
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/09/25/john-legend-love-in-the-future-soulrb-83-45/comment-page-1/#comment-177
hysteria
John Legend : Love In The Future : Soul/R&B (83% = 4/5)
รีวิวชิ้นนี้หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกถึงสามครั้งสามครา - 1.ไม่ว่างเพราะต้องทำงาน 2.ขึ้นโรงพักเพราะน้องชายแท้ๆหายจากบ้านไป5วัน 3.กำลังจะเขียนแต่ดันต้องลัดคิวให้Closer To The Truthของย่าแฌร์ก่อน - จนป่านนี้ถ้าพี่จอห์นของดิฉันรับรู้คงจะมีด่าในใจว่า อีห่า! โหลดเถื่อนมาฟังแล้วยังจะดองรีวิวงานกูอีกเหรอ? แล้วถ้ามึงไม่ซื้อนะน่าดู๊!!!! แหมมมม ค่าๆๆๆ เขียนแล้วค่ะพร้อมกับสัญญาด้วยเกียรติของนักวิจารณ์เพลงที่บอร์ด FF Mag กว่าสิบปีว่า ถ้ามีเงิน งานคุณพี่ก็กินเงินในกระเป๋าของดิฉันได้ทุกครั้งที่ท่านออกอัลบั้มมาได้อยู่แล้วล่ะค่ะ - วันไหนถ้าคนเขียนวิจารณ์เกิดไม่มีเงินขึ้นมาจริงๆจะใจดีเอามาให้เด็กไทยตาดำๆคนนี้กู้บ้างมั้ยหนอ?
ก่อนหน้านี้ก็หอบคำชมและความชื่นจิตประทับใจเป็นกระบุงๆสู่อ้อมอกของคุณพี่จอห์น เลเจนด์ไปหยกๆกับโปรเจ็คอัลบั้มเฉพาะกิจชุดWake Up!ที่ร่วมงานกับวงฮิพฮอพอย่างThe Rootsร่วมใจกันปั้นงานโซลอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพดีๆสู่สาธารณชนที่ถึงแม้ว่าตัวงานอาจจะเป็นเออร์บันดิบสดเข้มข้นฟังยากชนิดที่ขาจรบางท่านเจอเข้าไปอาจจะมีหมดสติกันได้ด้วยความที่ตัวงานมีตั้งแต่งานฮิพฮอพดิบดำ งานโซลอาร์แอนด์บีร่วมสมัยทุ้มนุ่มไพเราะสไตล์จอห์น เลเจนด์ไปจนถึงงานแห่งจิตวิญญาณโซลโมทาวน์แท้ๆที่ผสานความเป็นอาร์แอนด์บี บลูส์ แจ๊ซซ์และกอสเพลออกมาในระดับที่ถึงพระเดชพระคุณแม้ว่าเนื้องานจะค่อนข้างดิบหยาบและสดจนทิ้งความละเมียดแบบที่เราคุ้นเคยจากการเสพย์งานอาร์แอนด์บีของจอห์น เลเจนด์ไปแต่นั่นก็เป็นอีกครั้งที่เราได้ค้นพบความสมบูรณ์แบบในธรรมชาติของตัวมันเองอันไร้การปรุงแต่งหรือพยายามรังสรรค์เกินจริงใดๆ ส่งผลให้อัลบั้ม Wake Up! ขึ้นแท่นผลงานอัลบั้มี่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของจอห์น เลเจนด์สำหรับดิฉันที่ส่วนตัววันนี้ก็ยังคงปลาบปลื้มประทับใจไม่เสร็จทีเดียว
จากที่กล่าวไปด้านบนก็คงไม่ต้องให้เหลาว่าความหวังที่ดิฉันตั้งไว้กับงานชุด Love In The Future มันจะสูงเสียดฟ้าขนาดไหนซึ่งพอได้ฟังแล้วก็เข้าใจอารมณ์ของศิลปินที่ผ่านการสร้างมาสเตอร์พีซประดับตนมานักต่อนักแล้ว งานชุดนี้จึงเปรียบเสมือนกับการพักผ่อนหย่อนใจทำมาแบบสบายๆไม่เกร็งปราศจากความกดดันหรืออารมณ์ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบในเนื้องานแต่อย่างใดเนื้องานใน Love In The Future ยังคงความเป็นงานโซลอาร์แอนด์บีดีๆตามสไตล์ของจอห์น เลเจนด์ที่แฝงอิทธิพลของดนตรีผิวสีมาครบรสทั้งรสชาติของฟั้งค์ บลูส์ ฮิพฮอพ แจ๊ซซ์และกอสเพลที่ยึดพื้นบนดนตรีคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีและโซลตามขนบที่เราคุ้นชินจากศิลปินท่านนี้รวมถึงการแทรกลูกเล่นความเป็นซาวนด์ทดลองใหม่ๆทั้งจากตามกระแสนิยมรวมถึงพัฒนาการของตัวศิลปินเองที่ต้องการความท้าทายโดยการหยิบจับอะไรใหม่ๆให้ผลงานของตัวเอง
ส่วนตัวสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่จากงานของพี่จอห์นตั้งแต่อินโทร Love In The Future (4.5/5) ไทเทิ่ลแทร็คที่พี่จอห์นร้องคลอไปกับกีต้าร์อคูสติคเปิดอัลบั้มได้อย่างเรียบง่ายหากแต่เข้มข้นทรงพลังเสียจนอยากจะให้มันไม่ได้เป็นแค่อินโทรเสียจริงๆกับงานบลูส์โซลดีๆแบบนี้ที่แค่ได้เสียงกีต้าร์โปร่งบางเบาคลอไปกับน้ำเสียงโซลทรงพลังของพี่จอห์นก็จับคนฟังอยู่หมัด Open Your Eyes (4.5/5) แค่ขึ้นต้นเพลงมาด้วยกลิ่นอายโอลด์สคูลแบบโมทาวน์ฟุ้งตลบนั่นดิฉันก็ไปไม่เป็นแล้วค่ะเข้าตัวเพลงจริงๆเป็นงานโซลอาร์แอนด์บีร่วมสมัยที่เมโลดี้ค่อนข้างประณีตแกลมแจ๊ซซ์สุนทรียและเบรคด้วยกีต้าร์ฟั้งค์ร็อคดิบเชือดแม้จะออกแนวเชยไปนิดไม่ว่ากัน ชอบค่ะ! Who Do We Think We Are Ft.Rick Ross (4/5) มาแล้วกับงานคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีบัลลาดๆดีๆอารมณ์ประมาณพวกโซลฟูลอาร์แอนด์บีบัลลาดยุค70sน่ะค่ะ ฟังจบรอบแรกก็อันเชิญผ่านเข้ารอบชิงโดยไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ มาที่ All Of Me (5/5) อีกหนึ่งบัลลาดโซลงามงดพรมบนเพียโนเมโลดี้สลวยตามธรรมเนียมของจอห์น เลเจนด์ชนิดที่ถ้าใครชอบเพลง Ordinary People ของพี่รับรองรักเพลงนี้ตาย Hold On Longer (5/5) กรี๊ดดดดดดดๆๆๆๆ เพิ่งจะมาบรรลุเอาตอนที่เขียนรีวิวนี่แหละค่ะกับความงดงามของงานบลูส์โซลอาร์แอนด์บีละเมียดละไมเชิงกอสเพลยืนพื้นด้วยเพียโนบริสุทธิ์แทรกแซงตบตามด้วยเครื่องสายคลาสสิคคัลกรีดเสียงสวยพร้อมทั้งเนื้อหาและชั้นเชิงการประสานเสียงชวนขนลุกตามธรรมเนียมเพลงสรรเสริญพระเจ้า พอผ่านเรื่องร้ายๆมาแล้วได้มาฟังเพลงนี้แล้วช่างเปรียบประดุจได้รับน้ำทิพย์ชะโลมใจ Save The Night (4/5) สิ่งเดียวที่รำคาญคือโพรแกรทิ่งย้ำคิดย้ำทำที่วนไปเวียนมาเสียดแทงประสาทไม่รู้ว่าพี่จอห์นคิดยังไงถึงเอามาใส่แต่พอได้พิจารณาถึงเมโลดี้ ความไพเราะติดหูและชั้นเชิงการนำเสนอแล้วก็ต้องนับว่าเป็นงานโซลอาร์แอนด์บีดีๆเพลงหนึ่งทีเดียว Dreams (4/5) อีกหนึ่งงานบัลลาดเพราะๆที่น่าจับตามองมากๆอีกเพลงของอัลบั้มนี้ ต่อด้วย Wanna Be Loved (4.5/5) ที่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเพลงคัฟเว่อร์เนื่องจากคุ้นหูกับเพลงนี้มากๆพูดได้คำเดียวว่ายกให้ขึ้นหิ้งด้วยความที่มันไพเราะและทรงพลังจนพูดไม่ออก ส่วนตัวแล้วสัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นจากทุกพยางค์ที่พี่จอห์นเปล่งออกมาทีเดียวและปิดท้ายด้วยเพลงเพราะๆอย่าง Caught Up (4.5/5) ส่งผู้ฟังเข้านอนด้วยงานโซลอาร์แอนด์บีกอสเพลเพราะจับใจ ตบด้วยโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคเจือจางที่ใส่เข้ามาทดลองได้อย่างลงตัว อบอุ่นมากๆ
รอบแรกที่ฟังอัลบั้มนี้จบขอสารภาพว่ารู้สึกว่านี่เป็นงานที่ ดร็อป ลงมากแต่นั่นอาจจะเป็นเพราะดิฉันนั่งฟังอัลบั้มนี้ตอนที่ครอบครัวมีปัญหาต้องขึ้นโรงพักซึ่งก็แน่ล่ะเมื่ออยู่ในสภาวะวิกฤติทางอารมณ์งานดีแค่ไหนมันก็ไม่สวยแต่พอผ่านความรู้สึกช่วงนั้นมาได้แล้วมาฟังตอนเขียนวิจารณ์ Love In The Future เป็นอัลบั้มที่ดีมากๆทีเดียวอาจจะเสียแค่ดีสู้ Wake Up! กับสองอัลบั้มแรกของพี่จอห์น เลเจนด์ที่ดีแบบสูงเสียดฟ้าไม่ได้แค่นั้นแหละ ว่าแล้วจึงขอแก้คะแนนจาก3.5เป็น4ดาวด้วยประการฉะนี้