˹���á Forward Magazine

ตอบ

[15+] NuRii3_Review : Taylor Swift - Lover
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ [15+] NuRii3_Review : Taylor Swift - Lover 
Taylor Swift - Lover



ตามที่เคยสัญญาไว้ว่าจะพยายามเขียนรีวิวเพลงสากลอย่างน้อยที่สุดก็ทุกอัลบั้มที่เทย์เลอร์สวิฟท์นางคัมแบ็ค ซึ่งกว่าจะเป็นบทวิจารณ์ที่พวกหล่อนกำลังได้อ่านกันอยู่ ณ ขณะนี้ รีต้องนั่งแก้รีวิวนี้เกินกว่า30รอบได้แล้วล่ะมั้ง คือจากอัลบั้มที่เคยรู้สึกยี้มากตั้งแต่วันที่รีลีส จนเขียนไปเขียนมา ปัจจุบันคือฟังบ่อยกว่าสมัยติดอัลบั้มfearlessกับ(bad)reputation ซึ่งเป็น2อัลบั้มที่รีชอบมากที่สุดของนางไปล่ะ น่าเหลือเชื่อจริงๆ

เกริ่นถึงอีตัวเจ้าของผลงานที่รีกำลังจะกล่าวถึงในบทวิจารณ์คราวนี้กันซักหน่อยดีกว่า คงไม่ต้องบอกแล้วมั้งว่า ณ ศักราชนี้คงไม่มีชื่อนักร้องคนไหนบนโลกใบนี้จะทรงอิทธิพลได้เท่ากับชื่อ"เทเลอร์ สวิฟท์"อีกแล้ว พูดแบบนี้ติ่งอีแคระเห็นประโยคนี้อาจมาดิ้นเย้วๆว่าใช่หรือคะออนนี่ คือส่วนตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธนะคะ ว่าอีแคระคือเป็นที่popular มีความtrendyกว่า ณ ช่วงเวลานี้จริงๆ แต่คำว่าทรงอิทธิพลที่สุดมันไม่ได้วัดจากแค่ผลงานที่ดังกว่าในรอบ2-3ปีผ่านมาเท่านั้นอะค่ะ แต่ยังรวมถึงมูลค่าทางcommercialและด้านqualityของผลงานด้วย ซึ่งตรงส่วนอีแคระยังมีไม่มากพอที่จะbeatอีเทย์ลงได้ (อย่างน้อยก็ตอนนี้อะนะ)

คืออีเทย์เนี่ย ณ ปัจจุบันไม่ว่านางจะเยื่องกายทำอะไรก็ตามแต่ ล้วนแล้วแต่ได้รับความสนใจแก่มวลมหาประชาชนทั่วทั้งโลกทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดนางก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหวนกลับมาจับไมค์ทำเพลงอีกครั้ง หลังจากที่สร้างกระแสห่างหายไปจากทุกแพลตฟอร์มSNSบนโลกนี้นับแรมปี แน่นอนว่าคอเพลงสากลทุกคน ล้วนตั้งตารอกับการกลับมาครั้งใหม่ของพอพไอคอนแห่งยุคคนล่าสุด ว่าจะสามารถสร้าง"the greatest comeback"ได้อีกครั้งหรือไม่ หลังจากได้รับผลตอบรับที่ไม่น่าพอใจนักจากอัลบั้มที่ผ่านมาอย่าง(bad)reputation



Lover : B

พูดถึงภาพรวมของอัลบั้มนี้ซักหน่อย ตามที่อีเทย์นางได้ให้descriptionของอัลบั้มนี้เอาไว้ ว่าเป็น"a love letter to love, in all of its feelings" รวมถึงมูดแอนด์โทนของเพลงในอัลบั้มนี้เอง ที่อีเทย์ก็ยังให้คำอธิบายเพิ่มเติมไว้ด้วยว่าเพลงในอัลบั้มนี้จะมาในโทนโรแมนติก ซึ่งใครที่หวังแนวร้ายๆแรงๆแบบอัลบั้มที่แล้วก็รอเหงือกแห้งกันต่อไปนะจ้ะ แต่นางก็รีบแปะยันต์กันกะเทยรุมแหกไว้ก่อนว่า เกิร์ล ไอความโรแมนติกที่กำลังพูดถึงนี่ ไม่จำที่จะต้องเป็นความโรแมนติกที่จำกัดเฉพาะเพลงรักโลกสวย วิ่งลั้ลลาแฮปปี้บนทุ่งลาเวนเดอร์เท่านั้นเน้อะ นางจะแสดงหลากหลายของความโรแมนติกผ่านอารมณ์และความรู้สึกในมุมมองต่างๆให้กะเทยดูเอง (เชื่อได้ม่ะ)

ซึ่งพอเห็นนางประกาศจุดยืนแบบนั้น สารภาพตามตรงว่ารู้สึกผิดหวังมาก ต้องยอมรับนะ (ใช่ค่ะ ฉันสั่งให้ใครที่อ่านอยู่เชื่อในความคิดของฉัน ใครไม่เชื่อก็ออกไป๊ กรั่กๆๆ) ว่าพอนางประกาศอี"The old Taylor is dead"ไปเมื่ออัลบั้มที่แล้ว ชะนีและกะเทยทั่วทั้งโลกต่างรอดูความเฟียสหีของนางแล้วไหม กะว่าอัลบั้มใหม่ที่กำลังมาถึงนี้คงได้จกป็อปคอร์นดูอีเทย์แหกหีใครซักนางแน่ๆ ซึ่งคงหนีไม่พ้นอีแขที่พึ่งแหกนางกลับไปตอนอีswish swish หรือไม่ก็อี2ผัวเมียเวสต์อย่างแน่นอน หรือถ้าจะให้แซ่บกว่านั้น คือแหกอีสกูเตอร์กับแก๊งลูกหาบอย่างอีจัสต่อเลย ไหนๆอีเทย์ก็ชอบplay the victim จนติ่งแทบจะแห่กันไปเผาบ้านอีสกูเตอร์กันอยู่ล่ะ กรั่กๆๆ

นอกจากจะไม่ได้ความร้ายๆแรงๆแบบที่คาดหวังไว้แล้ว ลีดซิงเกิ้ลอย่างอีมีคือทำเอากะเทยช็อคซินิม่าอ้าปากค้างกันเป็นแถบ เพลงง่อยเปลี้ยเสียขาแบบนั้นคือ"กล้า"ที่จะตัดเป็นลีดซิงเกิ้ล ฟังจบ กะเทยคือพร้อมใจกันลบทิ้งออกจากplaylistโดยมิได้นัดหมาย พร้อมมัดตราสังชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกตลอดกาล เรียกว่าเป็นลีดซิงเกิ้ลที่เลวร้ายลำดับต้นๆตลอดcareerของอีเทย์เลยก็ว่าได้ (สำหรับรีคือสูสีชนิดออกเบียดกับอีshake it offเลย อันนี้ไม่ได้ชมนะจ้ะ ไม่ต้องดีใจ)

ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลพวงจากความผิดหวังด้วยหรือเปล่า เลยทำให้first impressionต่ออัลบั้มนี้จึงไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก ความรู้สึก ณ เวลานั้นบอกได้คำเดียวว่าเป็นหนึ่งอัลบั้มที่จืดชืดไร้สีสันที่สุดอัลบั้มนึงเลยก็ว่าได้ ถามว่ามีแทร็คที่พอจะชอบบ้างไหม มันก็มีนั้นล่ะ แต่โดยรวมคือไม่ผ่านจริงๆ อีกทั้งไม่ปลื้มมูดแอนด์โทนโลกสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยกลายเป็นอคติไปทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคดนตรี เนื้อหา รวมถึง2ซิงเกิ้ลแรกอย่างอีมีและอีyou need to calm downที่ชวนสยองผองขนทุกครั้งที่ได้ฟัง เลยเทอัลบั้มนี้แบบไม่เผาผีไปเป็นที่เรียบร้อย และตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าคงเป็นอัลบั้มแรกของอีเทย์ที่คงไม่มีบทวิจารณ์ในนามของนู๋รีรีวิวบนบอร์ดกะเทยแห่งนี้

แต่ก็ไม่รู้อะไรมาดลใจอีก จึงได้มีโอกาสฟังอัลบั้มนี้แบบพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง พอได้ฟังอย่างจริงจัง ก็อ้าวเห้ย อีloverก็เป็นอัลบั้มที่ทำได้ไม่เลวนี่หว่า ภาคดนตรีที่ส่วนตัวเคยมองว่าไม่"เข้มข้น"และ"แบน"เกินไป เมื่อเทียบกับอัลบั้มแล้วๆ พอมาครั้งนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคหรือกระอักกระอ่วนเท่าไหร่นัก โอเคว่าอัลบั้มนี้ไม่มีแทร็คที่แซ่บนัวพอทำให้ซี้ดปากอู้อ้าได้แบบสมัยตอนอี69หรืออีbad reputation รวมถึงบางแทร็คที่ติงต๊องเกินกว่าจะมาประดับในอัลบั้มของนักร้องระดับพอพไอคอนอย่างอีเทย์ได้

แต่สิ่งที่ได้มาทดแทนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะได้จากนักร้องอย่างอีเทย์ คือภาคเนื้อหาที่มีมิติและชั้นเชิงขึ้นมาก ทำเอารีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกamazingกับพัฒนาการและศักยภาพด้านการแต่งเพลงของนางในอัลบั้มนี้ ซึ่งอีเทย์แสดงให้เราได้เห็นถึงมิติและชั้นเชิงของภาคเนื้อหา ผ่านทัศนะและมุมมองที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ต้องอาศัยการตีความที่กว้างขึ้น พูดตรงๆแบบไม่อวยเลยว่า ณ เวลานี้ อีเทย์คือพอพสตาร์ที่สามารถดึงศักยภาพตรงจุดนี้ออกมาได้ในระดับสูงสุด จนเหนือกว่าบรรดานักร้องเมนสตรีมในรุ่นเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอstanding ovationให้อีเทย์ ณ จุดนี้ด้วยค่ะ กรั่กๆๆ

อีกจุดเด่นนึงที่ต้องขอชมเชย คือเซ้นส์การเลือกเพลงได้"ไพเราะ"และ"ร่วมสมัย" (แม้ว่าหลายๆเพลงคือไม่สมควรจะถูกยัดเข้ามาเลยก็ตาม) ส่วนตัวเห็นว่าloverเป็นอัลบั้มที่containไปด้วยเพลงเพราะอยู่พอสมควร (ต้องขอออกตัวก่อน กลัวคนอาจเข้าใจนิยามไปผิดๆ เพลงที่เพราะอาจไม่ใช่เพลงที่ดีหรือดีมากก็ได้ แต่ฟังแล้วรู้สึกว่า เออ ฟังแล้วชอบนะ อะไรแบบนั้น) แล้วที่สำคัญคือแต่ละเพลงคือทำได้ตามสมัยนิยม อาจจะมีบางแทร็คที่ภาคดนตรีอ่อนจนถึงง่อยให้เห็นไปบ้าง แต่ไม่ค่อยติดลูกเล่นเชยๆล้าสมัยมาให้เห็นเท่าไหร่นัก สามารถหยิบมาฟังแก้ขัดได้เรื่อยๆ

แล้วจุดเด่นอย่างสุดท้ายที่รีต้องชมนางทุกครั้ง คือความเป็นเอกภาพของทิศทางเพลงในอัลบั้ม พูดจากใจเลยนะ อีเทย์เป็นนักร้องที่คุมโทนอัลบั้มได้ดีมากๆ จริงๆต้องบอกว่าดีมาตั้งแต่สมัยเป็นอีเพิ้งร้องเพลงแฟรี่เทลตามบ้านนอกคอกนาล่ะ นางวางคอนเซ็ปท์อัลบั้มได้ชัดเจนตลอดว่าต้องการจะพูดถึงอะไรบ้าง แล้วมูดแอนด์โทนของอัลบั้มก็จะสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่พอพสตาร์ตัวอื่นๆ บางทีตั้งชื่ออัลบั้มจากซิงเกิ้ลล่าสุดที่ปล่อยพร้อมกับอัลบั้มเต็มแค่นั้นด้วยซ้ำ จนบางทีก็งงว่าตกลงแล้วพวกหล่อนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เพราะหาความสัมพันธ์ระหว่างทิศทางเพลงในอัลบั้มกับessenceที่ต้องการสื่อสารได้ไม่

ส่วนแทร็คแนะนำ คงคัดจากเพลงที่รีชอบจริงๆ หรือไม่ก็เป็นแทร็คที่คิดว่าเหมาะสมและกะเทยน่าจะสนใจกัน อีพวกแทร็คง่อยๆอีกเกินครึ่งอัลบั้มคือโละทิ้งอย่างเดียว ไม่รู้จะเสียเวลาพูดถึงไปทำไม แล้วอัลบั้มหีอะไรปาเข้าไปเกือบ20เพลง จนพิมพ์ยาวเป็นthesisได้เลยมั้ง แทนที่จะกรองให้เหลือแต่แทร็คคุณภาพจริงๆ ดันยัดประเดประดังเข้ามาเหมือนพวกบ้าหอบฟาง อะไรของหล่อนคะะะ



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


Lover
5/5

น่าแปลกใจมากว่าทำไมกะเทยถึงเกลียดเพลงนี้กันจัง กลับกันเพลงนี้เป็นเพลงที่รีฟังแล้วคลิ๊กตั้งแต่รอบแรกๆเลย ทั้งเมโลดี้ ซาวด์ lyrics คือทำได้โรแมนติกและเพราะมากๆ แล้วมันไม่ใช่โรแมนติกแบบฟีลแฟรี่เทลเหมือนสมัยอัลบั้มแรกๆด้วย นึกออกป่ะ ยกตัวอย่างหนึ่งในเพลงช้าที่เป็นเพลงโปรดที่สุดของรีอย่าง"begin again"แล้วกัน ภาคดนตรีของเพลงนั้นคือมีทิศทางที่ชัดเจน ไม่ซับซ้อน ขึ้นอินโทรมารู้เลยว่ามาแนวฟีลกู๊ดแน่นอน ให้รสสัมผัสที่อ่อนโยนและอบอุ่น หอมตลบอบอวลคลุ้งไปด้วยกลิ่นไอแห่งความสุข ฟังจบก็ยิ่มแฉ่งเบิกบานกันไป

ในณะที่Loverคือ60's vintage torch songที่ถ่ายทอดออกมาได้ซับซ้อนกว่าและมีมิติทางอารมณ์ที่หลายระดับกว่า ตัวlyricsเองก็สื่อสารได้ถึงรสสัมผัสที่นุ่มนวล แต่ก็สัมผัสได้ถึงความทรงพลังของอนุภาพของความรัก อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกโหยหาอยู่ในที oganic soundของกีตาร์โฟล์ลที่ตัดกับความหม่นของรสดนตรีบลูส์อ่อนๆ ช่างเข้ากับจังหวะวอลซ์ที่ชวนให้นึกถึงงานพรอมสมัยไฮสคูล เป็นbitter-sweet combinationที่ให้ทั้งฟีลnostalgicและไม่ดูโรแมนติกจ๋าจนเลี่ยนเกินไป

ถ้าจะต้องให้เลือกซักแทร็คนึงที่สามารถให้description ทั้งในแง่คุณภาพและตอบโจทย์อัลบั้มนี้มากที่สุด แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นไตเติ้ลแทร็คอย่างเพลงนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นromantic songที่มีครบทุกรสพร้อมเสริฟ สมกับที่นางเคลมว่าเป็น"love letter to love, in any feelings" ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพลงนี้ถึงถูกยกย่องจากบรรดาcriticsทุกสำนักให้เป็นthe throwback qualityของอีเทย์ เพราะนางทำได้สมราคาจริงๆ จนไม่รู้จะหาข้อตำหนิใดๆเลยสำหรับเพลงนี้



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


The Man
4/5

TBH ก่อนจะไฟนัลให้กะเทยได้อ่านกันอยู่นี้ ต้องบอกเลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ถูกเขียนแก้มากที่สุดในบรรดาเพลงทั้งหมดในรีวิวครั้งนี้ล่ะ แล้วก่อนที่ไฟนัลเป็นคะแนนอย่างที่ได้เห็น อีเพลงนี้เคยโดนประเมินเพียงไม่เกิน2คะแนนมาแล้วด้วย จากเพลงคะแนนง่อยๆในวันนั้นมาสู่หนึ่งในเพลงrecommendประจำรีวิวครั้งนี้ ด้วยคะแนนระดับ4 out of 5นี่ กะเทยก็คิดเอาแล้วกันว่าต้องธรรมดาซะที่ไหน โดยเฉพาะคีย์ที่ทำให้เพลงนี้ได้รับคะแนนที่ล้นหลาม จากทั้งตัวรีเองและจากบรรดานักวิจารณ์คืออะไร มาสดับรับฟังกันค่ะ

แน่นอนว่าเพลงนี้ตีประเด็นsexual equalityกันแบบโต้งๆ ชัดเจน ไม่ต้องอ้อมค้อมตีความอะไรให้เสียเวลาใดๆ โอเคว่าfeminist movementเป็นsocial movementที่ไม่เคยเก่าและอยู่ในกระแสตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นภาพที่ค่อนข้างชินตาที่เราจะเห็นนักร้องหญิงจำนวนไม่น้อยraise feminist issuesหรือทิ้งfeminist massageไว้ในเพลงของพวกหล่อน

เช่นเดียวกันกับอีเทย์ ที่รีเริ่มเห็นเค้าลางตั้งแต่ครั้งสมัยอีblank spaceนู้นล่ะ พูดไปกะเทยอาจจะจินตนาการไม่ออกหรือหาว่ารีมโนไปเองก็ได้ เพราะมันไม่มีfeminist massageใดๆซ่อนอยู่ในเพลงนั้นเลย แต่เราสามารถสัมผัสได้จากพลวัตทางความคิด concept รวมทั้งแนวทางดนตรีที่เปลี่ยนไปของนาง จากนักร้องที่backgroundเป็นชะนีบ้านนอกผมบลอนด์ ถือกีตาร์เกาก๊องแก๊งfairytale ขวัญใจพวกลุงๆผิวเผือกเลือกRepublicans ถูกบรรดาสื่อเชิดใยในฐานะamerican sweetheartเผื่อเอามาคานกับกระแสนักร้องผิวสี (ได้แกรมมี่ตัวเแรกๆก็ร้องห่มร้องไห้เพราะโดนอีคานเย่แย่งไมค์อยู่เลย) กลับลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองสู้กับบรรดาคนที่talk shitใส่นาง พร้อมประกาศกร้าวว่า"I've got a blank space. And I'll write your name."
ถ้าย้อนไปสมัยช่วงreleaseแรกๆ แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป blank spaceก็ได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองแล้วไม่ใช่แค่ฮิตแทร็คเนื้อหาดาดๆที่เน้นแค่ความฉูดฉาด เอามัน แต่มันได้ซ่อนบริบททางสังคมบางอย่างไว้ เช่น what the new women should be จนในที่สุดก็ได้ตกผลึกเป็นfeminist massageแบบที่เราได้เห็นกันในอัลบั้มล่าสุดนี้

กลับมาที่the manกันต่อ กะเทยน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเพลงนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากบรรดานักวิจารณ์ค่อนข้างมาก (แน่นอนแค่หล่อนยืนกรานข้างfeminist พวกนักวิจารณ์ก็พร้อมที่หันปากกามาอวยหล่อนแล้ว) แต่ไม่รู้สิ่ ครั้งนี้รีกลับเห็นด้วยกับพวกcriticอย่างcompletelyนะ คือต้องเท้าความก่อน ส่วนใหญ่เพลงซัพพอร์ตเรื่องgender equality โดยเฉพาะฝั่งfeministที่เรามักจะเห็นผ่านตานี่ ส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นเรื่องsexual objectification, sexual double standard หรือไม่ก็ประเด็นtoxic masculinityที่ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ต่อบรรดาชะนีเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงทั้งผู้แท้และเพศที่3อีก อะไรแบบนั้น

ซึ่งก็not surprisedอะค่ะ เพราะนี่ล่อไป2020แล้ว แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่เคยout-of-date และยังวนเวียนมาให้เห็นได้อยู่เรื่อยๆตลอด เช่นเดียวกันกับเพลงนี้ของอีเทย์เองที่ยังคงผลิตซ้ำกับเนื้อหาแบบนี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้รีรู้สึกว่ามัน"ใหม่"และ"น่าสนใจ"กว่าเพลงเนื้อหาแบบนี้ของชะนีนางอื่น เพราะมันเล่าเรื่องผ่านpoint of viewและexperienceของตัวนางเอง ต่อประเด็นต่างๆที่นางเควสชั่นถึงในเพลง ซึ่งต่างจากชะนีนางอื่นที่แบบหล่อนถามแทนใครอะคะ ถามแทนฉันเหรอ หรือไม่ก็พูดถึงแบบหยิบโหย่ง แบบที่ไม่ได้ช่วยก่อให้เกิดmovementใดๆในสังคมขึ้นมาได้เลยแบบนั้น /ฮัมเสียงในลำคอเล่นแบบไม่เจาะจงว่าด่าใคร กรั่กๆๆ "If I were a boy, I swear I'd be a better man." "Who run the world? Girls!"

แล้วในส่วนที่ว่าทำไมรีถึงเทใจให้เพลงนี้ไปเยอะมากๆ อย่างแรกเลยคือรีชอบความคลุมโทนของเพลงนี้ที่ทำออกมาได้น่ารักทั้งเมโลดี้และเนื้อเพลง มีความสดใส ไม่เป็นมลพิษต่อคนฟัง ในส่วนที่ชอบต่อมาคือการที่เพลงนี้ยังรักษาคอนเซ็ปท์หลักของอัลบั้ม พูดถึงมุมมองเรื่องความรักในแง่ต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือการที่อีเทย์เลือกที่จะสื่อสารเพลงนี้กับคนฟังให้เข้าถึงได้ง่าย เป็นเพลงแมสแต่ไม่กลวง ผ่านกระบวนการการคิดวิเคราะห์มาแล้ว ที่พูดเช่นนี้ ต้องขออธิบายเพิ่มเติมว่า หลายครั้งเพลงที่มีนัยยะหรือมีลักษณะที่ต้องใช้สมองในการฟังเพลงด้วยนั้น ส่วนใหญ่ศิลปินมักเลือกทำเพลงให้ฟังยากเข้าไว้ คือมันก็มีส่วนจริงในแง่ที่ว่าเพลงที่มีความซับซ้อนทางดนตรีที่มากกว่า ก็มักจะมีชั้นเชิงและคุณภาพที่มากกว่าตามมาด้วย แต่ในกรณีนี้ก็พูดเผื่อถึงแฟนขาจรที่ไม่ใช่คอเพลงสากลเป็นหลักด้วย เพราะบางครั้งเพลงที่มีเนื้อหาแนวนี้ก็ชอบหลุดไปจากธีมอัลบั้ม กลายเป็นเพลงด่าผู้ชาย มีแต่ความaggressive หรือไม่ก็เป็นเพลงที่ถูกจริตคนฟังเฉพาะกลุ่มไปเลย

ซึ่งสำหรับรีแล้ว แทร็คนี้ของอีเทย์นั้นทำได้ดีเกือบทุกๆด้าน ไม่มีแผลใหญ่ๆให้ติเลย แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ให้5เต็มล่ะ รีว่านะ มันยังขาดลักษณะของความเป็นเพลงฮิตไปหน่อย ด้วยความที่องค์ประกอบของเพลงนี้ ใครฟังก็ต้องเดาได้ว่านางต้องตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแน่ๆ เพราะแทร็คที่เหลือในอัลบั้มส่วนใหญ่ไม่มีอิมแพ็คมากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำเป็นต้องดึงกราฟอัลบั้มที่ดิ่งลงเหวจากหลุมลึกที่ขุดโดย2-3ซิงเกิ้ลแรกที่ตัดไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่คิดว่าพอตัดเป็นซิงเกิ้ลออกมาจริงๆก็ยังไม่ได้ช่วยนำพาอะไรให้ดีขึ้นมาอยู่ดี

แต่ก็นะ ของแบบนี้การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดเน้อะ พฤติกรรมที่นางเคยก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ก่อนหน้านี้มันก็ยากที่จะทำให้คนเค้าเชื่อน้ำหน้าได้ ว่างูพิษอย่างอีเทย์จะยอมอุทิศเพื่อสังคม community หรือmovementอะไรแบบนี้จริงๆ ส่วนตัวรีเองก็ยังไม่มั่นใจเลยเนื้อหาโลกสวยช่วยสังคมแบบนี้ของอีเทย์จะอยู่ไปได้อีกซักกี่อัลบั้ม คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อะค่ะ กลัวใจว่าอัลบั้มหน้าจะไบโพล่าลุกขึ้นกลับไปแหกหีชาวบ้านเค้าเป็น(bad)reputation 2.0แทนนี่สิ่



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


Archer
3.5/5

ครั้งแรกที่ได้ฟังสมัยตอนเป็นpromotional singleก่อนที่จะรีลีสตัวอัลบั้มเต็มออกมา ตอนนั้นแอบติดสตั้นไปเบาๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างคาดหวังกับอัลบั้มนี้ของอีเทย์ในระดับที่สูงมาก เนื่องจากประทับใจกับแนวทางของอัลบั้มที่แล้วอย่างreputationพอสมควร แต่พอรีลีสลีดซิงเกิ้ลอย่างอีมีก็ทำเอาบรรดากะเทยหน้าชาเหมือนโดนกระทืบหน้ารัวๆ นี่นะหรือผลลัพธ์ของการรอคอยมาเป็นแรมปี เพื่ออีเพลงบับเบิ้ลกัมพอพเห่ยๆเช่นนี้นะเหรอ???

กระนั้นแม้ว่าลีดซิงเกิ้ลอย่างอีมีจะสร้างความผิดหวังให้แก่คนฟังอย่างมาก แต่ตัวรีเองก็ยังแอบคิดเข้าข้างและให้โอกาสนางว่าอาจจะสร้างปาฏิหาริย์เช่นเดียวกับสมัยอีblank spaceได้ แต่พอนางได้ปล่อยpromotional singleอย่างอีอาร์เชอร์มาชิมลาง รีก็ได้ตรัสรู้ในทันทีว่าเราควรจะเลิกคาดหวังใดๆกับอัลบั้มนี้ของอีเทย์ได้แล้ว

สำหรับอาร์เชอร์ที่มาในแนวดรีมพอพบัลลาด แต่ให้sensibilityของinfluenced 80's จากซอล์ฟเฮาส์บีทล่องลอยในช่วงเวิร์สแรกที่ค่อยๆอัพบีทไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมฟาดฟันกับซาวด์heavy synthในช่วงกลางจนจบเพลง แน่นอนว่าเมื่อได้ฟังจนครบทุกแทร็คในอัลบั้มนี้แล้ว เพลงนี้ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่กระนั้นในฐานะpromotional singleที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของบรรดาผู้ฟังที่รอคอยอัลบั้มใหม่ของอีเทย์เกือบทั้งโลกแล้ว ต้องยอมรับว่าเพลงนี้ค่อนข้างจืดชืดและน่าเบื่อเกินไป

ในส่วนของภาคเนื้อหาเองนั้น อีเทย์ก็ยังไว้ลายsong writerผู้ฟาดมงAOTYจากแกรมมี่ถึง2สมัยได้เช่นเดิม โดยเฉพาะเนื้อเพลงที่บรรดานักวิจารณ์หลายสำนักถึงกับยกย่องว่าราวกับการพรรณนาโวหารของบทกวี(???) แม้จะเห็นว่าอวยเว่อร์เกิน แต่ส่วนตัวรีเองก็ชอบเนื้อหาและlyricsของเพลงนี้นะ มันแอบnostalgicความfairytaleแบบoldอีเทย์ ในขณะเดียวกันเนื้อหาก็ดูmatureสมกับเป็นsnake bitchที่ชอบplay the victimดี แต่จะว่าไปแล้ว อัลบั้มนี้นางก็เล่นบทvictimน้อยนะ ถือว่าอยู่ในระดับพอดิบพอดี ไม่ตีโพยตีพายเกินไปเหมือนอัลบั้มก่อนๆ



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


Soon You'll Get Better (featuring Dixie Chicks)
5/5

เป็นเพลงที่ฟังครั้งแรก รีเทให้นาง5คะแนนเต็มตั้งแต่เวิร์สแรกยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ นี่คือการกลับมาของoldอีเทย์ ที่มาพร้อมคุณภาพ เนื้อหาที่ดี และdeeply emotionalในการถ่ายทอด เป็นเพลงที่รีสามารถพูดอย่างเต็มปากได้เลยว่า นี่เป็นความถวิลหาของบรรดาสวิฟตี้ทั่วทั้งโลก รวมถึงอดีตสวิฟตี้ที่โบกมือลาจากนางไป ให้กลับมารำลึกถึงอดีตร่วมกันอีกครั้ง

ด้วยความที่อีเทย์นางแต่งเพลงนี้เพื่ออุทิศให้แม่ของนางด้วย มันเลยดูออร์แกนิคและคลีนมากๆ ทำให้รู้สึกทัชใจทุกครั้งที่ได้ฟัง แล้วทุกๆคำที่ถูกเปล่งออกมาล้วนเต็มไปด้วยพลังและอินเนอร์ที่strong feelingมากๆ ที่สำคัญเพลงนี้อีเทย์ยังได้ร่วมงานกับป้าๆ"Dixie Chicks"วงคันทรี่ระดับตำนานเจ้าของเพลงฮิตอย่าง"There's Your Trouble"และ"Wide Open Spaces" รวมทั้ง"Not Ready to Make Nice"ที่การันตีทั้งรางวัลและคำวิจารณ์ชื่นชมมากมาย

หลังจากที่ได้ฟังเพลงนี้ รวมทั้งอีกหลายเพลงในอัลบั้มนี้แล้ว ทำให้รีแอบคิดเล่นๆว่า ยังอยากเห็นอีเทย์หวนกลับมาทำอัลบั้มคันทรี่เต็มๆอีกซักครั้ง ด้วยทั้งฝีมือในการproduceและการแต่งเพลง ประสบการณ์ เซ้นส์ทางดนตรี รวมถึงบารมี ณ ตอนนี้นางมีพร้อมหมดทุกอย่างแล้วที่จะพิสูจน์ตัวเองและฝากผลงานระดับmasterpieceในฐานะนักร้องคันทรี่ได้ซักครั้ง หลังจากเสียงปรามาสจากแกรมมี่ตัวแรกว่านางไม่คู่ควร รีเชื่อว่าอีเทย์ในตอนนี้มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างผลงานเพลงคันทรี่ที่ดีจนสามารถลบข้อครหาในครั้งนั้นออกไปได้อย่างแน่นอน



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


False God
5/5

จากบรรดาเพลงอวดผัวใน1989มาสู่บทเพลง"คลั่งรัก"จดบิดเบี้ยวใน(bad)repuation จนตกผลึกกลายเป็น"บูชาความรัก"ได้ในที่สุดนั้นเอง โดยเพลงนี้เองอีเทย์เลือกที่จะใช้ภาพลักษณ์ทางศาสนามาพรรณนาถึงความรักครั้งนี้ เมื่อความรักที่มีมันล้นเอ่อจนไม่สามารถจะหยุดยั้งได้อีก ก็เหมือนศัทธาที่เรามีท้วมท้นต่อพระเจ้านั้นล่ะ แม้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นพระเจ้าปลอมๆก็ตาม แต่แค่นั้นมันก็ยังไม่แซ่บและสะใจเท่าhint messageที่ว่า "sex"ก็เหมือนกับศาสนาที่ทั้งฉันและคุณก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมันไปได้นั้นล่ะ ("Religion's in your lips... , The altar is my hips...")

ในส่วนของภาคดนตรีของเพลงนี้เอง อย่างที่ตัวรีชอบบ่นว่าปัญหาหลักๆในอัลบั้มนี้คืออีเทย์ชอบมีปัญหากับภาคดนตรี ที่ดูแบนและอ่อนมากจนเกินไป ออกแนวท่าดีทีเหลว ทั้งๆที่เนื้อหาดีมาก ชั้นเชิงในการนำเสนอก็ดูสร้างสรรค์ ดันตกม้าตายที่ภาคดนตรีซะงั้น แต่เพลงนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ภาคดนตรีของเพลงนี้ช่วยเพิ่มวอลลุ่มและส่งเสริมคุณลักษณะสำคัญของภาคเนื้อหาให้ดูโดดเด่น น่าค้นหา มีความนุ่มลึก และชวนติดตามยิ่งขึ้น

ตัวเพลงนี้เองก็เป็นบัลลาดอิเล็กโทรพอพที่มีความร่วมสมัย เป็นส่วนผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสโลว์แจมอาร์แอนด์บีกับทริพฮอพ แต่ก็มีความซับซ้อนจากเสียงแซกโซโฟนโทนบลูส์หม่นๆที่ตัดกับจังหวะแทรพสมัยนิยม และยังให้รสสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งความคลาสซี่ เซ็กซี่ และโซฟิสทิเคท

ไม่น่าเชื่อว่าเพลงที่ดีและแข็งแรงในทุกๆด้านขนาดนี้ จะกลายเป็นไซด์แทร็คลำดับกลางๆค่อนไปทางท้ายของอัลบั้ม ตอนที่ได้ฟังครั้งแรก ตัวรียังไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่านางจะมีเพลงลักษณะแบบนี้ในอัลบั้มนี้ด้วย แต่พอได้ฟังไปเรื่อยๆก็พอเข้าใจในเหตุผล ด้วยความที่นางพยายามคลุมโทนของอัลบั้มให้ออกมาในลักษณะที่ฟังง่าย สดใส และfriendlyต่อผู้ฟัง ในขณะที่เพลงนี้จะให้ความรู้สึกที่อึมครึม ไปในโทนดาร์ค อีกทั้งภาคที่เนื้อหาที่ดูสุดโต่งเหมาะกับreputationมากกว่า แม้จะหลุดธีมจากอัลบั้มนี้ไปบ้าง แต่มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากกว่า ที่จะต้องปล่อยให้เพลงที่ดีขนาดนี้ต้องรอเก้อต่อไป เพียงเพราะต้องบรรจุอยู่ในอัลบั้มที่เหมาะสมแค่นั้น



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
คือแบบ บางที first impression มันก็เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆนะ เพระาเวลาเริ่มฟังอัลบั้มไหนๆมันก็ต้องเริ่มที่ไตเติ้ลแทรก แล้วก็ลามไปถึงไล่ฟังตั้งแตเ่พลงที่ 1 ยันเพลงสุดท้าย ซึ่งความรู้สึกดิชั้นตอนฟังครั้งแรก ไตเติ้ลแทรกคือไฟแดงเลย ชีวิตนี้ขอไม่เจออีสองเพลงนี้อีก แล้วเพลงเหลือคือเหมือนกันไปหมด เป็นโทนเดียวกันจังหวะกลางๆ แบบ เพลงรี้ก็ยังงั้น เพลงนี้ก็แบบนี้ อึนๆ สีพาสเทลไปหมด ตอนฟังแยกก็ไม่รู้สึกอะไรนะ คือไม่ได้เกลียดและก็ไม่ประทับใจ แต่ฟังรวมแล้วอยากกดปิดอ่ะ แบบ เบื่อ

ไม่ว่าหลังๆนางจะประโคมโปรโมตอะไรมาอีกชั้นก็แบบ nah girl i'm done จริงๆความรู้สึกต่อเพลงก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่นะ ถ้าอัลบั้มนี้ออกมาหลัง 1989 หรือออกมาหลัง RED ชั้นก็ถือว่าแบบ เออ ฟังได้ เพลินๆ แต่นี่อีกระแสมีเดี่ยเพลย์การโปรโมต รวมถึงจุดใหญ่สุดคือมันมาหลัง Reputation ด้วยนี่แหละ ทำให้ดิชั้นพาลไม่ชอบบั้มนี้ไปเลย เหมือนกะแบบ เออ กูมาถึงจุดนี้ละนะ แต่จู่ๆก็เดินถอยหลังกลับไปอีก คือก็ไม่ปฏิเสธนะ ว่าอีเทย์เป็นนักแต่งเพลงที่ดี เพราะอีนี่ก็ทำด้านเนื้อเพลงมาได้ประทับใจชั้นหลายเพลงมากๆ แต่แบบ บางทีก็อยากได้อินเนอร์ If a man talks shit then I owe him nothing I don't regret one bit cuz he had it coming มากกว่า

สรุปแล้วก็คือ ชั้น done แบบ completely done กะอัลบั้มนี้แบบจริงจัง จะบอกว่าไม่เปิดใจก็ได้มั้ง เดี๋ยวเวลาผ่านไปพออยากฟังอะไรขึ้นมาย้อนไปฟังอาจจะรู้สึกอีกแบบเอง เหมือนอย่างบั้ม red ที่จะมีเพลงครวญครางอย่าง all too wellที่ฟังตอนแรกรำคาญ พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวมันมีเหตุการณ์ เช่น เอาไปประกอบหนัง แล้วเกิดชอบขึ้นมา ก็อาจจะชอบขึ้นมาก้ได้

พูดถึงเพลงที่ชอบก็มี Archer , Cruel Summer กะ Paper RIng

เพลงแรก แรกก็ฟังเพลิน หลังเริ่มรำคาญควาแมหง่วหง่าว

เพลงที่สอง ชอบเพราะป็น remix ของ Out of the woods 3.0 คือเมโลดี้เพราะดี แต่ซาวห่างชั้นกะต้นฉบับมาก แล้วก็ไม่เข้าใจว่านางจะรีมิ๊กเพลงแบบนี้อีกนานจนเพลงต้นแบบมันหมดคุณค่าไปเลยไหม Reputation ก็มี Getaway Car แล้ว ยังสู้อุตส่าห์ใส่มาอีกหรอ

เพลงสุดท้าย ฟังดูยังไง๊ยังไง นี่ก็ของเหลือจากสมัยเป็นอีบ้านนอกชัดๆ ซาวนี่ ost sugar and spice อแมริคันเกิรลมาก เนื้อหาติ๊งต๊อง ซาวกล๊วงกลวงแต่ฟังแล้วเพลินดี

ส่วนอีเพลงติ่งอวยอย่าง ถนนคอนนีเลีย ซัมติง ฟังสองรอบละพอ

ในส่วนของเพลงประเภท มุตาจะไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป ครวญคราง เป็นอีเย็นโดนใส่ความนี่ เบื๊อเบื่อ อัลบั้มที่แล้วคือมุตาเตรียมบาซูก้า เตรียมจิกวิกตบกับอีนพนภาสุดฤทธิ์ มาอัลบั้มนี้ เอาอีกละ นั่งหน้าจอทีวี ส่งลูกไปโรงเรียน ส่งผัวไปทำงาน มือถือแก้วไวน์ พร่ำเพร้อพรรณนากูจะลุกขึ้นสู้ยังงั้นยังงี้ เอียน

รวมๆละคิดว่าสิ่งที่อัลบั้มนี้ขาด คือความ iconic อ่ะ บอกไม่ถูก คือ reputation นี่ยังมีภาพจำว่าอัพเนื้อหา อิเล็กทรอนิกส์ เพลงก็เนียนขึ้น โด้นเบลมมีเลิฟเมดมีเครซี่ บลาๆ ถึงรวมๆละจะจำอะไรไม่ได้สักเพลงก็เหอะ แต่บั้มนี้คือหยังวะ แล้วอีอย่าง ถ้าอีเทย์ไม่อยากกลายสภาพเป็นแบบ อีเดมี่ อีพิ้ง ที่ทั้งชีวิตมีแต่เพลงเนื้อหาเดิมๆเกี่ยวกะการล้างแค้น คือควรมูฟออนจากอีคิม อีสกู๊ตเตอร์ได้แล้วจ่ะ คือรู้ละว่าทำเหี้ยอะไรไว้บ้าง แต่ระดับหล่อนเรื่องแค่นี้ก็น่าจะจัดการหลังบ้านก็ได้ ไม่ต้องมายืมมือติ่งตีข่าวให้มันใหญ่โตหรอก มันขัดกะภาพลักษณ์ที่หล่อนพยามนำเสนอ รู้มะ ถ้าแบบมันอัดอั้น ัมนต้องแต่งมันต้องคร่ำครวญแปดแสนหน้าล้านกระดาษ คือเอามาเลย เพลงนึง 8 นาทีสุ้อี dear john เลยจ่ะ แล้วเอามาเพลงเดียว พอ รำคาญ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เห็นด้วยกับกะเทยค่ะ คืออีเทย์ควรพักเรื่องพาแก๊งลูกหาบของนางไปแหกหีชาวบ้านเค้าได้หล่ะ แรกๆก็ตื่นตาตื่นใจนะ หลังๆคือเริ่มรำคาญ ทำหีทำแตดอะไรไม่คิดถึงผลเสียที่ตามมา แล้วสุดท้ายเป็นไง อัลบั้มหล่อนก็แป๊กไงล่ะคะะะ คือเพลงหีก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งช้านมั่นใจว่าฐานแฟนอีเทย์นางดันให้ได้อยู่ล่ะ แต่อีดอก อุตส่าห์หายหีไปเป็นปีเพื่อกลับสวมบทแม่ชีเทเรซ่าทำอัลบั้มอุทิศเพื่อสังคม การเมือง ซัพกะเทย/ชะนี แต่เสือกปล่อยวางสันดานงูพิษไม่ได้ พาลูกหาบไปไล่ฉกหีใส่อีสกูเตอร์อีก อีภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์เฟคขึ้นมาก็พังสิคะ ใครจะไปอินกับความย้อนแย้งของหล่อนลงได้

เดจาวูอีเหี่ยวฟ้าตอนอีอเมริกันไลฟ์ ทำมาเป็นช้านคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ช้านจะต่อต้านความเฟคของสังคมอีกัน แหกอเมริกันดรีม ด่าทุนนิยม แซะอีพวกถูกamericanized อาร์ตเวิร์คเป็นเช เกบารา แต่ตัวจริงคือใส่เฟอร์ ถือกระเป๋าหนังสัตว์ แหกหีแหกแข่งแหกขาไปทั่ว ใครเค้าจะอิน แต่ดีหน่อยที่อีเทย์คือทำเพลงเอาใจอีพวกcritics อัลบั้มนี้เลยรอดตัวไป ในขณะที่อีเหี่ยวฟ้าคือตายคาซากตามกองขยะ เพราะริอ่านจะไปงัดข้อกับบรรดาพวกคลั่งอีกัน ถ้าไม่ได้อีconfessionมาชุบชีวิต ป่านนี้คงเป็นทวดแก่ๆกับหนังซิลิโคนหมดอายุตามบ้านพักคนชรา

ส่วนทิศทางและแนวทางในอัลบั้มนี้ ช้านว่านางมาถูกทางแล้วนะ มันทำให้นางสามารถต่อยอดแนวเพลงที่หลากหลายได้ยิ่งขึ้นเหมือนสมัยเรด ที่นางเริ่มลองนู้นลองนี่ เพราะถ้านางยังทำตัวเฟียสหีเหมือนอีreputation ช้านให้ไม่เกิน3อัลบั้มนางจะแป๊กลืมลงหลุมไปเลย เพราะฐานนางจะมีแค่กะหรี่กับกะเทย ซึ่งนางก็ไม่ได้บอร์นทูบีมาเป็นกะเทย/กะหรี่ไอคอนอยู่แล้ว ชายแท้ที่ไหนจะมานั่งฟังเพลงด่าผู้ชาย แต่นางต้องแก้ไขเรื่องภาคดนตรีจริงจัง เหมือนอย่างที่หล่อนบอกเพราะมันจืดเหมือนน้ำล้างตีนมากเกินไป แต่ส่วนตัวก็ไม่มายด์นะ อาจเพราะชินเนื่องจากช้านตามนางตั้งแต่สมัยยุคอีเพิ้งด้วยมั้ง เลยทำใจได้ง่ายกว่า 555


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com