http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/10/18/katrina-parker-inout-of-the-dark-indie-popindie-rockpop-rockalternative-rock-97-55/comment-page-1/#comment-252
http://www.facebook.com/hysteriaculture
Katrina Parker : In&Out Of The Dark : Indie Pop/Indie Rock/Pop-Rock/Alternative Rock (97% = 5/5)
ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบคุณท่านผู้มีอุปการะคุณนะคะนั่นคือคุณน้อง Ckii Cz ที่ช่วยนำพาอัลบั้มนี้มาสู่อ้อมกอดของดิฉันหลังจากที่ควานหาอยู่ตั้งนานหลังจากงานชุดนี้วางขายมาแล้วนับเดือน (นี่แหละเวรกรรมของคนเป็นแฟนเพลงศิลปินอินดี้) ตอนแรกว่าจะเก็บอัลบั้มนี้ไว้เขียนสัปดาห์หน้าหลังแต่งนิยายสุสานนักเรียนตอนที่3จบแต่คงไม่ต้องแล้วกระมังคะเพราะเมื่อคืนดิฉันดันลุกขึ้นมาถ่างตาเขียนอัลบั้มPrismของคุณนายเคที่ เพอร์รี่ตอนกลางดึกเล่นเอาหลับไม่ลงมาถึงตอนนี้ (8.16น) ทีเดียวเชียว ว่าแล้วตอนนี้นอนไม่หลับแถมไม่มีไอเดียเขียนนิยายก็เขียนแถมอีกอัลบั้มไปเลยแล้วกันเนอะ
สำหรับผู้ที่เป็นแฟนคลับรายการThe Voice USอย่างเหนียวแน่นดิฉันเชื่อว่าคุณคงคุ้นหน้าค่าตาของสาว แคทริน่า พาร์คเกอร์ ผู้เข้าแข่งขันซีซั่นที่สองจากทีมอดัมคนนี้ดี เธอคนนี้เป็นเจ้าของคัฟเว่อร์เพลงอมตะขึ้นหิ้งอย่าง Killing Me Softly With His Song ที่ใช้ประกวดในรอบ Semi-Final ซึ่งได้รับความสนใจและกระแสตอบรับในแง่บวกหลังจาก Live Show เป็นอย่างมากถึงขนาดที่ตัว คริสทิน่า อากิเลร่า ยังออกปากชื่นชมพรสวรรค์ในการร้องเพลงของเธอไม่ขาดปาก หากแต่น่าเสียดายที่ในรอบตัดสินแม้ว่าเธอจะชนะคะแนนโหวตจากมหาชนชนิดขาดลอยแต่เมื่อรวมผลคะแนนแล้วกับต้องเป็นฝ่ายตกรอบไปเนื่องจากแพ้คะแนนที่โค้ชอดัมมอบให้แก่ โทนี่ ลูก้า ลูกทีมอดีตเด็กมิคกี้เม้าส์คลับถึง60:40เล่นเอาคนแถวนี้นั่งด่าตาอดัมไม่จบไม่สิ้นลากยาวไปยันจบซีซั่นที่สามเลยทีเดียว (ก็วันแรงงานปีนั้นฉันอุตส่าห์นั่งโหวตนางข้ามทวีปไปตั้ง1,200กว่าโหวตนี่ยะ)
ถึงแม้ว่าในวันนั้นโชคจะไม่เข้าข้างเธอก็ตามแต่ แคทริน่า พาร์คเกอร์ หรือที่ดิฉันชอบเรียกเธอว่า มะแหม่ม การ์เซีย ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์และผู้จัดค่อนข้างมากเพราะหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะมีงานเข้าไม่ขาดสายถึงขั้นเรียกได้ว่า ทัวร์เดินสายร้องเพลง เลยก็คงไม่เกินจากความเป็นจริงสักเท่าใดนักเพราะว่าบรรดาแฟนคลับได้เห็นเธอตั้งแต่การได้รับเชิญไปร้องเพลงชาติอเมริกาเปิดสนามแข่งขันฟุตบอล คอนเสิร์ตการกุศลระดมทุนไปจนถึงโชว์ตามรายการทีวี คาเฟ่และเทศกาลดนตรีต่างๆ รวมถึงเธอก็คอยทำเพลงคัฟเว่อร์ปล่อยฟรีดาวน์โหลดออกมาให้แฟนๆได้หายคิดถึงระหว่างรายงานความคืบหน้าของอัลบั้มใหม่เป็นระยะๆจนวันนี้เราๆก็ได้ฟังกันหลังจากที่เวลาล่วงเลยไปถึง สองปี!!! เหตุผลที่มันนานขนาดนั้นเป็นเพราะใครเลยจะรู้ว่า In&Out Of The Dark ชุดนี้เกิดขึ้นได้จากการระดมทุนผ่านทาง Kickstarterเนื่องจากสาวมะแหม่มของดิฉันเธอดันปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญากับบรรดาค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเนื่องจากต้องการจะทำงานดนตรีในแบบที่เธอต้องการจริงๆโดยปราศจากการแทรกแซงจากมหาอำนาจทางเงินทุนใดๆก็ตามและวันนี้เราก็ขอแสดงความยินดีกับเธอที่กระบวนการทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินจนสำเร็จเสร็จสิ้นไปด้วยดี
นอกจากแฟนคลับตัวจริงแล้วคงมีน้อยคนที่จะรู้ว่าเมื่อย้อนไป8ปีที่แล้วแคทริน่าเคยมีผลงานอีพีชุด Only Dreaming วางขายมาก่อนแล้วในปี2005หากแต่โชคชะตาเล่นตลกเมื่อต้องหยุดร้องเพลงไปถึงสองปีเนื่องจากป่วยหนักด้วยโรคเชื้อราขึ้นสมองก่อนที่เธอจะรักษาตัวจนหายและผันตัวไปทำงานเป็นเลขาฯในบริษัทแห่งหนึ่งจวบจนโชคชะตาได้เข้าข้างเธออีกครั้งเมื่อเธอได้รับเชิญให้ไปBlind AuditionในรายการThe Voiceก่อนจะกลายเป็นม้ามืดที่เข้าไปลึกถึงรอบเซมิไฟนอลและฝ่าฟันไขว่คว้าโอกาสในการทำดนตรีหลังจากการแข่งขันจนออกมาเป็น In&Out Of The Dark อันเป็นสาส์นที่บ่งบอกถึงสภาวะของความเป็น แคทริน่า พาร์เกอร์ ในปัจจุบันขณะหลังจากผ่านจุดที่ตกต่ำทุกข์ระทมที่สุดของชีวิตไปแล้ววันนี้เธอกลับมาพร้อมกับชีวิตใหม่และมุมมองที่สว่างไสวหลังจากผ่านนานับประสบการณ์ที่ถาโถมเข้ามาหล่อหลอมตลอด8ปี เช่นเดียวกับภาคดนตรีที่เธอลดทอนความเป็นคอนเทมโพรารี่ย์บัลลาดอินดี้พ็อพหนาวเหน็บเย็นยะเยือกพรมเพียโนหวานละมุนหากแต่ขมุกขมัวและอมความเศร้าสลดหมองหม่นทุกข์ระทมแบบในOnly Dreamingลงถึง3.5ใน4ก่อนที่จะขยับเข้าหาความแข็งแกร่งดิบกร้าวและดุดันในทีตามแบบฉบับของสาวร็อคเท่ห์ไปจนถึงงานพ็อพร็อคเพราะๆเมโลดี้สวยหวานติดหูเปี่ยมไปด้วยความสนุกและสีสันอันสะท้อนให้เห็นถึงด้านใหม่ที่มีชีวิตชีวาและดุดันของแคทริน่า พาร์คเกอร์ได้อย่างดี
เรียกได้ว่าฉีกแนวออกจากเงาของอัลบั้มชุดแรกได้โดยสิ้นเชิงตั้งแต่ไทเทิ่ลแทร็ค In And Out Of The Dark (4/5) ซิงเกิ้ลแรกที่สลัดจากงานเพียโนบัลลาดเย็นยะเยือกอันเป็นเครื่องหมายการค้าของอีพีชุดแรกสู่งานพ็อพร็อคเมโลดี้สวยพริ้งหากแต่มีความดิบดุหนักแน่นอยู่ในตัวส่วนตัวขอชมชั้นเชิงในการประดิษฐ์ท่อนคอรัสและการใช้ภาษาที่นับว่าไพเราะเข้าขั้นอัจฉริยะอาจจะติดตรงเรื่องของการใช้เฮดโทนในเพลงที่ดูอึดอัดและไม่เป็นธรรมชาติไปนิดยิ่งมาชนกับดนตรีที่กระหน่ำประโหมประโคมแล้วกลายเป็นแสบโสตไปเลยแต่พอฟังนานๆไปจากแก้วหูระบมกลายเป็นมันก็น่ารักดีนะ สะใจเล็กๆ แทร็คต่อมา Oh Yes (4/5) อันนี้เป็นงานอินดี้ร็อคดุๆสไตล์อเมริกันฮาร์ดร็อคปนการาจที่ยังไม่หลุดไปถึงขั้นโพสท์กรั๊นจ์แบบพวกอลานิส มอริเซ็ตต์แต่ก็นับว่าร้องได้เอาเรื่องอยู่ที่สำคัญดนตรีโคตรเท่ห์ มาที่ No Downside (5/5) ที่เชื่อว่าถ้าใครได้มาฟังก็ต้องหลงรักกับงานโฟล์คร็อคน่ารักๆที่ไม่ต้องประโหมประโคมอะไรมากมายแค่เมโลดี้สวยสดเรียบง่าย น้ำเสียงหวานๆเพราะๆกับท่อนคอรัสที่สุดแสนจะเป็นมิตรต่อโสตประสาทแค่นี้ก็ขอยกให้เป็นความบริสุทธิ์งดงามบรรเจิดใจอันยากจะหาที่จะหาคำใดมาเปรียบเปรยแล้ว สูตรสำเร็จจริงค่ะแต่ขอยกให้เป็นที่ดีที่สุดของอัลบั้มโดยปราศจากข้องกังขา สำหรับใครที่ชอบงานคอนเทมโพรารี่ย์เพียโนบัลลาดเย็นๆเครื่องสายคลาสสิคคัลสวยๆแบบในอีพี Only Dreaming เชื่อว่าคุณจะไม่มีทางที่จะไม่หลงรัก White Picket Fences (5/5) ที่มาในรูปแบบเดียวกันพร้อมทั้งท่วงทำนองอันสุดแสนเยือกเย็นจับขั้วหัวใจ บรรยากาศหมองหม่นขมุกขมัวและเนื้อหาเชิงปรัชญาอันสะท้อนถึงนิยามของคำว่า Love,LossและLifeได้สุดแสนจะเจ็บปวดเช่นเดิม สำหรับ Dirty Girls (4.5/5) เป็นอีกหนึ่งงานพ็อพร็อคของอัลบั้มที่ไพเราะมากๆชนิดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง รักอ่ะ! ปิดท้ายอัลบั้มด้วย Hand Me Down (4.5/5) งานบัลลาดส่งท้ายซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งงานสำหรับคอเพลงที่หลงรักในบทเพลงแบบ Classic Katrina Parker แบบที่ในยินใน Only Dreaming เพราะมากๆ
งานเข้าแล้วล่ะสิคะ! เพราะฟังๆไปตอนเขียนวิจารณ์คะแนนดันพุ่งขึ้นปรี๊ดปราดตามรอบซะงั้นจากที่ฟังตอนแรกก็เป็นงานที่ดีอยู่แล้วพอฟังไปฟังมากรอกหูเรื่อยๆดันประทับใจถึงขั้นฟินนาเล่ไปข้าง วู้ยยย ในที่สุดก็มีศิลปินที่สามารถขึ้นเทียบเคียงอันดับหนึ่งกับอัลบั้ม Where You Stand ของพวกTravisบน20อันดับอัลบั้มชาร์ตปลายปี2013นี้ของเพจ Hysteria เสียที แหม ขอพูดอีกทีค่ะว่าคิดจะรักใครนี่มองคนไม่เคยผิดจริงๆ ฮี่ๆๆๆ
