ถึงแม้ข้อมูลบอร์ดจะหายไป แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับโลกภาพยนตร์ของเวเฟอร์นะครับ
ใครอ่านไปแล้วก็อ่านกันอีกไม่ถือสา ใครยังไม่ได้อ่านก็จะรอช้าอยู่ใยเข้าไปอ่านกันเลย
**ย้ำอีกครั้งนะครั้ง งานชิ้นนี้เป็นการเล่าเรื่องละเอียดแทบทั้งหมดของเนื้อเรื่องเพื่อสร้างความกระจ่างและความเข้าใจสำหรับผู้ที่ชมไปแล้ว ผู้ที่ยังไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อนแนะนำให้ปิดกระทู้นี้ไปโดยเร็วที่สุด ขอบคุณครับ**
5. Identity
กล่าวนำกันก่อน: Identity เป็นหนังแนวกระตุกขวัญ-ฆาตกรต่อเนื่อง ที่พบได้ทั่วไปตามท้องตลาดบ้านเรา ผู้คนแปลกหน้าตายกันทีละคนๆ จนคนในเรื่องเหลือน้อยลงไปทุกที จนมาถึงบทส่งท้ายก็จะมีการหักมุมว่าแท้จริงแล้วใครคือฆาตกร หนังแนวนี้ถูกนำมาเล่านับครั้งไม่ถ้วนจนขาดความคลาสสิค ความน่าสนใจไปตามกาลเวลา แต่ทว่า หนังเรื่อง Identity ซึ่งเป็นแนวที่ได้กล่าวมานั้น มีการนำเสนอเนื้อเรื่องที่แปลก แหวกแนว คาดไม่ถึง จนสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาหนีห่างจากหนังฆาตกรโง่ ๆ ทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยม ถึงจะไม่ได้เป็นหนังเรื่องโปรดของหลาย ๆ คนที่เคยชมกันไปแต่ หนังเรื่องนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผู้ที่สร้างออกมาได้แบบนี้ นั้นต้องอัจฉริยะ จริงๆ
ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเข้าใจยาก: จากการชมค่อนแรกของภาพยนตร์คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ในการติดตามเนื้อเรื่อง แต่เมื่อถึงจุดหักมุมนี้ซิ มันคาดไม่ถึงจนเล่นเอาซะงงกันจนตาถลนเลยทีเดียว ก็เพราะหนังเรื่องนี้จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหนังที่มีการหักมุมสุดขั้ว มีเหตุการณ์ที่คนไม่มีทางเดาถูก มีเนื้อเรื่องที่อยู่เหนือการคาดเดา มันถือเป็นสิ่งที่ไม่มีการเตรียมการณ์มาก่อนว่าจะได้รับชมจากหนังประเภทแบบนี้ จึงอาจเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่คนดูตามไม่ทัน ตั้งตัวไม่ทันกับการหันเหเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันเช่นนั้น แต่สำหรับนักดูหนักทั้งหลายแล้วนั้น นี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน ความไม่ซ้ำซาก
เข้าสู่เนื้อเรื่องแห่งความเครียด: เหตุการณ์เริ่มขึ้นที่โมเทล แห่งหนึ่งที่เกิดฝายุฝนอย่างหนักจนเป็นเหตุสุดบังเอิญ (ขอเน้นว่า สุดบังเอิญ) ให้คนแปลกหน้าทั้ง 11 คนต้องมาติดแหงกอยู่ที่โมเทลหลังดังกล่าว 11 คนที่ว่านั้นไม่ใช่พวกวัยรุ่นงี่เง่า ปากดีนะ หนังเลือกที่จะใช้คาแรคเตอร์ ที่แตกต่างและไม่จำเจอย่างเห็นได้ชัดจนดูเหมือนจะเป็นเหตุบังเอิญซะจริงๆ ไล่ไปตั้งแต่
คุณแม่อลิซ ผู้เรียบร้อย
จอร์จ คุณพ่อที่ดูโง่ๆ เบลอๆ อาจถึงขั้นน่ารำคาญ
คุณลูกทิโมธี่ ใบหน้าใสซื่อ โนเนะ
ปารีส โสเภณี ผู้ผกเงินสดเต็มกระเป๋าหลายแสน
แคโรไลน์ ดารานิสัยเสีย
เอ็ดเวิร์ด คนขับดารา คุณธรรมสูงส่ง
แลร์รี่ เจ้าของโมเทล ผู้ซ่อนความลับ
โรดส์ ตำรวจหน้าโหดที่กำลังขนย้านนักโทษหน้าเหี่ยม
ลูและ จินนี่ คู่รักเพิ่งแต่งงานข้าวใหม่ปลามัน แต่ดูไม่ค่อยรักกันเท่าไหร่เลย....
เหตุการณ์เข้มข้นและน่ากลัวตั้งแต่นาทีแรกเมื่อ อลิซถูกรถชนอาการบาดเจ็บสาหัส และก็ไม่สามารถนำตัวเธอไปส่งโรงพยาบาลได้ด้วย ก็เพราะพายุฝนที่กำลังตกหนักนั้นแหละ เธอจึงได้แต่นอนรอฝนหยุดอย่างร่อแล่ ทุกคนที่ติดอยู่นั้นก็มีปัญหาของแต่ละคนซึ่งนั้นก็ทำให้พวกเขาเครียดกันพอแล้ว แต่นั้นยังไม่สะใจคนดูหรอก เพราะสิ่งที่พวกคุณรอคอยคือนั่งดูคนเหล่านี้ตายกันอย่างสยดสยองไปทีละรายใช่ไหมล่ะ? ทีนี้ซิพวกคนที่เหลือจะทวีความเครียดกันทันควันเลย คำถามต่อไปไม่ใช่ว่าใครตายก่อนตายหลังหรอก แต่คนดูส่วนมากเริ่มทายกันตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าใครคือฆาตกร (ทายกันไปเถอะไม่ถูกหรอก อิอิ)
ศพแรกก็ ตลึงซะแล้ว เมื่อ เอ็ดพบหัวแคโรไลน์ ในเครื่องซักผ้า!!
และสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือ กุญแจเบอร์10 ตกอยู่ในเครื่องซักผ้าอย่างไร้เหตุผล...
ผู้คนที่เหลือต่างขวัญหนีดีฟ่อ เมื่อมีการตายเกิดขึ้น แล้วไอตัวนักโทษที่ถูกขนย้ายมาก็หายตัวไปทันทีเหมือนจงใจ! จึงตกเป็นหน้าที่ของหนุ่ม ๆ ที่ต้องออกทำหน้าที่ลูกผู้ชายส่วนสาว ๆ และเด็ก ๆ ก็เป็นตัวถ่วงของเรื่องกันต่อไป
โดยเฉพาะจินนี่ เธอหวาดกลัวจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ และมีปากเสียงกับสามีของเธอจนมีการทะเลาะกันยกใหญ่และหนีอารมณ์โทสะของสามีเธอเข้าไปอยู่ในห้องน้ำและตะโกนว่าจะไม่ออกมาจนกว่าสามีเธอจะใจเย็น.... แต่เธอก็พลาดซะแล้วที่ขังตัวเองไปแบบนั้นเพราะ....
เพราะเมื่อเธอออกมา สามีเธอก็ถูกแทงจนพรุนซะแล้ว พร้อมกำกุญแจหมายเลข9 ไว้ในมือ!!
เอ็ดเวิร์ดและโรดส์ เร่งตามตัวจับนักโทษที่เพิ่งหนีไปจนได้ตัวและมัดไว้ในห้องเก็บของของแลร์รี่แล้วสั่งให้เขาฝ้านักโทษคนนี้ไว้ แต่แลร์รี่ดูลนลานและหวาดกลัวไม่อยากอยู่กับนักโทษนี่สองต่อสองและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เก็บเค้าไว้ในห้องนี้ ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ
เมื่อเอ็ดเวิรืดกลับมาอีกครั้ง นักโทษคนดังกล่าวก็ตกอยู่ในสภาพนี้ซะแล้ว
ไม้เบสบอลคาปากเลย อู้ย สยิว พร้อมกุญแจเบอร์8 อยู่ข้างเก้าอี้อย่างเรียบร้อย
หักมุมที่หนึ่ง แลร์รี่เจ้าของโรงแรมหรือนี่คือคนฆ่า??: แลร์รี่ มีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำเขาไม่ได้ฆ่าคน ไม่ได้ฆ่าใครทั้งนั้น แต่ทันใดนั้นเองกระเป๋าตังค์ของแคโรไลน์ ก็หล่นออกมาจากตัวเขา เขาขโมยของเธอมา!! ไม่มีใครเชื่อแลร์รี่อีกต่อไปแล้ว เขาคว้ามีดขึ้นมาแล้วจอที่คอปารีส เป็นตัวประกัน!!
เธอขัดขืนต่อสู้ ตีศอกเขาแล้วดันไปข้างหลังห้องเก็บของ ด้วยเหตุบังเอิญ เธอคว้าไปโดนที่เปิดตู้เย็นและเปิดมันออกจนได้พบว่ามีอยู่อีกหนึ่งศพในตู้เย็นของแลร์รี่!!!
ศพนี้ถูกแช่มาเป็นเดือน แล้ว
ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างแน่ชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบอะไรต่อไปแล้ว แลร์รี่คือฆาตกรอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับศพแช่แข็ง แลร์รี่ก็ฉวยโอกาสหายแว่บไปซะเรียบร้อย เขาไปขึ้นรถเพื่อเตรียมจะหนีอย่างไม่รีรอ ด้วยความรีบเร่ง รถของเขาเกือบชนทิโมธี่ที่ออกมายืนไม่รู้อิโห่อิเหน่ จอร์จเห็นพอดีจึงวิ่งเข้าไปช่วงลูกชาย แต่แลร์รี่หักหลบแล้วขับชนจอร์จอัดเข้ากับกำแพงอย่างจัง!!
จอร์กลายเป็นอีกศพที่ถูกฆ่าต่อหน้าทุกคน อย่างสะพรึงกลัว ส่วนแลร์รี่ก็คงจะหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เขาถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้ จากนั้นแลร์รี่จึงเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด! ว่าความจริงแล้ว.....
เมื่อประมาณเดือนก่อนแลร์รี่เล่นการพนันจนหมดตัว ขับรถมาที่โมเทลแห่งนี้ พบศพของเจ้าของโมเทลตายอยู่นอนหน้าคว่ำจานพาย แลร์รี่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลยยึดโมเทลหลังนี้เป็นของตัวเองซะเลยด้วยความที่ว่าตัวเองก็ถังแตกอยู่ ส่วนศพเจ้าของร้านชื่อว่าแลร์รี่นั้น(ชื่อแลร์รี่เหมือนกันทั้งสองคนเลยบังเอิญดีไหม) เขาจึงเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อรอญาติหรือใครมารับตัวไป จากวันนั้นเมื่อมีคนมาพักที่โมเทลแลร์รี่ก็ทำตัวเป็นเจ้าของโมเทลคนใหม่ซะเลย ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีใครมารับศพที่ว่า แลร์รี่จึงทำเนียนและตั้งใจจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอีกเลย ถึงแม้ทั้งหมดจะฟังดูเหมือนเป็นเพียงแค่คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่หากมันเป็นเรื่องจริงล่ะ หากทุกอย่างที่เขาบอกเป็นนั้นเรื่องจริง หากแลร์รี่ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วใครล่ะที่เป็นฆาตกรในค่ำคืนนี้???
ขณะที่ทุกคนกำลังฟังเรื่องของแลร์รี่ นั้นเรื่องเศร้าอีกเรื่องได้บังเกิดเมื่ออลิซ (แม่ของทิโมธี่ที่ถูกรถชน) นอนสิ้นลมหายใจอยู่ในห้องข้าง ๆ อย่างสงบ...
พร้อมกุญแจเบอร์ 6 วางอยู่ข้าง ๆ อย่างจงใจ
ชวนคนฉลาดมาคิด: หากฆาตกรจงใจ ให้มีกุญแจอยู่ที่ศพไล่ลำดับมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เบอร์ 10 ไปจนถึงเบอร์ 1 ล่ะก็ แคโรไลน์หมายเลข10 ลูหมายเลข9 นักโทษหมายเลข8 อลิซได้หมายเลข6?!? แล้วหมายเลข7 ไปไหน ? ศพของจอร์จไง ที่ถูกแลร์รี่ขับชนด้วยอุบัติเหตุ ในกระเป๋ามีกุญแจหมายเลข7 อยู่ในนั้น!!! หมายความว่า ฆาตกรลำดับมาแล้วหรอว่าใครจะตายก่อนตายหลัง ฆาตกรรู้ได้อย่างไร ว่าจอร์จจะวิ่งเข้าไปขวางรถเพื่อช่วยทิโมธี่ จนถูกชนซะเอง แล้วฆาตกรรู้ได้อย่างไรว่า อลิซจะสิ้นใจตายเป็นศพต่อมา ทั้ง 2 ต่างตายด้วยอุบัติเหตุจริงๆ แต่เหตุใดหนอกุญแกจึงไปอยู่ที่ศพแล้วเรียงตัวเลขอย่างจงใจ เว้นแต่จะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเท่านั้นแหละ!!!
เมื่อเอ็ดเห็นว่ามันชักจะไม่ธรรมดาแล้ว มันไม่ใช่เพียงแค่ฆาตกรทั่วไปแน่ๆ เขาจึงให้ปารีสและจินนี่ พาทิมโมธี่ขับรถหนีไป ไปให้ไกลที่สุดไปจากที่นี่ แต่ทันทีที่จินนี่และทิมโมธี่ขึ้นรถมันก็.....
ระเบิดทันทีจนไม่เหลือแม้แต่ซากศพ
เรื่องคงจะไม่สามารถแปลกไปได้มากกว่านี้เมื่อศพของทุกคนหายไปหมดไม่เพียงแต่เฉพาะศพของจินนี่และทิมโทธี่ ศพของทุกๆคนก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว! ทั้งศพเสื้อผ้าและแม้กระทั้งคราบเลือด ไม่มีเหลือไว้แม้แต่นิดเดียว เหมือนพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่มาก่อนอย่างนั้น!!
ทั้ง 4 คนที่เหลือรอด ปารีส เอ็ดเวิร์ด แลร์รี่ และ -*- เริ่มรู้สึกถึงความไม่ธรรมดาเข้าไปทุกทีจนได้คุยกันไปมาและพบว่าพวกเขาทั้ง 11 คนที่ได้มาเจอกันในค่ำคืนนี้มีบางอย่างที่สัมพันธ์กัน อย่างคาดไม่ถึง พวกเขาทุกคนเกิดวันวันเดียวกัน!!! วันที่ 10 พฤษภาคม.......
เอ็ดเวิร์ด เริ่มตระหนังถึงความจริงและสาเหตุที่พวกเขาต้องมาอยู่ที่นี้ เอ็ดเวิร์ดคิดอะไรได้หลายอย่าง ไม่เพียงแต่พวกเขาทั้ง 11 คนนั้นจะมีเกิดวันเดียวกัน ชื่อนามสกุลพวกเขาทุกคนยังคล้ายกับชื่อรัฐและประเทศเหมือนกันหมดทุกคน!!!
จอร์จ-อลิซ-ทิโมธี่ ยอร์ค / แคโรไลน์ ซูซาน / จินนี่-ลู อินเซียน่า / แลร์รี่ วอชิงตัน / ปารีส แนวาด้า / โรดส์ โรดส์ไอส์แลนด์ / เอ็ด ดาโกต้า
เมื่อเอ็ดเวิร์ดคิดย้อนไปมาและตระหนักถึงความจริงทั้งหมด เขาก็วูบดับเหมือนจะหมดสติแต่ก็ไม่ใช่ เขาได้ยินเสียงคนๆ หนึ่งคุยกับเขา เขาลืมตามาอีกทีพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่โมเทลหลังเดิมอีกแล้ว เขามาอยู่อีกที่หนึ่งที่ซึ่งมีคนหน้าแปลก 5 คนนั่งล้อมวง จ้องมองดูเขา แล้วถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเอ็ดเวิร์ดเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดกลับไม่มีอยากจะฟังเขาเท่าไหร่ เอ็ดเวิร์ดจะต้องรู้ว่าเขาไม่ได้มาที่นี้เพื่อเล่า แต่เอ็ดเวิร์ดจะต้องมาที่นี้เพื่อฟัง มาฟังความจริงทั้งหมด มาฟังสาเหตุที่แท้จริงของค่ำคืนนี้
หักมุมที่สอง ครั้งสำคัญจุดแปรผันของเนื้อเรื่อง: ดอกเตอร์ผู้ชายที่นั่งมองหน้าเอ็ดเวิร์ดเล่าให้ฟังว่ามีผู้ชายชื่อ มัลคอล์ม ริเวิอร์ส เป็นคนที่มีปัญหาตั้งแต่เด็ก จิตใจบอกช้ำเหลือหลายจนกลายเป็นโรคหลายบุคลิก คือโรคที่คิดว่าตัวเองมีหลายร่าง แตกต่างกันไป (ยกตัวอย่างเรื่อง psycho ที่เป็น 2 บุคลิกนั้นก็โรคเดียวกัน) มัคคอล์ม เป็นคนที่มีบุคลิกมากมายในหัวสมอง ทั้งดีและเลวแตกต่างกันไป นั้นก็ฟังดูแปลกมากแล้ว แต่ที่แปลกกว่ายังมี คือ เอ็ดเวิร์ด และทุกคนที่เขาเจอในค่ำคืนนี้ ล้วนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในบุคลิคของมัลคอล์ม ริเวิร์ส !!!
ทุกคนถึงได้มีวันเกิดวันเดียวกัน วันที่ 10 พฤษภาคา ทุกคนถึงได้มีชื่อที่สัมพันธ์กัน ทุกคนเป็นเพียงบุคลิกที่เกิดมาจากคนคนเดียวกัน อยู่ในหัวของมัลคอล์มเพียงคนเดียว!!!
เมื่อบุคลิกใดเกิดความเครียดจัดๆ จะได้ครอบครองร่างของมัลคอล์ม อย่างที่เอ็ดเวิร์ดกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ปัญหาคือเมื่อ4 ปีก่อนเมื่อบุคลิกที่เป็นฆาตกร(ซึ่งเราก็ยังไม่รู้กันว่าบุคลิกใดกันแน่ที่เป็นฆาตกร) ขึ้นครองร่างแล้วออกฆ่าคนหลายศพ จนทำให้มัลคอล์ม ถูกจับพร้อมโทษประหารชีวิตและให้กินยาเพื่อให้ลดจำนวนบุคลิกในร่างของเขาลง โดยยาที่กินจะทำให้บุคลิกทั้งหมดของเขามาเจอกันเอง จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ช่วงแรกในเรื่องนั้นเอง จากนั้นบุคลิกที่เป็นฆาตกรจึงออกฆ่าบุคลิกต่าง ๆ ออกให้หมดเพื่อเป็นการกำจัดบุคลิกให้หมดไปจนเหลือเพียงบุคลิกเดียวเท่านั้น (เมื่อบุคลิกที่ถูกฆ่าตายหรือถูกกำจัด ศพของพวกจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนกับไม่มีตัวตนนั้นเอง)
คำถามตอนนี้ ในบุคลิกที่เหลือรอดมาตอนนี้ทั้ง 4 คน บุคลิกใดกันแน่ที่เป็นฆาตกร!!!
ด๊อกเตอร์บอกกับเอ็ดเวิร์ดว่า ให้เอ็ดเวิร์ดกลับเข้าไป จัดการฆ่าบุคลิกที่เป็นฆาตกรทิ้งซะ เพื่อที่จะให้ศาลเชื่อว่าร่างของ มัลคอล์ม รีเวิร์ส จะไม่ออกไปฆ่าใครอีก เมื่อบุคลิกที่เป็นฆาตกรในหัวของเขาหายไปแล้ว
ทุกอย่างที่เอ็ดเวิร์ดฟังมาเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ตัวเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดที่ฟังมานั้นเป็นเรื่องจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องในหัวของคนเพียงคนเดียว
จากนั้นเอ็ดเวิร์ดต้องกลับมา มาจัดการกับบุคลิกที่เป็นฆาตกรมาฆ่ามันทิ้งซะ เพราะหากมัลคอล์ม ถูกประหารชีวิตแล้วล่ะก็ จะไม่มีใครได้เหลือรอดเลยแม้แต่บุคลิกเดียว
หักมุมที่ 3 คนนี้หรือคือบุคลิกที่เป็นฆาตกร: ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดวูบไปที่โลกแห่งความจริง ที่โมเทลไฟดับไปแล้ว ปารีส แลร์รี่ และ โรดส์ จึงต้องหาไฟสำรองกัน ปารีสเข้าไปหาของอะไรที่จะช่วยได้ในรถของโรดส์ และได้พบว่ารถไม่ได้มีกุญแจขับมา! รถต่อสายตรง รถคันนี้ถูกขโมยมา!! และปารีสยังได้พบกับเอกสารขนย้ายนักโทษ ว่าไม่ได้ขนย้ายนักโทษเพียงคนเดียวแต่เป็นการขนย้ายนักโทษสองคน อีกคนก็คือ...
โรดส์ไม่ได้เป็นตำรวจแต่อย่างใด เขาก็เป็นนักโทษอีกคนนั้นเอง ทั้ง 2 เป็นเพื่อนกัน ที่ได้ฆ่าตำรวจแล้วหนีมา ฉะนั้นเห็นดังนี้แล้ว โรดส์คือบุคลิกที่เป็นฆาตกร....
ศพตำรวจที่เขาฆ่ามายังถูกซุกอยู่หลังรถอยู่เลย...
ปารีสได้รู้เข้าจึงกลัวจัดและรีบไปบอกความจริงแก่แลร์รี่ แต่เธอพบกับโรดส์ซะก่อน จึงเกิดการต่อสู้กัน แล้ว แลร์รี่ถูกโรดส์ยิงตายจังๆ
เอ็ดเวิร์ดเข้ามาหาปารีสเขาไม่ได้เล่าอะไรได้เล่าความจริง ให้ปารีสฟังแต่อย่างใด เพียงแต่บอกให้เธออยู่ห่าง ๆ เอาไว้จากนั้นเอ็ดเวิร์ด ตรงไปหาโรดส์แล้วเปิดฉากแลกกระสุนกันทันที เอ็ดเวิร์ดจงใจไม่หลบกระสุนแต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่าเขาเองสมความที่จะตายไปพร้อมกับฆาตกร ให้ปารีสนั้นรอดชีวิตไป ให้เธอเป็นบุคลิกเดียวที่เหลือดรอด และทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสงบไม่มีบุคลิกใดเป็นฆาตกรอีกต่อไป...
เมื่อเอ็ดเวิร์ดและโร๊ดส์ตายไป ก็จะเหลือเพียงบุคลิกปารีสเพียงคนเดียวในหัวของมัลคอล์ม รีเวอร์ส
เรื่องราวจบลงด้วยความสงบสุข ฆาตกรถูกค่าตาย บุคลิกที่เป็นคนดีเหลือรอดเพียงบุคลิกเดียว มัลคอล์ม รีเวิร์ส ก็ไม่ถูกประหารชีวิต เขาถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลโรงประสาทของรัฐ
ปารีสใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขเหมือนเคยในหัวของมัลคอล์ม เธอไปซื้อไร่ส้ม ตามที่ตั้งใจไว้ ไม่มีเรื่องใดให้กังวลใจอีกแล้ว
จนกระทั้งวันหนึ่งเมื่อเธอกำลังพรวนดินในสวนของเธอเธอพบกับ กุญแจหมายเลข 1.....
นั้นอาจหมาความว่าการฆ่ายังไม่จบสิ้น.....
เพราะ...
หักมุมสุดท้ายที่สุดของความเหนือการคาดเดา: ฆาตกรตัวจริงปรากฏกายอยู่เบื้อหน้าเธอง้างอาวุธเตรียมที่จะฆ่าเธออย่างโหดเหี้ยมเขาคือ ทิโมธี่ นั้นเอง!!!!!!!!!!!!!!!!
ทิโมธี่ เป็นคอถือมีดไปฆ่าแคโรไลน์และ ลูในคืนนั้น
ทิโมธี่ จงใจเดินไปให้รถตัดหน้า เพื่อให้มาชนจอร์จ
ทิโมธี่เป็นคนเอาไม้เบสบอลไปยัดคอนักโทษ
ทิโมธี่เป็นคนอุดปากและจมูกอลิซให้ตายคามือเขาเอง
ทิโทธี่เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่เหลือรอด ทิโมธี่คือบุคลิกที่เป็นฆาตกร!!!!!
สุดท้ายบุคลิกเดียวที่เลือดในหัวของมัลคอล์ม ก็คือทิโมธี่ ซึ่งเป็นบุคคลิกที่โหดร้าย ได้ทำให้มัลคอล์ม ออกฆ่าคนมาตลอดและมันจะไม่หยุด เพราะนั้นคือบุคลิกเดียวที่เหลือดรอดแล้ว...
สุดท้ายอยากบอกว่ามันช่างหักมุมได้ถูกใจเวเฟอร์ซะจริงๆ
ป.ล.สำหรับคนที่เคยคอมเมนท์ไปแล้วจะคอมเม้นท์ซ้ำอีกก็ไม่ว่ากันนะครับ
แล้วอันดับที่ 4 จะตามมาเมื่อถึงเวลาอันควรครับ
_________________
คุยหนังภาษาหมา