˹���á Forward Magazine

ตอบ

สุสานนักเรียน ตอนที่1 (Part3+4)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ สุสานนักเรียน ตอนที่1 (Part3+4) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

http://www.facebook.com/hysteriaculture

“สุสานนักเรียน ตอนที่1 เสียงบรรเลงดนตรีไทยอาถรรพ์จากห้องนาฏศิลป์”

บทความ/นิยา่ยในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

“ฟารีดาคะ ว๊าย!!!” หลินที่เดินเข้าในห้องน้ำร้องเสียงหลงเมื่อฟารีดาชี้คัตเตอร์ใส่หน้าเธอ “คือมิสมาลินเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ มิสเชิญตัวพบที่ห้องพักครูค่ะ?” ฟารีดารีบเดินออกจากห้องน้ำไปโดยไม่สนใจหลินที่ยืนงงกับท่าทีของฟารีดา “อุ๊ย!!! ขอโทษค่ะ” หลินรีบยกมือไหว้ผู้หญิงในชุดนางรำคนหนึ่งที่เธอถอยหลังไปชน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจหลินแต่ค่อยๆเดินตามฟารีดาไปทางห้องพักครู “เอ๊ะ! รุ่นพี่ม.6ซ้อมรำกันตอนนี้ด้วยเหรอ?” หลินเกาหัวแกรกๆ

“รู้ตัวใช่มั้ยว่าเธอทำอะไรลงไป?” มิสมาลินถามฟารีดาเสียงเข้ม “ทราบดีค่ะ! ว่าแต่อาจารย์ทราบรึเปล่าล่ะคะว่าทำไมหนูถึงต้องทำ?” ฟารีดานั่งไขว่ห้างตอบอย่างท้าทายพลางหันไปส่งสายตาจิกใส่อุไรอย่างเดือดดาล “เธอมีสิทธิ์ร้องเรียนไปยังซิสเตอร์เวโรนิก้าหรือพ่ออธิการได้ฟารีดา เรื่องนี้มิสอุไรก็ต้องตอบคำถามพ่อจรัลด้วยเช่นกันไม่ต้องกลัว ที่ฉันกำลังถามเธอคือเธอรู้ตัวหรือเปล่าตัวเธอไม่มีสิทธิ์จะพังห้องเรียนนาฏศิลป์ไม่ว่ามิสอุไรจะจิกผมเธอหลุดมาเป็นกี่กำก็ตาม” มาลินใส่เด็กสาวเป็นชุด “อาจารย์จบครูมาไม่รู้เหรอคะว่านี่มันหลังสมัยเลิกทาสตั้งนานแล้ว หนูไม่รู้ว่าอาจารย์สอนลูกหลานยังไงนะคะแต่กับหนูไม่เคยยอมนั่งให้ใครมาตบฟรีๆ” ฟารีดายักคิ้วพลางกระแทกเสียงใส่ “ฟารีดา!!!” มาลินตวาด “พอเถอะค่ะมิส!” อุไรพูดกับมาลินอย่างอ่อนใจ “ไม่ได้ค่ะพี่ ยังไงก็ตามฉันในฐานะครูประจำชั้นของเธอขอสั่งให้เธอกราบเท้าขอโทษมิสอุไรซะพร้อมทั้งขอสั่งให้เธอเป็นตัวแทนรำไทยกับเพื่อนๆในวันไหว้ครูด้วย” มาลินสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด “ไม่ค่ะ!!!” ฟารีดายืนเท้าสะเอว “นี่เธอคิดว่าเธอเป็นใครเนี่ย?” มาลินยืนประจันหน้ากับเด็กสาว “คิดถึงปากท้องมิสจะดีกว่ามั้งคะ เงินเดือนทุกวันนี้ได้มาจากใครล่ะคะถ้าไม่ใช่ผู้ปกครองพวกหนู ไม่พอใจเรื่องห้องนาฏศิลป์อะไรนั่นก็โทรหาลุงกับป้าหนูสิคะ มีปัญญาจ่ายค่ะ” ฟารีดาตะคอกใส่หน้ามาลินจนครูทั้งห้องพักหันมามองด้วยความตะลึงพรึงเพริด “ถ้าเธอคิดแบบนี้กับโรงเรียนและคิดแบบนี้กับครูบาอาจารย์ ครูว่าเธอก็ไม่สมควรจะเป็นนักเรียนที่นี่อีกต่อไป” มาลินตวาดน้ำตาคลอหน่วยก่อนจะนั่งลงเพราะเจ็บบาดแผลบริเวณน่อง “ออกก็ออกสิคะ ไม่เคยได้ยินเหรอคะมีตังค์เรียนที่ไหนก็ได้” ฟารีดาคว้าเงินหลายหมื่นในกระเป๋าสตางค์โยนใส่หน้ามาลิน “ลุงกับป้าหนูไปดูงานต่างประเทศท่านฝากค่าเทอมไว้ หนูคงไม่เสียเวลามาจ่ายวันประชุมผู้ปกครองหรอกค่ะเอาไปเถอะค่ะถึงหนูจะมาเรียนได้แค่สองวันก็จะคิดว่าทำบุญ ไม่อยากอาศัยแอร์บ้านใครฟรีๆ” ฟารีดามองมาลินอย่างเหยียดหยามก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป “ตายแล้วอีเด็กคนนี้ทำไมถึงมีนิสัยสันดานแบบนี้นะเนี่ย” ผการีบวิ่งเข้ามาแสร้งทำเป็นห่วงใยมาลินแต่จริงๆแล้วใจจริงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการรับรู้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดชนิดตัวซีดตัวสั่น “ฟารีดาเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กๆเพราะอุบัติเหตุ เด็กคนนี้โตมากับลุงและป้าที่นับถือศาสนาคริสต์เธอมีพฤติกรรมที่ต่อต้านคนรอบข้างตั้งแต่เด็กๆและเป็นเด็กหัวสมัยใหม่ที่ความคิดรุนแรงมากๆ” มาลินพูดขึ้นด้วยความเสียใจ

“ไม่ได้จริงๆฟารีดากี่พันพี่ก็เปิดประตูให้เราไม่ได้ไม่งั้นพี่ตี้โดนบาทหลวงเชือดคอแน่ๆ” ตี้ยืนเถียงกับฟารีดาที่ขอให้เขาเปิดประตูให้ “มันต้องมีใบอนุญาติจากอาจารย์จริงๆหนู” ตี้พูดวิงวอนให้เด็กสาวเลิกตื้อ “คุณตี้เปิดประตูให้เราหน่อยค่า” เลวรำพึงในชุดทำงานรัดติ้วและกระโปรงสั้นจุ๊ดที่เพิ่งไปทำธุระเรื่องค่าไฟฟ้าของโรงเรียนเดินลงมาจากแท็กซี่ เธอเดินเข้ามาในโรงเรียนยืนมองฟารีดาที่ยกมือไหว้ “อ้าว ทำไมไม่เข้าชั้นเรียนคะนักเรียน?” เลวรำพึงถามเด็กสาว “มิสคะ หนูมีธุระจะต้องออกไปข้างนอกค่ะเป็นเรื่องด่วนจริงๆ แต่ไม่มีลายเซ็นครูหนูออกไม่ได้ค่ะ” ฟารีดาวิงวอน เลวรำพึงพาฟารีดาที่เดินตามเข้ามาหลบมุมเข้าล็อบบี้กาแฟของโรงเรียน “มิสจะช่วยคุณได้ยังไงเพราะถ้าคุณเป็นอะไรไปมิสคงรับผิดชอบไม่ไหว แต่สมัยเด็กๆมิสใช้ไอ้นี่และมันได้ผลเสมอเวลาจะปลอมลายเซนต์ คุณก็รับผิดชอบตัวคุณเองก็แล้วกัน” เลวรำพึงยื่นกระดาษก็อปปี้ให้ฟารีดาที่ยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ

คริสมาสต์,แอนดี้,หลิน,ดีไซน์,ฮาเวิร์ดและฮโยมินที่เสนอตัวเองเข้ามาแทนที่ฟารีดาอยู่ซ้อมรำจนเกือบหนึ่งทุ่มท่ามกลางการดูแลอย่างดีของอุไร “นี่ก็มืดแล้วมิสว่าวันนี้เราพอกันแค่นี้ก่อน อย่าลืมนะคะลูกๆว่านาฏศิลป์ไทยเป็นศิลปะชั้นสูงเป็นมรดกอันแสนวิจิตรที่ได้รับการสืบทอดมานานดังนั้นครูจึงอยากให้เราทุกคนใส่ความอ่อนช้อย ความตั้งใจมีสมาธิและวิญญาณลงไปให้มากกว่านี้เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อวิญญาณแห่งบรมครูนาฏศิลป์ไทยจากใจจริง” อุไรกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คริสมาสต์ภาษาท่าทางดีแต่ยังขาดสมาธิอยู่หนูต้องฝึกสมาธิให้ดีกว่านี้ แอนดี้อ่อนช้อยแต่ยังไม่มีพลังครูอยากให้ลูกฝึกหน้ากระจกทุกคืนเพื่อเรียกความมั่นใจ ฮาเวิร์ดต้องทำความเข้าใจเรื่องของการเคลื่อนไหวเชิงรำไทยตั้งแต่วันนี้เสียใหม่ ส่วนลูกสาวทุกคนทำได้ดีทีเดียวค่ะ” เด็กสาวทั้งสามยิ้มพลางปรบมือให้แก่ตัวเอง หลังจากที่ทุกคนช่วยอุไรเก็บข้าวของปิดห้องซ้อมแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยอุไรและหลินจะติดรถคุณพ่อของฮโยมินที่อาสาไปส่งทั้งคู่ที่บ้านในละแวกใกล้กัน “เฮ้ย! มึงรู้มั้ยวะว่าเด็กประจำเขาพูดกันด้วยว่าตอนกลางคืนจะมีเสียงดนตรีไทยดังมาจากเรือนกลางน้ำที่พวกเราซ้อมกัน “ฮาเวิร์ดกอดคอแอนดี้” ที่หน้าซีดขึ้นมาทันที “ฮาเวิร์ดบ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้น่ากลัว นี่มืดแล้วนะดาร์ลิ่ง” ดีไซน์รีบวิ่งมาซบข้างๆแขนฮาเวิร์ด “อ้าว ยูไม่เคยได้ยินเหรอว่าทุกโรงเรียนมีสิ่งลี้ลับอยู่7สิ่งเขาเรียกว่า ’7มหัศจรรย์’ และทุกโรงเรียนที่มีห้องนาฏศิลป์ก็มีเรื่องผีที่เป็นตำนานเสมอ อย่าง ผีนางรำ…” จู่ๆดีไซน์ก็กรี๊ดขึ้นมาทำเอาวงแตกเพราะว่าคริสมาสต์แกล้งกระโจนไปขยุ่มขา “ไอ้คริสมาสต์ Bastard! Fuck You!!! ไอ้บ้า” ดีไซน์เอากระเป๋าไล่ทุบคริสมาสต ์แอนดี้หันไปมองที่หน้าเสาธงเห็นร่างเล็กๆร่างหนึ่งมี่เขาดูคุ้นตา “คิรินทร์ๆ” แอนดี้วิ่งตามร่างนั้นไป

แอนดี้วิ่งมาถึงบริเวณหน้าเสาธงแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของใครที่อยู่ตรงนั้น “แปลกจัง?” แอนดี้ยืนเกาหัวตัวเองอย่างผิดหวัง “แอนดี้วิ่งมานี่ทำไมไม่เห็นมีใครเลย?” คริสมาสต์วิ่งหนีดีไซน์ตามมาสมทบ “อ้าว ที่เข้าแถวพวกเราพอดี!!!” ฮาเวิร์ดเดินเข้ามากอดคอทั้งแอนดี้และคริสมาสต์ “อย่างโรงเรียนเรานะแอนดี้พวกนักกีฬาที่อยู่ซ้อมกันดึกๆน่ะเขาเจอทุกคนแหละ ผู้หญิงใส่ชุดขาวบนชั้น8″ แอนดี้หน้าซีดและตัวสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฮาเวิร์ดพูดจบ “มันมีจริงๆเหรอ? คือเขาไม่ได้ตาฝาดหรือบ้าไปใช่มั้ย?” ฮาเวิร์ดเห็นแอนดี้มีอาการกลัวจนเห็นได้ชัดจึงยิ้มกริ่มก่อนจะจับหน้าแอนดี้เงยขึ้นมองด้านบนอย่างแรง “ดูสิแอนดี้ว่ามีใครยืนอยู่มั้ย?” แอนดี้ร้องลั่นกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้าภาพของผู้หญิงชุดขาวยืนกรอกตาซ้ายไปมาอย่างทุกข์ทรมานในขณะที่ใบหน้าซีกขวายุบลงไปเกือบครึ่งเธอยืนมองลงมาทางพวกเขาพลางทำปากขมุบขมิบพึมพำอย่างรวดเร็ว “เฮ้ย! ไอ้เหี้ยฮาเวิร์ดพอแล้วมึงเห็นมั้ยว่ามันกลัว” คริสมาสต์เอ็ดเพื่อนชาย ก่อนที่ดีไซน์จะแผดเสียงกรี๊ดดังลั่นพร้อมชี้ขึ้นไปด้านบน ฮาเวิร์ดกับคริสมาสต์ถึงกับผงะกับภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะอันตรธานหายไป “ไงล่ะมึง ไม่เข้าเรื่องเลยเจอดีเข้าให้แล้ว” คริสมาสต์ยืนขาสั่นในขณะที่ฮาเวิร์ดที่หน้าซีดเผือดเข้าไปยืนปลอบดีไซน์ที่ร้องไห้เพราะตกใจกลัว แอนดี้ที่ตั้งสติได้รีบวิ่งไปทางประตูโรงเรียนโดยมีคริสมาสต์วิ่งตามไปติดๆ “เฮ้ย! แอนดี้ๆเดี่ยว!!!” ฮาเวิร์ดมองขึ้นไปที่ชั้น8อีกทีก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น “โธ๋ ตาฝาดน่า ดูสิๆดีไซน์มีอะไรที่ไหนล่ะ!” เด็กสากลั้นใจเงยหน้าดูแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไรก่อนที่เสียงดนตรีไทยชวนขนลุกจะดังขึ้น “ฮาเวิร์ดเราปิดเรือนกลางน้ำไปแล้วใครจะมาเล่นดนตรีไทยตอนนี้ล่ะ?!” ดีไซน์ถามเสียงสั่น “ก็รุ่นพี่ที่เรียนประจำไง ไปเถอะหิวข้าวแล้ว” ฮาเวิร์ดจูงดีไซน์ไปที่ประตูทางออก “สวัสดีครับลุงศักดิ์” ฮาเวิร์ดสวัสดียามกะกลางคืนที่นั่งนิ่งหน้าซีดเผือดอยู่ในตู้ยาม “เหี้ยอะไรวะ พูดด้วยก็ไม่พูดกับกู?!!!” ฮาเวิร์ดสบถเบาๆอย่างงุนงงก่อนเดินออกจากโรงเรียนไป

แอนดี้วิ่งหายใจหอบระรัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าปากซอยคอนแวนต์โดยมีคริสมาสต์วิ่งตามมาติดๆ “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยแอนดี้?” คริสมาสต์หยั่งเชิงถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรหรอก” แอนดี้พยายามควบคุมเสียงให้เรียบนิ่งเป็นปกติ “รู้มั้ย? เมื่อวานที่เราเป็นลมก็เพราะเราเห็นผู้หญิงคนนั้นแหละ” แอนดี้บอกคริสมาสต์ทีขณะนี้หน้าเริ่มถอดสี”เราไม่คิดว่าเราจะเรียนที่นี่ต่อไปได้อีกถ้าโรงเรียนมีอะไรน่ากลัวแบบนี้” แอนดี้ทิ้งท้ายก่อนเดินขึ้นสถานีรถไฟฟ้าไป

ฟารีดาเดินออกมาจากสถานีตำรวจพร้อมกับยิ้มกริ่มในมือของเด็กสาวกำใบแจ้งความไว้แน่น “มึงได้ดังแน่ๆ” เธอพูดด้วยความเคียดแค้นในใจเธอคิดถึงเรื่องจะพานักข่าวไปที่โรงเรียนวันอาทิตย์นี้เพื่อที่จะให้พวกเขาทำข่าวประจานอุไรที่ทำร้ายตบตีเธอในชั้นเรียนคงเป็นการทิ้งทวนอำลาเซนต์มาบุสที่ดูสวยงามสะสาแก่ใจไม่น้อย ฟารีดากำลังจะเดินข้ามถนนมาที่ฝั่งศาลาแดงแต่แล้วเธอก็หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างของนางรำกับชายสวมหัวโขนยักษ์ที่แตกร้าวบิดเบี้ยวกำลังร่ายรำอยู่กลางท้องถนน ชายคนนั้นหยุดรำและหันมองตรงมาทางเธอในขณะที่กลุ่มคนที่เดินข้ามถนนกันขวักไขว่ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจหรือสังเกตุเห็นความผิดปกตินี้เลย ฟารีดาอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อเป็นประกายแสงสีแดงก่ำสะท้อนออกมาจากดวงตาที่เยือกเย็นอำมหิตหมายจะปลิดชีพของเธอทั้งสองคู่ของเหลวสีแดงสดประดุจเลือดไหลรินมาจากหัวโขนยักษ์เสี้ยวที่แตกที่ดูเหมือนกับหัวโขนอันที่เธอเขวี้ยงใส่กำแพงในวันนี้ ร่างของนางรำและชายสวมหัวโขนเริ่มขยับมุ่งตรงมาที่ฟารีดาโดยที่แหวกรถคันแล้วคันเราที่ขับผ่านร่างของทั้งสองไป ฟารีดาตั้งสติและรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต




แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Fri Aug 30, 2013 5:32 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เธอวิ่งผ่านผู้คนและบรรดาร้านรวงที่ตั้งขายริมทางที่ถนนสีลมโดยที่ชายสวมหัวโขนยักษ์ยังคงเดินฝ่าดงคนร่ายรำตามเธอมาช้าๆในท่วงท่าที่ดูสยดสยอง เด็กสาวสะดุดคนพิการล้มลงก่อนจะหันไปกลับไปมองชายสวมหัวโขนด้านหลังที่ขณะนี้อันตรธานหายไปดีแล้ว ฟารีดาลุกขึ้นยืนท่ามกลางกลุ่มคนฟุตบาทบนถนนสีลมที่หันมามองเธอด้วยสายตางุนงงเธอหันหน้าไปมองกระจกร้านแว่นก่อนจะกรีดร้องดังลั่นเมื่อเห็นภาพใบหน้าของเธอในกระจกแหว่งไปเสี้ยวหนึ่งเหมือนกับรอยแตกร้าวบนหัวโขนที่เธอเขวี้ยงวันนี้เธอถอยหลังจนล้มลงอีกครั้งทำเอาราวเสื้อด้านหลังหล่นระนาว “เฮ้ย!!! อีนี่ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้” แม่ค้าร้านเสื้อวีนลั่นก่อนรีบมาเก็บเสื้อผ้าของตนที่ตกพื้น ฟารีดาเงยหน้ามองตรงมาที่ร่างของขอทานที่เธอสะดุดล้มก่อนที่ร่างงอก่องอขิงผอมแห้งจนมีแต่หนังหุ้มกระดูกในชุดสีขาวโพลนจะแสยะยิ้มให้เธอด้วยดวงตาที่เลื่อนลอยก่อนจะเอื้อนทำนองเสนาะขับเสภาชวนสยองขวัญอย่างที่เธอได้ยินในห้องน้ำวันนี้ เสียงดนตรีไทยปริศนาดังกระหึ่มขึ้นรอบตัว เด็กสาวยืนขึ้นเร็วรีบวิ่งไปทางรถไฟฟ้าเพื่อที่จะหนีไปจากสถานการณ์ชวนขนลุกนี้ “มันไม่จริงๆ” เธอบอกกับตัวเอง ฟารีดาถึงกับผงะกับภาพตรงหน้าของนางรำหลายสิบตามร้านรวงทั้งบนโต๊ะวางสินค้า กลางราวผ้า ในบาร์เบียร์และตลอดทางบนฟุตบาททั้งสองข้างที่ต่างกำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าวิจิตรงดงามหากแต่ว่างเปล่าชวนขนลุก ในขณะที่ดนตรีไทยและเสียงขับเสภาก็ยังคงดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆฟารีดาวิ่งมาถึงบันไดขึ้นสถานีรถไฟฟ้าก่อนจะสาวเท้าวิ่งขึ้นสถานีอย่างรวดเร็วเธอคว้ากระเป๋าสตางค์และวิ่งขึ้นสู่ชานชาลาที่ทุกสิ่งรอบตัวดูเป็นปกติดี ฟารีดาเข้าสู่ตัวรถไฟพลางนั่งลงถอนใจด้วยความสับสนและหวาดกลัวเธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมมองไปรอบๆภาพความปกติในขบวนรถด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าจากความกลัวจับใจ ในขณะที่รถไฟฟ้าจอดรับ-ส่งลูกค้าที่สถานีถัดไปฟารีดาเห็นภาพของการแสดงโขนบนชานชาลาสถานีก่อนประตูจะปิด เสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะดังขึ้นพร้อมกับเสียงขับเสภาและดนตรีไทยปริศนาเด็กสาวหันมองไปรอบๆขบวนรถก่อนจะกรีดร้องดังลั่นเมื่อภาพของชายสวมหัวโขน นางรำและผู้โดยสารทั้งขบวนรถต่างร่ายรำอย่างน่าสยดสยองในขณะเดียวกันคนที่กำลังนั่งอยู่ก็กำลังขับเสภาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ฟารีดาลุกขึ้นกรีดร้องแล้ววิ่งไปที่ประตูรถท่ามกลางความตกใจของผู้โดยสาร “หนูเป็นอะไรลูก?” สาวอ๊อฟฟิศสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้าไปดูอาการเธอแต่ภาพที่ฟารีดาเห็นคือภาพชายสวมหัวโขนยักษ์ที่แตกร้าวตรงเข้าถีบเธอก่อนจะบรรจงขึ้นยืนร่ายรำบนตัวเธอพร้อมกระทืบลงกลางอกของเด็กสาวไม่ยั้ง ฟารีดานอนกรีดร้องชักดิ้นชักงอท่ามกลางผู้โดยสารทั้งขบวนรถที่ตกใจ “นั่นฟารีดานี่ฮาเวิร์ด ฟารีดาๆ” ดีไซน์รีบจูงมือฮาเวิร์ดวิ่งมาดูอาการของเพื่อนร่วมชั้น “ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วยค่า” ดีไซน์ที่กำลังโอบฟารีดากรีดเสียงร้อง

มาลินกับผการีบลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินตรงไปยังห้องฉุกเฉินโดยมีดีไซน์,ฮาเวิร์ด,กาโต้และคริสมาสต์ยืนรออยู่ด้านหน้า “นี่พวกเธอบอกครูสิมันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย?” มาลินถามด้วยใจร้อนรน “คือหนูกับฮาเวิร์ดกำลังขึ้นบีทีเอสค่ะแล้วเจอฟารีดากำลังล้มชักอยู่ไม่รู้เป็นอะไรเอาแต่ร้องกรี๊ดๆแล้วก็สลบไป น่ากลัวมากเลยค่ะอาจารย์” ดีไซน์รีบรายงานเร็วปรื๋อ “ฮาเวิร์ดโทรหาผมขอเบอร์มิสครับผมก็เลยอยากมาดูอาการเพื่อนด้วยเจอกาโต้ตอนแตกเศษแบงค์ที่เซเว่นพอดีเลยลากมันมาด้วย” คริสมาสต์บอกมาลินแล้วชี้ไปทางกาโต้ที่ทำน้าแหยๆ “อุ๊ย คุณหมอคะ? คุณหมอออกมาแล้วลูกศิษย์ดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” ผการีบแทรกตัวตัดหน้ามาลินมาถามหมอด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นห่วงใยเต็มที่ทั้งๆที่ใจจริงของเธอรู้สึกสนุกกับเรื่องแซ่บๆนี้เสียเต็มประดา “คนไข้ปอดฉีกนะครับและกระดูกบริเวณหน้าอกแตกร้าวและหักไปทิ่มปอดเนื่องจากโดนของแข็งกระแทกอย่างแรง ไม่ทราบว่าคนไข้ก่อนหน้าขึ้นบีทีเอสประสบอุบัติเหตุถูกรถที่ไหนชนมาก่อนรึเปล่าครับ?” หมอบอกในขณะที่ผกายกมือปิดปากทำหน้าเปี่ยมจริตจก้านที่เต็มไปทั้งยั่วยวนนายแพทย์หนุ่มและบีบน้ำตาสงสารลูกศิษย์ “ไม่นะคะหนูก็เห็นว่าบนบีทีเอสเพื่อนหนูวิ่งไปที่ประตูก่อนจะล้มลงไปชักบนพื้นแค่นั้นเอง” ดีไซน์พูดอย่างงุนงง ในขณะเดียวกันกาโต้ที่กำลังยืนหันหน้าตรงมองมาทางลิฟท์ได้เห็นภาพชวนตกตะลึงของนางรำและชายสวมหัวโขนยักษ์แตกครึ่งเสี้ยวร่ายรำเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ “สงสัยกูง่วง” คริสมาสต์หันไปมองเพื่อน “อะไรของมึงวะกาโต้นี่แค่4ทุ่มเอง?!” ในขณะที่ฮาเวิร์ดยื่นลูกอมให้กาโต้ “ก็เมื่อกี้กูเห็นคนสวมหัวโขนกับผู้หญิงชุดไทยเดินรำเข้าไปในห้องอ่ะ!” กาโต้พูดทำเอาสะดุ้งโหยงกันทั้งกลุ่ม “ว๊าย ตายแล้ว ที่นี่มีผีด้วยหรือคะเนี่ย?” ผการีบถือโอกาสกระโดดไปเกาะแขนหมอหนุ่ม “เหลวไหลน่ากาโต้!!!” มาลินเอ็ดโดยที่เธอมีอาการไม่สู้ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด – - ในบ้านทาวน์เฮ้าส์สุดหรูกลางใจเมืองแห่งหนึ่งปรากฏร่างของหญิงสูงวัยในชุดนางรำสีขาวกำลังร่ายรำเพลงไทยโบราณชวนขนลุกพลางหัวเราะกับตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

แอนดี้ใช้เวลาตลอดเช้าวันเสาร์นอนหลับอยู่ในห้องให้หายจากความเหนื่อยล้าและสับสนหวาดกลัว ในใจของเขาตอนนี้อยากจะคุยกับพ่อเหลือเกินเด็กหนุ่มพยายามรวบรวมความกล้าที่จะขอพ่อย้ายโรงเรียนเพราะเขายังจำได้ติดตาถึงภาพอันน่าสยดสยองของผู้หญิงสวมชุดขาวที่อยู่บนชั้น8คนนั้นได้อย่างดีเขาไม่ได้บ้าเพราะทั้งคริสมาสต์,ฮาเวิร์ดและดีไซน์ก็ต่างเห็นภาพอันสยดสยองภาพเดียวกับเขา แอนดี้ตัดสินใจลุกขึ้นจะเดินออกไปคุยกับพ่อให้รู้เรื่องแต่เขาเห็นโน๊ตที่พ่อวางไว้บนโต๊ะอาหาร “พ่อต้องไปรองรับลูกค้าต่างประเทศ พรุ่งนี้จะมารับไปงานประชุมผู้ปกครอง” แอนดี้รู้สึกโหวงๆในท้องด้วยความผิดหวังก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์

“ครูขอโทษจริงๆที่ต้องให้คริสมาสต์โทรตามพวกเธอนะทุกคน” มิสมาลินพูดกับแอนดี้ คริสมาสต์ หลิน ดีไซน์ ฮาเวิร์ด ฮโยมิน กาโต้ กุ๊ยฉ่าย นาเดียและบรูโน่ที่ยืนอยู่ในห้องประชุม “เผอิญเมื่อคืนครูมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของฟารีดาและวันนี้ทางเราต้องเร่งช่วยกันจัดห้องประชุมเพื่อรองรับผู้ปกครองของระดับชั้นมัธยมปลายในวันพรุ่งนี้จึงอยากจะขอแรงพวกเธอนักเรียนห้อง5/3กลุ่มที่ครูไว้ใจนี่แหละมาช่วยหน่อย” มาลินพูดพลางชี้ไปที่น่องของตัวเองอย่างหมดหวัง “เอาล่ะค่ะเดี๋ยวมิสขอแรงลูกสาวทุกคนนะคะไปช่วยมิสแพ็คขนมและของว่างเข้าตู้คอนเทนเนอร์ห้องคหกรรมหน่อยนะคะ รวมถึงเราต้องหั่นผักและเครื่องต่างๆเตรียมสำหรับอาหารในวันพรุ่งนี้ด้วย” นักเรียนหญิงทั้งสามเดินตามมิสผกาไป “อ้าวพวกเธอสองคนก็ก็ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ไปสิจ๊ะ!” ซิสเตอร์เวโรนิก้าหยอกกุ๊ยฉ่ายกับนาเดียที่รีบวิ่งตามไปด้วยความดีใจ

“เฮ้ย แอนดี้! เมื่อวานได้ข่าวว่ายูเจอดีเหรอวะ เห็นไอ้คริสมันตั้งสตาตัสว่าเจอผีที่ชั้น8″ บรูโน่ถามขณะยกเก้าอี้มาจัดแถวที่5 แอนดี้พยักหน้าแทนคำตอบ “ขอประทานโทษนะครับ” คริสมาสต์ถ่ายรูปเพื่อนทั้งสอง “คุยอะไรกันวะ?!” ฮาเวิร์ดถาม เขากับกาโต้หอบน้ำเปล่ามาฝากเพื่อนๆ พวกเด็กๆคุยกันถึงเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่ปรากฏตัวเมื่อวาน “เหยด แม่งขนลุกเหี้ยๆอ่ะ!!!” บรูโน่พูดด้วยความตื่นเต้น “เฮ้ย ไหนๆก็ไหนๆแล้วคืนนี้พวกเราขึ้นไปดูกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่ามั้ยวะ?” ฮาเวิร์ดออกปากชวนเพื่อนๆทั้งกลุ่มเขาดูเหมือนจะพอใจที่เห็นแอนดี้หน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด “มึงกล้ามั้ยวะแอนดี้? แบบแมนๆ” ฮาเวิร์ดยักคิ้วใส่ “นี่พวกเธออย่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่องนะ!!!” ซิสเตอร์รจิตาที่กำลังคุมคนงานจัดดอกไม้ประดับและผ้าลายไทยสีสวยสดๆต่างเดินเข้ามากลางวงสนทนา “ซิสเตอร์ได้ยินพวกเธอพูดกันเรื่องลองของพอดี บอกก่อนนะว่าถ้าใครกล้าดีขึ้นไปบนตึกเรียนตอนดึกๆดื่นๆฉันจะทำทัณท์บนพวกเธอให้มาเรียนคำสอนวันอาทิตย์ทั้งเทอมเลย รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังเล่นกับอะไร?” เธอแผดเสียงใส่พวกเขาอย่างโกรธจัดทำเอาซิสเตอร์เวโรนิก้ารีบเดินเข้ามา “มีอะไรกันคะซิสเตอร์?” รจิตาเล่าเรื่องที่เธอได้ยินให้เวโรนิก้าฟังแต่แล้วฮาเวิร์ดก็ขัดขึ้นมา “พวกผมแค่ล้อเล่นกันครับซิสเตอร์ ใครจะกล้าตอนกลางคืนที่นี่น่ากลัวจะตาย” เด็กหนุ่มรีบแก้ตัว “ไม่กล้าแหละดีแล้วฮาเวิร์ดเพราะถ้าวันไหนเธอกล้าขึ้นมานอกจากจะต้องมาเรียนคำสอนวันอาทิตย์ทั้งเทอมแล้วยังอาจจะต้องออกจากทีมบาสโรงเรียนอีกนะฉันบอกไว้ก่อน” มิสมาลินเดินเข้ามา “ไปแยกย้ายกันได้แล้วพวกลิงพวกนี้แอนดี้กับคริสมาสต์มากับครู กาโต้ไปช่วยมาสเตอร์ชรินทร์ทางโน้น ส่วนบรูโน่กับฮาเวิร์ดจัดเก้าอี้ทุกแถวให้เป็นระเบียบ”

”นี่จริงเหรอแก๊?!!! ที่อีฟารีดามันล้มชักๆๆๆอยู่บนบีทีเอสน่ะ เรื่องนี้เห็นเม้าท์กับให้แซ่บเว่อร์ในเฟซ” กุ๊ยฉ่ายถามดีไซน์เพื่อนสาวอย่างไม่ปกปิดความอยากรู้อยากเห็น “จริงสิแก! แต่ไม่ตลกนะน่ากลัวจะตายฉันกับกับฮาเวิร์ดเห็นมากับตาเลยว่านางชักๆๆๆแล้วก็กรี้ดใหญ่เลย ไม่รู้เป็นอะไร” ดีไซน์เม้าท์ปากเขยอ “อาการเหมือนผีเข้าเลยแก๊” นาเดียเสริม “แล้วฟารีดาอาการเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินถามแต่เป็นมิสผกาที่ชิงตอบก่อนดีไซน์ “ก็น่ากลัวมากน่ะสิคะ เมื่อเช้าครูกับมิสมาลินเห็นนะคะว่าพอรู้สึกตัวแล้วตาลอยๆสักพักก็กรี๊ดมองไปมองมารอบๆห้อง เห็นว่าปอดฉีกและกระดูกหักทิ่มปอดด้วยแหละค่ะ” ผกาบรรยายอย่างออกรส “แต่น่าแปลกนะคะหมอสันนิษฐานว่ารถชนหรือโดนของแข็งกระแทกแต่ทำไมยังเดินขึ้นไปบนบีทีเอสได้ล่ะคะ ครูว่าต้องมีอะไรแปลกๆแน่ๆเลยค่ะ” ผการีบพูดต่อก่อนที่ใครสักคนในกลุ่มจะอ้าปาก “แล้ว จุ๊ๆๆ รู้แล้วเหยียบไว้ให้มิดเลยนะคะลูกๆ คือเรือนกลางน้ำห้องนาฏศิลป์น่ะเฮี้ยนจะตาย ตอนกลางคืนครูนอนที่นี่ได้ยินทุกคืนเลยค่ะเสียงดนตรีไทยอ่ะ ว๊ายยย พูดแล้วขนลุก ทั้งๆที่มันก็จะตีหนี่งกว่าๆแล้วนะคะใครจะบ้ามาตีระนาดเอกตอนนั้นได้ ครูล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย แต่อย่าให้ใครรู้ไม่ได้นะคะว่ามิสผกาเม้าท์มอยให้นักเรียนฟัง พ่ออธิการแกปิดเรื่องนี้ยังกับอะไรดี” ผกามีสีหน้าที่ดูแช่มชื่นโล่งใจชนิดที่ทำให้ฮโยมินแทบจะกลั้นขำไม่อยู่ “ว๊ายย น่ากลัวค่ะอาจารย์ หนูก็เคยได้ยินอีชัยยศนะคะมันเล่าว่าเด็กประจำที่หอแดงก็ได้ยินบ่อยค่ะ” นาเดียเติมเชื้อไฟ “วุ๊ย!!! ยิ่งไปกว่านั้นนะคะยามคนเก่าๆเขายังเคยเห็นผู้หญิงชุดไทยรำอยู่ตรงหน้าเรือนด้วย บางทีก็มีคนใส่หัวโขนรำอยู่ในห้องนั้นค่ะ” ผกาหยิบน้ำส้มมาจิบด้วยสีหน้าพึงพอใจกับบทสนทนา “มิสไม่อยากจะบอกว่าเรือนไทยกลางน้ำน่ะเฮี้ยนจะตายสมัยครูเข้ามาอยู่แรกๆนะ เคยมีขโมยค่ะ ครูโรงเรียนเรานี่ล่ะกับยามแอบงัดเข้าไปจะขโมยของคืนวันศุกร์สุดท้ายนอนจับไข้อยู่ในนั้นจนวันจันทร์โน่นแหละคะถึงมีคนไปเจอ มิสก็เลยสงสัยค่ะว่าฟารีดาโดนผีเข้ารึเปล่าเพราะเมื่อวานเห็นว่าเธอเขวี้ยงหัวโขนกับพังชั้นบายศรีครูด้วยไม่ใช่เหรอคะ? ของแบบนี้เขามีครูนะคะแถมเมื่อวานเด็กกาโต้ยังบอกอีกด้วยว่าเห็นนางรำกับคนสวมหัวโขนรำเข้าไปในห้องฉุกเฉินที่ฟารีดาอยู่ค่ะ” ผกาจัดเต็มเติมรสให้บทสนทนาอย่างเผ็ดมันส์ชนิดถึงใจ




แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Wed Aug 28, 2013 3:35 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com