˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
Make Some Noise
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Make Some Noise 
Make Some Noise: The Amnesty International Campaign to Save Darfur



ชื่ออัลบั้มยาวมากๆ หรือเรียกสั้นๆ ว่า Make Some Noise เป็นอัลบั้มชุดพิเศษ
ที่จัดทำขึ้นเพื่อหารายได้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในดาร์เฟอร์ ประเทศซูดาน
ซึ่งเกิดความขัดแย้งขึ้น และนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายมากที่สุด
ในโลกนี้ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฆาตกรรม, ข่มขืน, กักขังหน่วงเหนี่ยว, การยึด
ครองที่อยู่อาศัย ซึ่งคนนับล้านๆ ผู้คนต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีการแยกแยะว่าเป็น
เด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ชาย หรือหญิง ศัตรูหรือผู้บริสุทธิ์ กับความขัดแย้งในครั้งนี้
คนมากกว่าสองล้านห้าแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
...ซึ่งก็เป็นจำนวนที่มากกว่า จำนวนสมาชิกขององค์กรสิทธิมนุษยชนซะอีก!
และเพื่อหาเงินให้กับองค์กรที่จะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ดาร์เฟอร์ งานนี้
Yoko Ono ภรรยาม่ายของจอห์น เลนน็อน ได้มอบผลงานเพลงอันทรงเกียรติ
ไว้ในยามที่ยังมีลมหายใจ ซึ่งเป็นผลงานเดี่ยวที่มาจากปลายปากกาของ lenon
เองให้กับศิลปินรู่นใหม่ได้ถ่ายทอด ซึ่งนำไปเรียบเรียงใหม่ บันทึกเสียงใหม่
ทั้งหมดกว่า 28 บทเพลง และก็ไม่ใช่เรื่องผิดเลยหากจะมองว่าอัลบั้มชุดนี้
เป็นอัลบั้มสดุดี หรือ Tribute ให้กับอดีตแกนนำคนสำคัญคนหนึ่งของวงดนตรี
ระดับตำนานที่สร้างชื่อเสียงก้องโลก อย่างเดอะบีทเทิ่ล
--- สารหลักที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากส่วนลึกของจอห์น เลนน็อนโดยมากแล้ว
จะเป็นเรื่องราวของสันติภาพ ความเสมอภาคของผู้คนในสังคม และความรัก
ที่มิได้มีแค่มุมมองความรักของหนุ่มสาว และกับหลายบทเพลงอย่าง
- Imagine, Give Peace a Chance หรือ Working Class Hero ซึ่งทั้งหมดล้วน
ทำให้เลนน็อนก้าวไปอยู่ในอีกสถานะหนึ่งทางโลกดนตรี กับชีวิตหลังเดอะบีทเทิ่ล
ของผู้ชายคนนี้ เขาเป็น "มากกว่า" ศิลปินระดับซุปเปอร์สตาร์ และเมื่อมีการทำ
อัลบั้มพิเศษสักชุด เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการต่อสู้ เพลงของ
เลนน็อนก็มักจะถูกนึกถึงเป็นชื่อแรกๆ เสมอ ด้วยเนื้อหาที่ลงตัวและเหมาะเจาะ
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
---ซึ่งก็ไม่มีท่าทีว่าจะหมดสิ้นไปจากโลกเมื่อใด ....
- น่าแปลกใจสำหรับอัลบั้มชุดนี้อย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนว่าการทำงานที่เปิดให้บรรดา
ศิลปิน ที่พร้อมจะมาทำานเพลงในอัลบั้มชุดนี้ ได้คัดสรรเลือกเพลงของจอห์น เอามา
กันอย่างตามใจ คือใครอยากได้เพลงไหนก็เลือกเอาเลยตามใจชอบ ถึง 28 บทเพลง
ซึ่งก็ทำให้งานชุดนี้มีเพลงที่ศิลปินได้ถ่ายทอดออกมา ซ้ำกันอยู่มากพอสมควร อย่าง
Imagine ที่ถูกสองศิลปินนำมาขับร้องในสไตส์ของแต่ล่ะบุคคล ก็มีของ Jack Johnson
และของ Avril Lavigne ที่ต่างก็โชว์ลีลาได้ไม่แพ้ต้นฉบับเลย ของแจ็คมีเสียงร้องเท่ห์
กับเสียงกีต้าร์เท่านั้นดูรื่นหู ซึ่งถ้ามองในแง่ของอารมณ์และความเหมาะสม ส่วนของ
แอฟริลมาพร้อมกับเปียโนและเสียงร้องเศร้าๆ แต่ผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าทั้งสอง
ผลงาน ใครเด่นกว่าหรือด้อยกว่า เพราะจะเห็นได้ชัดว่าทั้งสองผลงานเป็นงานที่ทำ
ออกมาแล้วยังเคารพต้นฉบับเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความ"แข็งแรง"
ของบทเพลงที่ยากจะปรับเปลี่ยน แต่ก็ถือว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบ ซึ่งมันทำให้ผม
มองว่าทั้ง jack johnson และ avirl lavinge ก็ไม่ได้ร้อง หรือเล่นแบบนักร้องตามผับ
ต่างเพลงต่างสไตส์ และมีลักษณะเฉพาะตัวที่สัมผัส และรู้สึกได้
--- แต่ยังมีอีกหลายบทเพลงที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษที่ดูแข็งแรงและ มีพลังมาก
อย่าง Instant Karma ที่นำมาปรุสรสเติมสีใหม่ด้วย U2 วงดนตรีสี่ชิ้นจากไอร์แลนด์
ที่วันนี้กลายเป็นรุ่นใหญ่ในระดับเก๋าเรียกพี่ได้แล้ว ซึ่ง U2 ผสมผสานร็อค เข้ากับ
เร็กเก้ที่ถูกวางแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัวมากๆ ส่วนเพลงตามอย่าง #9 Dream ที่ถูก
ถ่ายทอดโดย R.E.M. ก็ออกมาดีไม่แพ้กัน แต่ต่างกันตรงที่ผมรู้สึกว่างานชิ้นนี้ของ
R.E.M. สามารถมอเห็นได้เด่นชัดกว่า U2 ทำไว้ และกับสำเนียงขับขายแบบนี้
ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปในช่วงที่ R.E.M. รุ่งเรืองมากสุดขีดในช่วงอัลบั้ม Out of Time
เพราะเพลงนี้มันก็คืองานส่วนใหญ่ในอัลบั้มชุดนั้น
ส่วน mother โดย คริสติน่า อากีเรร่า งานเห็นได้เด่นชัดมากครับ ว่าเธอ
พยายามที่จะยังคงอารมณ์เพลงของต้นฉบับไว้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะ ซาวด์ดนตรี
ส่วนเสียงร้องของเธอก็ออกมาในแนวโซล ที่ฟังดูเกรี้ยวกราดไม่ใช่น้อย ในตอนท้าย
นอกจากจะมีศิลปินเฉพาะราย มาทำเพลงแล้ว ในบางเพลงก็เป็นการร่วมแจมหรือ
เป็นการร่วมทำงานด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Aerosmith ที่มากับกลุ่มดาราอพยพชาว
เซียร์ราเลโอน ใน Give Peace a Chance ที่ทำออกมาเป็นเร็กเก้สนุกๆ ซึ่งดู
แปลกและคึกคักผิดทางของ Aerosmith อย่างเห็นได้ชัด และเป็นไปได้ว่ากับแฟน
พันธุ์แท้ของวงเอง ก็อาจจะนึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าวงโปรดของตัวเองจะร้องเพลงแนวนี้
และอีกบทเพลงที่โดเด่นไม่แพ้กัน Oh, My Love ที่ฟังดูนุ่มละมุน กลายเป็นผลงาน
ที่น่าฟังมากดูอบอุ่น รวมไปถึงให้ความรู้สึกเหมือนกับานเพลงกล่อมเด็ก ที่อบอวนไป
ด้วยความรัก ความน่าถะนุถนอม ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องรุ่นใหญ่ Jackson Brown
ส่วนในบทเพลง Gimme Some Truth นั้นถูกประสานเสียงโดยสองศิลปินอย่าง
Jacob Dylan อดีตนักร้องนำวง The Wallflowers และ Danny Morrison สามารถ
ทำให้เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่น่าสนใจในตัว โดยเฉพาะกับพาร์ทกีตาร์ที่สำเนียง
ชวนให้นึกถึงสำเนียกีตาร์ของ George Harrison และอีกหนึ่งเพลงฮิตอย่าง Jealous
Guy ที่ขับร้องโดย Youssou NDour ก็ฟังดูเคลิ้มฝัน ให้อารมณ์อีกแบบแตกต่างไป
ที่เคยได้ยินอย่างของ ไบรอัน เฟอร์รี่ หรือว่าเป็นเจ้าของต้นฉบับที่ทำไว้
ส่วนเพลงแรกที่ปล่อยเป็นซิงเกิ้ลกับผลงานของ Greenday ในบทเพลง Working Class
Hero ส่วนตัวผมดูว่าชิ้นนี้ดูเป็น เมนสตรีมมากกว่าการทำงานในช่วงที่ดังเป็นพลุแตก
ในยุคของอัลเทอร์เนทีฟเบ่งบาน ปิดท้ายกับผลงานที่ค่อนข้างผิดหวัง กับการทำงาน
ของ The Black Eyed Peas กับเพลง Power to the People ดูจะอึกทึกคึกคักเกินไป
ทำให้ดูด้อยไปเลยในสายตาผม
- สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เมื่อฟังอัลบั้มชุดนี้ก็คือ งานในแผ่นที่ 2 ดูจะค่อนข้างหลากหลาย
แนวทาง และไม่ลงตัวเท่ากับเรื่องอารมณ์ในแผ่นแรก รวมไปถึงเกรดของศิลปินก็ดู
จะแรงไม่เท่า แม้เมื่อดูเป็นเพลงๆ ไปแล้วจะรู้สึกถึงสีสันที่จัดจ้านมากกว่า ที่น่าเสียดายคือ
พอมารวมกันแล้วกลับทำให้รู้สึกโดยรวมๆ ในการฟังไม่เนียนสักเท่าไหร่เลย
- แน่นอนเมื่อมองดูทั้งหมด 28 เพลงแล้วย่อมมีทั้งเพลงที่น่าผิดหวัง และเพลงที่ทำได้ดี
รวมไปถึงเพลงที่ไม่ถึงกับต้องยกย่อง หรือตำหนิ อาจจะไม่ใช่งานที่สมบูรณ์ 100% ไม่ใช่
ในแง่ของเพลงที่ซ้ำ หากในเรื่องคุณภาพของเพลงบางเพลงด้วย และส่วนหนึ่งอาจจะเป็น
ด้วยเรื่องของ "ปริมาณ" เพลงที่มีมากเกินไปเมื่อเทียบกับอัลบั้มการกุศลชุดอื่นๆ
แต่ผมเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด Make Some Noise: The Amnesty International Campaign
to Save Darfur ก็ชัดเจนในคอนเซ็ปท์และเป็นอัลบั้มที่ทำขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ดี
ความตั้งใจดี และกับศักยภาพของเลนน็อน แม้เรื่องราวในเพลงจะแสนสาหัส หนักหน่วง
แค่ไหน แต่ถ่วทำนองและเมโลดี้ ก็ยังคงเต็มไปด้วยความงดงามเสมอ แล้วบรรดาเพลง
ในอัลบั้มชุดนี้ก็มีงานเสีย น้อยกว่างานที่ได้ และงานที่อยู่ในระดับปานกลางอย่างเห็นได้ชัด
และกับทุกบาทที่เสียไปกับงานชุดนี้ ไม่ใช่แค่ได้ฟังอัลบั้มดีอีกชุดหนึ่งเพียงเท่านั้น ยังเป็น
การช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกขอเราด้วย

สุดท้าย ผมขอหยิบยกบทความที่ ไอรีน ข่าน เลขาธิการทั่วไป
ขององค์กรสิทธิมนุษยชน เขียนเอาไว้ในปกอัลบั้มได้อย่างน่าสนใจ
" คุณอาจจะซื้อซีดีชุดนี้เพราะอยากฟังเพลงแค่นั้น แต่เราหวังด้วยว่าบทเพลงเหล่านั้น
จะเป็นตัวเชื่อมจิตใจของคุณ กับความมุ่งมั่นของเราที่จะรวบรวมและรักษาชีวิตผู้คนเหล่านี้
แต่ละคน ต่างก็รู้สึกถึงหน้าที่ทางศีลธรรม ที่จะต้องยืนขึ้นและทำลายล้าง การเพิกเฉยที่
ฉีกผืนดินของดาร์เฟอร์ และประชาชนออกจากกันมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา "

ตลอดระยะกว่า 1 สัปดาห์ที่พยายามยัดเยียดผลงานระดับชิ้นมาสเตอร์พีชนี่มาฟัง
และฟังแล้วฟังอีก หลากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบอร์ดถือ ว่าไร้สาระมากสำหรับความรู้สึกของผม
สิ่งเดียวและสิ่งที่หนึ่ง ที่สรรหาและอยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบอร์ดนี้คือ เรื่องเพลง
ซึ่งปัจจุบันเพื่อนๆ พี่ๆ หรือแม้แต่ญาติพี่น้องไม่มีใครหรอกที่จะมานั่งคุยเรื่องเพลงสากล
กับเราได้เป็นวันๆ บางทีก็รู้สึกน้อยใจนะ ที่ผมได้แสดงความคิดเห็นออกไป แต่ก็เป็นแง่ลบ
ซึ่งบางทีอาจจะแข็งเกินไป เพราะนิสัยของผมแตกต่างจากคนในบอร์ดส่วนมากที่ดูอ่อน
แน่นอนสังคมของเราถูกปลูกฝังต่างกัน ผมอยู่กับเพื่อนฝูงที่ดูแข็งกร้าว ไม่เคยคลุกคลีกับ
สังคมในโลกของความอ่อนโยนของเพศชาย เลยทำให้ผมมองทุกอย่างเป็นภาพรวม เพราะ
ความเคยชิน แต่มันก็ยังเป็นคำถามในใจผมอยู่ดี...
ว่าทำไมการโพสตอบกระทู้ของผมถึงถูกจับมองตลอด ทั้งที่เรื่องนี้สมาชิกคนอื่นรุนแรง
ทั้งความคิด การพูดจามากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ เรื่องตั้งกระทู้เสียดสีและรอการเข้ามาตอบ
ผมเห็นกระทู้นะ แต่ไม่เคยเข้าไปใส่ใจเลย เพราะใจหนึ่งก็ถือว่าไร้สาระ และตอบไปก็
ไม่ยอมจบสิ้นเรื่องกัน คนตั้งกระทู้เสียดสีผมก็อย่างน้อยใจนะครับ
และขอโทษทุกคนครับ!







แก้ไขล่าสุดโดย CarrieUnderwood เมื่อ Tue Oct 07, 2008 9:42 am, ทั้งหมด 5 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รีบเข้ามานึกว่า เมค ซัม น๊อซ คริสตอล เมเยอร์ เหอๆๆๆๆๆ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Disney Boy พิมพ์ว่า:
รีบเข้ามานึกว่า เมค ซัม น๊อซ คริสตอล เมเยอร์ เหอๆๆๆๆๆ


So am I

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Disney Boy พิมพ์ว่า:
รีบเข้ามานึกว่า เมค ซัม น๊อซ คริสตอล เมเยอร์ เหอๆๆๆๆๆ


555น้องรัก


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
พิม (ลุงนีล) พิมพ์ว่า:
Disney Boy พิมพ์ว่า:
รีบเข้ามานึกว่า เมค ซัม น๊อซ คริสตอล เมเยอร์ เหอๆๆๆๆๆ


So am I


Me Too!!!


_________________

April fighting! + angel Sojin�
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Disney Boy พิมพ์ว่า:
รีบเข้ามานึกว่า เมค ซัม น๊อซ คริสตอล เมเยอร์ เหอๆๆๆๆๆ


เหมือนกันค่ะ


_________________


Tweet me
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ใช่อัลบั้มที่เปิดให้มาร์คฟังวันที่ไปเมืองเลยไหม
นี่ใช้เวลาในการเขียนนานขนาดนั้นเลยหรอ
แต่รู้ว่าชอบเลยบรรยายมาซะเยอะมาก อ่านจนปวดคอเคย
เหอะๆ แซวเล่นนะ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อัลบั้มชุดนี้อย่างที่บอก ข้อดีคือความหลากหลายที่ถูกศิลปินทำงานออกมาในรูปแบบของตัวเอง
แต่ข้อเสียเพลงเยอะเกินไป แล้วการจัดศิลปินในแผ่น 1-2
ไม่ค่อยเหมาะสม
ขอนแก่นไม่มีขายไปซื้อแผ่นนี้มาจากไหนอ่ะ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ต๊ายยยยย! แคร์รี่ย์คร่ะ เดี้ยนนั่งอ่านเกือบครึ่งชั่วโมง นอกจากหร่อนจะปากร้ายแล้ว
สิ่งที่หร่อนมีติดตัวก็คือ นี่แหละคร่ะ เริ่ดมากคร่ะ เป็นรีวิวไปในตัวอีกทั้งยังเป็นการ
สารภาพบาปด้วยนะคร่ะ เดี้ยนก็มองหร่อนผิดมาตลอดเลยนะคร่ะ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 4
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com