Waiting On The World To Change (5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวที่ผสานพ็อพเข้าบลูส์แล้วหยอดโฟล์คกับร็อคจางๆเข้ามาเติมเต็มอย่างลงตัว ผลลัพธ์ออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะติดหูที่สุดในอัลบั้มเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการตัดโปรโมตเป็นซิงเกิ้ลแรก โดยส่วนตัวนอกจากความไพเราะติดหูและลงตัวแล้วนั้นเดี๊ยนยังประทับใจภาคเนื้อหาที่ว่าด้วยการวิพากษ์ความเป็นไปอันเลวร้ายของมนุษย์ สังคมและโลกซึ่งต่างพากันดำดิ่งไปสู่ภาวะวิกฤตทั้งเชิงรูปธรรมและนามธรรมหลายๆด้าน ผ่านมุมมองของจอห์นในฐานะคนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปบนความฟอนเฟะดังกล่าวหากแต่เบื้องลึกของจิตใจยังคอยรอคอย มีความหวังและเชื่อมั่นศรัทธาว่า "ซักวันทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปนทางที่ดีกว่านี้" จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดคงจะเพียงพอสำหรับเดี๊ยนแล้วที่จะมอบให้เพลงนี้เป็นเพลงและซิงเกิ้ลที่ดีและน่าประทับใจที่สุดของจอห์น เมเยอร์
Belief (5) ต๊ายยย คือดีใจมากๆค่ะเพราะต้องขอสารภาพว่าเพิ่งรู้ว่าเพลงนี้ได้เป็นซิงเกิ้ลกับเขาด้วย ตัวเพลงเปแนพ็อพร็อคเคล้าบลูส์ร็อคที่เสริมทัพด้วยกลิ่นอายโฟล์คและคันทรีย์แบบเจือจางในสัดส่วนลูกผสมที่พอเหมาะและลงตัวที่สุด ส่วนตัวเป็นอีกหนึ่งในเพลงที่เดี๊ยนประทับใที่สุดในอัลบั้มนี้โดยเฉพาะประทับใจในภาคเนื้อหาที่คมคายและการเรียบเรียงได้อย่างมีวาทะศิลป์และชั้นเชิงๆสุดๆ อาทิ "Belief Is Beautiful Amor But akes For The Heaviest Sword Like Punching Under Water You Never Can Hit Who You're Trying For" ไม่ก็ "We're Gonna Win The World If Belief Is What We're Fighting For" เก๋มากๆๆๆๆๆๆ เข้าใจแต่งนะคะอ่านแล้วขนลุกไปหลายนาทีเลยทีเดียว
Dreaming With A Broken Heart (4/5) ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นซิงเกิ้ลปิดตัวของอัลบั้มนี้นะคะ ภาคดนตรีเป็นพ็อพร็อคบัลลาดที่เปิดตัวด้วยเสียงเพียโนแล้วค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆก่อนที่จะเบรคความหวานด้วยกีตาร์บลูส์ดิบๆกร้าวๆช่วงท้ายเพลงก่อนจะหักกลับมาเป็นเพียโนบัลลาดปิดเพลงได้สวยสุดๆ เริ่ด! ส่วนตัวประทับใจในการเรียบเรียงดนตรีมากๆนอกจากนี้ยังทำได้ดีในแง่ของการฉีกตัวเองออกจากอารมณ์บลูส์ร็อคหม่นๆที่ได้ยินในหลายแทร็คในอัลบั้มอย่างน่าชมยิ่งไปกว่านั้นสามารถทำออกมาได้กลมกลืนและลงตัวอย่างไม่เสียเอกภาพเลยทีเดียว[
แทร็คอื่นๆ
Gravity (4.5/5) แทร็คนี้ก่อนหน้านี้เคยเป็นแทร็คที่รวมอยู่ในอัลบั้ม Try! ของจอห์น เมเยอร์และทริโอนะคะ ภาคดนตรีเป็นบัลลาดบลูส์รอคเข้มๆหม่นๆ ตัวเพลงมีการใช้แซมเพิ่ลCome back To bed จากอัลบั้มHeavier Thingของจอห์นเอง ส่วนตัวชอบเสียงเบสเข้มๆบาดลึกกับน้ำเสียงอันทรงเสน่หืของจอห์นในเพลงนี้มาก สะกดให้ผู้ฟังจมดิ่งอยู่ในภวังคืของเพลงนี้ด้วยความเพราะถึงตาย มาที่ I Don't Trust Myself (With Loving You) (4/5) บลูส์ร็อคนุ่มๆผ่านการนำเสนอแบบเรียบง่ายนิ่งๆแต่มีชั้นเชิงสุดๆยิ่งฟังมากรอบยิ่งติดใจมากขึ้น ไม่เชื่อต้องลอง แทร็คต่อไป The Heart Of Life (4/5) น่ารักแฮะเพลงนี้! บลูส์โฟล์คคันทรีย์หวานๆใสๆประสานพ็อพใสๆติดร็อคอ่อนๆ ฟังสรรพสำเนียงการร้องในเพลงนี้แล้วคาดว่าหลายคนที่ยังคงหลงใหลเพลงอารมณ์หวานๆจากอัลบั้มอย่าง Your Body Is A Wonderland ไม่ก็ Back To You คงถึงคราวยิ้มออกกันบ้างล่ะแม้ว่าภาพรวมจะหนักและหม่นกว่าค่อนข้างมากแต่ก็ถือว่าฟังภาคที่พัฒนาแล้วก็ไม่เสียหายนะคะ เพราะมากๆรับประกัน ต่อด้วย Vultures (4/5) โฟล์คร็อคเจือพ็อพ คันทรีย์และบลูส์ลงไปผสมผสานได้อย่างน่าฟัง รายละเอียดดนตรีค่อนข้างเยอะนะคะแต่ผลลัพธ์ออกมาเรียบง่าย ลงตัวและติดหูสุดๆ เพราะนะ! เสียงจอห์นในเพลงนี้นุ่มหูมากๆฟังแล้วจั๊กจี้เป็นบ้า ส่วนตัวแล้วพิจารณาในเรื่องของสรรพสำเนียงคิดว่าเป็นเพลงที่มีความเป็นRoom or Squaresสูงสุดแล้วในอัลบั้ม Bold As Love (5) แทร็คนี้คัฟเวอร์มาจากเพลงของลุง Jimi Hendrixในปี1968นะคะ ซึ่งเวอร์ชั่นของจอห์นยังคงความเป็นบลูส์ร็อคผสานกลิ่นอายโซลคันทรีย์ฟังค์หนักๆรวมถึงยังคงไว้ซึ่งอารมณ์โมทาวน์บลูส์ร็อคเชยลากแต่คงความขลังและเก๋มากๆเลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วชอบเวอร์ชั่นจอห์นมากกว่าต้นฉบับอีกนะประทับใจที่สามารถนำความประณีตในอดีตกาลที่มีสูงอย่างแล้วมาเติอมเต็มศักยภาพให้น่าฟังสุดๆ อยากฟังจอห์นไลฟ์เพลงนี้จัง
Stop This Train (3.5/5) อีกหนึ่งโฟล์คเพราะหวานๆที่ภาคเนื้อหายคมคายและน่าสนใจมากๆ ว่าด้วยเรื่องของวัฏจักรชีวิตและสัจธรรมง่ายๆที่โลกมีให้เห็นทุกสมัย ตลกนะคะที่บางทีคนเรามักอยากที่จะหยุดก้าวไปสู่อนาคตแม้ว่าในความเป็นจริงจะตระหนักกันได้เต็มอกว่า "ถ้ายังหายใจอยู่ไม่มีทางหลบวันพรุ่งนี้พ้นแน่นอน" วันใหม่ไม่เคยหยุดที่จะเดินเข้ามากลืนเราค่ะ เพลงนี้เป็นการพรรราความรู้สึกธรรมดาสามัญนี้ที่เกิดกับจอห์นก่อนที่จะสามารถตระหนักในความเป็นจริงว่าไม่มีใครสามารถหยุดเวลาและการไหลของชีวิตได้หากแต่มนุษย์ทุกคนทำได้แค่การรับมือกับอนาคตที่บางทีจะเดินเข้ามาหาเราในรูปแบบต่างๆไม่ว่ามันจะดีหรือมันจะโหดร้าย ที่ดีที่สุดก็คือมีความสุขอยู่กับมันให้ได้และก้าวต่อไป แค่นั้นแหละ มาที่Slowdancing In A Birning Room (3.5/5) กับ In Repair (4/5) สองบลูส์ร็อคหม่นๆเข้มข้นๆในอัลบั้มที่ภาคการนำเสนอให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันสำหรับเดี๊ยน ส่วนตัวชอบแทร็คหลังมากกว่าเข้มกว่า หนักกว่า หม่นกว่าและเหนือชั้นกว่าที่สำคัญเสียงกีตาร์บลูส์ช่วงท้ายเพลงบาดอารมณ์แถบฆ่ากันตายไปเลย ปิดอัลบั้มอย่างสวยงามด้วย I'm Gonna Find Another You (4.5/5) ต๊ายยยย เริ่ดทีเดียวค่ะโฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ ภาคดนตรีเป็นบลูส์โซลบัลลาดเสริมทัพด้วยความเป็นบลูส์ร็อคจางๆ แจ๊ซซ์อ่อนๆ รวมถึงการนำเสนอที่ให้อารมณ์ประมาณโซลอาร์แอนด์บียุค50กว่าๆ ฟังแล้วขนลุกค่ะว่าอัลบั้มน่าพ่อคุณจะล่อดำปี๋แบบนี้ทั้งอัลบั้มเลยรึเปล่า ปิดอัลบั้มได้อย่างทรงพลังสุดๆ
James Blunt : All The Lost Souls
Jamie Cullum : Catching Tales
John Legend : Once Again
Jack Johnson : Sing-A-Longs and Lullabies for the Film Curious George
ศิลปินหญิง
Beyonce : B'Day
Alicia Keys : As I Am
Christina Aguilera : Stripped
Mandy Moore : Wild Hope
ศิลปินกลุ่ม
Spice Girl : The Greatest Hits
Nickelback : All the Right Reasons
Mojave 3 : Puzzles Like You
Royskopp : The Understanding
ดิว่า
Madonna : Ray Of Light
Anita O'Day : Verve The Diva Series
Bessie Smith : The Empress Of Blues
Sarah Vaughan : Vere The Diva Series
เห้นด้วยกับหนุพริกส์นะคะเจ๊ว่าในเรื่องของเอกภาพและพัมนาการนี่อัลบั้มนี้มอบให้ผุ้ฟังสุงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นอัลบั้มที่เปิดฟังบ่อยที่สุดแล้วในรอบ2ปีไม่มีสัปดาหืไหนค่ะที่ผ่านไปโดยที่ไม่ได้ฟังอัลบั้มนี้ เผลแอๆเปิดบ่อยกว่าUndiscoveredของเจมส์ มอริสัน กับ Back To Basic ของอีติ๊นาอีกค่ะ