษย์” เหล่านี้ ถ้าฟังดูผ่านๆอาจให้ความรู้สึกว่ามันก็ธรรมดา แค่เพลงพวกขี้อิจฉาหาอะไรดีไม่ได้ละสิ่ แต่จริงๆเพลงนี้ค่อนข้างเน้นวาทศิลป์เยอะมาก โดยเฉพาะคีเวิร์ดคำว่า Human นี้แลดูจะimplyถึงอีพวกผู้ดิบผู้ดีทั้งหลายมากกว่า และท่อนฮุคที่เอคโค่ซ้ำไปมาอยู่อย่างงั้น เหมือนการเสียดเสียประชดประชันแบบผู้ดี้ผู้ดีกลับว่า หูยยย อิช้านละอยากเกิดมาเป็นอีพวกมนุษย์ผู้รากมากดีกะนั้นบ้างนะอีสัตส์ อุ๊ย ค่ะเจ้าค่ะ หึหึ Little Dreams (3.5/5) ขยับมาเป็นงานสายอิเล็กโทรนิคเต็มสตรีมกันต่อแบบไม่ต้องมาผสมนู้นนี้แบบลูกผีลูกคนกันเลย เพลงนี้เจ้ขอเลื้อยเบาๆกับแทรนซ์เอื้อยๆผสารคลับแดนซ์ตามผับแบบกึ่มๆวาดลวดลายพอสวยๆ ว่าไปแล้วเพลงนี้ได้อิทธิพลจากงานเทคโนดิสโก้แท้ๆในยุคปลาย80s-90sมาเต็มๆเลยนะ คือทั้งซาวด์และบีทคือไปในทิศทางเดียวกันแบบไม่มีจุดพีคจุดฟินใดๆเลย เป็นเพลงโทนจังหวะเดียวที่ทำให้รู้สึกเนือยและวนบีทไปหน่อย ถ้ายัดอะไรตู้มต้ามกว่านี้อาจจะเกิดกว่าก็ได้นะ Home (5) ฟังเพลงนี้ทีไรก็พาลนึกถึงอัลบั้ม Halcyon ทุกที เรียกได้เป็นงานชิมลางก่อนจะขยับไปสายอินดี้ร็อคในอัลบั้มล่าสุด ส่วนตัวชอบอินเนอร์เพลงนี้มากๆ โดยเฉพาะท่อน “This will always be my home” นี้ดูทรงพลังและมีอำนาจสะกดมากๆ อีกทั้งการถ่ายออกมาได้ดูเหนื่อยและเศร้า เหงา คละคลุ้งผสมปนเปกันไปหมดจริงๆ ตรงนี้ถือว่านางทำได้ยอดเยี่ยมมาก โดยไม่ต้องอาศัยความเยอะของความดนตรีใดๆเลย นี้สิ่เค้าถึงเรียกว่าโซลจริงๆ Animal (2.5/5) เอาจริงๆส่วนตัวไม่ปลื้มแทร็คนี้เท่าไหร่ คือมันไม่ได้แย่อะไรหรอก แต่มันเกร่อและน่ารำคาญเกินไป คือเข้าใจนะว่าเพลงอื่นๆของนางก็ไม่ได้เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นมิติใหม่แก่วงการเพลงอะไร แต่งานอัพเทมโพเสี่ยวๆเน้นเพอร์คัสชั่นโหลๆเคราะกันให้โลงแตกไม่ต้องพึ่งพระสวดแบบนี้มันน่าเบื่อมาก คือเค้าใจว่าหร่อนอยากกว้านทำเพลงให้มันหลากหลาย แต่ก็ไม่ต้องกว้านมาหมดแบบ เห่ย มึงอยากฟังอินดี้พ็อพ กูก็ก็มีนะ เมนสตรีมกูก็มี ลงนรกขุมที่8หรือขึ้นสวรรค์ชั้น7ก็มีทั้งนั้น ถ้าจะยัดขนาดนั้น วันไหนได้ฤกษ์หร่อนก็เปิดร้านแข่งกับอีเจ้เล้งเลยสิค่ะ ยิ่งภาคเนื้อหาก็กระหรี่ แหมรักใสวัยรุ่น โถ่ กระหรี่เสียตัวเป็น100ผัวก็แอ๊บได้ค่ะ ถ้ากระสันขนาดนั้นตัดโพรโมตเอากันกลางสาธารณะไปเลยค่ะ แล้วช้านจะมาแก้คะแนนให้ Believe Me (3.5/5) บับเกิ้ลกัมมากค่ะ ตายแหล่ะ ตอนฟังแรกนี้ฮามาก ตลกยังกะนั่งฟังเพลงประกอบหนังเห่ยๆอย่างอีพวก High School Musical ก็มิปาน แหมให้ช้านเชื่อหร่อน กูไม่เชื่อมึงหรอกค่ะ อีดอก ไม่ต้องอ้อนวอนกราบกรานอะไรทั้งนั้น แต่ฟังไปบ่อยๆแล้วดันหลอนหูซะงั้น กลายเป็นว่าเปิดบ่อยกว่าอีกพวกเพลง5ดาวเสียอีก นี้ช้านควรจะเสียใจหรือดีใจดีเนี่ย แต่มันไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ เพียงแต่มันพ็อพมากๆจนนึกสรรคุรอื่นมาอธิบายมันไม่ออกเลย ถ้าไม่ซีเรียสอะไรมากคิดว่าหลายคนต้องชอบมันแน่ๆ เพราะช้านก็ชอบ 555

สรุป
ตอนแรกกะว่าจะใช้เวลาศึกษางานและเขียนแค่3วัน สรุปจนถึงวันเขียนเสร็จก็เกือบ1ปีแล้วค่ะ ไอ้คำพูดสวยหรูที่จะพูดปิดก็ลืมไปหมดแล้ว เลยขอปิดสไตล์งานเขียนตัวเองเลยแล้วกัน ถ้าถามว่านางจะให้อะไรหรือสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆอะไรให้แก่วงการเพลงต่อไปในอนาคตหรือไม่ ส่วนตัวก็ไม่สามารถตอบได้ แต่เอาความรู้สึกที่มีต่อนางตอนนี้เลย บอกได้แค่ว่านางทำให้ตัวรีเองมีประกายไฟและจุดมุ่งมุ่งหมายอะไรใหม่ๆอีกครั้ง มีเคมีเข้ากัน จะเรียกว่าไอดอลคนล่าสุดก็ได้ และที่สำคัญคือเพลงของทั้งอัลบั้มโดนสำหรับรีมากๆ แค่นี้ก็เพียงพอที่รีจะถวายตัวเป็นแฟนคลับแล้ว แม้ว่าต่อไปในอนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ความชอบที่รีมีต่อนาง มีต่ออัลบั้มนี้ ก็เป็นความจริง ดังนั้นก็ขอรีเชียร์อัลบั้มนี้สุดตัวแน่นอน ส่วนรีวิวครั้งต่อไป รีขอพักยาวๆเลยแล้วกันรวมทั้งการเล่นบอร์ดนี้ด้วย คงหายหน้าไปซักพักแล้วกันค่ะ ถ้าว่างก็จะกลับกลับมาเขียนรีวิวและมาป่วนด้วยต่อ 555


_________________

_________________

ชอบ your song + the writer มากที่สุดในโลก เสียงนางแบบเข้าถึงมรั่กๆ

your song นี่มันเพลงอมตะจริงๆนะ ฟังทีไรก็เพราะ และก็เป็นเพลงที่ฟังเวอร์ชั่นไลฟ์แล้วชอบมากว่าของจริงตลอดเวลาไม่ว่าใครจะเอามาร้อง

คิดว่าเพลงนี้นางตัดมาสั้นไปหน่อย แค่สามนาทีเอง มันเลยไม่ค่อยทอดอารมณ์ แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันเพราะถ้าไม่ชอบเพลงพวกนี้จริงก็คงจะเบ้ปากใส่รัวๆ ไม่เสียของจริงๆอ่ะ คือไม่ได้แย่ให้เป็นที่กล่าวหาหรือเริ่ดเว่อจนกลบต้นฉบับ อ๊าย ว่าแล้วสิต้องฟังอีกรอบ

ปล. your song ของป้าจอห์นชั้นชอบเวอร์ชั่น live ที่ป้าเล่นเพียโนสดมากๆ มันเพราะไปทุกกระเบียดเลยส่วนเวอร์ชั่นอัลบัม อะไรค้า เสียงเห่อหม-ยมาก

คิดถึงกะเทยพี่รีจัง หายไปนานรุย


_________________

เพราะ


_________________
กระทู้อีเจโป๊ะแตกว่าเป็นคารีน่า

เพลงเพราะเยอะมากอัลบั้มนี้


_________________