ตอนทำงานที่ร้านเทอริยากินี้ ตอนแรกๆก็เบื่อนะคะ
แต่ตอนหลัง เริ่มมีอะไรให้เรื่องมันไม่น่าเบื่อซ้ำซากเกิดขึ้นได้ทุกวัน
อ้อ ลืมบอกไป
ใครเคยดู bring it on ภาค 1 บ้างคะ
ร้านที่เน็ตทำงานนี้ อยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องโรงเรียนฝ่ายสีแดง ในหนังอ่ะค่ะ
ฝ่าย kirsten dunst อ่ะ นั่นแหละๆ ชื่อ รร rancho grande
แล้วโรงเรียนนี้นะคะ เด็กหน้าตาเริ่ดมาก อิอิ
แล้วด้วยความที่ว่า คนเอเชียหน้าเด็กใช่มั้ยคะ เราก็จะหน้าตาเหมือนอายุเท่าๆกัน
โอ้โห เด็กมาแซวตรึมเลย นึกว่าเราอายุเท่ามัน หุหุ
มีหนุ่ม(หล่อ) ยิ้มให้หลายคนค่ะ แต่มันแค่ยิ้มอ่ะค่ะ ไม่เข้ามาจีบ โอ๊ย เสียดาย
เออ เรื่องแปลกของฝรั่งคือ เวลาฝรั่งมุง มันมุงน่าเกลียดกว่าไทยมุงเยอะ
มีหลายครั้งที่เด็กนักเรียนตีกัน มันตีกันรุนแรงมากนะคะ แทนที่คนจะห้าม
มันตะโกน Ooh! Fight!
เชื่อไหมทั้งคนหนุ่มคนแก่ วิ่งไปดู ไม่ใช่หน้าตื่นนะคะ หน้ายิ้มค่า
คือ มันเป็นเรื่องสนุกที่จะดูคนตีกัน ดูแล้วเชียร์ค่ะ หัวเราะด้วย โอ๊ย ตาย
สักพักก็จะมีคนโทรแจ้งตำรวจ ตำรวจฝรั่งไวมาก นาทีนึงก็ถึงแล้ว จริงๆ
มาถึง รถตำรวจสองคัน ตำรวจสี่นาย แยกย้ายกันไปสอบสวนทั่วบริเวณ
จนได้ตัวผู้ต้องหา จับไปดำเนินคดี
สุดยอด เท่มาก นับถือจริงๆ หล่อด้วย(?)
แล้วอยู่ร้านนี้นะคะ มีหนุ่มแก่มาขอเน็ตแต่งงาน ตายแล๊วววว
โอ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งนึกแนวโรแมนติกนะคะ มันไม่ช่ายยยยย
ที่มาขอน่ะ ความรู้สึกประมาณว่า ครือ แบบ เมียฝรั่งทั่วไปอ่ะค่ะ มันคิดกะเราแบบนั้น
มันพูดว่า จะเอาตังค์ให้ จะส่งเสียให้เรียน ได้กรีนการ์ดด้วย เอาไหม
ขอโทษเถอะย่ะ แก่ก็แก่ ขอกันห้วนๆ ยังกะซื้อของตามตลาด
ถ้าแก่แล้วเท่แบบอาหนิง หรือ ริชาร์ด เกียร์ จะไม่ว่าซักคำ
และ เสียใจ ชั้นไม่ใช่ของซื้อของขายนะยะ เลยบอก ไม่ค่ะ หนูไม่เอาคนแก่
เป็นอันว่าจบเรื่องนี้ไป
แล้วยังมีอีกนะคะ
ลุงที่ทำงานด้วยกัน หวังดีรึร้ายก็ไม่รุ
คือ มันก็เห็นแล้วว่าเราพูดยังไงกะฝรั่งแก่นั่น ยัง ยัง ยัง
ยังจะมาถามอีกว่า "มีผู้บ่าวคนลาวผู้หนึ่ง อายุห้าสิบ สนใจเจ้า เจ้าสิเอาบ่"
อุ๊ยตายแร๊ว เลยตอบทันทีค่ะว่า "ไม่"
ยังไม่วาย วันต่อมา ต่อมา และต่อๆมา ก็ถามอีก ถามทุกวันเลย จริงๆ
กู เอ๊ย เน็ตก็ตอบไปว่า ไม่ๆๆๆๆๆ ทุกวัน ทุกครั้งที่ถาม
ครั้งต่อมา มันไม่ถามแล้วค่า มันพามาเลย เวรกรรม
ลุงนี่ คือแบบ มาถึง มายิ้มให้ แล้วหัวเราะ แหะแหะแหะ อยู่หยั่งเงี้ย น่ารำคาญ
ทำงานอยู่ก็มาเดินตาม แล้วขอโทษนะคระ ฟันก็หลอ เห็นฟันหน้าอยู่แค่สี่ซี่
โอ๊ยจะบ้าตาย
ไม่ได้ว่านะคะ (สุมาเต๊อะ) หัวก็ล้าน เสียงเวลาพูดก็แบบ เสียงคนแก่อ้ะ
แล้วแบบว่า ใส่เสื้อคอโปโล ยัดเข้าไปในกางเกงขาสั้น เข็มขัดหนัง พุงพลุ้ยๆ
ถุงเท้ายาว แล้วก็ใส่ร้องเท้าหนัง คัชชู
แล้วน้ำหอมนะ โอ้โห ไม่รู้กลิ่นอะไร เหม็นมาก ฉีดเยอะมากกกกกกกกก
เหม็นขนาดไหน คิดดู จนขนาดที่ว่า เน็ตไม่สบายเลย ต้องข้ามไปซื้อยามากิน
เวรกรรมของตู
แล้วเน็ตโกรธลุงที่ร้านมากเลย เน็ตไม่พูดด้วยเลย ซักคำ สามสี่วัน
สมแล้ว
โอ้ว ลืมบอกไปอีกเรื่อง
ลูกเจ้าของร้านนี้ เป็นคนลาวที่หล่อมาก ชื่อขัน ชื่อเชยไปนิสนึง
แต่คือ เค้าเกิดที่เมกา แล้วเท่เหมือนคนอเมริกันไปเลย
ไม่ได้เห่ออะไรที่เป็นอเมริกันนนะ แต่พี่ขัน หล่อจริงๆ เท่แบบฮิปฮอป สักที่แขน
แต่ดูเท่อ้ะ มันไม่ใช่ดูเป็นเด็กแซ๊บเหมือนเด็กฮิปฮอปบ้านเราบางคน
มาคุยด้วยที เขินมากๆ แล้วเค้าก็จะแบบว่า คุณขี้อายจัง (กรี๊ด ก็แน่ล่ะสิ)
เสียดายอ้ะ ไม่มีรูปให้ดู
แล้วเรื่องสำคัญ จุดไคลแมกซ์ ก็เกิดขึ้นช่วงนี้ หุหุ
คือว่า ที่ทำงานเน็ตกะพี่เพ็ง มันอยู่ไกลกัน แต่เลิกพร้อมกันคือสามทุ่ม
แล้วเน็ตต้องรอพี่เพ็งมารับทุกคืน กว่าพี่เค้าจะมาถึง ก็สี่ทุ่ม
พี่เค้าบอกว่า รอแถวนั้นกลางคืน มันอันตราย ก็เลยให้สามีเค้า ชื่อพี่มั่น มารับเรา
แรกๆก็ไม่ค่อยคุยไรกัน หลังๆก็เริ่มสนิทกัน เป็นธรรมดา
เค้าก็เริ่มคุย โม้ ว่าตอนหนุ่มๆเค้าหล่อยังงั้น ยังงี้ ได้สาวฝรั่งมาแล้ว ทั้งโรงเรียน
เล่าว่าเคยมีคนมาทักว่าเค้าเป็นสรพงษ์บ้าง (คิดดู แก่ขนาดรุ่นไหนแล้ว)
อะไรประมาณนี้ ประมาณว่าหลงตัวเองว่างั้นเถอะ
แล้วเค้าก็เริ่ม ถามว่าเราชอบอะไร ชอบฟังเพลงแบบไหน
ดันชอบร็อคเหมือนกัน เค้าก็เริ่ม แบบว่า คราวหน้าพี่(ลุงเถอะ ขอร้อง)พาไปดูนะ
เริ่มแล้ว ตอนแรกเราก็ไม่รู้เรื่อง ก็คุยแบบเด็กคุยกะผู้ใหญ่ธรรมดา
แต่ มีอยู่ครั้งนึง ที่เราทะเลาะกะแม่ทางโทรศัพท์ แล้วเราก็ร้องไห้ทั้งคืน
วันต่อมา เค้าก็มาถาม แล้วมาลูบแขนเรา นานมาก!!!!
เฮ้ย เหตุการณ์ชักทะแม่งๆแล้วไง
แล้วมีอยู่ครั้งนึง ที่เรากลัวมากคือ
วันนั่น ไอ้พี่มั่นนี้ มารับเราจากที่ทำงาน อยู่ๆแกก็บอกว่า เบื่อ ไปขับรถเล่นกันเถอะ
ยังไม่ทันจะเซย์เยสเซย์โน แกเลี้ยวไปแล้ว
แกบอก "เดี๋ยวพี่จะพาเข้าป่า อยากไปไหม" นั่นแล้วไง ซวยแล้วกู
เราก็บ่ายเบี่ยงสารพัด "ไม่อ่ะค่ะ วันนี้ทำงานเหนื่อย" - "ไม่เป็นไร อยู่ในรถเฉยๆก็ได้"
" ไม่ค่ะ หนูเมื่อยขา ไม่อยากเดินป่า" - "พี่ไม่ได้ให้เดินนี่ "
"คือ กลางคืนมันหนาว" - "ก็ไม่ต้องออกจากรถไง" .......
"ไม่ค่ะพี่มั่น หนูไม่อยากไป" - "ทำไมล่ะ" - "ในป่ามันมีไรให้ดูคะ" - "มีเสือ"
เชื่อไหมว่าเรากลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี แถวนั้นก็ไม่มีบ้านคนซักหลัง
เริ่มเข้าเขตภูเขาแล้ว ซวยละกู ถ้าโดดออกจากรถ กูจะตายไหม
แล้วลงไปแล้วกูจะวิ่งไปไหน ถ้ามันตามมา ฆ่ามันได้ไหม ฯลฯ คิดไปต่างๆนาๆ
นี่ล่ะค่ะ อุทาหรณ์ เราควรจะซื้อโทรศัพท์นะคะ เวลามาเมืองนอก
อย่าขี้ตืดมากเหมือนเน็ต เมืองนอกมันอันตรายค่ะ จริงๆ
ในที่สุด พี่มั่นก็พูดออกมาว่า
"ไม่อยากไป ไม่ไปก็ได้ เดี๋ยวพี่พาไปกินแมคโดนัลด์แถวบ้าน"
โอ้ ขอบคุณสวรรค์ น่ากลัวสัดๆ
แถมตอนกลับบ้าน ยังบอกอีกว่า อย่าให้พี่เพ็งรู้เรื่องนี้ดีกว่าเน๊าะ
"เรื่องไหนคะ" - "เรื่องที่พี่พามากินแมคนี่ไง คือ เค้าเป็นคนชอบคิดไปเรื่อย
เราบริสุทธิ์ใจก็จริง แต่เค้าอาจจะไม่เชื่อ อย่าบอกดีกว่านะ"
อืม ได้ คิดในใจ ซักวันหนึ่ง กูตายแน่ กูจะต้องทนเรื่องนี้อีกนานไหม
ระหว่างนั้น เราจึงได้ติดต่อเพื่อนที่ไปไมอามี่ จำได้ไหมจากตอนที่1
รุ่ง ปิง เอ ไปไมอามี่ พอดีติดต่อกันได้ทาง hi5 จึงโทรไปทันที ขออยู่ด้วย
เค้าบอก โอเค มาเลย มีที่นอนให้ ส่วนแคร์เหรอ เล่าให้ฟัง หล่อนไม่สนใจจะฟังเลย
เวลาเล่าให้ฟัง แทนที่จะ say something หล่อนกลับพูดแต่เรื่องแฟนทั้งสามของหล่อน
เรื่องที่ว่า งานserver(ที่หล่อนแย่งชั้นไป) ได้ทิปเยอะ แต่เหนื่อย บลาบลาบลา
มันฟังกรูซะที่ไหน อีนี่ .....ขอโทษนะคะ ที่ไม่สุภาพ
ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปไมอามี่ดีไหม
เพราะโครงการห้ามย้ายเด็ดขาด เค้าขู่ว่าจะโดนจับที่สนามบิน แล้วต้องโดนส่งตัวกลับ
"น้องเน็ตทนอยู่ไปสิคะ พี่ว่าโอเคออก เงินก็ได้พอใช้นี่คะ (พอที่ไหน เดือนละพัน)
น้องโชคดีแค่ไหนแล้วรู้มั้ย อยู่ไม่กี่เดือนก็กลับไทยแล้ว ทนๆไปเถอะค่ะ"
เอ๊ะ นี่กูมาเพื่อหาประสบการณ์อันล้ำค่านะยะ ไม่ได้มาเพื่อทนเซ็งชีวิตไปวันๆ
แต่ก็กลัวว่ะ กลัวถูกจับจริงๆ ถ้าถูกส่งกลับไทย จะเข้าเมกาไม่ได้ไปสิบปี เอาไงดีวะ
ทนก่อนก็ได้
แต่......................................
มีเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้น อีกแล้ว.........
โปรดติดตามตอนที่เก้า
หึหึหึ สนุกแน่ ตอนหน้า ใครไม่ได้อ่านจะเสียใจไปตลอดชีวิต
55555++
_________________