|
Britney Spears : Britney Jean | |
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|---|
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
http://www.facebook.com/hysteriaculture http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/11/28/britney-spears-britney-jean-electropoprbdance-popedm-85-45/comment-page-1/#comment-419 Britney Spears : Britney Jean : Electropop/R&B/Dance-Pop/EDM (85% = 4/5) อยู่ยงคงกระพันบนบัลลังก์ของอาณาจักรดนตรีพ็อพมากว่า14-15ปีนับจากแจ้งเกิดอย่างสง่างามในฐานะเจ้าหญิงกับซิงเกิ้ล Baby One More Time ที่เป็นปรากฏการณ์เขย่าโลกไปทั้งใบ จะว่าไปก็นับว่าเวลาในชีวิตคนเรามันก็ช่างเดินผ่านไปเร็วอย่างเหลือเชื่อเพราะนี่ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งจะเมื่อวานเองกระมังที่เดินเข้าโรงภาพยนตร์ไปชม Crossroads ที่เธอเล่นแต่แล้ววันนี้นี่มันอะไรกันเรากำลังนั่งฟัง Britney Jean สตูดิโออัลบั้มชุดที่8ของเจ้าหญิงเพลงพ็อพท่านนี้อยู่จริงๆเหรอเนี่ย?! เอาจริงๆตอนแรกที่เห็นทั้งโปรดิวเซอร์ สื่อมวลชน ต้นสังกัด แฟนคลับและตัวนางหอกเองกระหน่ำโฆษณาสรรพคุณของอัลบั้มนี้ไว้ในชนิดที่สูงเสียดฟ้าไม่ว่าจะเป็น อัลบั้มที่เป็นส่วนตัวมากๆของนาง,ผนวกไว้ทุกสรรพคุณของรสชาติจากทุกๆอัลบั้มที่เคยผ่านมาของบริทนี่ย์,เธอมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงเกือบทั้งอัลบั้ม,เพลงในอัลบั้มนี้มันเจ๋งมากๆ,In The Zone 2.0/Blackout 2.0 ฯลฯ ขอสารภาพเลยว่าความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจคือ มันจะแค่ราคาคุยรึเปล่าวะเนี่ย!!! ด้วยความที่ก่อนหน้านี้กับ Circus ที่เหมือนจะเป็น In The Zone ภาคสองแต่เมนทสตรีมกว่าและจืดกว่าระดับนึงแต่ก็โอเคอยู่พอมา Femme Fatale นี่เล่นเอาหงายท้องตึงด้วยความที่มันออกมาตลาดจ๋ามากๆแม้ว่าจะประสบความสำเร็จล้นหลามมหาศาลแต่ส่วนตัวนี่ไม่ปลื้มอัลบั้มนี้ที่สุดแล้วในบรรดาทั้งหมดทั้งมวลที่บริทนี่ย์เคยทำออกมาซึ่งก็เป็นเหตุที่ทำให้ในตอนแรกดิฉันคิดว่า Britney Jean อาจจะไม่ดีและไม่แย่ไปกว่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ฟัง Work Bitch ดิฉันก็ทำพิธีสวดเรียกความคิดปรามาสนั่นลงโองผูกสายสิญจ์นอย่างดีแล้วถ่วงคลองหลังบ้านเสียให้จมมิดด้วยความที่รายละเอียดดนตรีดีมากๆแถมยังมีมิติและชั้นเชิงสูงส่งมากจนส่วนตัวยกให้ขึ้นแท่นเป็นซิงเกิ้ลที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์ สเปียรส์ไปโดยปราศจากข้อกังขาซึ่งก็จุดประกายความหวังที่ตอนแรกดิฉันแทบจะไม่มีในอัลบั้ม Britney Jean ให้พุ่งปรู๊ดปร๊าดด้วยความที่เราเชื่อแล้วว่าอัลบั้มนี้น่าจะเป็นงานที่เธอกลับมา ปล่อยของ อย่างแท้จริงยิ่งได้ฟัง Perfume,AlienและBrightest Morning Starด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เชื่อว่าการกลับมาของบริทนี่ย์ สเปียรส์ในครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ - และแล้วความรู้สึกรอคอยอยากฟังอัลบั้มของเธอเสียจนแทบจะลงแดงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานตั้งแต่ In The Zone พอได้มาลองฟังทั้ง Standard Edition ดูแล้วจากตอนแรกที่คาดไว้ว่างานชุดนี้น่าจะเป็นงานเต้นรำที่แรงในระดับ EDM(Electronic Dance Music) ผสานกับกลิ่นของเออร์บันดิบๆที่เน้นหนักทั้งความเป็นอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพอย่างที่เคยได้ยินกันไปใน Blackout ตามที่หลายฝ่ายหวังไว้ว่าจะเป็นภาคต่อของอัลบั้มนั้นที่สื่อมวลชน นักวิจารณ์และแฟนคลับต่างยกย่องให้เป็นอัลบั้มมาสเตอร์พีซของเธอแต่พอมาได้ฟังจริงๆแล้วสัดส่วนของความเป็นเออร์บันเบากว่าที่คิดมากภาพรวมของ Britney Jean สำหรับดิฉันคิดว่าอิทธิพลของความเป็น Femme Fatale ยังส่งกลิ่นอายตลบอบอวนอยู่เช่นกันจากงานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเอาใจตลาดเมนทสตรีมจ๋าส่วนหนึ่งปะทะกับชั้นเชิง มิติและรูปแบบการทดลองสิ่งใหม่ๆกับตัวเองในแบบที่แฟนคลับหลายคนรักจากอัลบั้ม In The Zone ถึงจะไม่ถึงขั้นระเบิดศักยภาพสูงสุดเท่าผลงานชุดนั้นแต่เนื้องานดูมีหีบห่อที่สูงกว่าสองอัลบั้มก่อนหน้าทั้งในแง่ของภาคดนตรี การเรียบเรียงไปจนถึงความเป็นตัวตนและพลังของความเป็นบริทนี่ย์ สเปียรส์ที่หายไปจมในอัลบั้ม Femme Fatale มาวันนี้ได้กลับมากอบกู้ศรัทธาให้แฟนคลับภูมิใจกันอีกครั้งใน Britney Jean ว่าเธอก็ยังทำดนตรีดีๆแบบนี้ปล่อยของแบบนี้ได้โดยที่ยังสามารถรักษาเสน่ห์ของความติดหูและเป็นเทรนด์น่านิยมของความเป็นพ็อพไว้ได้อย่าวครบถ้วนในขณะเดียวกัน ถ้าจะหาเพลงที่พีคที่สุดในอัลบั้มก็คงจะหนีไม่พ้น Work Bitch (5/5) ซิงเกิ้ลแรกที่เป็นเต้นรำสไตล์ EDM แบบพวกดีเจคัลเจอร์จริงๆซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับบริทนี่ย์พอตัวทีเดียวหลังจากที่พยายามทดลองทำแนวๆนี้อยู่ตั้งแต่สมัยอัลบั้ม In The Zone มาลุศักยภาพขีดสุดเอาก็ที่เพลงนี้กับงานสายอิเล็คโทรนิคเก๋ๆแบบที่พวกดีเจสายโพรเกรสซีฟทั้งฟากเฮ้าส์ เทคโนและแทรนซ์เขานิยมเล่นกันตามพวกคลับ เทศกาลดนตรีไปจนถึงพวกธีมประกอบรันเวย์แฟชั่นนี่แหละบีทเฟี้ยวฟ้าววิ่งไปวิ่งมาชนิดที่บีบหัวใจแทบจะหยุดเต้นไหนจะความเก๋ในการขับขานแบบ Spoken Words พวกกึ่งพูดกึ่งร้องกึ่งกระซิบกระซาบที่เธอทำมาตั้งแต่สมัย Im A Slave 4 U ส่วนตัวขอยกให้เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์ มาที่ Perfume (4/5) ซิงเกิ้ลที่สองที่สลับมาเป็นงานพ็อพบัลลาดเพราะๆเมโลดี้งามระยับทั้งจากโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคและเครื่องสายออเครสตร้ากรีดกรายแพรวพราวที่สำคัญมีท่อนคอรัสที่โดดเด่นและไพเราะจับจิตจับใจมากๆ ส่วนตัวฟังแล้วประทับใจที่ได้เห็นบริทนี่ย์กลับมาทำบัลลาดโชว์พลังเสียงเพราะๆแบบนี้อีกครั้งคือพูดตรงๆว่าตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ยินงานบัลลาดที่มีมิติระดับนี้จากเธออีกแล้วบอกตามตรงว่าประทับใจสุดๆ มาที่เพลงเปิดอัลบั้ม Alien (4/5) สายตระกูลเดียวกันกับพวก Breath On Me,Heaven On Earth,Unusual YouและTrip To Your Heart นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาคดนตรีเอกลักษณ์ในยุคหลังๆของบริทนี่ย์ที่มีมนตร์เสน่ห์สะกดคนฟังกับท่วงทำนองของงานอิเล็คโทรพ็อพเจือดีพเฮ้าส์ลอยละล่องผสานซินธิ์ แอมเบี้ยนท์และดาวน์เทมโพชนิดที่กล้อมแกล้มจับยัดเข้าสายงานจำพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัลได้สบายๆ นับว่าเป็นการเปิดอัลบั้มที่แตกต่างที่สุดในชีวิตของเธอจากบรรดาทั้งหมดทั้งมวลกว่า8อัลบั้ม It Should Be Easy Ft. Will.I.Am (4/5) แรกๆนี่พูดตามตรงว่าไม่เข้าหูอิฉันเลยแม้แต่น้อยด้วยความที่ส่วนตัวก็แขยงงานเทือกๆนี้อยู่แล้ว งานพ็อพเต้นรำจำพวกที่จับเอาเออร์บันมาเขย่าคละเคล้ากับยูโรบีทไม่ก็พวกดั๊บสเต็ปอย่างที่Will.I.AmและBlack Eyed Peasใช้เป็นซาวนด์หากินนั่นแลยิ่งอันนี้บวกกลิ่นอายแบบอัลบั้มล่าสุดของพี่เดวิด เกตต้าที่ดิฉันอันเชิญพี่แกลงจากบัลลังก์ดีเจในดวงใจก่อนจะมอบตำแหน่งให้สุดหล่อArmin Vaan Burenไปนานแล้วพอมาผนวกกันเข้าไปทีแถมยังอุตริไปดึงตาวิลมาร่วมโก่งคอร้องอีด้วยนี่ วู้ยยย แทบจะคลานไปปิดแต่ฟังไปฟังมาแล้ว เอ่อ มันก็น่ารักดีนะ ติดหูดีแถมชอบเสียงบริทตอนขึ้นออโต้จูนหูดับรัวๆตอนต้นเพลงด้วยมาเจอกับเสียงตาวิลก็กลายเป็นคู่ขวัญแว๊นซ์บอยสะก๊อยเกิร์ลไปเลยยิ่งถ้าไปเชิญพวกตาบูไม่ก็แอ็พเพิ่ลดีแอ็พมาร่วมลงเสียงแร้เพด้วยนี่ อั่ยย่ะ เฟอร์กี้มึงโดนใบแดงแน่ๆ 555 ไปๆมาๆประสาทดีค่ะชอบ! ต่อด้วย Tik Tik Boom Ft. T.I. (3.5/5) สำหรับคนที่ชอบงานสายอาร์แอนด์บีฮิพฮอพนี่น่าจะโปรดปรานเพลงนี้กันไม่น้อยเลยทีเดียวจะว่าไปก็เหมือนกับเป็นการจับเอาความเป็นเออร์บันช่วงยุค2000sที่เพลงฮิพฮอพอีสโคสต์เวสต์โคสต์ทั้งหลายแหล่แห่กันครอบครองความนิยมบนชาร์ตไล่ที่พวกศิลปินพ็อพก่อนจะมาชนกับงานสำเร็จสูตรแบบเมนทสตรีมช่วงเวลาล่าสุดได้ลงตัวดี ติดหูหนึบหนับมาก ขนาดฟังถอดหูฟังไปนานแล้วยังติ๊ก ติ๊ก บูมลอยอยู่ในหัวไม่ยอมเลิก เอ้า ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก บูม . สองเพลงที่ผิดคาดขอยกให้ Body Ache (3.5/5) ที่ตอนแรกฟังพรีวิวแล้วตบเข่าผางว่าแม่งมันต้องแรงแน่ๆพอมาฟังแบบเต็มๆแล้วกลายเป็นงานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเจือยูโรบีทติดกลิ่นดั๊บสเต็ปแบบที่ได้ยินใน Femme Fataleและสารพัดงานจากตาวิลไอแอมแต่มีชั้นเชิงกว่า งั้นๆแหละ ในขณะที่เพลงติดกันแถมเป็นงานสายเดียวกันอย่าง Til Its Gone (4.5/5) ที่ตอนแรกฟังในพรีวิวแล้วแอบเบ้ปากนึกว่าเป็นภาคต่อของ I Wanna Go แต่พอมาฟังจริงๆแล้วเล่นเอาตาเหลือกเพราะบีทแน่น เข้มข้น รายละเอียดยุ่บยั่บมีมิติและทรงพลังมากๆ มาแรงชนิดที่ทะยานขึ้นสู่แนวหน้าของอัลบั้มทิ้งเพลงอื่นๆในอัลบั้มแบบไม่เห็นฝุ่น ตึ๊บมาก!!! Passenger (3.5/5) งานอิเล็คโทรพ็อพอาร์แอนด์บีบีทกระฉึกกระฉักหนักแน่นจนเกือบจะกระเดียดๆไปทางร็อคหน่อยๆแล้วแต่เมโลดี้เพราะขาดใจ ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเพลงที่โดดเด่นในอัลบั้มนี้แต่ในเรื่องของฮุคนับว่าใช้ได้เลยทีเดียวฟังไปๆเหมือนเพลงริฮานน่ารวมถึงน่าจะจับไปเป็นซาวนด์แทร็คประกอบภาพยนตร์สักเรื่องนะ มาที่ Chillin With You Ft. Jamie Lyn (4.5/5) ที่รวมงานกับเจมี่ ลินน์น้องสาวแท้ๆของเธอเองขอบอกว่าเป็นอะไรที่ผิดคาดมากๆคือแต่แรกไม่คิดเลยว่าจะออกมาดีขนาดนี้กับงานสายทดลองที่เปิดตัวหลอกด้วยกีต้าร์อคูสติคก่อนจะสาดโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคคลุมตามด้วยอาร์แอนด์บี ดั๊บสเต็ป ชิล์แจ๊ซซ์อ่อนๆจากเพอร์คัสชั่นสวยๆไปยันเบรคด้วยคันทรี่ย์โฟล์คนั่งฟังแล้วก็อดตะลึงตะลานไม่ได้ว่าทำได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ! คือเจ๋งนะคะยกนิ้วให้เลยแปลกหูดีแต่เริ่ดแถมเจมี่พูดถึงน้ำเสียงดีเลยทีเดียวนะล่าสุดก็เห็นว่าปล่อยซิงเกิ้ลมาแล้วก็ขอเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จนะคะ ปิดอัลบั้มด้วย Dont Cry (3.5/5) เป็นงานมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดผสานโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคและซินธิ์หลอนๆหวิวๆส่วนตัวชอบท่อนคอรัสนะคะฟังแล้วทำให้นึกถึงบริทนี่ย์ในสมัยก่อนยุค Blackout ที่ร้องเพลงบัลลาดได้เพราะมากๆยิ่งตอนเฟดช่วงท้ายนี่น้ำเสียงธรรมดาๆกับคำธรรมดาๆแค่คำว่า Dont Cry แต่มันสะเทือนใจดิฉันอย่างบอกไม่ถูก อินเนอร์สินะ! สุดท้ายนี้คงต้องบอกว่าส่วนตัว ประทับใจ กับอัลบั้ม Britney Jean ชุดนี้มากเอาการทีเดียวส่วนที่สะดุดก็เห็นจะเป็นจากการที่ส่วนตัวคาดหวังไปเองว่าอัลบั้มนี้มันน่าจะออกมาได้แรงกว่านี้และมีกลิ่นเออร์บันตลบอบอวนกว่าที่ได้ฟังอยู่อย่างไรก็ตามเนื้องานดีจริงเด่นเด้งจริงก็ว่าไม่ได้นะคะแม้จะไม่ใช่งานที่ดีที่สุดของเธอแต่อย่างน้อยก็เป็นงานที่มีครบทั้งปล่อยของและเอาใจเมนทสตรีมในชุดเดียวกันเลยทีเดียวแม้ว่าภาพรวมอาจจะไม่แรงเท่า In The Zone หรือ Blackout แต่ในแง่ของคุณภาพก็นับว่าเราส่งให้ Britney Jean ขึ้นหิ้งเป็นตัวแทนหนึ่งในงานที่ดีสุดของเจ้าหญิงเพลงพ็อพคนนี้เคียงข้างอัลบั้มสองชุดนั้นเลยล่ะนะ ป.ล. ได้ข่าวว่าเพลงใน Deluxe เพราะไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนเป็นรีวิวเฉพาะเพลงในคอลัมน์ Get Into The Groove ให้อ่านกันนะคะ |
Thu Nov 28, 2013 9:18 pm | |
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
|
Thu Nov 28, 2013 9:20 pm | |
นางมารหอหลวม FF>>Member ระดับเริ่ด
เข้าร่วม: 05 Feb 2009 ตอบ: 24121 ที่อยู่: ZURICH |
|
Thu Nov 28, 2013 9:29 pm | |
badboy_narakmark FF>>Member ระดับไฟแรง
เข้าร่วม: 03 May 2007 ตอบ: 7311 |
|
Thu Nov 28, 2013 10:14 pm | |
princess FF>>Member ระดับไฟแรง
เข้าร่วม: 20 Mar 2006 ตอบ: 9774 ที่อยู่: ที่ไหนน้า ? |
พี่แนสจะบอกว่าหลายๆอย่างคิดเหมือนกันทั้ง Body เองที่คิดว่าไม่ได้โดด้ด่นขนาดนั้น หรือ Till It's gone ที่พอฟังไปมากมันเกินกว่าที่คาดไว้ รวมถึงอารมณ์แบบ Circus และ Femme Fatale ยังอยู่ครบ ถึงแม้ว่าตัวของดนตรีจะไม่พึ่งเหมือน ITZ แต่รู้สึกได้เลยว่ามีตัวตนที่จับต้องไม่จริงมากกว่า FF อีก
ปล. เกลียดอีวิล และ DG พอๆกันแต่กลับชอบ It Should Be Easy เหมือนกัน 555 _________________ #WorkBitch |
Thu Nov 28, 2013 10:48 pm | |
palmbs FF>>Member เก๋ๆ เดิร์นๆ
เข้าร่วม: 25 Mar 2011 ตอบ: 818 ที่อยู่: กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร |
_________________ |
Fri Nov 29, 2013 8:29 am | |
หน้า 1 จาก 1 |
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน |
|