˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
เพลงออลริจินัลของ เจมส์ บอนส์ ครับ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ เพลงออลริจินัลของ เจมส์ บอนส์ ครับ 
Casino Royale



Chris Cornell - You Know My Name

เดิมที เพลงจากแนว American Rock ไม่ค่อยจะมีวาสนาให้คอแนวนักสืบ Die Hard ของเราได้สัมผัสอารมณ์มันส์ๆของเพลง ควบคู่กับฉากบู๊ล้างบาปเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอน ตาพีท เอง ก็สำอางค์เกินไปกับฉากรุนแรงพรรค์นั้น หรือจะเพราะด้วยเทคโนโลยีกับบท ทำให้ภาคก่อนๆกลายเป็นการเก๊กหน้าหล่ออย่างเดียวของมร.บอนด์ไปโดยปริยาย แต่ด้วยตัวความสามารถของ สตันท์แมน กับตัว แดเนียล เคร้ก ซึ่งภายภาคหน้าคงรับช่วงต่อจาก น้าเหม่งบรุ๊ค ไปได้ไม่ยาก ทำให้ตัวเพลง Rock เหมาะกับบอนด์ ภาคนี้เป็นที่สุด ส่วนตัวเพลงเอง ลุงไม่ค่อยประทับใจทั้งตัวเพลง เสียเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบเสียงคนร้องเลย ให้ตายสิ เพราะไม่เหมาะเลยเสียนิด Effect Guiter ที่ใช้ในตัวเพลง มันก็น่ะ น่าจะเปลี่ยนไปใส่หนังประเภทซุปเปอร์ฮีโร่อารมณ์ร้อนมากกว่า จะมานั่งเสียอารมณ์กับเพลงไตเติ้ลแบบนี้ ยังดีที่ Score ของหนังภาคนี้ ยังพอให้อารมณ์ตื่นเต้นของลุงได้ดีขึ้น และยิ้มในอารมณ์ของ Score ชิ้นดีที่ไม่ทำให้ผิดหวังและสมควรซื้อแผ่นจริงมาฟังเป็นดี กลับมาที่เพลงต่อ ลุงยอมรับว่า อารมณ์ของเพลงนักสืบรายนี้ มีอารมณ์นุ่มนวลกับแข้งกระด้างผสมกันไป แต่การขึ้นกีต้าร์ช่วงต้น และการผสมเครื่องสาย กลับเป็นจุดอ่อนประเภทสมควรตกรอบแรก ทางกลับกัน เสียงที่ไม่ชอบ กลับทำให้เพลงสามารถดำเนินจุดเชื่อมความคล้อยจองของเพลงได้ดี ถึงแม้ว่า ลุงจะเกลียดเสียงตา Chris Cornell แต่สุดท้ายนี่ ลุงไม่ปลื้ม !!!! อยู่ดี เพราะส่วนดีที่สุดที่เพลงนี้สมควรอยู่บนโลกนี้ คือ พวกเพลง ซุปเปอร์ฮีโร่ ตามที่ลุงบอก เพลงประมาณหน้าเอท้ายๆ เพลงที่ สี่ที่ห้า เป็นต้น แล้วความเหมาะสมจะบังเกิดเอง ขอว่า อีกนิด เพลงนี้มั่วมากกกกกกกก จับผลูจับผัก ใส่ต้มยำซะมั่ว จนเพลง มันเกือบจะไม่เป็นเพลง ทั้งเครื่องสาย กีต้าร์ ( รำคาญมากกกกกก ) เสียงร้องมัน จังหวะ โอ๊ยยยยยยย ไม่ไหวน่ะ ปกติ ลุงก็ฟังบ่อยพวกนี้ แต่ก็ถือว่า ห่วย สำหรับเพลงนี้น่ะ อิอิ

เต็ม 10 ให้ 2.5 ให้คะแนนนิดหน่อย เพราะยังเป็นเพลง กับฟังหลายครั้งยังค่อยยังชั่วกับความลงตัวที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ และความแปลกใหม่ที่กล้าเอาเพลงร๊อคแบบนี้มาใส่ในเจมส์ บอนส์ นอกนั้น ห่วย... โอเคไหม


ต่อจากนี้ จะเรียงไปเรื่อยๆจน Gold Finger น่ะจ๊ะ




แก้ไขล่าสุดโดย พิม (ลุงนีล) เมื่อ Mon Nov 20, 2006 7:08 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เอาลิงค์มาให้โหลดด้วยจิลุง

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Madonna - Die Another Day



"เป็นเพลงบอนด์ที่ห่วยที่สุดทั้งที่เคยมีเพลงบอนด์มาน่ะย่ะ" เสียงกาอ้วนแถมเป็นกระเทยของป้าแอ๋ว ที่เล่าลืออ้างถือสรรพคุณที่เพลงนี้ สมควรจะเป็น อีกทั้งนักวิจารณ์ปากหมาทั้งหลายก็บ้าจี้เห็นสมควรด้วยถึงความ"ห่วย" ของมัน จนไปๆมาๆ เพลงจะดังกว่าตัวหนังซะอีก แน่นอน อิทธิพลแบบนี้มีคนทำได้อยู่ไม่กี่ราย และคนที่ทำแบบนี้บ่อยๆ ก็คงมีแต่ซือเจ้เท่านั้น ที่ลุงภูมิใจเห็นตรงข้ามกับพวกกบฏเหล่านั้น ตัวเพลงเป็นอิเล็กโทรนิค ช่วง Mirwais ที่รังสรรค์เครื่องสาย ท่อน ประจำเพลงนี้ ซึ่งลุงค่อนข้างชอบพอกับ The World Is Not Enough ของ Garbage มาทำเก๋จับมาเรียบเรียงผสมกับ Programming เสียงปรบมือ กับ เสียงไฟฟ้าซ๊อค ของ Mirwais รวมถึง Effect เสียงเท้าของซือเจ้ และส่วนประกอบของเพลง ทำให้เพลงนี้ สลับขั้วกับ Toxic ของน้องหอก คงพอดีไม่มีคับ ( อันดับ 8 Billboard เหมือนกัน เพลงแนวเดียวกันอีก ) แค่นี้ ก็ทำให้เพลงเต้นรำที่เน้น Electronica ยุค 2003 สามารถร่วมสมัย และมีบีทที่น่าประทับใจ ไม่ทำให้ซาร์ตคลับแดนส์ประจำตัวของซือเจ้ผิดหวัง พาเหรด ยกชูขึ้นอันดับหนึ่ง กันหน้าบาน และแน่นอน ลุงปลื้มมมมมมมมม มากกกกกกกก กับเพลงนี้ เพราะ อย่างน้อย ก็ทำให้อัลบั้ม American Life ดูดีขึ้น และอีกทั้งเป็นเพลงบอนด์ที่เป็นที่วิจารณ์กันหนาหู แค่นี้ ก็ทำให้เพลงนี้ดีเลิศ แต่... ลุงไม่ปลื้มอย่าง เพราะเพลงไม่ได้เข้ากับตัวหนังเท่าที่ควรจะเป็น อีกทั้ง บุคลิกของตาพีคเอง ก็ไม่ได้เหมาะกันเลยกับเพลงนี้ ด้วยซ้ำ สรุปคือเพลงอ่ะดี แต่ลุงว่า ไม่เหมาะกับเพลงของหนังบอนด์ภาคพีค ที่ควรจะเป็นหรอกหนา

เต็ม 10 ให้ 6.5 เพลงมันส์และดี แต่ผิดสถานที่จ๊ะ อัลบั้มนั้นแหละหนา ที่อยู่ของมึง




แก้ไขล่าสุดโดย พิม (ลุงนีล) เมื่อ Mon Nov 20, 2006 8:13 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อารมณ์เพลงลุงนีลค่อนข้างจะออกแนวกะเทยนะคะ

ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รักเธอจริงๆ มาดอนน่า พิมพ์ว่า:
เอาลิงค์มาให้โหลดด้วยจิลุง

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


คลิกได้เลยจ๊ะ Happy Happy ข้างบน

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Garbage - The World Is Not Enough



เมื่อเจ๊ซารีน กลับตัวมาเกือบดีว่าในเพลงนี้แล้วอะไรเกิดขึ้น ... เพลงของ Garbage โดยปกติเป็น Alternative กร้าวกร้าด ที่เจ๊ซารีนมาตะโกน ไม่ก็ทำเสียงเซ็กซี่ ตามอัธยาศัยของหล่อนเอง แต่กับเพลงนี้ ลุงยอมรับว่า เหมาะกับตาพีทมากที่สุด และเป็นเพลงบอนด์ที่ลงตัวเหมาะเจาะ เข้ากับสถานการณ์ที่นักสืบอังกฤษแก่ๆควรได้รับ ตัวเพลงเป็นวงออสเคสตร้า ผสมกับเสียงกีต้าร์ ซึ่งยอมรับอีกนั้นแหละว่า Composer ตีโจทย์เพลงนักสืบแตกละเอียด จนต้องคารวะให้ทั้งเครื่องสายที่ท่อนฮุคกลายเป็นตัวบอนด์ ซะเอง ความอลังการที่เครื่องสายให้แก่เพลงกลายเป็นของขวัญชิ้นโต คู่ควรกับเพลงบอนด์ได้อย่างเหมาะเจาะ ทั้งเสียงพิณ และไวโอลิน 2 ที่เรียงร้อยความสวยงามดุดันได้ถึงแก่นความสุดยอด และสมควรให้เพลงนี้ อาจจะดีเทียบเท่ากับเพลงคลาสลิกทีเดียว เพราะเครื่องสายเพลงนี้ ทำได้ดีมากกกกกก จนลุงประทับใจเป็นที่สุด อ่ะ ลืมไป ลืมพูดถึงส่วน Garbage ซักหน่อย ...เออ หนูๆ มาเล่นดนตรีอะไรแถวๆนี้จ๊ะ รู้ม่ะว่า เพลงที่ควรจะคลาสลิกกลับต้องพัง ด้วยน้ำมือหนูหมดเลยน่ะจ๊ะ อ่ะ พูดข้อดีก่อน ก่อนจะช้ำใจ เสียงกีต้าร์ เท่ห์ดีน่ะหนู แค่นี้แหละ... ชื่อวง Garbage หมายถึง ถังขยะ ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนด่ามากถึงมากที่สุด เพราะราศีของวง ก็ไม่สมควรจะมา Perform หนังฟอร์มใหญ่ประมาณนี้หรอกน่ะจ๊ะ ยังภายดนตรีอื่นๆเค้าทำได้ดีจนดีมากกกกกก แต่อะไร กลองจะหย่อนจังหวะทำไม กีต้าร์ เบส นี่ไม่ใช่งานสวดศพพ่อมึงน่ะจ๊ะ ไปหย่อนและตีเบาขนาดนั้น ให้ไปเทียบกับภาคก่อนหน้านี้ ของ Golden Eye น่ะ หนูแพ้กระจาย ตีจังหวะก็เหมือน ... คือชื่อวง หนูเป็นอันดับแรกที่ควรจะแย่งซีนน่ะจ๊ะ ไม่ใช่เป็นไพร่ใต้ถุนรับใช้คนใช้ไฮโซ แทน เห็นแล้ว อนาจจิตยิ่งนัก ยังดีที่เจ๊ซารีน ยังพยายามจะเป็น ดีว่า Wannabe แต่เสียงเซ็กซี่ก็ทำได้ดี จนให้อภัยได้ ส่วนอีสามตัว เดี๋ยวลุงจะเอาเก้าอี้ไร้ที่รอง มาฟาดไข่เหมือนที่เฮียเคร้กโดนเลย หมั่นไส้

เต็ม 10 ภาคดนตรีได้ 9 เพราะเพียงหนูไม่ได้มีหน้าที่นำเพลงน่ะจ๊ะ

ส่วนของ Garbage ได้ 4 เพราะเจ๊ซารีน โดยเฉพาะ ...ส่วนที่เหลือ มึงศูนย์ !!!!!!!


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ลุงนีลดูท่าจะไม่มีปัญญาครีเอทสิ่งใดได้ดีไปกว่าการสอดแทรกคำหยาบ
เดี๊ยนรับไม่ได้ค่ะ กะเทยกักขะ

ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Tomorrow Never Dies - Sherlyn Crow



เพลงบอนด์ดับอนาจที่คู่ขนานไม่ประจบเหมือนตัวหนังที่เป็นภาคแรกที่ลุงได้ดู และประทับใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกก โดยส่วนตัว ลุงว่า ตาพีค นี่นอกจากทำให้ GoldenEye เป็นภาคที่สุดยอดแล้ว กลวีธีการเล่าเรื่องของภาคนี้ก็น่าตื่นเต้นดีนักแล ยิ่งมีผู้หญิงบอนด์เป็น มิเชล Yoeh ก็ทำให้หนังมีความสนุกนอกจากสไตล์ตีเตะกังฟูที่เจ๊มิเชลทำได้ดี จึงลุงปลื้มอีกล่ะ ... เอาเป็นว่า เป็นบอนด์ที่ดีกว่า The World Is Not Enough ที่ลุงว่า ตาพีคดูไม่ค่อยมีเสน่ห์เลย ภาคนี้ ส่วน Die Another Day ไม่ต้องพูด ซือเจ้ กลบกระแสหมดไม่มีเหลือ อิอิ กลับมาที่เพลงดีกว่า Intro เป็นมการตีช่างกลของวงออสเคสตร้า ก่อนจะเข้าส่วนนักสืบจริงๆ ซึ่งจริงแล้ว ลุงว่า เพลงนี้ใช้ได้ การเรียบเรียงของคำร้องของเจ๊ ค่อนข้างมีเสน่ห์นวลลึกเหมาะสมกับตัวหนัง กับเครื่องสายที่ยอมหลีกทางให้ศีย์บอร์คและเปียโน บ้านนอก ของเจ๊ เชอริล เอง Effect กีต้าร์ทำให้เพลงมีดูมีมิติ กลองผสม Precussion ที่ร่าอารมณ์ได้ยอดเยี่ยม ความจริง มันก็ยากอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนจากแนว บ้านนอก คอกนา ไถข้าวโพด ของตัวเอง มาเป็นแนวอลังการเก๋กู๊ดประมาณนี้ แต่สุดท้ายแล้ว เจ๊เชอริล ก็เรียบเรียง กับทั้ง Composer ของออสเคสตร้า ที่แบ่งสัดส่วนกับเครื่องสตริงและกลอง ได้ดีจนบางที ถ้า... เพลงนี้คงจะเป็นเพลงที่ดีกว่านี้ ถ้า... ถ้า... เสียงมึงโคตรเลย อีห่า เจ๊ ทำไมเสียงมันแบนซะจน ผู้ฟังเกิดอารมณ์อยากจ่ายเดินตลาดไปซื้อทุเรียนมาปาใส่หัวมึง จริงๆ โอ๊ยยยยยยยยยย ท่อนพีค ห่วยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งเพลง มึงห่วยอยู่อย่างเดียว ห่วยสุดๆ เสียงก็ร้องไม่ถึง การเอื้อนก็หาไม่ใช่อีดำปอดใหญ่ซะที่ไหน คือ ถามจริง ไปร้องในโลงศพหรือไง ถ้าได้ถ่ายทอดอารมณ์ดนตรี กับเพลง ให้...จบเหตุซะขนาดนี้ เฮอะ เซ็งกับมึงจริงๆ รู้ไว้ซะ มึงมีค่าสำหรับ อัลบั้มแรกกับ ALL I WANNA DO ที่ลุงชอบ แต่กับเพลงบอนด์ ถ้าเป็นในเรื่องขอให้ตายคนแรกเลย ประมาณ อาบน้ำอยู่ เจอแขกกระทืบตายไปซะ อนาจ

เต็ม 10 ให้ 4.5 เพราะดนตรียังไม่ลงตัว แม้จะเรียบเรียงดี แต่ก็เรียบเนียบเหมือนแผ่นวิปเปอร์เท่าไหร่นัก + เสียงเจ๊เชอริล

แต่ให้คะแนนเจ๊อย่างเดียวก็ 1 ในฐานะเป็นนักแต่งเพลง แต่นอกนั้น ลุงไม่พูดล่ะ ปลื้มเพลงต่อไปมากๆ




แก้ไขล่าสุดโดย พิม (ลุงนีล) เมื่อ Mon Nov 20, 2006 8:48 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Tina Turner - Golden Eye



เปิดตัวด้วย เสียง ดีด สี่สายเสียงก่อน บรรเลงเสียงไวโอลินสีซ้ำๆเจ้าเดียวกัน บรรเลงไปเรื่อยๆจน ทรัมเปต กลับมาเปิดประตูแห่งความอหังการประจำบ้านดีว่าเสียงแหบของเรา ป้าทีน่า เทินเนอร์ และสร้างจังหวะจากเสียงกลอง ที่ใช้แปรงฝุ่น และเครื่องเคาะ ที่กรึ้งเรียกป้าของเรา มาร้องเรียกร้องให้ดูหน้าตาตัวเอง " See Reflection on The Water " ว่ามันดำแค่ไหน "More Than Darkness ..." ก่อนจะเข้า Verse ด้วยเสียงพิณ น่าลึกลับ และเริ่มรายล้อมเต็มไปด้วยเสียงทรัมเปต เสียงที่เริ่มเหมือนผีมาหลอก ก่อนเครื่องเคาะ เริ่มสร้าง Atmosphere ความลึกลับ พร้อมการปรากฏตัวของไวโอลินเจ้าเล่ห์ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตอนแรก ก็ดูน่าค้นหาภายใต้ความมืดที่ซ่อนไว้ ในท่อน Bridge ที่เกือบได้แหกปากแล้ว แต่เจ้าป้า เข้าห้อง Verse 3 ด้วยความโล่งใจ แม้ใจจะเต้นรัวๆ สร้างความน่ากลัวมากขึ้น แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้นต่อไป... ท่อน Bridge กลับมาอีกครั้ง แต่ป้าเริ่มทำตัวเป็นแม่มดสำแดงเครื่องดนตรีมาสร้างอิทธิ์ฤทธิ์ของตัวเอง ยิ่งขึ้นไปอีก จนสุดท้าย พอป้าร้อง " In My Sideeeeeeeeeeeeeeee " ( แหบมากกกกกกกก ออฟเทคต่ำเกินไป พอจะแหกอย่างมีพลัง ) ป้าก็กลับมากินหัวทันที ก่อนไล่ตามตัวด้วย " Golded Eyeๆๆๆๆ " เป็นการสิ้นชีพแลกเพลงน่าลึกลับ อย่างนักสืบที่ควรจะเป็น แม้จะไม่เป็นการอหังการอย่าง The World Is Not Enough หรือล้างผลาญไฟร้อน อย่าง I Know Your Name แต่ตัวเพลงก็มีพลังงานซ่อนเร้นน่าค้นหาอย่างไม่น่าเชื่อ จนเจมส์ บอนด์ คงอยากเอาเพลงนี้ ปฏิบัติการ ควบคู่กับผู้หญิงอีกสิบคนเป็นน่าแท้ แล้วจะรู้ว่าทำไม U2 ที่ลุงไม่ชอบ ถึงทำเพลงได้มีพลัง ขนาดนี้ ยิ่งป้าทีน่า มาช่วย ก็ช่วยให้ปีศาจ Death Note ของเรามีอำนาจกินคนได้อย่างน่า ประหลาด ไปเล่น Live คนก็อึ้งเป็นมือปิดปาก ก่อนจุ๊บกันอย่างได้อย่างมีอารมณ์ที่สุด นี่แหละ เพลงบอนด์แน่นอน

เต็ม 10 ให้ 8 เพราะดนตรียังไม่ลงตัวมากมาย เหมือนมันไม่มีจุดพีค ประหลาดๆ เลยเหมือนกับซ่อนตัวทั้งเพลง 55 แต่โอเคน่ะ ลุงชอบ




แก้ไขล่าสุดโดย พิม (ลุงนีล) เมื่อ Mon Nov 20, 2006 8:58 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 3
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com