˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
10 หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2006 ฉบับ--กูไม่สนใจออสก้าร์--น่ะค่ะ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ 10 หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2006 ฉบับ--กูไม่สนใจออสก้าร์--น่ะค่ะ 


1.The Painted Veil

ยกให้เป็นหนึ่งในหนังนอกสายตาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปี มันเต็มไปด้วยการแสดงระดับสุดยอดของเหล่าดารามากฝีมือ พล็อตสุดคลาสสิคจากนวนิยายยอดเยี่ยม พร้อมกำการกำกับและบทภาพยนตร์อันเหนือชั้น การลำดับเหตุการณ์และเทคนิคการเล่าที่เรียบง่ายแต่จังหวะฮุคที่จะกระโจนโหมเข้ากระหนำทุกโสตประสาทจะต้องทำให้คุณคุณเธอเธอแทบหายใจทิ้งโดยมารู้ตัวเอาอีทีก็ตอนหนังพาเรื่องราวมาจนจุดจบของโศกนาฏกรรมฉากไคลแม๊กซ์ของตัวหนังแล้ว หนังเต็มไปด้วยภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงามละลานตาไปด้วยเครื่องแต่งกายและฉากที่เซ็ตบ้างของจริงบ้างในชุมชนเมืองและชุมชนชนบทของอังกฤษและจีนในยุค 1920 แต่หนังไม่ได้มีแค่ภาพสวยๆเคลือบหลอกตาไปแค่อย่างนั้น ทุกๆฉากในหนังถูกใส่เข้ามาถูกที่ถูกทาง ทุกตัวละคร ทุกไดอะล็อค ทุกบทพูดของทุกคาแร็คเตอร์ขับเคลื่อนการกระทำของอีกฝ่ายหมุนไปรอบด้านอย่างที่เรียกได้ว่าโดมิโน่ หนังเล่าเรื่องของคุณหมอหนุ่มที่เพิ่งจะแต่งงานกับสาวสวยหรูเริ่ดในชนชั้นสูงของอังกฤษ เธอแต่งงานกับเขาเพราะเบื่อแม่ของเธอมากๆ และอยากจะหนีไปให้ไกลๆ แน่นอนตาหมอแกไปทำงานเป็นหมออาสาสมคัรในเซี่ยงไฮ้ จีน ถูกใจอีหนูสุดฤทธิ์ แต่พอมาถึงทุกๆอย่างกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่อีหนูคิด เธอคบหามีชู้กับเพื่อนตาหมอพระเอก พอแกจับได้ ก้เรยประชดโดยการย้ายเข้าไปทำงานในย่านชนบทหมู่บ้านไกลปืนเที่ยง ที่ที่ไม่มีความเจริญเข้าถึง โรคร้ายคุกคามแต่ปราศจากการช่วยเหลือใดๆแก่ความยากลำบากของชาวบ้านนอกจากรัฐบาลและเพื่อนมนุษย์ ทั้ง2ได้เจอเรื่องราวที่จะหลอมคนทั้งสองให้โตขึ้นเปลี่ยนแปลงและเห็นอกเห็นใจกันเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ให้รอดและพร้อมที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแต่ ทว่า อาจมันสายเกินไป เพราะคณะปฏิวัติคอมมิวนิสต์กำลังเข้ามาครอบครองพื้นที่ในละแวกนั้นและฆ่าล้างบางชาวบ้าน ทั้งนาโอมี่ วัตต์ เอ็ดเวริ์ด นอร์ทัน โทบี่ย์ โจนส์ รีฟ ชไนเบอร์ จูเลียต โอเเลนด์ทุกคนโดดเด่นและให้การแสดงในระดับที่ไม่อายเวทีรางวัลหน้าไหน ถึงคุณภาพหนังจะดีเยีย่มและเข้าทำเนียบหนังยอดเยี่ยมของปีในหลายสถาบัน ด้วยความที่มันเป็นหนังรักที่ฉลาดที่จะเล่าเรื่องของคนอื่นนอกจากตัวเอกและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวอย่างละเมียดละไม ที่เวทีรางวัลกลับเมินไปซะเฉยๆ อาจจะเพราะมันพูดถึงประเทศมหาอำนาจอย่างจีน และอีกอย่างหนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเรื่องรายได้เท่าไหร่นัก แต่เสียงวิจารณ์กลับชื่นชมจนโอเว่อร์ แต่เดี๊ยนได้สดับดูด้วยตัวเอง แล้วขอออกตัวและดันให้นี่เป็นหนึ่งในหนังเซอร์ไพรส์แห่งปีเรยค่ะ

(ได้ข่าวว่าทางรัฐบาลจีนอนุญาตให้หนังเรื่องนี้ย์เข้าไปถ่ายทำแบบถูกกฏหมายและมีบริษัททางจีนร่วมเงินส้รางด้วยน่ะค่ะ ถ้าไม่ดีจริงไม่มีอะไรจิรงไม่มีทางที่ประเทศหัวโบราณ แบนยับเละจะออกมาการันตรีและสนับสนุนขนาดนี้น่ะค่ะ)

ปล.หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในบ้านเราช่วงเมษาฯ ค่ะ

'The Painted Veil trailer'






2.Letter From Iwo-Jima / Flag of Our father

ส่วนตัวแล้ว ขอตะโกนตะคอกดังๆบอกให้ทราบโดยทั่วกันเรยนะคะว่าเกลียดหนังสงครามหนังแอ๊คชั่น หนังเชิดชูวีรบุรุษหรือวีรกรรมสรรเสริญบุคคลสำคัญต่อประเทศต่อแผ่นดินเกิดอะไรเทือกๆนี้มากไม่ใช่ว่าไม่ได้ตระหนักระลึกถึงคุณความกดีของคนท่านๆพวกนั้นน่ะค่ะ แต่เพราะหนังแนวๆนี้ย์มันจะเฟ้อมากๆเว่อร์พยายามบีบอารมณ์จนเเสลง ทั้งตื้นเขินงี่เง่าและดูโอ่อ่าผิดธรรมชาติ น้อยเรื่องนักที่จะทำออกมาได้ดีสัมผัสถึงความเป็นมนุษย์ที่เสียสละเพื่อคนอื่นได้เเบบถึงจริงๆที่พอนึกออกก็เรื่อง โซฟี สคูล หนังอินดี้ย์ติสท์ๆปีที่แล้วที่ทำออกมาดิบและสมจริงจงขนลุก แต่พอได้ดูหนังแพ็คเก็จคุ่ 2 เรื่องควบเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ของภาพต่อของกันและกันของ 2เรื่องนี้แล้วมันทั้งตื้นตันและสะเทือนใจไปพร้อมๆกัน หนังเรื่องแรกเป็นมุมมองทางฝั่งทหารอเมริกันส่วนอีกเรื่องเป็นมุมมองทางทหารญี่ปุ่น มันนำเสนอออกมาแบบตรงไปตรงมาสมจริง สมแร๊วที่ปู่ คลินท์ อีสวู๊ด จัดการบ่มเพาะเรื่องราวและวัตถุดิบทางข้อมูลมาอย่างดี มันทำให้เราเข้าถึงตัวละครทุกตัวได้จริง เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานนัก ราวๆ 40 - 50 ปีได้ อาจจะเคยผ่านตาทางทีวี หนังสืออ้างอิง หรืออาจารย์ญาติๆปู่ย่าตายายเล่าให้ฟังบ้าง ใครๆก้รุ้ว่าสงครามมันทำอะไรกับพวกเราทุกคนบ้าง และหนังเรื่องนี้เป็นการตีแผ่ เรื่องนั้นอย่างหมดจด ทั้งการเชิดชูวีรบุรุษจนน่าสมเพช ทั้งเรื่องเสรี ชาตินิยม คุณค่าของการเป็นคน มนุษย์ที่แท้จริงคืออะไร และการที่นำเสนอภาพสงครามออกมาแบบดิบเถื่อนและดูไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่ยิ่งยำให้เห็นว่าตัวผกก มองสงครามเป็นแค่เรื่องไร้สาระ หนังมีทถกองค์ประกอบที่ดีครบหมด เต็มไปด้วยการแสดงระดับสุดยอดพอๆกัน จนล้นจอ แต่ที่ยอดเยยี่มจนต้องซูฮก คือ ลุง เคน วาตานาเบ้ เล่นได้สุดตีน ยิ่งตัวบทในหนังของฝั่งเรื่องทางญี่ปุ่นมันมีความเป็นดราม่าสูงกว่าทางฝั่งอเมกันที่เน้นเรื่องราวเชิงเสียดสีประชดประชัน มันทำให้เรายิ่งละสายตาจากเค้าไม่ได้เลย ส่วนอีนักร้องวงอาราชิ เดี๊ยนไม่รุ้จักหรอกนะแต่ก้ทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด เรื่องย่อของหนังคงไม่ต้องเล่ารายละเอียด ของหนังมากน่ะค่ะ คาดว่าหลายๆคนคงผ่านหูมาบ้างแล้ว และนี่คือตัวอย่างของหนังที่พูดถึงความเป็นไปของรูปแบบสังคมที่เล่นตลกกับจริยธรรมเสมอๆ

Letter From iwo Jima Trailer

Flags of our Fathers




3.Pan's Labyrinth

พวกเธอหนังเรื่องนี้ย์ฮือฮอากันไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้วทั้งเทศกาลหนังที่คานส์ ซันแดนซ์และสารพัดสารเพเทศกาลห่าเหวบ้าบอหนังแปลกๆป่วงๆทั้งหลาย เพราะมันเป็นหนังแฟนตาซีที่หลุดโลกแต่สนุกและสมจริงสมเหตุสมผลที่มีบทดีมากกว่าหนังคลาสสิคดีๆบางเรื่องซะอีก ผกก เดล โทโร่ เก่งมากๆ และกล้ามากๆที่เอาเรื่องจินตภาพจินตนาการและภาพในหนังคัทต์กับตัวละครปิศาจสัตว์ประหลาดฮาร์ทคอร์อย่างกะหลุดออกมาจากเกมส์ Final Fantasy มาผนวกเข้ากับเรื่องราวที่หนูน้อยคนนึงที่ส้รางโลกในจินตนาการขึ้นมาในช่วงสงครามโลก เพื่อหนีความเลว้รายกระหายศักดิ์ศรีเชิดชูสถาบันชาตืกันจนทำลายระบบมนุษยชาติจนเหลวแหลก หนังมีประเด็นที่แข็งเเรงมากๆ ซีจีเนียนๆไม่ได้ทำให้ตัวหนังดูโดดเด่นจนเกินเลย มันกลับช่วยดันให้หนังพุ่งขึ้นไปสู่จุดสุดยอดของมันอีก แบบนี้สิ ที่เค้าเรียกว่า คอมพิวเตอร์ต้องทำงานตามสมองสั่งอย่างแท้จริง เพราะพล็อตกับตัวเรื่องราวในหนังต่างหากที่โดดเด่นพวกซีจีมันก้แค่ตัวประกอบที่ทำให้เรื่องราวมีเลือดเนื้อ สมจริงและสุดหฤหรรษ์เกินคำบรรยาย หนังมีตัวห่าๆน่ากลัวเต็มจอไปหมด แต่หนูน้อยIvana Baquero กลับแย่งซีนอีพวกนั้นได้ตลอดศก แต่ก้ยังแอบให้มีการโขมยซีนจากตัวนั้นตัวนี้บ้างครั้งคราว สัญลักษณ์ ภาพและสกอร์ประกอบเพลงรายละเอียดยิบย่อยในหนังเต็มไปหมด เราจะได้ความรุ้สึกแตกต่างกันเมื่อดูมันซำหลายๆรอบ มันเป็นหนึ่งในหนังที่ไม่รุ้จะหาคำอะไรมาบรรยายให้คนอื่นฟังว่า สุดยอดแค่ไหนนอกจากร้องแรดแหกกระดอแหกปากแย่งซีนเพื่อนชะนีย์ว่า "อีหอยยย หนังห่าอะไรเนี๊ยะ เริ๊ด เริ่ดด ไปหามาดูให้ได้นะยะ อีเห็ดสดด" อ๊ายยย เริ่ด
บางทีอีพวกตัวหน้าตาน่ากลัวๆน่ะนะคะ ยังมีหัวใจและเป็นสัตว์เดรัจฉานที่มีความเป็นชนชชั้นสูงมากกว่าอีพวกหล่อๆสวยๆรวยๆที่สันดานเหี้ยๆเยอะค่ะ


ปล.ถ้านึกถึงภาพรวมๆของหนังไม่ออกให้นึกถึง อลิซ ในดินแดนมหัษจรรย์เวอร์ชั่นเลือดสาดน่ะค่ะ
เพราะในหนังมีหลายๆฉากที่หนังแรงๆโหดๆแบบพวก Kill bill , Resevoir dog ยังอาย เช่นฉากละเลงเลือดในโพรงมดลูก ! ! ! เป็นต้น



และนี่ย์คือหนึ่งในอีตัวแย่งซีนของเรื่องค่ะ หน้าตาน่ารักเชี๊ยะ

Pan's Labyrinth



4.Babel

ต๊ายยยยยยยยยย นี่ย์คงเป็นหนังที่ใช้คนทำซัพไตเติ้ลเยอะคนมากที่สุดในโลก เรียบเรียงคำพูดและใช้ล่ามในกองถ่ายมากที่สุดในจักรวาลก้ได้น่ะค่ะ เพระอะไรน้ะเหรอพวกหร่อน หนังมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาแม๊กซิกัน ภาษาเสปน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาห่าเหวอะไรด้วยก้ไม่รุ้เยอะแยะไปหมด รวมไปถึงภาษามือ และภาษาใจ
หนังเป็นเจ้าของรางวัลลูกโกลทองคำในสาขาหนังดราม่ายอดเยยี่ม แต่นั่นเดี๊ยนไม่สน ต่อให้มันไม่ได้ หรือจะได้ออสกก้าร์เดี๊ยนก้ไม่แคร์ เพราะหนังมันมีเรื่องราวและประเด็นที่จะพูดสื่อถึงทุกตัวคนได้แรงและยิ่งใหญ่มากๆ จนไม่คิดเรยว่าในชีวิตนี้จะได้เกิดมาได้มีโอกาสดูหนังที่พูดถึงเรื่องความเเตกต่างของมนุษย์เราทั้งเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม และความคิดประเพณีได้เข้าใจมากขนาดนี้ หนังมาพร้อมกับเทคนิคการเล่าเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของ อินาริตู ผกก คนเก่ง ที่เค้าบอกว่านี่ย์คือ ภาคจบของโศกฏกรรมของการสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเมื่อเราเริ่มเห็นแก่ตัว วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นและสนใจแต่เรื่องของตัวเอง จาก Love's a bitch และ 21 Grams เบเบิลคือจุดจบของเรื่องราวทั้งหมด มันเป็นหนังที่พูดถึงการที่คนเราแตกต่างกันมากแค่ไหนทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิต รายละเอียดชีวิต ความคิดประสบการณ์ การตีความการมองโลก เชื้อชาติและการปลูกฝังต่างๆในวัฒนธรรมของประเทศบ้านเกิดเมืองนอน หนังทรงพลังมาก แต่ดูไม่ตั้งใจจนเสร่อ นักแสดงที่เด่นมากๆคือ เคท แบลนเชท เธอนอนจะตายทั้เงรื่อง แต่ฆ่าคนอื่นที่ขึ้นจอด้วยกันแบบไม่ตั้งใจ ริงโกะ คิคุชิ ก้เริ่ด เล่นเป้นคนหูหนวกเป้นใบ้ได้แบบสมจริงจนขนลุกสีหน้าแววตาเธอโดดเด่นแย่งซีนไม่มีใครยอมใคร และน้า เอเดรียน่า ก้เล่นได้เชือดเฉือนพอฟัดพอเหวี่ยงนี่เป็นหนังที่พูดถึงเรื่องที่เราเจอกันทุกๆวัน ตัสวละครและเรื่องพวกนี้อาจวนเข้ามาในชีวิตเรา แต่เราไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ปล่อยให้มันผ่านเลยไป หลายครั้งที่เราสูญเสียความเป้นคนไปเพราะ การที่เราสื่อสารโดยสารที่ส่งไปนั้นถูกตีความไปผิดๆจนเกิดความล่มสลายมานักต่อนัก ไม่รุ้จะพูดยังไงเกี่ยวกับความรุ้สึกตอนที่ได้ดู แต่พอดูจบเดี๊ยนคิดว่า เราควรจะเลิกสร้างกำแพงทางอารมณ์ความรุ้สึกและสวมหน้ากากเคลือบเป็นผลผลิตทางสิ่งแวดล้อมของสังคมกันซะที และควรจะหันมาใส่ใจกับความรุ้สึกและเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง ภาษาใจน่ะ สำคัญที่สุด ไม่ฉะนั้น ความรักคงไม่ใช่สิ่งที่เราตีความตีค่าจากมันไม่ได้ มาตราบจนทุกวันนี้ยเหรอ มีใครอธิบายศาสตร์ของปฏิกิรยาความรักได้บ้างไหม ไม่มีค่ะ ไม่ว่าวิทยาศาสตร์จะโคนนิ่งจะห่าเหวก้าวไปไกลแค่ไหน แต่เรื่องของจิตใจก้สำคัญที่สุด All we need is love ลุงสตีวี่ย์ บอกเราไว้

Babel trailer



5.'Little Miss Sunshine'

หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นม้ามืดและม้าตีนปลายในหลายเวทีแต่เด๊ยนเล็งเห็นความดีความงามของมันมาตั้งแต่เทศกาลหนังซันแดนซ์ปีที่แร๊วแล้ว ด้วยความที่หนังมันพูดถึงเรื่องเรียบง่าย เรื่องจิปาถะเล็กๆน้อยๆในชีวิต และอารมณ์ขันแบบป่วงๆแป๊กๆเสียดสีตลกแดกในธีมที่อบอุ่นระคนกันไปกับพล็อตเรียบๆรั่วๆที่ว่าถึงครอบคัรวแปลกๆที่มีสมาชิกบ้าๆบอๆอยุ่รวมกัน ส้รางช่องว่างระหว่างกัน และวนนึงพวกเค้าก้พยายามทำความเข้าใจในกันและกัน และพยายามจะดันนนลูกสาวคนเล็กของบ้านน ประกวดนางงามเด็กกก ! ต๊ายยยยย พล็อตตเก๋มั่ก แต่ที่เริ่ดกว่าคือบทหนังมันมีจังหวะที่ดีมากๆ เรื่อยๆและระรัวได้ใจคนชอบอะไรห่ามๆบ้าๆแต่แอบซีเรียสอยุ่ในทีได้อยุ่หมัด หนังเต็มไปด้วยการแสดงระดับหัวกะทิ ตลกแบบฉลาดๆของ สตีฟ คาแรล โทนี่ย์ คอลเล็ต อลัน อาร์กิ้น และหนูน้อยสุดแสบ อบีเกล เบรสลิน ที่แย่งซีนดารารุ่นเอะทุกคนบนจอ

เดี๊ยนไม่มีคำบรรยายอะไรถึงหนังเรื่องนี้ย์มากเท่าไหร่ นอกจากครั้งหนึ่งในชีวิตถ้าพวกเธออยากดูหนังบรรยากาศอบอุ่นตลกและฉลาด พร้อมด้วยบทเรียนดีๆแบบไม่ใช่สั่งสอน บวกกับศิลปะในความคิดสร้างสรรค์แบบภาพยนตร์ ควรหาหนังเรื่องนี้มาดูด่วน เพราะมันเป้นหนังอาร์ตที่ดูง่าย สนุกและขอีกที ฉลาดที่จะนำเสนอตัวเองไม่ไม่กลัวใครด่า ครหา

Little Miss Sunshine Trailer




6.Me and you and everyone we know และหนังทุกเรื่องที่เข้าฉายในเทศกาล Little Big Film Project ที่ ลิโด้ ""What's a Love !!??"

นี่ย์เป็นหนังรักหวานเลี่ยนประเภทโรแมนติคคอเมดี้ย์ที่มีเนื้แหชวนอ้วกแหว่ะยี๊แต่โคตรเปรี้ยววที่สุดในรอบหลายๆปีหลังจาก Amelie กะ Lost in Translation เป็นต้นมา ผกก หญิงเก่ง มิแรนด้า จูไลน์ เริ่ดมากเธอเขียนบทเอง กำกับเอง และแสดงนำเป็นนางเอกเองงง ต๊ายย สุดยอดดดดด หนังเรื่องนี้ย์ เล่าเรื่องลำดับเวลาปรกติแต่สลับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณืที่ร้อยเรียงกันเหมือนกะลังนั่งดูหนังของโร เบิร์ต อัลแมนอยุ่แต่หนังของเธอมีความเป็นผู้หญิงสูงมาก เพราะมันเล่าเรื่องเล็กๆที่มีโครงส้รางระละเอียดปลีกย่อยมหาศาลแต่ทุกคนก้หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับปัญหานั้นๆไม่ได้ มันเต็มไปด้วยคำพูดชวนงง พล็อตธรรมดา แต่เก๋มากๆ ซ้อนทับกันไปมาระหว่างตัวละครและไดอะล็อค ที่ค่อยๆพาคนดูไปคลี่คลสยแบบไม่หมดจดเผื่อเอาไว้ไปนอนเก็บคิดอีกเป็นเดือน ๆ หนังเล่าเรื่องถึงช่วงเวลาของความรัก เล่าเรื่องถึงการก้ามผ่านวัย และประสบการณ์ในการมีความรัก ผ่านตัวละครหลัก 4 - 5 กลุ่ม ศิลปินสาวตกอับ กับ เซลล์ขายรองเท้า / เด็กบ้านแตก 2 คนที่มีปัญหากับพ่อที่เป็นเซลล์เมน / ผู้จัดการงานเทศกาลจัดแสดงศิลปะผึ้เด็ดเดี่ยวแต่ขี้เหงา / เด็กชะนีย์ใจแตกกว่าอี้ด็กผุ้ชายข้างบนงานอดิรเกคือเที่ยวอมเค ให้ผุ้ชายในละเเวกรร.ร.ไปทั่วเพื่อเเข่งกันเป็นเจ้าเเห่งการใช้ปาก / และสุดท้ายคุณลุงผุ้เพิ่งเคยเจอรักแท้ ตอนอายุ 90 ! ที่คอยดูแลหลานสาวศิลปินตกอับ

อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย แค่เนื้อเรื่องย่อก็แปลกสัตว์ๆ ไปหามาดูกันเองน่ะค่ะ หนังเรื่องนี้ย์ออกเป็นดิวิดิ ซีดีแร๊ว ราคาถูกเกินคุณภาพ เป็นหนังที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในปีที่แร๊วที่ซันแดนซ์ กับ คานส์ เป็นหนังที่จี๊ดที่สุดในงาน Little big film Project ที่เต็มไปด้วยบรรดาหนังรักดีๆโดนๆเปรี้ยวเยี่วแตกดากฉีก อย่าง Queen หนังเกย์ฮาๆอมยิ้มกะบรรดาแม่ๆที่ทำใจไม่ได้ที่ลูกจะแต่งงานกะผช ด้วยกัน เรยฟิวส์ขาดวีนแตกเละเทะ / En soup หนังกระเทยที่กำลังจะแปลงเพศแต่เสือกไปชอบชะนีย์บ้านแตกคนนึงเข้า / Blue หนังเลสที่พูดถึงการโดนกดขี่และการหนีจากโลกความเป็นจริงที่แสนโหดร้าย / Candy หนังที่ได้ดาราอย่าง แอบบี้ย์ คอนิช กับ ฮีธ เลจเจอร์มาประทะกันเรื่องของขี้ยาคนนึงที่พาแฟนสาวตกลงสู่ห้วงรักที่หลายๆคนมองว่าไม่ต่างไปจากนรก ส้รางมาจากนิยายชื่อเดียวกันสุดดังในออสเตรเลีย หนังเรื่องสุดท้าย โดนมากๆ เดี๊ยนดูเสร็จถึงกับช็อคคาโรงในหลายๆฉาก "จี๊ด" มาก หนังตั้งคำถามง่ายๆว่า "เเค่รักอย่างเดียวจะพอเหรอ ?"น่าคิดน่ะค่ะ




ปล.เดี๊ยนมีปัญญาหาโปสเตอร์มาได้แค่ 3 เรื่อง เพราะมันเป็นหนังอาร์ตที่ดังพอสมควร นอกนั้นค่อนข้างวงจำกัดมาก จนหาแม้แต่รูปในหนังยังยากเรย ถ้าใครรุ้จักแหล่งรึยังไงก็ช่วยๆกันโพสต์น่ะค่ะส่วนโฆษณาตัวอย่างหนัง ก้ไม่มีให้ดูแร๊ว เพราะหนังมันใหม่ในบ้านเรา แต่ทั้งหมดนี้ย์เป็นหนังปี 2005 บ้าง 2006 บ้างปนๆกันไป ฉะนั้นขอจัดเข้าหมวดหนังยอดเยี่ยมประจำปีนี้ย์ไปด้วยทั้งหมด 5 เรื่องในลำดับเดียวกันเรยละกันน่ะค่ะ

อ๊ายย ไปฟลุ๊คเจอเทรเลอร์ของ ME and YOU ฯ มาค่ะ อ๊ายย เริ่ดมั่ก

http://www.youtube.com/watch?v=-qko1DbEMZQ

ปล.2 คุณพี่แคนดี้ย์ เรื่องนี้ย์แหล่ะค่ะ อารมณ์ประมาณ Amelie ผสมๆอารมณ์เหงาๆติสท์ๆแบบหนังของหว่องกาไวเรย เริ่ดมากกกกกกก มุขแต่ล่ะมุขอาจทำเอาดูจบไปแร๊ว แต่นั่งนึกขึ้นมาก็หัวร่อเป็นอีบ้าได้เรยฮ่ะ

-
-
-
-
-
-
-

อีก 4 เรื่องมาต่อพรุ่งนี้ย์น่ะค่ะ

ปล.หนังบางเรื่องอาจจะไม่เข้าฉายในไทย พวกเธอก็ไปหาแผ่นนอกโลกมาดูกันเองน่ะค่ะ
โหลดทอร์เรนท์เอาก้ได้ ทีย์โหลดเพลงโหลดหนังโป๊ยังโหลดได้ โหลดของดีๆมาดูคงไม่ตายน่ะค่ะ




แก้ไขล่าสุดโดย มาดามจ๊อกกาโล่ เมื่อ Tue Jan 30, 2007 3:46 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง

_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว ตำแหน่ง AIM Yahoo Messenger MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เปนเรื่องที่ไม่รุจักซักเรื่องเลยอ่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
บางเรื่องยังไม่ได้ดูเลย


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แค่ ชื่อเรื่องยังไม่คุ้นเลยค่ะ

แต่ เคยได้ยิน babel อยู่ ค่ะ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เริ่ดๆทั้งนั้น


_________________


สวยและรวยเวอร์
ต้องJessica Simpson
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รู้จักหนังตาแบรด อยู่เรื่องเดียว


_________________

อ้างอิงจาก:
โลกส่วนตัวของ SURIYO
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
คุณน้องค่ะ คุณพี่ยังไม่ได้ดูเรย เรยแสดงความเห็นมิได้

รบกวนคุณน้องช่วยแนะนำหนังเก๋ๆ สไตล์ Amelie นะค่ะ แบบว่า มีภาพเก๋ๆ ดูยุโรปๆ นะค่ะ หนังอังกฤษเห็นมีแต่ชะนียุควิคตอเรียใส่กระโปรงยาวๆ ทำตัวเป็นผู้ดีอังกฤษ ไม่สำส่อน ..เบื่อค่ะ ดูแร๊วเป็นอัปมงคลกับชีวิต เดี๋ยวหาผัวมิได้

เรยอยากได้หนังแบบอาร์ตๆเก๋ๆ สไตล์เอมิลี่ แบบมีมุขเก๋ๆ เรื่องเอมีลี่ ก็มีมุขเก๋นะ อย่างเช่น ตอนที่อีนางเอกจินตนาการว่า ตอนนี้ จะมี ผช กำลังถึงจุดสุดยอดกี่คนนะ อะไรแบบเนี้ยะ คุณพี่ดูไปหัวเราะไม่หยุดเรยค่ะ คุณน้องแนะนำนะค่ะ คุณพี่จะไปหามาดูค่ะ ตื่นเต้ลลล



_________________


My Blog
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=candyperfumegirl
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อย่างหนังออสการ์เรื่อง The Queen ก็น่าดู แต่คงต้องทำตัวผู้ดีเข้าไปดูนะค่ะ


_________________


My Blog
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=candyperfumegirl
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยย เริ่ดมั่กๆ เดี๋ยวจะถอดจิตกระสัยอ่านให้ครบทุกตัวอักษรศรีเรยคร่า


อีก5เรื่องที่เหลือ หวังว่าคงมี perfumeที่ฉายอยู่ที่ลิโด้กับพาราก่อนนะคะ หวังว่า....

เพราะหนังสวยมากๆค่ะ อ๊ายยยยยย ส ว ย มากๆ เหอๆๆๆ

อ่านก่อนนะคะ

ป.ล.คุณพี่แคนดี้ชอบเอมิลี่เหรอคะ เดี๊ยนประทับใจฉากที่นังดอกเอมิลี่มันเอาตุ๊กตาหน้าบ้านพ่อมันไปตัดต่อว่าได้ไปเที่ยวทั่วโลกอ่ะคะ อีคนเขียนบทคิดได้ไงคะ เริ่ดชิงๆ



_________________


I'M THE REAL DIVA
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 2
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com