
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/09/23/cher-closer-to-the-truth-dance-popeurodanceelectropopballad-85-45/comment-page-1/#comment-173
hysteria
Cher : Closer To The Truth : Dance-Pop/Eurodance/Electropop/Ballad (85% = 4/5)
สำหรับดิฉันแล้วโอกาสในการเขียนรีวิวอัลบั้มนี้นับว่าเป็นหนึ่งในเกียรติสูงสุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยได้รับในฐานะนักวิจารณ์เพลงเลยทีเดียวที่จะได้ร่วมต้อนรับการกลับมาของอีกหนึ่งศิลปินผู้ที่เรียกได้ว่าเป็น ตำนานตัวจริง ของอุตสาหกรรมบันเทิงส่วนตัวเชื่อว่าสำหรับผู้ที่เป็นคอเพลงสากลมานานจวบจนผู้ที่รักใคร่แห่แหนศิลปินดิว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของสุภาพสตรีแถวหน้าของวงการอย่าง แฌร์ กับอิทธิพลจากความสำเร็จสูงสุดในหลากหลายบทบาทของหญิงมากความสามารถท่านนี้ไม่ว่าจะในฐานะของนางแบบ นักแสดงตลอดจนในฐานะของราชินีผู้ขับเคลื่อนกลไกของอาณาจักรเพลงพ็อพมากว่า5ทศวรรษ
โฟกัสเฉพาะแวดวงดนตรีก็นับว่าตัวย่าห่างหายจากการออกสตูดิโออัลบั้มเต็มๆไปสิบกว่าปีทีเดียวหลังจากงานชุด Living Proof ที่กระแสตอบรับจากหมู่มวลชนไม่ค่อยโสภาชนิดที่เรียกได้ว่ามาโดนถอนหงอกเอาอีตอนเฉียดๆจะแซยิดชนิดที่เล่นเอาย่าแฌร์เราไปไม่เป็นก่อนจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการจัดทัวร์แขวนไมค์อำลาวงการอย่าง The Farewell Tour ที่โปรดัคชั่นและคอสตูมอลังการดาวล้านดวงจนได้รับการแห่แหนให้เป็นหนึ่งในทัวร์สุดคลาสสิคขึ้นหิ้งของบรรดาเกย์เก้งแฟนคลับและกะเทยนางโชว์ทั่วพื้นพิภพใบนี้ที่ย่าท่านยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่วิวัฒนาการมาด้วยกันตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลเลยทีเดียวจากกระแสตอบรับที่อุ่นหนาฝาคั่งจากมหาชนก็ทำเอาย่าแกติดใจถึงขั้นเดินสายทัวร์ยาวนานเป็นปีสองปีไม่ยอมเลิกราเสียทีก่อนที่จะห่างหายไปสักพักใหญ่ๆแล้วก็กลับมาเฮี้ยนที่โคลอสเซี่ยมอีกก่อนจะหวนคืนสู่สปอตไลท์อีกครั้งในภาพยนตร์มิวสิคคัลเรื่อง Burlesque ที่แสดงนำร่วมกับดิว่าเจเนอเรชั่นหลานอย่าง คริสทิน่า อากิเลร่า ที่แม้ว่าจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักวิจารณ์ภาพยนตร์ในแง่ลบเป็นส่วนมากแต่เรื่องรายได้ก็นับว่าหักปากกาเซียนเพราะทำได้ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่แถมป้ายังเบียดซีนนางติ๊นาด้วยการคว้าเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่งาน Golden Globe กับเพลง You Havent Seen The Last Of Me ไปได้อีกต่างหากซึ่งก็นับว่าเป็นเกียรติเป็นศรีเพียงอย่างเดียวที่ประดับภาพยนตร์เรื่องนี้
และถึงแม้ว่าจะประกาศอำลาวงการไปเสียอย่างดิบอย่างดีโดยมีทุกรอบของ The Farewell Tour ยืนยันแต่วันนี้ย่าแฌร์ของเราก็มีอัลบั้มใหม่แกะกล่องมาให้เหล่าสาวกหายคิดถึงกันชนิดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยภายใต้ชื่อเพราะๆอย่าง Closer To The Truth หรือที่ดิฉันปากหมาแปลอย่างสละสลวยเอาเองว่า ไม้ใกล้ฝั่ง (ช่างเป็นสิริมงคลเสียนี่กระไร!) ซึ่งตอนแรกที่มีข่าวว่าย่ากลับมาทำอัลบั้มเราจะได้พบกับแฌร์ในมาดของสาวคันทรี่ย์และร็อคแอนด์โรลแบบยุคแรกๆแต่ไปๆมาๆไม่รู้ยังไงนะคะหลังจากมีข่าวว่าดอดไปทำเพลง The Greatest Thing กับเลดี้กาก้า - ที่ท้ายที่สุดก็วาสนาไม่ถึงไม่ได้มารวมอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย - ย่าแฌร์ก็ออกมาจีบปากว่าจะขอเบนเข็มสับรางกลับไปทำดนตรีแนวเต้นระบำรำฟ้อนสนุกสนานที่เธอรักเช่นเดิมอาจจะด้วยเหตุผลที่ว่าย่ากับทีมงานคงมีนั่งทางในเพ่งพิจารณาตลาดยุคนี้อยู่นานว่าขืนดันทุรังทำคันทรี่ย์ไปกูคงไม่รอดแน่หรืออาจจะเป็นเพราะว่าย่าเองอาจจะยังอารมณ์ค้างเติ่งเพราะยังติดใจกับความสำเร็จจากอัลบั้มBelieveไม่จบไม่สิ้นอยู่ไปจนถึงย่าอาจจะไม่เข็ดกับLiving Proofก็เป็นไปได้หลายสาเหตุ
ดังนั้นแนวเพลงใน Closer To The Truth จะเป็นอะไรไปได้นอกจากยืนพื้นที่งานพ็อพเต้นระบำอัดบีทยูโรแด๊นซ์90sและอิเล็คโทรนิคในแบบฉบับย่าแฌร์ที่เราเคยได้ยินกันมาแล้วใน Believe กับ Living Proof เป๊ะ! สำหรับคนที่เงี่ยหูรอค้นหาจังหวะหรือสรรพสำเนียงจากมิติของดนตรีเต้นรำที่แปลกใหม่ของสมัย2013นี้ฟังแล้วคงจะด่าเพราะว่าย่าแฌร์งวดนี้ท่านแสดงความชัดเจนออกมาแล้วว่าข้าขอหยุดกาลเวลาไว้ที่ยุค90sเช่นเดียวกับใบหน้าและรูปร่างที่ยังคงตึงเปรี๊ยะเช้งกระเด๊ะเป็นสาวสองพันห้าร้อยห้าสิบหกปีเสมอแต่ว่าก็ว่าเถอะถึงกระนั้นส่วนตัวคิดว่าใน Closer To The Truth ชุดนี้ย่าค่อนข้างประณีตกับเนื้องานจนเป็นงานคุณภาพทีเดียวในแง่ของมิติและความแรงของตัวเพลงอาจจะสู้ Believe ไม่ได้แต่การเรียบเรียงและเอกภาพสูงกว่าเป็นเท่าตัวรวมถึงหีบห่อ ชั้นเชิงและมิติในการนำเสนอดนตรีที่สำคัญความตั้งใจและซื่อสัตย์ต่อผู้ฟังในงานชุดนี้สูงกว่า Living Proof หลายเท่าตัว อาจจะเชยกว่ากาลเวลาจริงแต่มองอีกมุมถ้าคิดในแง่ที่ว่านี่เป็นงานยูโรแด๊นซ์90sดีๆที่หาฟังแบบนี้ได้ยากแล้วในยุค2013นี้ทำให้สำหรับดิฉัน Closer To The Truth เป็นการกลับมาในระดับที่สมศักดิ์ศรีจนน่าประทับใจของราชินีท่านนี้เลยทีเดียว
แทร็คที่ชอบคงหนีไม่พ้น Womans World (5/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวที่ถือว่าเป็น Anthem ของงานชุดนี้เลยทีเดียวกับงานยูโรดิสโก้เครือญาติเดียวกันกับเพลงโลโก้ของย่าแฌร์อย่างStrong EnoughกับA Song For Lonelyซึ่งก็นับว่าเป็นสูตรสำเร็จในงานช่วงหลังๆที่ต้องมีในงานของย่านับเป็นแทร็คที่สมบูรณ์แบบที่สุดของอัลบั้มชุดนี้แล้วควรค่าอย่างยิ่งแก่การตัดเป็นซิงเกิ้ลแรกทุกประการ Take It Like A Man (4/5) ที่เห็นว่าจะตัดเป็นซิงเกิ้ลถัดไปก็นับว่าเป็นงานยูโรพ็อพเต้นรำโพรแกรมมิ่งน่ารักๆที่ฟังได้เพลิดเพลินดีช่วงเข้าคอรัสเริ่มอัพบีทประโคมจังหวะเต้นรำหนักๆเป็นอารมณ์คลับแบงเกอร์สไตล์ย่าจะว่าไปก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะตัดโปรโมทแม้ว่าดูแล้วจะเกิดยากในยุคนี้ก็เถอะ มาที่ My Love (4/5) ส่วนตัวชอบเสียงร้องของป้าในช่วงต้นเพลงมากๆทั้งอบอุ่นและไพเราะเช่นเดียวกับภาคดนตรีที่เป็นงานอิเล็คโทรพ็อพประสานยูโรบีทแอบเฮ้าส์ลอยละล่องคือค่อนข้างเรียบง่ายแต่ออกทรงพลังทีเดียวที่สำคัญเมโลดี้ไพเราะจับจิต ตามมาด้วย Red (4/5) เป็นงานเต้นรำที่มีความร่วมสมัยมากที่สุดของอัลบั้มนี้แล้วตัวเพลงสาดมาทั้งอิเล็คโทรนิค ยูโรแด๊นซ์ชนกับสารพันโพรแกรมมิ่งเฟี้ยวฟ้าว ซินธิ์ฟาดกระหน่ำตบด้วยวัฒนธรรมของดนตรีคลับแด๊นซ์สไตล์เทคโนที่ได้ยินกันบ่อยในยุคนี้นับเป็นเพลงที่มีสีสันที่สุดของอัลบั้มนี้แล้ว สลับมาที่ฝั่งของเพลงช้ากันบ้างที่เห็นว่าโดดเด่นจริงๆก็เห็นจะมี I Hope You Find It (4/5) ที่หวนให้นึกถึงย่าสมัยช่วง Heart Of Stone กับงานบัลลาดที่ใส่ความเป็นอดัลท์คอนเทมโพรารี่ย์พร้อมทั้งอารมณ์ของคันทรี่ย์และร็อคเมโลดี้ละเมียดละไมประสานน้ำเสียงทรงพลังแบบนี้เลยทีเดียว อีกเพลงก็ Lie To Me (4/5) ที่จับเอาคันทรี่ย์โฟล์คเข้าทดลองกับโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคบางเบาในแง่ของการนำเสนอนับว่าน่าสนใจไม่ใช่ย่อยแถมยังไพเราะมากๆอีกด้วย ปิดท้ายด้วย You Havent The Last Of Me (5/5) ซาวนด์แทร็คจาก Burlesque ที่เป็นงานบัลลาดสไตล์ดิว่า90sซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกันว่าเพลงนี้เพลงเดียวย่าดับนางติ๊ได้ทั้งอัลบั้ม OST ทีเดียว Best Original Song จาก Golden Globe เชียวนะยะ!
แม้ว่าอาจจะไม่ใช่งานปล่อยของถึงขั้นที่คาดหวังไว้แต่ในแง่ของเนื้องานแล้วนับว่า Closer To The Truth นี่ไม่ทำให้ผิดหวังและคุ้มค่ากับแฟนๆของย่าทุกคนที่รอคอยกันแน่นอน ไม่ว่านักวิจารณ์ท่านอื่นจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามแต่ส่วนตัวกล้ายืนยันว่าอัลบั้มนี้ของย่าแฌร์เรานี่ล่ะคือหนึ่งในอัลบั้มพ็อพหญิงที่ดีที่สุดของ2013นี้ ในสายพ็อพปีนี้ดิฉันให้เป็นรองแค่ Girl Who Got Away ของไดโด้เท่าที่ได้ฟัง - ย่าเรากลับมากับเนื้องานระดับนี้ได้ก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้วที่สำคัญที่สุดเห็นได้ชัดว่าตั้งใจทำ สนุกกับงานตัวเอง เพลย์เซฟแต่ก็ไม่ได้เซฟจนเกร็ง เป็นธรรมชาติและไม่มีอารมณ์กดดันแบบ ฉันจะคัมแบ็ค แต่กลับมาแบบเป็นตัวของเองสุดๆ เป็นแฌร์ในแบบที่แฟนๆรัก