
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/10/13/back-in-the-day-rihanna-unapologetic-rbdance-popelectro-poprockhip-hopdub-step-87-4-55/comment-page-1/#comment-230
hysteriaculture
(Back In The Day) Rihanna : Unapologetic : R&B/Dance-Pop/Electro Pop/Rock/Hip-Hop/Dub-Step (87% = 4.5/5)
(ล่าสุดปล่อยเอ็มวี Pour It Up มาเอาใจเหล่า Navy ไปแล้ว ปีนี้ก็ไม่รู้ว่าเราจะยังมีลุ้นคัมแบ็คสวยๆเพลงใหม่ของสาวริริรึเปล่านะคะว่าแล้วช่วงนี้ศิลปินหญิงกำลังคึกครื้นกันเลยขอหยิบงานรีวิวอัลบั้มนี้มาลงอีกรอบ)
เรียนกันแบบซื่อตรงเลยว่าอัลบั้มของหนูห่านชุดนี้ตอนแรกไม่ได้อยู่ในสายตาเลย คือ ไม่ได้ตื่นเต้น,ไม่ได้รอคอย,ไม่ได้คาดหวัง อารมณ์ประมาณออกมาตอนไหนก็ฟัง ไม่รีบ!!! เมื่อวานเพิ่งมีโอกาสได้ฟังฉบับที่หลุดออกมาเป็น MP3 Leak ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วอิฉันถึงกับหวีดเสียงโหยหวนตบเข่าผางลุกขึ้นมาร่ายรำเป็นอีบ้าอยู่คนเดียว ด้วยความที่ Unapologetic ของน้องห่านชุดนี้เนื้องานมันดีจน จุกอก น่ะค่ะ ฟังแล้วNavyแก่นางนี้ถึงกับนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ วู้ยยย ในที่สุดเราก็ได้รับฟังงานระดับที่ บรรลุแก่ศักยภาพสูงสุด ของหนูริริอีกทีหลังจาก Good Girl Gone Bad และ Rated R ที่เป็นมาสเตอร์พีซ เผลอๆอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำนะเอ้า!!!
จากสองอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่าง Loud ที่มาแบบเมนทสตรีมจ๋ากะขายกันโต้งๆประมาณภาคต่อของ Good Girl Gone Bad ที่ไม่ค่อยถูกจริตเรานักและ Talk That Talk ที่โตขึ้น ฟังยากขึ้นแต่ชัดเจนว่ามาแบบทดลองไม่รู้จะไปทิศทางใด (เกือบมั่ว!!!) และพลังโดยรวมของสาวริริดูตกไปแต่ส่วนตัวก็ฟังได้เรื่อยๆ มาถึง Unapologetic ชุดล่าสุดนี่เรียกได้อย่างเต็มปากภาคภูมิใจว่าเป็นงาน ปล่อยของ อย่างแท้จริง การนำเสนอดนตรีของอัลบั้มนี้ค่อนข้างจะ โต่ง และเสพย์ค่อนข้างยากขึ้นหลายเท่าตัวโดยภาพรวม ด้วยการเน้นหนักบนความดิบดุของดนตรีโซน เออร์บัน เป็นหลักใหญ่ใจความนำทัพด้วยอาร์แอนด์บี ฮิพฮอพแร็พและโซลเสริมตามด้วยภาคดนตรีอิเล็คโทรนิคร่วมสมัยและเต้นระบำสนานใจเป็นนางรองตามด้วยรสของเร็กเก้ ฟั้งค์ร็อค โอลด์สคูลยันดนตรีทดลองจำพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัล ชนิดเรียกได้ว่ายกมาครบหมดแปดเก้าทัพแต่ไม่ได้มาเก้ๆกังๆกล้าๆกลัวๆกั๊กๆแบบชุดที่แล้วเพราะชุดนี้มาแนว เสี่ยงตาย คือใครจะชอบจะเกลียดก็ช่างแต่มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นอีกทีว่า งานขายศิลปะและดนตรีเจ๋งๆแน่นๆเปี่ยมคุณภาพแบบนี้ .ริฮานน่าก็ยังทำได้ค่ะ!!!
เทียบกับ Rated R ที่ได้รับการยกว่าเป็นงาน มาสเตอร์พีซ ของเธอ ส่วนตัวเรามองว่า Rated R มีดีในแง่ของความดิบจากทั้งดนตรีที่เป็นคอนเทมโพรารี่ย์และโซลระดับสูงนำมากกว่าจะเน้นเร็กเก้หรือฮิพฮอพที่เธอชอบทำรวมถึงความเกรี้ยวกราดของกีต้าร์ฟั้งค์ร็อคที่บาดไปถึงขั้วหัวใจและ ภาคเนื้อหา ที่ดูเป็นส่วนตัว ปราศจากการแยแสต่อสังคมโลกกระแสหลักตลอดจนเปรียบเสมือนการระเบิดด้านมืดและศักยภาพของริฮานน่าที่ชวนประทับใจ หากแต่ถ้าวัดกันในแง่ของ กึ๋น ในการรังสรรค์และนำเสนอภาคดนตรีแล้วดิฉันว่างานชุดนั้นมีบางจุดที่ยัง ไปไม่ถึง เมื่อเทียบกับ Unapologetic ชุดนี้ที่ บ้ากว่า!!! ในแง่ของภาคดนตรีที่หลากหลายหากแต่เข้มข้นทรงพลังและเรียบเรียงได้อย่างมีเอกภาพ ส่วนตัวคิดว่าสมควรจะเรียกว่าเป็นอัลบั้มที่ระเบิดความ เหนือศักยภาพ สูงสุดของเธอออกมาให้ชมกันน่าจะถูกกว่าทั้งความร่วมสมัยของดนตรีที่สามารถฟังได้ระยะยาว การเล่นกับของยาก การรังสรรค์ดนตรีในเชิงของศิลปะมากกว่าการตลาดตลอดจนการหลอมรวมเอาตัวตนของเธอลงสู่งานดนตรีได้อย่างแยบยลโดยผ่านเนื้อหาที่สื่อถึงความรัก เซ็กส์ ชื่อเสียง แฟชั่น การเสียดสีประชดสังคม พื้นที่ส่วนตัวตลอดจนสอดแทรกความเป็นหญิงร้ายเปี่ยมจริตแบบสาวนักปฏิวัติแห่งยุคไว้ได้แบบถึงพริกถึงขิง พิจารณาในมุมนี้แล้วส่วนตัวก็ขอยกให้อัลบั้มชุด Unapologetic ขึ้นแท่นเป็นงานที่ดีที่สุดของริฮานน่าไปโดยปราศจากข้อครหา/ฟังแล้วนึกถึงคริสทิน่าใน Stripped เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามแม้จะออกเลิศเลอเพอร์เฟคสำหรับดิฉันแต่ใช่ว่าจะถูกจริตไปซะกับทุกคนนะคะเพราะเห็นกระแสบางคนในเฟซดิฉันก็ออกแนวบ่นว่าฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกันด้วยความที่อัลบั้มนี้มาแบบ ฟังยาก และต้องอาศัยการปีนกะไดนิดนึงประกอบกับพื้นฐานทางดนตรีของผู้ฟังด้วยส่วนหนึ่ง ลองเป็นผู้ฟังที่คร่ำหวอดอยู่แต่กับแวดวงเมนทสตรีมคงไม่ถูกใจเท่าไรเพราะบางงานก็ดิบแบบเอาใจเฉพาะ คอเออร์บัน จริงๆแนวโลกสวยใสมาเจอถ้าไม่รักกันจริง ไม่อึดจริงและไม่มีรสนิยมทางดนตรีที่ค่อนข้างกว้างจริงๆ เกรงว่า Unapologetic อาจจะไม่ใช่งานสำหรับคุณพอๆกับที่แฟนๆของเลดี้กาก้าหลายท่านหนีงานโคตรดีอย่าง Born This Way กับไปฟัง The Fame Monster ยังไงยังงั้น - แต่เพลงไม่ พ็อพ ก็ใช่จะ ไม่ดี นี่คะ เปิดใจหน่อยๆ!!!
แทร็คเด็ดของอัลบั้มนี้เหรอคะ??? ขอพูดถึงซิงเกิ้ลแรก Diamonds(3/5) ก่อนแล้วกัน ตอนฟังแรกๆส่วนตัวไม่ชอบแต่นานไปติดหูมากๆเป็นงานคอนเทมโพรารี่ย์แบบมิดเทมโพอาร์แอนด์บีบัลลาดเนิบๆแต่ดูกรุยกรายมีเสน่ห์และจริตจก้านที่เซ็กซี่แพรวพราวในตัวไม่หยอก จะว่าไปก็แถบจะไม่ได้บ่งบอกภาพรวมอะไรของอัลบั้มเลยนะคะ อาจจะแค่ตัดมาหลอกให้แฟนๆได้ช็อคกันเล่นๆพอฟังเต็มๆ หึหึ หรือริริมีความนัยแฝงไว้ว่าแม้จะออกอัลบั้มรายปีแต่ Unapologetic ชุดนี้ฉันเจียระไนจนงามระยับประดุจเพชรแล้วคะ? Numb ft. Eminem (3.5/5) เป็นเพลงที่ฟังครั้งแรกแล้วงงกับเธอมากๆ คือไม่ถูกหูเลยในรอบแรกแต่รอบถัดมาเออเก๋นี่หว่า!!! ตัวเพลงเป็นงานสไตล์เออร์บันแท้ๆแบบอาร์แอนด์บีฮิพฮอพหม่นๆบีทแน่นๆติดสรรพสำเนียงเร็กเก้ฉบับริฮานน่าแซมด้วยโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคแบบซินธิ์กวนๆวนไปวนมาทั้งเพลง ท่อนแร็พป๋าเน็มสุดยอดมากๆยังแน่นอนเสมอจริงๆไอ้วายร้ายคนนี้ มาที่ Right Now ft. David Guetta (4.5/5) ดนตรีแสบทรวงแด๊นซ์กระจายสุดฤทธิ์ ตามแบบฉบับเดวิด เกตต้าล่ะค่ะพวกเมนทสตรีมโพรเกรสซีฟเฮ้าส์ที่อัดทั้งอาร์แอนด์บี พ็อพเต้นรำ เทคโนและดั๊ปสเต็ปมาไว้ครบในแพ็คเก็จเดียว
เปิดอัลบั้มมากับ Phresh Out The Runway (5/5) ที่เล่นเอาดิฉันนั่งอึ้งไปกว่า3นาที42วิที่นั่งฟัง งานมาแบบอภิมหาอลังการของความแรงเลยรังสีอำมหิตกระจายมากกกตั้งแต่บีทอิเล็คโทรนิคเปรี้ยวๆ ซินธิ์กระชากๆ เอ็ฟเฟ็คท์กลองเฟี้ยวฟ้าวตูมตามและบีทแบบฮิพฮอพอาร์แอนด์บีแบบแก๊งค์สทาอีสต์โคสต์แทรกท่อนดั๊บมาช่วงเบรคกับตอนใกล้ๆเฟดเอ๊าท์แบบระรัวทำเอาอกระส่ำหายใจไม่ทัน ฟังมากรอบเข้าแล้วโปรยให้ห้าดาวเต็มเลยไม่กั๊กแล้ว Bitch&Dirty มากกูรักตายเลย ต่อด้วย Nobodys Business ft.Chris Brown (5/5) งานโอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีเต้นรำแบบฟั้งค์กี้ย์ดิสโก้กรีดกรายเอาใจคุณหญิงคุณนาย ยัยห่านกับตาคริสนี่เคมีเข้ากันม๊ากกก ฟินฮ่ะ!!! เพลงเพราะมากๆคิดถึงเพลงพ็อพดิสโก้ช่วงยุค70′s-80′sเหยาะนิวแจ็คสวิงแบบไมเคิล แจ็คสัน เหอๆๆ Loveeeee Song ft. Future (4.5/5) เพลงนี้เป็นบัลลาดแนวโมเดิร์นอาร์แอนด์บี ยืนพื้นบนคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีประสานอารมณ์โซลฟูลลอยละล่อง แร็พ อิเล็คโทรนิคและชิลล์แจ๊ซซ์ จัดเข้าหมวดหมู้งานจำพวกนีโอโซลก็ได้อยู่ช่วงปิดท้ายลากกีตาร์ร็อคแบบ80′s เชยลากแต่เพราะขาดใจ อีกหนึ่งเพลงที่ส่วนตัวคิดว่าเพราะมากๆคือ What Now (4.5/5) เป็นมิดเทมโพอาร์แอนด์บีพรมเพียโนละมุนพลิ้วไสวช่วงคอรัสประดังประโคมมาหมดทั้งอารมณ์ร็อค โซลและอิเล็คโทรนิคแต่เพราะดีนะเบรคช่วงกลางด้วยกีตาร์อคูสติคและก็กลับมาเป็นแบบนี้วนไปวนมาแทบทั้งเพลงแต่ไม่รู้ว่าทำไมลงตั๊ว ลงตัว ปิดท้ายเพลงด้วยการลากกีตาร์ยาวเฟี้ยวเป็นสาวร็อค80′sอีกละ
Stay ft.Mikky Ekko (4.5/5) งานเพียโนบัลลาดเรียบง่ายแต่ไพเราะทรงพลังขาดใจ Love Without Tragedy Mother Mary (4.5/5) อันนี้ออกเชิงอัลเทอเนทีฟที่เนรมิตเอาลูกเล่นของอินดี้ร็อค อิเล็คโทรนิค กอสเพล ดั๊ปสเต็ป นิวเอจ ดรัมส์แอนด์เบสส์และเอ็กซ์เพอริเมนทัลมาประสานงากันได้อย่างเป็นศิลปะ งานทดลองหนึ่งเดียวของอัลบั้มคาดว่าการไปร่วมงานกับ Coldplay ในเพลง Princess Of China มาคงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอไม่น้อยชอบว่ะ!!! ว่าแต่แนวแต่ละแนวนี่คนละโยชน์กันเลยนะ เธอจับมารวมกันยังไงนี่? ขอปิดท้ายด้วย Get It Over With (4/5) งานดาวน์เทมโพกึ่งทริพฮอพเพราะดี
คงจะต้องบอกว่าในบรรดาศิลปินหญิงเดี่ยวจากฟากเมนทสตรีมที่ออกๆอัลบั้มมานี่เห็นได้ชัด Unapologetic ของริฮานน่าน่าจะเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดอันดับแรกๆเลยกระมังคะนี่ - แต่ส่วนตัวขอยกให้ The Abbey Road Sessions ของเจ๊ไคย์ลี่ย์ มิโน้กเหนือกว่าหนึ่งช่วงตัว - ยืนยันถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของไอดอลแห่งเจเนอเรชั่นใหม่ในตัวริฮานน่าได้อย่างดี วินาทีนี้บัลลังก์ของอาณาจักรเพลงพ็อพเป็นของเธออย่างแท้จริง (ริฮานน่าอาจจะอาร์แอนด์บีนะคะ แต่ยังไงสำหรับดิฉันก็ขอจัดให้เธออยู่หมวดพ็อพอยู่ดี)