คำเตือน: หนังเรื่องนี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกประเภท โปรดใช้วิจารณญาณในการรับอ่านรับชม
There will be sights that mark her return.
มันจะมีสัญญาณ จารึกการหวนคืน
There will be secrets that reveal her destiny.
ความลี้ลับจะตื่น เพื่อชี้นำโชคชะตา
There will be a journey that will make you believe.
และการเดินทางเสาะหา... ที่จะทำให้ใจคุณ เชื่อ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
In darkness, there can be light.
ณ ความมืดหม่น ยังอาจมีแสง
In misery, there can be beauty.
ณ ความทุกข์ทน ยังอาจมีสิ่งสวย
In death, there can be life.
ณ ความมอดมวย ยังอาจมี ชีวา....
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
นำเรื่อง : ข้อความที่คุณเพิ่งอ่านจบไปด้านบนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคำโปรยที่อยู่ในตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Pan's Labyrinth หนังภาษาสเปนที่เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับชาวเม็กซิโก นามว่า Guillermo del Toro ซึ่งชื่อเรื่องในภาษาเม็กซิโกก็คือ El laberinto del fauno
หนังเรื่องนี้เป็นการผสมผสานกันของแนว สงครามดราม่า ลึกลับระทึกขวัญ และจินตนาการแฟนซีอันลึกล้ำ ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตการชมภาพยนตร์ของผมคนนี้ครับ...
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงสงครามกลางเมืองอันโหดร้ายที่สเปนในปี 1944 เมื่อผู้มีอำนาจ มีกำลังใฝ่หาการปกครองรูปแบบเผด็จการแสนโฉด กลุ่มคนรักเสรีอิสระอันน้อยนิดจึงต้องระเห็จระเหหลบซ่อน ซุ่มโจมตี และต่อกรกับผู้มีอำนาจบ้าพลัง โดยอาศัยหอกข้างแคร่ และกลวิธีชาวบ้าน โดยหวังอย่างสุดใจว่าซักวันหนึ่งจะปราบพวกโหดร้ายให้สิ้นซาก ถึงแม้ว่าความหวังมันช่างลิบหรี่เหมือนปลายเชิงเทียนก็ตาม
เด็กสาวน้อยนาม โอฟีเลีย ผู้ที่ปักใจเชื่อในเทพนิยายอย่างฝังใจตามประสาเด็ก จำเป็นต้องมาอยู่ท่ามกลางสงครามที่เธอไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย เพราะแม่เธอคือคนที่อุ้มครรภ์บุตรชายผู้มีความสำคัญยิ่ง ของกองทัพ บุตรชายของนายพลวีดอล ผู้ทรงเกียตริเที่ยงตรงและมีอำนาจแสนโหดร้าย
โอฟีเลีย ถึงแม้จะมาในฐานะไม่ต่างกับองค์หญิงและมีบริวารรับใช้อย่างเพียบพร้อม แต่นั้นไม่ได้ช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยที่ต้องมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงและโหดร้าย แต่ทว่าตัวเธอก็หารู้ไม่ว่าในการเดินทางครั้งนี้ เธอกำลังจะได้พบกับสิ่งที่เป็นตำนานยิ่งใหญ่และ เกินกว่าจินตนาการของผู้ใดจะคาดได้ เธอจะได้พบกับความจริงว่าที่แท้แล้ว เธอคือองค์หญิงแห่งดินแดนใต้พิภพ ดินแดนแห่งความสุข ไร้ซึ่งความเจ็บทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น ดินแดนที่เพียบพร้อมไปด้วยความงดงามดุจดัง ในเทพนิยายทุกๆเรื่องบนโลกใบนี้
ตามตำนานเล่าไว้ว่า องค์หญิงแห่งคิดแดนนี้ได้หลบหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์และหายสาบสูญไป นานแสนนาน และเธอจะกลับมาในร่างใหม่ ซึ่งนั้นจะเป็นใคร ทุกคนน่าจะทราบดี...
ข้อดีข้อเด่น : นับจากวินาทีแรกที่จอภาพยนตร์ปรากฏภาพขึ้นมา ผมเอกก็ถูกดึงเข้าสู่ภวังค์แห่งความกดดัน ตรึงเครียด และภาพอันทารุณของสงครามที่รุนแรงและร้ายกาจ ถูกถ่ายทอดมาในการเล่าและแสดงออกที่สมจริง สมจังจนน่าขนลุก และเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 10 นาที หนังเรื่องนี้กระสิบบอกผมเป็นนัย ๆ ตลอดเวลาว่า คุณกำลังจะพบกับสิ่งที่วิเศษที่สุดสิ่งหนึ่งในโลกภาพยนตร์ ที่คุณเคยได้สัมผัสมา...
สลับจากเหตุการณ์ในสงครามอันโหดร้ายทารุณ คือความเป็นแฟนซีที่ดุเดือดและทำเอาคนดูอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้กันทีเดียว ว่าด้วยเรื่องราวที่ โอฟีเลียจะต้องปฏิบัติภารกิจ ทั้งสามชิ้นให้สำเร็จลุร่วงก่อนที่พระจันทร์จะเต็มดวง เพื่อพิสูจน์ว่าเธอคือองค์หญิงโดยแท้ (ช่างเป็นข้อตกลงตามแบบฉบับเทพนิยายจนน่าสงสัย) และในการพิสูจน์ตัวตนของเธอแต่ละครั้งนั้น มันจะสร้างความหรรษาอันโหดร้าย ที่คุณไม่เคยได้รับจากภาพยนตร์เรื่องใดมาก่อนเลย
หนังกดอารมณ์คนดูได้อย่างต่อเนื้อทั้งในเหตุการณ์สงครามอันมีชั้นเชิง และแฟนซีสุดโหดร้าย ซึ่งเมื่อถึงจุดที่มันถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน แล้วผลที่ได้คือความวิจิตรทางภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างเต็มปากครับ
การที่หนังสามารถจับชนวนของเชือกสองเส้นที่อยู่ห่างกันมาตลอดให้มาบรรจบเป็นปมเดียวกันนั้นได้ ต้องถือว่าทีมสร้างมีฝีมือและไอเดียที่วิเศษทีเดียวครับ ทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์ ถูกบรรจงตกแต่งและใส่ใจอย่างถี่ถ้วน ทั้งในด้านของรูปธรรม และนามธรรม ไล่ไปตั้งแต่ ฉาก องค์ประกอบ เครื่องมือทุกชิ้น บทสนทนาทุกประโยคทุกคำ การแสดงที่น่าเชิดชูทั้งนักแสดงในโลกสงครามทารุณ และจากโลกแฟนซีทุกตน ที่มีเอกลักษณ์ในติดตาตรึงใจ สอดแทรกไปอยู่ในความคิดของใครหลายคนอีกนานเท่านาน และ ดนตรีประกอบที่สร้างอารมณ์ให้ได้ครบทุกโทนไล่ไปตามอารมณ์ของเนื้อเรื่อง เรียกอารมณ์เพิ่มขึ้นไปในทุกความกดดัน คับขัน ช่วยสร้างบรรยากาศให้กับตัวหนังประดุจมีเวทย์มนต์จริงๆ ทั้งหมดถูกจัดวางไว้ให้ถูกจุด ถูกประเด็น ฉุดอารมณ์คนดูให้ลื่นไหลไปตามกับท้องเรื่องจนไม่มีเวลามานั่งหาข้อบกพร่องกันเลยทีเดียว
ในเรื่องของการแสดง Ivana Baquero ผู้รับบทหญิงสาว โอฟีเลีย ถือว่าทำได้น่าพอใจครับ ไม่มีจุดไหนหรือฉากไหน ทำผมหงุดหงิดได้เลย ส่วนด้าน Maribel Verdu รับบท Mercedes เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ค่อนข้างสำคัญและเธอก็ทำหน้าทีของเธอได้อย่างน่ายกย่อง การแสดงของเธอมีฝีมือมากขึ้นกว่าเรื่อง Y tu mama tambien อย่างก้าวกระโดดซึ่งการแสดงสุดวิเศษของเธอนี้ก็ช่วยเพิ่มอารมณ์และความสมจริงให้ตัวหนังไปอีกหนึ่งมิติ จะว่าไปแล้วตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ผมชอบและยกย่องมากที่สุดในเรื่องเลยครับ
เมื่อคุณถูกหนังเรื่องนี้พาคุณล่องลอยเข้าสู่ภวังค์แห่งจินตนาการอันโหดร้าย เนื้อเรื่องที่สุดแสนจะเข้มข้น ทุกนาทีที่ผ่านไปรังแต่จะเพิ่งความรุนแรงและน่าติดตาม ความวิเศษที่ข้อที่ผมกล่าวมาเพิ่มพูนอยู่ใจของผมทุกนาที และเมื่อถึงจุดแห่งการหักเหความเข้าใจในช่วงท้าย มันก็ระเบิดออกมาเป็นความสุขในการชมภาพยนตร์ที่ผมไม่เคยได้รับมานานแสนนาน
ข้อด้อยข้อเสีย: หนังที่ถูกใจผมได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะถามว่า ข้อเสียมันคืออะไร...
ถึงแม้จะมีจุดที่อยู่ผิดที่ผิดทาง หรือส่วนที่ขาดหายไป มันไม่ได้สร้างทำให้ความหรรษาของเรื่องนี้ลดน้อยลงไปเลย... สิ่งเดียวที่กวนใจผมอยู่ตลอดเพียงสิ่งเดียวคงจะเป็นเพียงแค่ประเด็นนี้เท่านั้นครับ สิ่งที่หนังให้กับผมนั้นมันช่างเป็นประสบการณ์แห่งภาพยนตร์ที่วิเศษมาก และพิสูจน์อย่างเด่นชัดว่าทีมงานมีฝีมือและสร้างความ หรรษา ความระทึก ความโหดร้าย ความเข้มข้นได้แค่ไหน และพวกเขาสามารถยกระดับมันขึ้นไปได้แบบไม่มีขีดจำกัดเลยทีเดียว แต่เหตุใดจึงยับยั้งและหยุดมันไว้เพียงแค่นั้น...... ยกตัวอย่างฉากไล่ล่าในภารกิจที่สอง หากปีศาจตนนั้นทำอะไรมากกว่านี้คงเป็นอะไรที่วิเศษมากมายทีเดียว แต่ทำไมจึงหยุดไว้แค่นั้น? ทำไม? จุดนี้จะว่าไปแล้วมันไม่ถือว่าเป็นข้อเสียหรอกครับ มันแค่เป็นจุดยังกวนใจผมอยู่เท่านั้นเอง
สรุปส่งท้าย: Pans Labyrinth ได้เป็นบทบันทึกที่วิจิตรที่สุดหน้าหนึ่ง ในชีวิตการชมภาพยนตร์ของผมคนนี้ ทั้งด้านอารมณ์และจินตนาการ กับการผสมผสานของหนังดราม่าและแฟนตาซีเข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่เท่านั้น หนังเรื่องนี้ยังผสมผสาน ความรัก ความหวัง ความถูกต้อง และ ศรัทธา อย่างบริสุทธิ์ เข้าด้วยกันอย่างละเมียดละไม อย่าว่าแต่เป็นหนังแฟนตาซีระทึกอารมณ์ที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่ผมเคยชมมาเลยครับ อีก 10 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าจะมีหนังแฟนตาซีแนวไหนสร้างมาได้ถูกใจผมกว่านี้อีกไหม ยิ่งถ้าคุณดูแล้ววิเคราะห์อย่างละเอียดนั้นคุณจะได้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียด ว่าคำโปรยที่ผมใส่มาข้างตนนั้นมันล้วนเป็นจริงและสอดคล้องกับเนื้อเรื่องอย่างน่าอัศจรรย์
ขอแถม : สุดท้ายที่ผมอยากจะบอกคือการหักมุมช่วงท้ายนั้น ช่างเป็นการหักมุมที่โหดร้ายและงดงามที่สุดในเวลาเดียวกันเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยครับ
ความชอบ: 5 เต็ม
เกรด : A-
ป.ล. ขอขอบคุณ คุณ Biscuit Maguire ผู้เป็นแรงบัลดาลใจในการไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Darth เวเฟอร์ เมื่อ Thu Apr 19, 2007 9:28 pm, ทั้งหมด 7 ครั้ง
_________________
คุยหนังภาษาหมา