
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/07/16/robin-thicke-blurred-lines-rbsoul-97-55/comment-page-1/#comment-64
http://www.facebook.com/hysteriaculture
Robin Thicke : Blurred Lines : R&B/Soul (97% = 5/5)
นี่ก็เป็นอัลบั้มอีกหนึ่งชุดที่ลอยลำเข้าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดิฉันรอคอยไปโดยปริยายชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยอานิสงส์จากซิงเกิ้ลแรกภายใต้ชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม Blurred Lines ที่ดังกระหึ่มจนทะยานขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดชาร์ตตัวแรกของป๋า โรบิน ธิ๊ค แถมก่อนหน้านี้ดิฉันก็เพิ่งเขียนงานวิจารณ์อวยอีพีก่อนหน้าอัลบั้มเต็มไปหมาดๆว่าแล้วในที่สุดวันนี้ก็ได้ฤกษ์มานั่งฟังอัลบั้มเต็มๆที่ส่วนตัวรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเสียที
เท่าที่นั่งฟังดูแล้วดนตรีใน Blurred Lines ชุดนี้นับว่ามีความน่าสนใจและสีสันในตัวสูงทีเดียวนะคะกับความโดดเด่นของบางแทร็คที่ฉูดฉาดบนความเป็นฟั้งค์กี้ย์ ฮิพฮอพ ดิสโก้ตลอดจนบีทอิเล็คโทรนิคเต้นรำตึ๊บๆชนิดที่ฟังแล้วก็หัวหมุนกันไปข้างไม่คิดว่าจะมาดุซะขนาดนี้ แม้จะมีบ้างที่ดูโต่งจนเกือบจะล้นแต่โดยรวมก็แล้วก็นับว่าบูรณาการเข้ากับพื้นฐานของงานแบบคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีหวานๆและอารมณ์โอลด์สคูลบนกลิ่นโซลย้อนยุคในแบบฉบับของป๋าท่านได้ดีจะว่าไปก็นับว่างานชุดนี้เป็นอัลบั้มอาร์แอนด์บีโซลที่เปี่ยมคุณภาพระดับพระกาฬทีเดียวแต่อาจจะประสบชะตากรรมแบบหลายๆงานดีๆที่มีซิงเกิ้ลที่ โดดเด่น จนเกินไปจนกลายเป็นกลบความดีของเพลงอื่นๆให้แลดูด้อยลงไปถนัดตา
มาที่พาร์ทแนะนำของดีเชื่อว่ามาจนถึงป่านนี้แล้วคงไม่มีใครมานั่งลุ้นว่าดิฉันจะชอบเพลงไหนที่สุดในอัลบั้มชุดนี้เพราะมันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะเจ้าคะถ้าไม่ใช่ Blurred Lines (5/5) ไทเทิ่ลแทร็คซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวที่ร่วมงานกับT.I.และฟาร์เรลล์ วิลเลี่ยมส์ที่สร้างสถิติอันดับหนึ่งบน Hot 100 บนชาร์ตให้คุณพี่เป็นตัวแรกหลังจากที่คร่ำหวอดในวงการมาถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะปาเข้าไปสิบปีกว่าๆแล้วล่ะ นับว่าเป็นหนึ่งในแทร็คที่เด็ดดวงที่สุดประจำปี2013กับงานโอลด์สคูลฟั้งค์โซลอาร์แอนด์บีที่ประสานกลิ่นอายหอมๆของความเป็นฟั้งค์กี้ย์ดิสโก้เข้ากับน้ำเสียงฟัลเซ็ทโทเฟี้ยวฟ้าวสุดทรงเสน่ห์ในแบบฉบับเดียวกันกับพริ๊นซ์,ไมเคิล แจ็คสันและจัสติน ทิมเบอร์เลคร่วมผสานกลิ่นอายร่วมสมัยของทั้งซาวนด์ฮิพฮอพและอิเล็คโทรนิคประสานงากันได้โป๊ะเช๊ะลงตัวพอดิบพอดี เป็นหนึ่งในเพลงที่ดิฉันชอบทีสุดของปีนี้ อีกหนึ่งเพลงที่ทำเอาหันขวับตั้งแต่รอบแรกที่ฟังขอยกให้ Give It 2 U (4.5/5) ที่เห็นว่าเป็นซิงเกิ้ลที่สองฟังแล้วนึกถึงงานของ เนลลี่ย์ เฟอร์ทาโด้ (ขอประทานอภัยที่ดันลืมชื่ออัลบั้ม) ตบความเป็นเทคโนจากดนตรีอิเล็คโทรนิคคลับแบงเกอร์จัดจ้านเข้ากับซาวนด์เออร์บันจ๋าทั้งอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพเซ็กซี่ร้อนแรงมากๆ ภาวนาให้ดังเถิดปล่อยของซะขนาดนี้ Take It Easy On Me (4.5/5) นับว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงเต้นรำที่น่าจับตาและโดดเด่นที่สุดแทร็คหนึ่งของอัลบั้มตบซาวนด์ฟั้งค์ร็อคดิบๆช่วงต้นปะทะยูโรบีทเข้ากับความดิบดำของวัฒนธรรมดนตรีผิวสีอย่างอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพเจือดรัมส์แอนด์เบสส์จางๆได้ลงตัวคิดว่าตัวเพลงมีความเป็นธีมสูตรสำเร็จของตลาดเมนทสตรีมยุคนี้มากที่สุดแต่ออกมาแข็งและมีชั้นเชิงกว่าหลายๆศิลปินเยอะ สำหรับ Ooo La La (4.5/5) นี่น่าจะถูกใจคนที่ชอบงานโอลด์สคูลชิลล์ๆรุ่มรวยแบบพ็อพโซลและอาร์แอนด์บีหวานๆผสานเพอร์คัสชั่นเพราะๆแบบชิลล์แจ๊ซซ์และอารมณ์สุดเซ็กซี่ละมุนละไมแบบฟั้งค์กี้ย์ กรีดกรายมากๆเพลงนี้ ฟังแรกๆแล้วรู้สึกเฉยๆแต่พอมาฟังตอนเขียนแล้วปิ๊งขึ้นเยอะ เอาใจคอโมทาวน์สุดๆใน Aint No Hat 4 That (4.5/5) ที่คอเพลงฟั้งค์โซลและอาร์แอนด์บียุค70sที่ชอบสตีวี่ วอนเดอร์น่าจะชอบนะเพราะติดหูมากๆคือแม้ว่าจะดูล่องลอยแต่งามระยับจับจิต เช่นเดียวกับ Get In My Way (4.5/5) ที่ออกแนวอลังการกับความเป็นมโหรีบิ๊กแบนด์จัดเต็มฟังแล้วอดหลงรักไม่ได้ในยุคที่เพลงเมนทสตรีมมีแต่ซินธิ์พ็อพและEDMเกร่อๆจืดชืดน่าเบื่อได้เพลงอารมณ์โซลย้อนยุคแบบนี้มาชะล้างรูหูบ้างก็นับว่าเป็นการเยียวยาจิตวิญญาณที่ดีไปอีกแบบแม้จะอนุรักษ์นิยมไปนิดก็เถอะ นับว่ายากมากๆที่จะเลือกสักเพลงมาปิดท้ายเอาเป็นว่าขอเลือก The Good Life (4.5/5) งานปิดอัลบั้มก็แล้วกัน ไพเราะจนตกตะลึง
ตายล่ะ! ฟังตอนเขียนไปคะแนนก็พุ่งปรู๊ดปร๊าดตามแบบทะลักทะลายจนจากตอนแรกแอบกั๊กคะแนนไว้แค่4.5แต่พอเขียนจบขอเปลี่ยนใจเป็นให้5ดาวเต็มก็แล้วกันนะคะ ติ๊กกี้สุดที่รักนี่ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆนี่คือหนึ่งในอัลบั้มที่ดิฉันรักและประทับใจจริงจังที่สุดของปีนี้เคียงคู่กับ Specters Of The Feast ของ Black Rebel Motorcycle Club,Girl Who Got Away ของ ไดโด้และVintage France ของ Putumayo มีความสุขจริงๆชีวิตกับการเสพย์ดนตรีดีๆ