หลังจากที่พาร์ตแรกเราได้กล่าวถึง The Next ต่างๆที่มีแต่คนครหาให้เด็กดิสนี่ย์ทั้งหลายแหล่ ว่าเฮ้ย อนาคตเด็กๆจะเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า หรือว่าจะเดินทางไปในแบบไหน ตามมาด้วยพาร์ตที่สอง ที่หยิบดิสนี่ย์ทั้งรุ่น ทีนดิว่า ทีนควีน ทีนซีรี่ย์ มาสับรายละเอียดและความสำเร็จของพวกเธอ พาร์ตนี้เราจะพาย้อนยุคไปยังสมัยมิกกี้เม้าส์คลับกันเลยทีเดียว พร้อมที่จะอ่านรึยังครับ ?
ก่อนอื่นต้องขอย้อนบรรยากาศไปในปี 50 ครับ เป็นปีที่เริ่มต้นความสำเร็จเรื่องซีรี่ย์และเพลงของดิสนี่ย์ในแบบฉบับเด็กๆได้อย่างสวยงาม กับรายการ มิกกี้เม้าส์คลับ อย่างที่รู้กันดีว่า แต่ละรุ่นของดิสนี่ย์มักจะมีดาวโดเด่นฉายแสงออกมาหนึ่งคนที่เด่นมากๆ ในยุคนี้คนที่เด่นสุดๆคงไม่พ้น Annette Funicello ซึ่งเริ่มผลงานกับดิสนี่ย์ครั้งแรกนชุด Swan Lake หรือ ทะเลสาบหงเหิน ในบท ราชินีหงษ์ แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็มีผลงานอีกมากมาย มีจดหมายมาหาเธอถึง หกพันฉบับต่อเดือน (เทียบกับการสื่อสารในสมัยนั้น ถือว่าเยอะมากๆ) ทีเดียว
ผลงานเพลงของป้าแอนเนทมีเยอะแยะมากมาย เชื่อว่าหลายๆคนต้้องเคยฟังในเวอร์ชั่นทั้งของป้าแกเอง รวมถึงเวอร์ชั่นหลังๆ ที่เด็กๆดิสนี่ย์เอามาร้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเพลง Dream Is a Wish Your Heart Makes หรือว่าอีกหนึ่งเพลงเก่งของป้าแกเพลง Tall Paul ครับ
Tall Paul เป็นเพลงในประเภท ป๊อปผสมร๊อคแอนด์โรล ที่ประสบความสำเร็จเพลงหนึ่งของป้าแอนเนตแก โดยสามารถขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 7 เลยทีเดียว แม้ว่าตัวเพลงจะยาวแค่ นาทีสามสิบกว่าวิ ก็ตาม แต่แหมเป้าหมายหลักของค่ายดิสนี่ย์ก็คือเด็ก การทำเพลงที่เนื้อวนไปวนมา กับจังหวะสนุกๆ เพลงสั้นๆเนี่ย เด็กๆต้องติดหูและจำได้ง่ายใช่ไหมละ ถือเป็นการวิเคราะห์ผู้บริโภคได้ดีเลยทีเดียวครับเพลงนี้
อีกหนึ่งเพลงที่ลดคีย์จากเพลงที่แล้วลงมา ตีตลาดเด็กอีกนั้นแหละ ป๊อป ร๊อคแอนด์โรล น่ารักๆ กับเครื่องเคาะ เครื่องสายสไตล์ฮาวายเอี้ยน น่ารักดีครับ เนื้อเพลงวนไปวนมา ให้เด็กๆจำได้ง่าย คำที่ใช้ก็ง่ายๆ เป็นยุคที่ดิสนี่ย์ประสบความสำเร็จมากๆในเรื่องการคำนึงถึงพัฒนาการเด็กๆครับ
ในยุคนี้เรียกได้ว่าป้าแกเกิดคนเดียวจริงๆครับ เพราะคนอื่นแทบไม่มีผลงานด้านเพลงออกมาให้ได้ยินเลย แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามก็แทบจะถูกป้าแอนเนทกลบเกือบหมด
เพลงเปิดรายการ หรือ เพลงธีมในยุคนั้นเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จักกันดีแน่ๆ ชื่อก็บอกแล้วว่ามิกกี้เม้าส์คลับ เพลงเปิดรายการมีชื่อว่า "The Mickey Mouse March"
ชื่อก็บอกแล้ว คงไม่ต้องมาถามกันนะครับว่าจังหวะอะไร ก็มาร์ชนะสิ ยอมรับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดึงดูดเด็กๆจริงๆนั้นแหละ แต่ผู้ใหญ่ฟังแล้วอาจจะรำคาญนิดๆหน่อยก็ได้นะ แล้วแต่คนชอบ
มิกกี้เม้าส์คลับรุ่นนี้ดำเนินตั้งแต่ยุค 50 - ึ70 มีหลายคนสลับหมุนเวียนกันตามประสาเด็กดิสนี่ย์ครับ จนกระทั่งมาถึงในยุคปี 70 All New Mickey Mouse Club
ยุคนี้เรื่องความสำเร็จของเพลงอาจไม่เท่ายุคที่แล้ว แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาดนตรีให้มีความทันสมัยและ "ร่วมสมัย" มากขึ้น กล่าวคือปัจจุบันก็ยังคงมีคนทำเพลงแนวดนตรีนี้ นั่นคืือ ป๊อปบัลลาร์ด ซึ่ง เป็นแนวเพลงที่เด่นที่สุดในยุคนี้ของดิสนี่ย์เลยก็ว่าได้ครับ
แม้ว่าในยุคนี้จะไม่ค่อยมีใครที่เด่นออกมาเกินหน้าเกินตาใครมากมายนักแต่ผู้ที่เรียกได้ว่ามาวินคงไม่พ้นป้าคนนี้ครับ
Lisa Whelchel กับเพลง All Because Of You ป๊อปบัลลาร์ด กลิ่นคริสเตียนจ๋ามาแ ต่ไกล ชื่อเพลงเดียวกับอัลบั้มแรกของป้าแกครับ แม้ว่าจะไม่ได้ประสบความสำเร็จบนชาร์ตใหญ่แบบรุ่นที่แล้วก็ตาม แต่อัลบั้มนี้ได้รับการเข้าชิงเป็น "อัลบั้มแห่งแรงบันดาลใจ" ของบิลบอร์ดเลยทีเดียว
อีกหนึ่งเพลงที่แนะนำคือ Cover Me Lord ต้นฉบับแท้ๆที่มาในแนว ป๊อปบัลลาร์ด กลิ่นคริสเตียนเช่นกัน แต่กิ่นที่เพิ่มมาจากเพลงที่แล้วก็คือคันทรี่ย์นั่นเอง แม้ว่าจะไม่แรงมาก แต่ก็ถือว่าเป็นต้นแบบแรกๆเลยก็ว่าได้ ลักษณะผลงานจะคล้ายๆ Faith Hill , LeAnn Rimes หรือแม้กระทั่งรุ่นล่าสุดอย่าง Carrie Underwood (ซึ่งดนตรีผสานความเป็นป๊อปร๊อคมากกว่ามาก)

อย่างไรก็ตามรุ่นนี้เรียกได้ว่าเงียบเชียบผิดกระแสรุ่นแรกมาค่อนข้างมากครับ แต่สิ่งที่ฮือฮากว่าคงไม่พ้น ป้า Kelly Parsons ซึ่งได้รับรางวัลรองอันดับสี่ มิสอเมริกา เชียวนะเออ
ส่วนเพลงธีมก็เปลี่ยนท่อนนิดหน่อยเป็น "He's our favorite Mouseketeer, we know you will agree" and "Take some fun and mix in love, our happy recipe."
และแล้ววันเวลาก็ผ่านพ้นมาถึงปี 90 เอ๊ะๆ เป็นรุ่นที่ฮอตมากๆเลยก็ว่าได้ครับ แต่ไม่ใช่ช่วงต้นๆนะ เป็นช่วงปลายๆต่างหาก
ช่วงต้นๆ ก็พอมีดนตรีให้พอจับกระแสนิดๆกับวง The Party ครับ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมาก เพราะไปชนกับ ลุงๆ New Kids on the Block เรียกได้ว่าแม้แต่อัลบั้มยังขายไม่ค่อยออกเลยละ ปี 1993 ทางค่ายเลยยุบวงซะเลย แต่ว่านี่แหละ ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการเพลงดิสนี่ย์เลยก็ว่าได้ครับ กับดนตรีที่เหมาะแก่การโยกสุดๆ แดนซ์นั่นเอง
เพลงเปิดตัวของวงมีชื่อว่า Summer Vacation ครับ ตัวเพลงเป็น ป๊อปแดนซ์สนุกๆ มีสรรพสำเนียงการร้องของฝ่ายชายที่เป็นแรพ ส่วนฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายรับการแรพของฝ่ายชายมาร้องตามปรกติ โดยรวมสนุกดี และแหวกแนวจากดิสนี่ย์ที่ผ่านๆมาครับ ว่าแต่ใครรู้จักบ้างเนี่ย (ตัวเพลงไปได้สูงสุดที่ 72BB ครับ)
และอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ทางดิสนี่ย์พยายามจะตีตลาดไปทางยุโรปด้วยก็คือเพลงนี้ครับ ตัวเพลงที่มีความเป็น อิเลคโทร ยูโรป๊อป ที่ค่อนข้างจะล้ำ ก็ไม่ทราบว่าไปรอดรึเปล่าที่ฝั่งนู้น แต่ว่าฝั่งบ้านตัวเอง ด้วยความแปลกใหม่ด้วยละมั้ง ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำสถิติดีที่สุดที่ 34 อีกทั้งยังช่วยฉุดให้อัลบั้มขึ้น Hot 100 ได้ด้วย (และเป็นเพียงอัลบั้มเดียวด้วย)
เอ๊ะแล้วยุคหลังละจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกลุ่ม Pop Princess นั่นแหละ ยกเว้นนางสาวแมนดี้ไปหนึ่งคนที่ไม่ได้เกี่ยวดองโดยตรง ทั้ง บริทย์ ติ๊ และ เจส สามนางอนงค์ เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ดึงดูดที่สุดก็ว่าได้ อ้อ ยังมี พ่อพยอย จัสติน ทิมเบอร์เลค กับวง N'Sync แล้วก็ Backstreet Boys อีกด้วยนะเออ
เริ่มจากคนที่โดดมาแต่ไกลและเรียกได้ว่าเธอที่เป็นที่ดึงดูดตลอดเวลา กับบริทย์นี่ย์ครับ แน่นอนว่าการเปิดตัวเส้นทางนักร้องของเธอสวยงามมากๆกับยุคของ ป๊อปบับเบิ้ลกัม
เอาซี่ ใครในบอร์ดนี้จะบอกว่าไม่เคยฟังเพลงนี้ ฮึฮึ เปิดตัวภาพลักษณ์สาวใสที่มีทักษะการเต้นต่อมาจากรุ่นพี่ๆก่อนหน้านั้น และเปิดตัวได้แรงมากๆด้วย กับเพลงป๊อปบับเบิ้ลกัม ที่ี่ฟังง่ายๆ แต่มีจังหวะจะโคนแรงๆให้ได้ชักกระตุกกัน
ในที่สุดคนที่สองที่ตามมา ติ๊ นั่นเอง เอาซี่ เธอมาป๊อปบับเบิ้ลกัมแบบเต้น งั้นชั้นมาแบบ ป๊อปกับลูกเล่นการร้องแบบอาร์แอนด์บีแทน ผลก็คือ เปรี้ยงไปอีกหนึ่งนาง แน่นอนว่า ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในชาร์ตหลักไม่แพ้นางแรกเลยครับ
มาช้ากว่าชาวบ้านเขา แต่ว่าก็ประสบความสำเร็จไม่หนีห่างกันมาก ในเมื่อนางแรกเลือกเต้น นางที่สองเลือกลูกเล่นการร้อง นางที่สามเธอก็เลยมาแบบอลังการณ์ ป๊อปบัลลาร์ด เสียงพระเจ้าประทานมาให้ ฉีกแหวกแนว และแน่นอนแหวกแนวกระแสเด็กดิสนี่ย์ในสมัยเดียวกันด้วยครับ กล้าสุดๆ
มาที่วงหยอยครับ เลือกเปิดตัวด้วย ป๊อปแดนซ์สนุกๆจังหวะเข้มๆไสตล์บอยแบนด์ทุกสมัยอ่ะแหละ โชว์เสต็ปกับหน้าตาเข้าไว้ อิทธิพลนี้ส่งผลทั่วโลกเลยละ ฮึฮึ ประสบความสำเร็จไปดังคาด แต่อย่างว่า ดิสนี่ย์นี่นะ ส่วนใหญ่สาวๆรุ่งกว่าในระยะเริ่มทั้งนั้น อิอิ
แต่ก่อนหน้าที่วงเจ้าหยอยจะออกมาดิ้น แบ็คสตรีทบอยก็ออกมาก่อน แล้วก็ออกมาดิ้นโชว์สเต็ปเช่นเดียวกัน ประสบความสำเร็จๆพอๆอีกแนะ ถ้าให้เปรียบเทียบกันก็ ถ้าเปรียบความสำเร็จคงเป็น N'Sync แต่ถ้าความประทับใจคงเทไปทาง Backstreet Boys เสียมากกว่า
แน่นอนว่านี่ถือเป็นยุคที่ประสบความสำเร็จ กอบโกยอย่างมากของบรรดาเด็กดิสนี่ย์เลยก็ว่าได้ เป็นยุคที่ศิลปินหลายๆคนประสบความสำเร็จในวงกว้างค่อนข้างมากครับ ทางด้านยุโรปก็เช่นกัน เพราะรุ่นก่อนๆก็เบิกทางมาทีละนิดทีละหน่อย ประกอบกับ หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก ของแต่ละคนด้วยแล้ว เด็กๆก็ติดหนึบสิครับ รึไม่จริง อิอิ
และแล้วการเดินทางก็เข้าสู่ยุคที่เด็กๆเริ่มจินตนาการใฝ่ฝันอยากเป็นนางเอกในซีรี่ย์
แน่นอนว่าคงไม้พ้นยุคของ Teen Queen แน่นอน และในยุคนี้ กระแสป๊อปบับเบิ้ลกัม ได้ผสานกับกระแสป๊อปร๊อคได้อย่างสมบูรณ์ ทั้ง แอชลีย์ ซมป์สัน , ลิินเซ โลฮาน , เจซซี่ แมคคาร์ธนี่ รวมถึงดาวเด่นแห่งยุคอย่าง ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ หรือที่เด็กๆในยุคนั้นรู้จักกันในนาม ลิซซี่ แมคไกวร์
เรียกได้ว่ายุคนี้เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างค่อนข้างมาก อย่างที่กล่าวไว้เมื่อครู่คือการผสานกันระหว่างดนตรี ป๊อป บับเบิ้ลกัมกับป๊อปร๊อค อีกทั้งเป็นยุคที่ขายเพลงจากซีรี่ย์กันอย่างค่อนข้างจริงจังเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นมาจากดาวเด่นของยุคนั่นแหละครับ
แม่สาวลิซซี่ร่างอวบฟันม้า พ่วงเพลง I Can't Wait ซึ่งคัฟเวอร์มาจาก Brooke McClymont สาวชาวอออซี่ กลายเป็นเพลงซี่รี่ย์สุดโด่งดังในเด็กๆ รวมไปถึงเพลง What Dreams Are Made Of แต่กระแสเพลงที่แรงสุดๆสำหรับเธอ ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก แม้กระทั่งเมืองไทยก็มิวายเปิดเพลงนี้ทุกๆครึ่งชั่วโมง (ไม่รู้จะเปิดอะไรกันมากมายขนาดนั้น) กับเพลงนี้ครับ
อย่างที่บอกคือเพลงนี้เปิดบ่อยมากๆ ขนาดที่ว่าไอ้คนที่ไม่ฟังเพลงสากลเลยมันยังรู้จักเพลงนี้ แม้กระทั่งคุณแม่ของ จขกท ซึ่งไม่ได้ฟังเพลงสากล ยังร้องตามได้ แถมรู้จักก่อนลูกตัวเองเสียอีก ฮึฮึ (คุณแม่เกือบจะซื้อ่นมาแล้วละ ถ้าไม่ติดที่ลูกชายชิงซื้อก่อนทั้งเพลงทั้งหนัง) So Yesterday ถือเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จในวงกว้างมากถึงมากที่สุด เปิดกันจนเอียนตายไปข้าง ถึงขนาดประวัติศาสตร์บอร์ด FF ถึงกับตั้งกระทู้ขึ้นมาถามกันว่า "จะเปิดให้(ตึ๊ด)ออกมาเป็นเพลงนี้เลยรึไง"
ในขณะที่หนุ่มเจซซี่เพื่อนสนิทหลังจากแยกวง Dream Street ก็ทำงานเดี่ยวของตนออกมาและก็มากระแสเดียวกับเพลงเมื่อวันวานของเพื่อนสาวคือ ขยันเปิดทุกครึ่งชั่วโมง จนร้องตามได้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
เพลงที่ว่านั่นก็คือ Beautiful Soul นั่่นเอง ทีนป๊๊อป แฝงๆกลิ่นอดัลคอนเทมป์ และมีร๊อคหลงมานิดๆท่อนนึง คือด้วยความที่เพลงมันแฝงอดัลท์คอนเทมป์ ทำให้เพลงสามารถเข้าถึงคนทุกวัย เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เพลงออกมาค่อนข้างลงตัวในแง่ของการนำเสนอครับ แต่ยังดีที่ว่าไม่เปิดบ่อยจนเกิดกระแสกระทู้ประวัติศาสตร์ FF
โดยก่อนที่หนึ่งหนุ่มเพียงคนเดียวที่จะรอดในรุ่นกำลังจะปล่อยเพลงในช่วงปลายปี ในช่วงกลางปีนั้น สองสาวอย่างหนูลินด์และแอชก็ปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมาให้พวกเราได้ยลโฉมกัน
นางแรกคือ ลินเซ่ ซึ่งมาฉีกแนวกับคู่แข่งตลอดการที่ทำออกมาใสๆ ผลงานที่ออกมามีความเปรี้ยวแล้ะดูแตกต่าง ด้วยความเซ็กซี่ของตัววิดีโอ และเพลงในแนวอิเล็คโทรป๊อปร๊อคด้วยแล้ว แน่นอนว่าประสบความสำเร็จในหลากประเทศ ยกเว้นประเทศตนเอง!!! ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจพอสมควร ก็ไมทราบว่าอันเหตุผลมาจากประการใด
มาที่นางสุดท้ายซึ่งเรียกได้ว่ามีความชัดเจนในผลงานมากที่สุดในบรรดาสาวๆด้วยกัน แอชซิม (ซึ่งจัเรียกว่าอัญชลี) ผลงานแรกประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก มาในแนว ทีนป๊อปร๊อคใสๆ แต่ว่าความชัดเจนในการนำเสนอผลงานเพลงทั้งเพลงนี้และเพลงอื่นๆของเธอจะชัดเจนกว่าสองนางแรกมาก น่าเสียดายว่าเธอมาทีหลังเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ในรุ่นนี้ยังบังเกิดคำว่า Disney Original ขึ้นมาด้วย จะเป็นใครไปไม่ได้ก็ดาวรุ่งประจำรุ่นนั่นแหละ เนื่องด้วยภาพลักษณ์เรียบร้อยและไม่มีข่าวคราวเสียหาย ใครๆก็อยากเป็นเธอ และปัจจุบันเธอก็ยังคงดำรงตำแหน่งนี้อีกต่อไป (คาดว่าไม่น่ามีใครมาแย่ง)
ในรุ่นต่อมา Teen Series เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าซีรี่ย์มีความประสบความสำเร็จมากๆเลยก็ว่าได้ครับกับทีม High School Musical ในแนวดนตรีของเพลงซี่รี่ย์มีอะไรที่โดดเด่นมากกว่าความเป็นป๊อปธรรมดามากครับ ด้วยความที่ชื่อบอกว่าเป็น Musical ด้วยละมั้ง ทำให้รุ่นนี้เรื่องเพลงมีความแตกต่างและน่าสนใจมากๆทีเดียว
หนึ่งเพลงที่น่าประทับใจและเดบิวท์สูงเวอร์ก็คือเพลง What Tome Is It? คือมันป๊อปก็จริงครับ และเรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่าที่เคยผ่านๆมา และยอมรับเลยว่า HSM2 เนี่ยแหละดีที่สุดในบรรดาเพลงซีรี่ย์ของดิสนี่ย์ตอนนี้นะครับ
อีกทั้งในรุ่นนี้ยังเก่งกล้าสามารถสามารถแหกปากกันได้ทุกคนด้วย แต่ที่เป็นาวเด่นออกมาเลยคือสองสาวตำนำเรื่องอย่าง แอชลี่ ทิสเดล กับ วาเนซซ่า ฮัดเจนส์ นั่นเองครับ
เริ่มด้วยที่แอชลี่ซึ่งจริงๆแล้วเข้ามาก่อนใครเพื่อน จะว่าไปอยู่มารุ่นเดียวกับฮิลเลยด้วยซ้ำแต่มาดังตอนรุ่นนี้ (แก่เป็นลำดับต้นๆของรุ่น แต่หน้าเด็กมากครับ) เริ่มต้นงานเพลงที่เป็นที่รู้จักและขึ้น BB Chart เป็นของตัวเองกับเพลงที่ประกอบภาพยนตร์การ์ตูน Little Mermaid (ว่าไปหน้าตาเธอคล้ายๆเจ้าหญิงแอเรีบลอยยู่นะเนี่ย)
แม้ว่าจะยอมรับเลยว่าเสียงเธอแหลมเสียดหูมากๆ แต่เพลงนี้เสียงไม่สูงมาก เลยออกมาค่อนข้างโอเคคครับ เรียกได้ว่าแจ้งเกิดตั้งแต่ยังไม่ดังเลยนะเนี่ย
และครั้นเมื่อมีอัลบั้มเป็นของตนเอง ซิงเกิ้ลแรกที่ถูกปล่อยออกมาก้คือ He Said She Said (World Premiere) ซึ่งหลายๆคนคงจะเคยฟัง ยอมรับว่าเป็นซิงเกิ้ลที่มีจุดขายอยู่ในตัวครับ ด้วยเพลงออกแนวป๊อปแดนซ์สนุกๆ ตแ่ว่าภาพลักษณ์เธอดูขุดๆพิกลๆส่วนตัวชอบเพลงที่เอามาให้ดูมากกว่าครับ Not Like That ด้วยมาดสาว เปรี้ยว เลิส เชิด ทะเล้น ซึ่งคุ้นๆมากับบท Sharpay อยู่แล้ว เลยดูไม่ค่อยขัดตา และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย น่าเสียดายที่ไม่ได้โปรโมตอย่างจริงจังเสียเท่าไหร่ แต่นี่เป็นความสำเร็จก้าวแรกของเธอทั้งด้านงานเพลงและการแสดง เรียกได้ว่าเด่นกว่านางเอกอีกครับ
มาที่นางเอกสิวผีของเราครับเปิดอัลบั้มด้วยเพลงเเบบี้ฮิพฮอพ โดยกล่าวสรรพคุณตัวเองว่า Baby
V แหมจะดูไปก็น่ารักอยู่หรอกครับ แต่ว่าเพลงที่เข้าถึงคนทั่วไปมากกว่าคือเพลงนี้ครับ Say OK
เบบี้วีของเรานำเสนออกมาในรูปแบบของปีอปเรกเก้ติดสรรพสำเนียงการร้องแบบฮิพฮอพ สแมชอาร์แอนด์บี ออกมาได้ลงตัวและดูใสๆเข้ากับวัยและเสียงเธอเป็นอย่างดี ส่วนในบ้านเราก็อุตส่าห์เปิดเพลง Whatever Will Be ที่ไม่ได้ตัดโปรโมตแต่อย่างใดจนโด่งดังมากกว่าซิงเกิ้ลเสียอีกครับผม
และแล้วเราก็ดำเนินเดินทางมาถึงรุ่นสุดท้ายหรือรุ่นปัจจุบันของดิสนี่ย์นั่นเองที่มีดาวเด่นอย่างหนู ไมลี่ไซรัส แล้วก็แก๊งหน้าม่อ โจนัส บราเธอร์ อีกด้วย ไม่นับรวมพวก เดมี่ เซเลน่า อีก วุ่นวายตายชักมากๆ และเป็นรุ่นที่ไม่มีใครอยากจะนิยามชื่อรุ่นสักเท่าไหร่ ขนาดคนบ้าดิสนี่ย์ตัวจริงยังไม่อยากคิดชื่อเลยครับ
เริ่มต้นที่หนู Miley ดาวเด่นของรุ่นที่มาพร้อมกับซีรี่ย์ชื่อดังที่ดูยังไง๊ยังไงก็เหมือนลิซซี่ แมคไกวร์ภาคเหยินกว่า กับซี่รี่ย์ หันนา มันทนา ( Hannah Montana) ที่เรียกได้ว่ากลายเป็น Series Idol ต่อจากลิซซี่ ที่เด็กสาวคนไหนก็ฝันอยากเป็นกันเลยทีเดียว ทางด้านตัวเพลงยอมรับว่ารุ่นนี้เขยิบขึ้นมาจากการประสานระหว่างป๊อปบับเบิ้ลกัมและป๊อปร๊อคได้อย่างเต็มตัว มาเป็นเด็กสาวป๊อปร๊อคที่ชัดเจนและหนักหน่วงในดนตรีค่อนไปทางร๊อค
ผลงานเดี่ยวที่ไม่เอียวกับหันนา มันทนาครั้งแรกของหนูก็อัลบั้มล่าสุดนี้แหละ Breakout กับซิงเกิ้ลสุดจี๊ดไล่จิกแก๊งค์หน้าม่อ แต่สุดท้ายก็มิวายลงเอยไปบอกว่า สุดท้ายชั้นก็รักเธอนะเหมือนเดิม
อีกหนึ่งข้อที่ต่างจากเด็กดิสนี่ย์รุ่นที่ผ่านๆมาทั้งหมดคือ เสียงเด็กสาวดิสนี่ย์รุ่นนี้ ห้าวใหญ่กันเกือบหมดทุกคน เหมาะแก่การไปร๊อคจริงๆนั่นแหละ ซิงเกิ้ลนี้ประสบความสำเร็จที่สุดของเธอในแง่ของการตลาดครับ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้ไม่มานั่งพะงาบๆร้องเพลงใสๆ เดี๋ยวนี้แค่เห็นดนตรีร๊อคนิดหน่อยก็โยกแล้ว รึไม่จริง ? เพลงนี้ตีโจทย์แตกเรื่องการตลาดสุดๆครับ เอาชีวิตประจำวันวัยรุ่นมาเป็นเพลง เลิศ
มาต่อที่นางเอกซีรี่ย์ใหม่ เดมี่ครับ เห็นบอกว่าชอบร๊อค อยากไปหนักๆทางกรั้นจ์ สครีโมด้วยซ้ำ แต่กลัวหนักไป แต่เท่าที่ฟังแต่เบบี้ร๊อคพั้งค์หนูยังแทบจะไม่รอดเลยนะหนู ร้องออกมาป๊อปมาก แต่ยอมรับว่าเรื่องการวางเสียงการร้องและเทคนิคดีกว่าอีกนางหนึ่งมาก แต่ทางตลาดไม่ค่อยตอบรับสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะลักษณะลึกๆส่วนด้วยด้วยละมั้ง
แก๊งค์หน้าม่อทำงาน!!! โจนัส บราเธอร์ สาวติดสาวหลง พึ่งมาได้เล่นซี่รี่ย์เป็นเรื่องเป็นราวก็คราวนี้ หลังจากออกมาหลายอัลบั้มก็แป้กตลอด เพิ่งมาโด่งดังเอาเข้าจริงๆก็อัลบั้มที่แล้ว มาอัลบั้มนี้ก็อาศัยบารมีความดังต่อจากอัลบั้มที่แล้วขึ้นชาร์ตกันว่าเล่นทั้งตัดและตัดด้วยยอดไอทูน ทั้งๆที่เพลงออกมาไร้ชั้นเชิงอย่างแรงดังเช่นเพลงนี้ ถ้าไม่มีแรพย่วอ้วนดำมาช่วยนี่ เพลงจืดไปเยอะเลยนะเฮยๆทั้งหลาย
นางสุดท้ายที่ออกมาผลงานไม่ดีแต่แย่ครึ่งๆกลาง แต่ภาพลักษณ์ดีที่สุดคือแม่หฯุ Selena ที่ค่อยดูสมเป็นเด็กดิสนี่ย์หน่อย ประกอบกับหน้าตาที่เด็กเบบี้เฟซมากๆ แม้ว่าค่ายจะปั้นไปทางหนังแผ่น หนังซีรี่ย์มากกว่า แต่ก็ดูท่าว่าเธอจะพอไปรุ่งได้ในอนาคต เพลงที่ยกมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่รุ่นพี่ออริจินัลดิสนี่ย์เล่นไว้ครับ แต่มาในชื่อ Another Cinderella Story หลายๆคนดูเอ็ทมวีแล้วคงจะพอจับจุดสังเกตุผ้าใบของเธอได้นะครับ อิอิ
แม้ว่าผลงานเด็กดิสนี่ย์จะแปรปลี่ยนไปตตามยุคกระแสดยกาภิวัฒน์ แต่เพลงของพวกเขาเหล่านี้ก็ยังคงสร้างสีสันให้กับเด็กๆได้ตลอดครับ ผู้ใหญ่เวลามาฟังเพลงพวกนี้อาจจะคิดว่า "ยี้ นี่มันเพลงอะไรเนี่ย" หรือไม่ก็คิดว่าเป็นเพลงขยะบ้างแหละ แต่ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของพวกเขาคือ "เด็ก" ครับ การที่พวกเขาสามารถทำให้เด็กๆมาชื่นชอบเพลงของเขาได้คือประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว มิหนำซ้ำพวกผู้ใหญ่ก็ยังมาฟังทั้งพวกชอบไม่ชอบก็ยังฟัง เรียกได้ว่าบรรลุเป้าหมายสุดขีดเลยก็ว่าได้ครับ บางทีถ้าคุณเครียดหรือเบื่อจากเพลงผู้ใหญ่ ลองลดวัยตัวเอง มากระชากวัยกับเพลงสนุกๆของเด็กๆบ้างก็ไม่เสียหายอะไรมิใช่หรือครับ ? ลองเปิดใจดูสักนิด แล้วจะพบว่า ไม่ว่าดนตรีจะแบ่งแยกแบ่งประเภทแบ่งแยกแนวแบบไหน แต่ยังไง หน้าที่ของเพลงก็คือสร้างสีสันจรรโลงใจให้เราได้หมดแหละครับ ขึ้นอยู่กับว่า เรากล้าที่จะเปิดใจรับมันไว้รึเปล่าครับผม!!!
แก้ไขล่าสุดโดย paradizer เมื่อ Thu Oct 09, 2008 4:32 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________

April fighting! + angel Sojin�