
คำขี้แจง - บทความเปิดเผยเนื้อเรื่องเล็กน้อยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเพราะฉะนั้นโนสปอยล์ค้าบพี่น้อง ++
ย้อนกลับไปว่าหนังผีเรื่องสุดท้ายที่ได้ดูก้อคือ บอดี้ศพ 19 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ผลงานที่สามารถสร้างชื่อให้กับผู้กำกับได้ตั้งแต่ฉากแรกจนจบเรื่อง ด้วยงานสร้างและจินตนาการรวมถึงการคัดสรรเพลงประกอบภาพยนตร์ที่แตกต่างไปจากหนังผีของบ้านเรา (ขอย้ำว่าบ้านเรา) จากที่เคยได้ดูเท่าที่ผ่านมา ผมจึงวางมาตรฐานของหนังผีบ้านเราไว้สูงขึ้นไปอีก เหมือนกับว่าบันไดสู่สากลนั้นมีอยู่10 ขั้น เมื่อก่อนหนังผีบ้านเราก้าวได้เพียง 5 ขั้น จนบัดนี้เหลือเพียงอีก 2 ขั้นเท่านั้นจึงจะพูดได้เต็มปากว่าหนังผีของบ้านเราสามารถที่จะตีตลาดนอกประเทศได้
มาถึงเรื่องนี้ 4 แพร่ง หนังผี 4 ตอนในเรื่องเดียว จาก 4 ผู้กำกับที่เคยผ่านประสบการณ์สร้างหนังประเภทนี้มา 3 คนและอีก 1 คน ที่ถือว่าเป็นหน้าใหม่ที่เข้ามาจับงานหนังประเภทนี้ (ซึ่งน่าจะหันมาทำแบบนี้บ้างแทนจะไปจับประเด็นกับเพศที่สามของสังคม !!) การได้ดูหนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการได้ทานลูกอมของเจ้าปีศาจ ซึ่งเมื่อได้เห็นแพ็คเกจของลูกอมเม็ดนี้ หรือที่เราเรียกมันว่า หน้าหนัง ที่ทำออกมาได้เยี่ยมและมีชั้นเชิง คิดในใจเลยว่าน่าดูเหมือนกัน แต่คิดต่อไปอีกว่า การมีหนัง 4 เรื่องฉบับมินิภายในเรื่องเดียว (ซึ่งก่อนหน้านี้ก้อมีหนังให้เห็นกันบ้างแล้ว อย่างเช่น ผีสามบาท หลอน เป็นต้น) ก้อเป็นกังวลนิดหน่อยว่า ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้คนดูอินไปกับเนื้อเรื่องและตัวละครได้ภายในเวลาอันจำกัดแล้ว หนึ่งในสี่ตอนจะถือว่าสอบตกทันทีเลยทีเดียว ที่ผ่านมายังมีแค่ 3 นี่มีตั้ง 4 มันก้อน่าสนใจอยู่ที่เราจะต้องเข้าไปพิสูจน์ให้มันรู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และเมื่อได้ลิ้มรสกับลูกอมเม็ดนี้ ... รู้สึกว่ามันกัดปากในตอนแรก นุ่มลิ้นในตอนสอง น่าเคี้ยวในตอนสาม และเมื่อได้เคี้ยวแล้วมันกลับส่งรสเปรี้ยวตบท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม
หนังทุกตอนเฉลี่ยแล้วมีเวลาเล่าเรื่องกันตอนละ 25 นาที (รวม 4 ตอนก้อ 100 นาทีกว่าซึ่งตรงกับเวลาที่ตั้งไว้พอดี อิอิ) ซึ่งดูเหมือนจะน้อย แต่ก้อทำให้ทุกตอนนั้นมีความกระชับ รวดเร็ว จึงทำให้เป็นผลดีกับแต่ละตอนของหนังเอง และที่อีกอย่างที่หนังสามารถทำได้เยี่ยมก้อคือ การจัดวางเรื่องของแต่ละตอนนั้น ทำได้ดีมาก ทำให้หนังนั้นสามารถที่จะเอาคนดูได้อย่างอยู่หมัดมาก ๆ (ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ) หลังจาก ผีสามบาท ไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำตรงนี้ได้เยี่ยมเท่าเรื่องนี้เลยคับ
มาเริ่มกันเลยคับ ว่ากันไปเป็นตอน ๆ ++
แพร่งที่ 1 เหงา

.. ผมอยู่ในห้องคุณแล้ว
เป็นผลงานการสร้างของคุณ ยงยุทธ ทองกองทุน ที่ตอนแรกก้อเสียวสันหลังเหมือนกันว่า ผกก.ที่เกิดจากหนังตลกปนดราม่า จะสามารถสร้างหนังผีได้หรือไม่ แต่ปล่าวเลย คุณยงยุทธสามารถเล่นกับอารมณ์ของคนดูได่อย่างน่าติดตามและมีชั้นเชิงมาก โดยนำเสนอชีวิตอันโดดเดี่ยวของหญิงสาว "ปิ่น" ที่ประสบอุบัติเหตุและต้องอยู่รักษาตัวอยู่ในที่จำกัด ไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้มานานแล้ว .... จนทำให้เกิดอารมณ์ของปุถุชนของมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่ชีวิตประจำวันเกือบทุกวันกับตัวเอง คอมพิวเตอร์และกับ .... โทรศัพท์มือถือ !! ที่พาความหายนะครั้งสำคัญมาให้ตัวเธอเองโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ทำได้เยี่ยมของเรื่องก้อคือ SMS ของปิ่น ตัวละครสาวที่โดดเดี่ยวกับชายปริศนาที่ส่งข้อความหากันในเพียงตอนกลางคืนเท่านั้น !! มันชวนน่าติดตามมาก ว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร และเหมือนจะมีการวางไว้ตั้งแต่ต้นว่า ตั้งมือถือในระบบสั่นเอาไว้ด้วย เพราะแต่ละฉากของหนังมือถือสั่นเสียงดังน่ากลัวมาก และที่สุดก้อคือเมื่อปิ่นได้ปิดมือถือและวางกับพื้นแล้ว แต่มือถือกลับยังเปิดเองได้และสั่นนนนนนนนน อาจจะมีขนลุกกันบ้างในฉากนี้ แต่ฉากนี้ยังถือว่ายังไม่ที่สุดเมื่อชายปริศนาที่ส่งข้อความมานั้น มาหาหญิงสาวผู้โดดเดี่ยวแล้ว ......
เป็นบทตรงนี้นั่นเองที่ขอชมทั้งตัว ผกก.และนักแสดงคือ มณีรัตน์ คำอ้วน (จากเพื่อนสนิท) ที่แสดงได้อย่างถึงกึ๋นมาก และสามารถที่จะแสดงความรู้สึกทางสีหน้าได้มากกว่าที่จะพูดมันออกมา จนทำให้คิดไปว่า ตัวละครตัวนี้เป็นใบ้รึเปล่า? และสามารถสร้างอารมณ์ความหวาดกลัวไปพร้อมกับคนดูได้ในช่วงหลัง บวกกับความยาวที่จำกัดของตอนนี้มันทำให้การปูเรื่องไปจนถึงไคลแม็กซ์ของเรื่องที่สามารถช๊อคคนดู (รวมผมด้วย) ได้อย่างเหนือคาดแบบทีเดียวจอด และสงสารมาก ๆ เมื่อเรื่องเดินมาถึงจุดเฉลยความเป็นมา ทำเราอึ้งไปเลย
ตอนนี้ก้อได้ข้อคิดไปหนึ่งเรื่องคือ ..... อย่าเอามือถือส่องหาของในที่มืดและในตอนมืและในยามวิกาล นี่เขียนไปยังกลัวไปเลยนะเนี่ย หึหึ
แพร่งที่ 2 ยันต์สั่งตาย

กูเห็นมึงแล้ว !!
ดูจากเนื้อเรื่อง คงจะเดาง่ายว่ามาจาก ผกก.คนเดียวกันกับ บอดี้ศพ 19 คือคุณปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่ทำเรื่องก่อนได้อย่างเหนือชั้นมาก จนมาถึงตอนนี้ถือว่าสอบผ่านเท่านั้นนะคับ เพราะเป็นตอนที่รู้สึกชอบน้อยที่สุดใน 4 ตอน หนังเล่าถึงเด็กกลุ่มนึงที่โดนเอาคืนจากการกระทำของตัวเองจากคนที่มันเรียกในหนังว่า ไอ้สัปเหร่อ อย่างสาสมด้วยกลลูกเล่นทางไศยศาสตร์ที่ถ้าใครได้สบตากับคนที่ตายไปแล้วหรือว่าคนที่กำลังจะตายก้อจะมีอันเป็นไปด้วยอีกคนนึง ฟังดูแล้วน่าติดตามมากนะคับ แต่คือส่วนตัวได้มีโอกาสอ่านต้นฉบับที่เป็นการ์ตูนแล้ว ทำให้ในส่วนของหนังนั้นยังคงเป็นรองอยู่ ด้วยฉาก การเล่าเรื่อง และเหตุการณ์ในตอนแรกนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะว่าอาจจะเป็นเพราะเวลาจำกัดในการเล่าเรื่อง จนทำให้ทุกเหตุการณ์นั้นมันดูเร็วไปจากเหตุการณ์หนึ่งไปอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่ขอยกย่องในเรื่องของการแสดงของตัวละครที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า เอี้ยจริง ๆ และนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้การเอาคืนของผู้ถูกกระทำนั้นมีทั้งความโกรธ เกลียด เคียดแค้น ต้องการเอาชีวิต จนต้องทำอะไรบางอย่างให้สาสมเสียที ทำให้คิดว่าบทหนังตอนนี้ดีมากอาจจะดีที่สุดถ้านำไปทำเป็นหนังเรื่องยาว คงจะสามารถที่จะเล่าและอธิบายลำดับเหตุการ์ณและเล่าที่มาของตัวละครได้มากกว่าคำพูดแบบในเรื่องนี้ และจะขอบอกว่า ผีในตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรเลย กลายจะไปเหมือนตัวกอลลัมในลอร์ดมาก (หึหึ) ทั้งที่จะทำให้ตกใจในตอนท้ายเรื่องแล้วกลับกลายเป็นการยัดใส่มาเพื่อกระตุกขวัญเพียงชั่วขณะและผ่านไป ไม่เหมือนกับในท้ายเรื่องของ บอดี้ศพ 19 ที่ทำให้เหมือนตาสว่างและสามารถที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้เลย
แพร่งที่ 3 คนกลาง

ไอ้เอ lol
ตอนนี้เล่าเรื่องถึงเด็กหนุ่มที่ไปเที่ยวแคมป์นอนป่าด้วยกัน 4 คน และโดยปกติและที่หนังจับมาเป็นประเด็นสนทนาได้ดีก้อคือ การเล่าถึงการนอนริมในเต้นท์รวมนั้นส่วนใหญ่ชอบที่จะได้ยินเสียงภายนอกได้ดีกว่าพวกที่ชอบนอนกลาง แต่ในที่สุดของเรื่องแล้ว ก้อไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนนอนกลางนอนริมในเต้นท์เลย หนังเป็นผลงานที่แยกกันทำครั้งแรกของ 2 ผกก. ชัตเตอร์ และแฝด ในส่วนตอนนี้ก้อคือคุณบรรจง ปิสัญธนกูล ที่ทำออกมาได้อย่างลงในการเล่าเรื่องและบทสนทนาที่ดูไปดูมาแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดมาจาก ผกก.หนังผี (เอาสิ) ซึ่งบทสนทนาในตอนนี้ทำให้ชวนฮาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นของไอ้เต๋อ ไอ้เผือก หรือว่าไอ้ชิดก้อตามที่สร้างอารมณ์ขันคั่นกลางหนังผีเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีแต่มีอยู่คนนึงที่พูดออกมาแล้วต้องคิดไปในทันที่พูดจบก้อคือ อีกคนนึงที่ควรจะลืมไม่ได้ในตอนนี้ .......
ตอนนี้อาจจะกลายเป็นหนังผีปนตลกถ้าไม่มีลำดับขั้นตอนดำเนินเรื่องที่ดี แต่ก้อทำได้ดีระดับหนึ่งคือพอขำ ๆ อยู่ ก้อกลับมาลุ้นระทึกไปอีก แล้วก้อกลับฮาอีกปน ๆ กันไปส่วนใหญ่มาจากบทสนทนาระหว่างเพื่อนด้วยกันที่ชนิดที่เอาคนทั่วไปที่เข้าไปดูนั้นบางคนอาจจะพูดผ่านปากกันมามากแล้ว ทำให้มีอารมณ์ร่วมและภาษาที่ใช้นั้นสามารถสื่อถึงคนดูได้เลย และเนื้อเรื่องที่ชวนน่าติดตามแม้จะน่ากลัวเพียงเล็กน้อยจากตอนต้นแต่เมื่อเดินมาถึงท้ายเรื่องแล้วกลับช๊อคคนดูได้อย่างอยู่หมัดทีเดียว จึงทำให้งานออกมาดูมีระดับ และอยากจะแนะนำในตัวผู้กำกับเองสามารถที่จะไปต่อยอดไปกำกับงานที่หนังที่ไม่ซีเรียสหรือว่าเป็นหนังผีปนตลก ถือว่าฝีมือนั้นภาษีดีเกินกว่าบางคนอีกคับ
แพร่งที่ 4 เที่ยวบิน 224

เรื่องมากจริงนะมึง ?
และแล้วก้อมาถึงไม้เด็ดที่เก็บไว้เป็นแพร่งสุดท้ายของเรื่องที่ว่าด้วย พิม แอร์โฮสเตสสาวที่ต้องเดินทางไปกับผู้โดยสารวีไอพีที่เป็นถึงเจ้าหญิงจากต่างประเทศ ที่เมื่อได้ขึ้นไปรับใช้บนเครื่องแล้วรู้สึกว่าเจ้าหญิงนั้นเอาแต่ใจและค่อนข้างโหดร้ายกับเธอมาก และได้พูดกับพิมถึงการลงโทษกับหญิงที่คบชู้กับสามีคนอื่นในประเทศของตนนั้นว่าต้องได้รับความโหดร้ายก่อนตายอย่างไร รวมถึงก่อนจะสิ้นใจนั้นจะต้องทำการนึงอย่างเพื่อเป็นการขอขมาแด่เมียหลวงของชายที่คบชู้ด้วย ซึ่งทำให้พิมมีสีหน้าที่หวั่นวิตกมาก จนมาถึงเวลาอาหาร เจ้าหญิงนั้นกลับจะไม่ทานของที่ทางคณะจัดเตรียมมาให้ โดยเสนอให้เอาอาหารของพิมนั้นนำมาเสิร์ฟแทน หลังจากได้ทานอาหารแล้ว เจ้าหญิงนั้นกลับมีอาการไม่ค่อยสู้ดี จนลงจากเครื่องเจ้าหญิงหันกลับมามองพิมด้วยสายตาที่เคียดแค้น แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหญิงเกิดสิ้นพระชนม์ เลยต้องขนศพเจ้าหญิงกับประเทศ ลำเดียวกันกับพิมอีกครั้ง ......
ตอนนี้เป็นการกำกับที่ถือได้ว่าเป็นผกก.มือดีของวงการอีกเรื่องนึงเลยก้อได้ คือคุณภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่งงานที่ออกนับตั้งแต่ทำร่วมกับคุณบรรจงจนมากำกับเดี่ยวครั้งแรกนี้ ทำได้อย่างแน่ชัดและตรงไปตรงมากับอารมณ์ของคนดูดีเยี่ยมและสามารถตอบโจทย์ของการดูหนังผีได้ดีมาก แม้จะมีเวลาจำกัดแต่ในการเล่าเรื่องนั้นสามาถเอาคนดูอยู่หมัดมาก (หลังจากได้ไปสัมผัสตอนนี้เหมือนคนดูตั้งใจดูกันมาก ๆ หรือว่าจะสะดุดกับความสวยของพลอยก้อไม่รู้นะ อิอิ) บวกกับการแสดงของพลอยในบทพิมนั้น เล่นได้อย่างน่าชมเพราะในตอนแรกไม่คิดว่าพลอยจะเล่นหนังผีได้เลย จนมาได้ดูกับตาแล้ว พลอยนี่แหละคือสาวหวีดคนต่อไปของเมืองไทยได้เลย เพราะพลอยเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่ว่าจะเป็นในบทแอร์ที่สวยสง่า ในตอนหวาดกลัวและในตอนนี้บวกกับอาการทางประสาทที่พลอยแสดงออกมาทางสีหน้าที่ทำได้ดีเลยทีเดียว ตอนนี่สามารถที่จะดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ และแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแรงที่สุดในตอนจบ ซึ่งทำให้ภาพที่เห็นนั้นยังติดตามาจนบัดนี้เลยคับ
แต่เอาเข้าจริงแล้ว 4 แพร่งก้อเหมือนกับ รวมกันเราเยี่ยม แยกกันมีตายแน่นอน เพราะพิจารณาแต่ละตอนแล้วบางเรื่องสามารถที่จะไปสร้างจินตนาการเพิ่มได้อีก แต่บางเรื่องก้อเหมือนกับมันน่าจะมีเท่านี้แหละ ถ้ามีเพิ่มมากขึ้นมันจะหาความลงตัวไม่ได้เลย อาจจะทำให้ความสนุกหายไป เมื่อรวมทั้ง 4 เรื่องมาไว้ด้วยกันแล้วเหมือนกับการวิ่งผลัด 4x100 เมตร (อ้างอิงมาจากบทวิจารณ์ของนักวิจารณ์คนหนึ่งที่ได้อ่าน) คือ 4 เรื่องใน 100 นาที โดยปกติแล้วการวิ่งผลัดนี้จะเตรียมไม้เด็ด ๆ ที่ฝีมือดีนั้นจะเอาไว้ไม้หนึ่งกับไม้สุดท้ายจะทำให้ได้รับชัยชนะกลับมา ซึ่งการเรียงลำดับตอนของ 4 แพร่งนั้นก้อเป็นแบบนั้นเช่นกัน ....
Grade: A-
ปล. ส่วนตัวชอบฉากของการเปิดเรื่องแต่ละเรื่องคือประมาณว่าหาสถานที่ที่เป็น 4 แยกหรือ 4 แพร่งมาโดยจะเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับตอนนั้น ๆ ซึ่งภาพออกมาเยี่ยมมาก ๆ คือจะหารันเวย์ที่ไหนตัดกันเป็น 4 แยกบ้าง คนธรรมดาคงจะไม่ค่อยได้เห็นกัน ก้อเหมือนกับเป็นภาพที่เอามาให้ให้ดูกัน ซึ่งดีนะคับ และชอบพลอยในเรื่องสวยมาก ๆๆๆๆ ++
ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคับ ขอบคุณมากคับ !!
แก้ไขล่าสุดโดย Johnny Fever เมื่อ Sun May 11, 2008 8:07 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________
I can make the bad guy good for a weekend.
