***เริ่มเสวนากันเลยนะครับอันนี้มุมมองของผม เพื่อนๆที่แวะมาอ่านลองวิจารณ์และเสนอแนวคิดได้เลยครับ ***
1. ตอนที่มาของหม่าซิงอี่>> เริ่มเรื่องที่กองทัพของ หม่าซิงอี่ รับบทโดย เจทลี พ่ายศึกเพราะว่าพันธมิตรที่ร่วมรบด้วยไม่ยอมส่งทหารมาช่วย เพื่อนของหม่าชิงอี่ตายกันหมดเหลือแต่เขาคนเดียว ทำให้เขาท้อแท้และสิ้นหวัง ขณะที่เขาสลบ มีผู้หญิงคนหนึ่งช่วยชีวิตเขาไว้คือ ซูจิงเล่ย ทำให้หม่าซิงอี่ หลงรักเธอตั้งแต่วันที่เจอ มารู้อีกทีว่าเธอก็หนีออกมาจากกลุ่มของหัวหน้าโจร เฉาอี้หู รับบทโดย หลิวเต๋อหัว และน้องของเฉาอี้หู คือ จังเหวินเฉียง รับบทโดย ทาเคชิ คาเนชิโระ ทั้งที่จริงแล้ว เฉาอี้หู คือคนที่ช่วยเธอออกมาจากการถูกจับไปเป็นนางโลม เขาคือคนที่ช่วยเธอ และรักเธอ แต่ในความคิดของเธอนั้นอาจไม่ได้รักเขา แต่อยู่เพราะว่าเขาช่วยเธอ และการที่เป็นโจร ทำให้การดำรงชีวิตอยู่นั้นไม่แน่นอน ไม่มีความสุขก็เป็นได้ ทำให้เธอหนีออกมา
2. ตอนที่ทำให้ทั้งสามคนมาเจอกันและนับถือซึ่งกันและกัน>> จังเหวินเฉียง ได้เจอกับ หม่าซิงอี่ แล้วก็ได้ต่อสู้กัน หม่าซิงอี่ แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันจัดจ้าน ทำให้ จังเหวินเฉียง ชวนมาเข้ากลุ่มกองโจร ฉากที่ทั้งสามคนได้ร่วมกันปล้นสเบียงของทหารที่เดินทางผ่านมา ขณะสู้นั้น จังเหวินเฉียง เกิดพลาดท่าให้ข้าศึก แล้ว หม่าซิงอี่ เข้ามาช่วยไว้ทัน แล้ว หม่าซิงอี่ ก็บุกเดียวไปฆ่าแม่ทัพของศัตรู เป็นการทำลายขวัญของทหารของข้าศึกและเป็นการจบการรบอย่างเร็วที่สุดคือการสังหารแม่ทัพนั่นเอง ทำให้ เฉาอี้หู นับถือในความเป็นผู้นำและการตัดสินใจของ หม่าซิงอี่ และ จังเหวินเฉียง ก็เหมือนเป็นหนี้ชีวิตของ หม่าซิงอี่ จากการช่วยชีวิตครั้งนี้
3. ตอนที่ทั้งสามคนสาบานเป็นพี่น้องกัน>> การเป็นกองโจรนั้นจะทำการอะไรก็ฉาบฉวยไม่เป็นระบบไม่ยั่งยืนทำให้เฉาอี้หู เกิดคำถามในใจว่าเราจะเอายังไงต่อไป ขณะนั้น หม่าซิงอี่ แนะนำว่าถ้าอยากมีเงินเลี้ยงครอบครัว มีอาวุธ มีเกราะ นั้นมีทางเดียวคือไปเป็นทหารในกองทัพ จากการที่ หม่าซิงอี่ นั้นพ่ายศึกมาทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าจะไว้ใจ หม่าซิงอี่ ได้หรือไม่ ทั้งสามจึงสาบานเป็นพี่น้องกัน
4. ตอนกลับคืนสู่กองทัพอีกครั้งของหม่าซิงอี่>> การที่เป็นกลุ่มกองโจรทำให้กำลังพลที่มีนั้นน้อยมาก ประมาณ 800 คนจะทำการใดนั้นล้วนยาก จำต้องบากหน้ามาขอเข้ากับกองทัพเดิมอีกครั้งซึ่งหม่าซิงอี่ยังจำพันธมิตรเก่าได้ที่ไม่ส่งทหารมาช่วยทำให้กองทัพของเขาต้องพ่ายแพ้ ด้วยการขอกำลังพลเพิ่มอีก 800 คนเพื่อที่จะทำการยึดเมืองต่อไป โดยการขอเวลารบ 15 วัน แต่ผู้ใหญ่ในกองทัพก็ยังประนามว่าเจ้าจะทำได้หรือด้วยกำลังเพียงน้อยนิดและการรบแบบกองโจรซึ่งไม่มีอาวุธอะไรจะต่อสู้กับข้าศึกได้เลย หม่าซิงอี่ นั้นเป็นคนเด็ดเดี่ยวและความเป็นผู้นำสูงจึงขอเวลาแค่ 10 วัน ผู้ใหญ่ก็เลยอยากลองว่าจะได้ตามที่พูดหรือไม่เลยจัดทหารให้เป็น 1500 คนเลยในการรบเพื่อดึงศักดิ์ศรีของแม่ทัพกลับมา
5. ตอนแผนการรบของกองทัพที่น้อยกว่าทั้งคนและอาวุธ>> การรบที่จะได้ชัยในครั้งนี้ทำได้เพียงอย่างเดียวคือแผนการที่รัดกุมและการยอมตายของเพื่อนนักรบส่วนหนึ่งเพื่อให้ได้ชัยที่ยิ่งใหญ่ หม่าซิงอี่ มีความเด็ดเดี่ยวและมั่นใจได้เสนอแผนที่ดีที่สุดที่กองทัพจะทำได้ในเวลาที่ได้แค่ 10 วัน เรามาลองวิเคราะห์กันว่ามีอะไรที่ดีกว่านี้หรือไม่กันนะครับ ทัพกองหน้าของหม่าซิงอี่มีแค่หทารที่สวมเกราะแล้วมีโล่ ทัพกลางจะเป็นพลธนู ทัพหลังจะเป็นม้าศึก แล้วก็ทัพหลวงก็มีม้าศึกอีกชุดหนึ่ง ขณะที่ทัพข้าศึก ทัพหน้าเป็นพลปืน ทัพกลางเป็นทัพหอกและม้าศึก ทัพหลังเป็นทัพปืนใหญ่ แล้วก็ทัพหลวงเป็นม้าศึก
6. ตอนเริ่มการรบครั้งแรก>> วัดใจด้วยการหาหน่วยกล้าตายไปเป็นทัพหน้า จังเหวินเฉียง เลยอาสาขอรบเองทำให้ หม่าซิงอี่ ประทับใจในความกล้าและภักดีของจังเหวินเฉียง เพราะว่าทัพหน้าถ้าไม่มีคนที่กล้ารับไปรบแล้วนั้นกำลังใจของเหล่าทหารที่สู้นั้นจะน้อย นี่ยิ่งจังเหวินเฉียง เป็นหนึ่งในกำลังหลักของกองทัพด้วยแล้วจึงเป็นการกระตุ้นลูกทัพอย่างดี เราต้องวิ่งไปในระยะ100เส้นเพื่อใช้ร่างเป็นโล่บังกระสุนและทำลายจังหวะการยิงของปืนยาวเพราะว่ายิงแล้วต้องบรรจุกระสุน แล้วทัพกลางซึ่งเป็นพลธนูจะยิงได้ต้องระยะ 100 เส้นเท่านั้น การบุกของทัพหน้าของจังเหวินเฉียง นั้นทำได้ดีแต่ก็ต้องแลกด้วยการเสียชีวิตไปมากมายของเพื่อนทหาร แต่ก็ทำให้พลธนูของกองทัพซึ่งน้อยกว่าปราบกองพลปืนของข้าศึกได้ การรบของทัพหน้าของจังเหวินเฉียง จึงได้ชัยไปในการปะทะกันยกแรก ทัพหน้าและทัพธนูของจังเหวินเฉียง ได้ปะทะกับทัพกลางคือ ทัพหอกและม้าศึก เป็นไปด้วยความชุลมุน ทัพม้าของเฉาอี้หู จึงสมทบช่วยไปอีกแรง การรบของทัพม้าของเฉาอี้หูนั้นตอนม้าวิ่งมีการปิดตาม้าเพื่อช่วยให้ม้าวิ่งได้โดยความเร็วไม่ตกและหวาดกลัว ทำให้ทัพม้าของเฉาอี้หู ได้ชัยไปในการปะทะยกสอง แต่ทหารของข้าศึกก็ยังมากอยู่แล้วก็ยังมีทัพปืนใหญ่รออยู่ ฉากนี้นี่เอง หม่าซิงอี่ บุกไปกับทัพม้าแล้วไปทำลายปืนใหญ่ของข้าศึกอย่างเด็ดเดี่ยวแสดงถึงฝีมืออันจัดจ้านอย่างแท้จริง ดูแล้วสนุกมากเลยครับ หลังจากนั้นกองทัพของหม่าซิงอี่ ก็สู้แบบถวายชีวิต แต่ด้วยคนน้อยกว่าจึงโดนข้าศึกปิดล้อมไว้หมดทำให้ไม่เหลือทางที่จะรอดได้ ข้าศึกบุกเข้ามาเป็นวงกลมล้อมไว้ หลักการสงครามที่ทัพที่ทหารมากกว่าจะได้ชัยเด็ดขาดต้องล้อมไว้ให้ได้ แต่ต้องเปิดทางหนีไว้ 1 ทางเพื่อให้หนีออกไปแล้วตามตีให้แตกพ่ายไป (เหมือนในสามก๊กบางตอน) ทำให้ทัพของหม่าซิงอี่ ต้องสู้เหมือนหมาจนตรอก คือสู้จนกว่าตัวตาย หม่าซิงอี่ สามารถตีฝ่าออกได้ จังเหวินเฉียง ตรงไปที่แม่ทัพของข้าศึก แล้วตัดคอออกมาได้ ทำให้ทหารข้าศึกเสียขวัญแล้วพ่ายไป สื่อให้เห็นว่าแม่ทัพเป็นกำลังสำคัญของทัพจริงๆ นี่คือเหตุผลว่าทำไม หม่าซิงอี่ จึงอยู่ทัพหลวง และการที่หม่าซิงอี่ อยู่รอดนั้นก็เป็นกำลังใจให้เหล่าทัพได้เป็นอย่างดี....
***แนะนำต้องไปดูกันนะครับที่ผมวิเคราะห์นี่เป็นแค่รายละเอียดเล็กๆเท่านั้นต้องไปดูการแสดงของทั้งสามคนนี้บอกได้เลยว่า คุ้มจริงๆสำหลับคอหนังสงคราม***
_________________