ได้ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสความนิยมอย่างไม่มีวันหยุดหยั้ง และผู้คนก็ต่างพากัน
บริโภคในสิ่งที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดของโลกดนตรีก็พยายามที่จะปรับ
เปลี่ยนการตลาดให้เข้ากับยุคสมัยเช่นกัน การปรับเปลี่ยนของการจัดอันดับเพลง
ในแต่ล่ชาร์ตจะมีการปรับเปลี่ยนหรือ ความคาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สิ่งนั้น
ผมจะมองว่าเป็นส่วนน้อย เช่นเดียวกับชาร์ตเพลงที่มีให้เราได้รับรู้ความเคลื่อนไหว
กันอยู่ทั่วโลก แต่ถ้าหากพูดถึงชาร์ตตามบ้านเราแล้วคงหามาตรฐานมาวัดกันยาก
- วันนี้ผมมีสถิติของศิลปินมาฝากกันครับ กับผลงานของศิลปินที่สามารถโค่นเพลง
อันดับที่ 1 ของตัวเองลงได้ เป็นสถิติที่ผมรวบรวมมาเองนะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาด
ขาดเกิน สมาชิกในบอร์ดสามารถเพิ่มเติมได้ครับ

2008
- คลิปฟอร์ด แฮร์ริส หนุ่มแร็พเพอร์วัย 28 ปีที่ก้าวย่างเข้าสู่เส้นทางการร้องเพลง
ด้วยคำแนะนำจาก โจนาธานซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานทั้งในเบื้องหน้าและเบื้องหลังของ
วงการเพลงตลาดมืด ตีตลาดแตกไปเรียบร้อยสำหรับอัลบั้มชุดลำดับที่ 6 paper trail
อัลบั้มที่ยังเต็มไปด้วยฝีมือ ฝีปากที่ร่วมแรงกันในนามของเพื่อนพ้อง ครั้งแรกที่ผม
ได้สัมผัสกับงานชิ้นแรกจาก paper trail มองเห็นความมืดมนทางด้านการตลาดมาก
แต่สิ่งที่ผิดหูผิดตาไปจากเดิมคือ เมโลดี้พ็อพมีให้เห็นแบบเจือจางมากขึ้น ซึ่งผสาน
กับจังหวะฮิพฮอพดิบๆดูลงตัวและเข้ากัน หลายบทเพลงจากอัลบั้มชุดนี้ที่ยังน่าสนใจ
มากกว่าเพลงเพ้อเจ้อฝันเฟื่อง ของสาวแรกรุ่นกับซุปเปอร์สตาร์ หรือจะเป็นเพลง
ที่มั่วได้ใจอย่างซิงเกิ้ลล่าสุด ที่ฟังยังไงก็ไม่วายที่จะร้องตามแบบมั่วๆ "Slide Show"
กับการทำงานร่วมกับศิลปินที่ผ่านเวทีแกรมมี่ย์ปี 2006-7 ทำให้เพลงดูมีมนต์ขลัง
สิ่งที่โดดเด่นคือ ไม่ว่าศิลปินคนนั้นจะมีพลังอันแรงกล้ามากแค่ไหนแต่เมื่อคุณการ
ร่วมงานศิลปินต้นขั้วยังคงเอกลัษณ์ของตัวเองอยู่ ผมเชื่อว่านั้นคือความล้มเหลว
ซึ่งแตกต่างจากบทเพลงของ john legend "whatever you like" เพลงดังที่สามารถ
ล้มสถิติการกระโดดขึ้นแชมป์ของ5 หนุ่มมารูนไฟล์ ได้เป็นผลสำหรับ และล่าสุดกับ
สถิติใหม่ที่หลายคนคงทราบกันแล้วกับ "live your life" แต่อีกหนึ่งความสำเร็จของ
ศิลปินนอกจากจะมีเพลงอันดับที่ 1 ถึงสองบทเพลงจากอัลบั้มเดียวกันแล้ว เขายัง
เป็นเจ้าของสถิติ ศิลปินที่สามารถโค่นเพลงของตัวเองลงได้จากอันดับที่ 1
Oct 14, 2008 - Whatever You Like, T.I.(2 weeks) *
Oct 18, 2008 - Live Your Life, T.I. Featuring Rihanna ๖1 Week)
T.I. ต้องบอกว่าความสำเร็จของศิลปินคนนี้เริ่มแพร่วงกว้างมากขึ้น king หรือแม้
แต่อัลบั้มที่คลอดก่อนกำหนดอย่าง T.I. vs T.I.P. ที่เสร็จออกมาจนบางทีดิบเกินไป
ถึงอย่างไรผมก็ยังชื่นชอบซาวด์ดนตรีลูกผสมของศิลปินคนนี้อยู่ดี ความหลากหลายของ
สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจ เขาเคยบอกกับนิตยสารพีเพิ่งชื่อดังว่า "การร้องเพลงแร็พ
บางทีก็ดูน่าเบื่อสำหรับผมนะ วันนี้อาจจะชอบใครจะรู้พรุ่งนี้ผมอาจจะลุกขึ้นมาร้อง
เพลงพ็อพ แล้วเต้นแบบบอยแบนด์เลยก็ได้ แต่ผมร้องเพลงด้วยความรักนี่สิ มันเลย
ทำให้ผมลืมยากจริงๆ" แต่เมื่อเทียบกับสองชุดแรก "I'm Serious", "Trap Muzik"
ผมถือว่าแนวดนตรี และการเติบโตของการนำลูกเล่นมาเพิ่มเติมใน Paper Trail
ค่อนข้างที่จะได้เปรียบมากกว่า 5 บทเพลงที่ผมชื่นชอบตัวศิลปินฮิพฮอพรายนี้ คือ
Best Singles from Album
1. Bring Things Poppin' (Do It)
2. Whatever You Like
3. You Know What It Is (feat. Wyclef Jean)
4. What You Know
5. Bring Em Out
Best Singles from Album appearances
1. My Love, Justin Timberlake Feat. T.I.
2. I'm A Flirt, R. Kelly Feat. T.I. & T-Pain
3. Soldier, Destiny's Child Feat. T.I.
4. Make It Rain, Fat Joe Feat. R.Kelly, T.I., Lil Wayne, Rick Ross...
5. Shoulder Lean, Young Dro Feat. T.I.
* Sep 20, 2008 - Whatever You Like, T.I.
Sep 27, 2008 - So What, P!nk
Oct 4, 2008 - Whatever You Like, T.I.
--------------------------------------------------

2004
- อัชเชอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่กำลังโลดแล่นบนเส้นทางที่เต็มประดาไปด้วย
ความสำเร็จ ตลอดระยะเกือบ 16 ปีที่ได้สัมผัสกับการร้องเพลงทำให้เขามีประสบการณ์
ในการทำงานเพลงมากขึ้น Confessions คือความสำเร็จที่ท่วมล้นจนเหนือศิลปินทุก
รายของปี 2004 ทาเมกะ สาวที่ครองหัวใจและเป็นเหมือนพลังอันเหนือทุกสิ่งที่ทำ
ให้เขาสรรสร้างบทเพลงอันยอดเยี่ยมออกมาสู่โสตประสาทของเรา ดนตรีของอัชเชอร์
ที่โดดเด่นคือการร้องแบบลากเสียงเอื้อน และดูชัดเจนในถ้อยการเรียบเรียงดนตรี
ความหลากหลายของ Confessions ไม่ได้ฉูดฉาดหลากสีเหมือนลูกกวาด แต่มันดู
มีเสน่ห์ของบทเพลงด้วยวาจาและภาษา และเครดิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับชุดก่อนๆ ก็ยัง
ไม่หนีจากดนตรีแนวเดิม My Way เต็มไปด้วยมุมมองของความรักวัยหนุ่มสาว
8701 อัลบั้มที่เกลื่อนไปด้วยคำอ้อนหวานๆ และซาวด์มิกซ์อิเล็กโปร หรือแม้แต่ชุด
หลังสุด Here I Stand ที่โปรยรักเหมือนกุหลาบสีเลือดและค่ำคืนที่ไร้ดาวก็ตาม
Feb 28, 2004 - Yeah!, Usher Feat. Ludacris & Lil Jon (12 Weeks)
May 22, 2004 - Burn, Usher (7 Weeks)
ตลอดระยะเวลากว่า 19 สัปดาห์ที่ชื่ออัชเชอร์สามารถครองใจชาวมะกันอย่างไร้ข้อกังขา
สองเพลงแรกที่ถูกพลักดันจนประสบความสำเร็จถือเป็นการครองอันดับที่ 1 ด้วย
ชื่อของศิลปินที่มีชื่อว่า Usher นานที่สุดตลอดกาล แต่สถิติในสัปดาห์ที่ 20 ศิลปิน
หน้าใหม่ที่เพิ่งขึ้นโชว์พลังเสียงเรียกคะแนนโหวตสูงกว่า 65 ล้านแต้มอย่างสาวเสียง
แหลมแนวอาร์แอนด์บีจัดจ้าน Fantasia สาวที่ชะนะเลิศจากเวทีอเมริกัน ไอดอล
เวทีพิสูจน์ความสามารถทางด้านเสียงร้อง หากแต่ใช่มาเต้นกินรำกินแล้วทำตัวเฟ็ค
ใส่หน้ากล้องเหมือนบางเวทีในบ้านเรา นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้อัชเชอร์
เคยให้สัมภาษณ์สำหรับการชมรายการ Reality Show นี้ว่า "ผมไม่เคยดูมันเลย"
July 17, 2004 - Burn, Usher (1 Week)
July 24, 2004 - Confession Part 2, Uhser (2 Weeks)
แต่การกลับมาสานต่อความสำเร็จก็ไม่สาย จึงทำให้สถิตินี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
เป็นหนที่ 2ใน 1 ปีถือเป็นความสำเร็จที่ทางบิลบอร์ดต้องจดจำตราบนานเท่านาน
กับการทะยานสู่อันดับที่ 1 ของบทเพลงลำดับที่ 3 ภาคดนตรีของอัชเชอร์ยังคงเต็ม
ไปด้วยลูกเล่นของซาวด์ฮิพฮอพ อาร์แอนด์บี ที่มีความลงตัวของจังหวะ ถึงแม้อัลบั้ม
ชุดล่าสุดจะถูกศิลปินรุ่นใหม่มาตีตลาดเยอะ แต่เขาก็คืออีกหนึ่งศิลปินที่ยังมีเครดิตร
ดีสำหรับตลาดเพลงฮิพฮอพ อาร์แอนด์บีเสมอ
Best Singles from Album
1. Nice & Slow
2. Love In This Club Part 2 (feat. Lil Wayne & Beyonce)
3. Yeah! (feat. Ludacris & Lil Jon)
4. U Got It Bad
5. You Make Me Wanna
Best Singles from Album appearances
1. Lover & Friends, Lil Jon Feat. Usher & Ludacris
2. I Need A Girl, P. Diddy Feat. Usher & Loon
3. Same Girl, R. Kelly Feat. Usher
4. If I Ain't Got You (remix), Alicia Keys Feat. Usher
5. Let's Straighten It Out, Monica Feat. Usher
* รีวิว Here I Stand
http://www.forwardmag.com/webboard/topic-37457.html
--------------------------------------------

2002
- คอร์เนล เฮเนส เจอาร์ หรือ เนลลี่ นักร้องฮิพฮอพผิวสีรายนี้เริ่มเจิดจรัสบน
เส้นทางดนตรีในยุค 2000 ก็ยังถือว่าใหม่สำหรับวงการเพลงแต่ความสำเร็จของ
เขาเร็วเกินคาดจริงๆ ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินฮิพฮอพ ที่ทรงอิทธิพลของยุค 2000
บนนิยสารบิลบอร์ดไปเรียบร้อย การทำงานในสตูดิโออัลบั้มตลอดทั้ง 5 ชุด ซึ่งผม
จะพยายามแยก Sweat/ Suit ออกจากกัน ถึงแม้แนวเพลงจะไม่ได้แตกต่างกัน
ซะทีเดียว Nellyville อัลบั้มลำดับที่สองที่ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงอิทธิพลของดนตรี
ในยุค 2000 มากขึ้นกับกระแสเพลงฮิพฮอพ อัลบั้มที่นอกจากจะเต็มไปด้วยแรง
บันดาลใจจากทำงาน ผู้ร่วมงาน ฮิพฮอพดิบและฟังดูสะใจแล้ว ความยอดเยี่ยม
ของ Nellyville หากใช่มีเพลงอันดับที่ 1 แค่นั้น แต่มันยังเป็นอัลบั้มที่ทำให้ผม
ยอมเปิดใจรับดนตรีบีท อิเล็กโทรหนักๆ ของจังหวะแนวนี้เข้ามาด้วย ผมรู้จัก
ศิลปินรายนี้ตั้งแต่การทำงานในชุดแรกเลย Country Grammar อัลบั้มเพลงที่มี
ยอดขายดีมากๆสำหรับแนวฮิพฮอพ ซาวด์โดยรวมของ Nelly เล่นหนักด้วยการ
โชว์ฝีปากแร็พ และท่อนเด็ดในแต่ละเพลงทำให้เพลงติดหูได้ง่าย Brass Knuckles
อัลบั้มชุดล่าสุดที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2007 ทำให้คนที่รอแล้ว รออีกหันไปสู่
ศิลปินรายอื่น ทำให้ความนิยมในตัว Nelly ซาลงเยอะเมื่อเทียบกับยุคแรกๆ อีกทั้ง
การทำงานในชุดนี้ดูจืดๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย เมื่อเทียบกับ Suit แล้วดูด้อยไปเลย
พูดถึง Suit แล้วผมขอชื่นชมการทำงานของ Nelly กับ Tim McGraw หน่อยครับ
เนื่องจากเป็นการทำงานที่สุดขั้วจริงๆ แต่ลงตัวมากที่สุดสำหรับการผสานของสองศิลปิน
หรือแม้แต่การนำ sample เพลงดังของ Spandua Ballet มาใส่ไว้ใน N Dey Say
ก็ทำให้เพลงดูน่ารักมากกว่าการทำงานของ P.M. Down เสียอีก
June 29, 2002 - Hot In Herre, Nelly (7 Weeks)
Aug 27, 2002 - Dilemma, Nelly Feat. Kelly Rowland (7 Weeks)*
จากเพลงสนุกจังหวะมันส์ลืมฟอร์สู่เพลงจีบกันที่ เฉยมากที่สุดในโลก กับการทำงาน
ร่วมกับหนึ่งในสมาชิกวง Destiny's Child ทำให้สถิติของ Nelly ก็ถูกจดจำไม่ต่างจาก
ศิลปินฮิพฮอพรุ่นพี่อย่างอัชเชอร์ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองเพลงมาจากการทำงานใน
อัลบั้มหนึ่งอัลบั้ม และก็ยังเป็นอีกหนึ่งปีที่ Nelly ไม่คอยจะถูกชะตากับรายการประกวด
ค้นหาดาวมาประดับวงการของเมืองมะกันเลยเช่นกัน เพราะแทนที่เขาจะได้อันดับที่ 1
แบบนันสต๊อปฮิตยาวถึง 12 สัปดาห์กับ Dilemma ที่โดนเพลงของไคลี่ คลากสัน ขั้น
ถึงสองสัปดาห์ด้วยกันก่อนที่จะกลับขึ้นมาครองอันดับที่ 1 อีก 3 สัปดาห์
Best Singles from Album
1. Over and Over (feat. Tim McGraw)
2. Ride Wit Me (feat. City Spud)
3. N Dey Say
4. Grillz (feat. Paul Wall, Ali & Gipp & Brandi Williams)
5. Air Force Ones (feat. Kyjuan, Murphy Lee & Ali)
Best Singles from Album appearances
1. Shake Ya Tailfeather, P. Diddy Feat. Nelly& Murphy Lee)
(Bad Boy Soundtrack)
2. Nasty Girl, Notorious B.I.G. feat. P. Diddy, Jagged Edge,
Nelly, & Avery Storm
3. Call on Me, Janet Feat. Nelly
4. Get It Poppin', Fat Joe feat. Nelly
5. Girlfriend, 'n Sync Feat. Nelly
*
Sep 28, 2002 -Dilemma, Nelly feat. Kelly Rowland
Oct 5, 2002 - A Moment Like This, Kelly Clarkson
Oct 12, 2002 -A Moment Like This, Kelly Clarkson
Oct 19, 2002 - Dilemma, Nelly feat. Kelly Rowland
--------------------------------------------

2002
-สามรายข้างต้นที่ผมกล่าวถึง ล้วนแล้วแต่เป็นการทำงานในอัลบั้มชุดเดียวกันทั้งนั้น
แต่ศิลปินรายนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถิติที่เราควรจะจดจำไว้เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นการ
ทำงานต่างอัลบั้ม และยังเป็นการร่วมงานกับศิลปินอีกอีกด้วย ผมกำลังพูดถึง Ja Rule
ในยุคหลังๆ ศิลปินรายนี้เริ่มหดหายเข้าสู่กลีบเมฆแล้ว เนื่องจากประสบปัญหาทางด้าน
การทำงานธุรกิจส่วนตัว และอีกทั้งแฟนสาวก็นอกใจอีกเลยทำให้การทำเพลงค่อนข้าง
หมดทางตัน สมองไม่ทำงาน และอีกอย่างศิลปินรุ่นใหม่ๆ ก็มาตีตลาดกันเยอะ ถ้าจะ
เปรียบความโด่งดังของ Ja Rule เมื่อ 5-6 ปีก่อนก็จะประมาณ Lil' Wayne, T-Pain
ในสมัยนี้แหละครับ ที่ถูกดึงไปร่วมงานเยอะมาก และมีเพลงฮิตเกลื่อนชาร์ตเลย
"Rule 3:36" อัลบั้มที่ดูดิบเถื่อนได้ใจสมกับรายนามที่ร่วมทำงาน หรือจะเป็นอัลบั้ม
ระบายอารมณ์รักสู่เมโลดี้ฮิพฮอพ ก็ดูมีเสน่ห์กับแขกผู้ร่วมงานเช่นกัน เดิมทีแล้ว
The Mirror อัลบั้มชุดหลังสุดแทบจะไม่มีกำหนดคลอดด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากการผลักดัน
ของศิลปินทางต้นสังกัดที่พยายามผลักชื่อของ Ja Rule สู่ตลาดเลยทำให้อัลบั้มชุดนี้
คลอดได้ก็จริงแต่กับผลตอบรับทางการตลาดจะบวกหรือลบ ก็ยังรอพิสูจน์อยู่ ซึ่งอาจจะ
ไม่ต่างอะไรเลยจาก Nelly พูดค้างกันไว้กับ Pain Is Love อัลบั้มที่เปี่ยมไปด้วยแขก
ผู้ร่วมงานและที่เด่นๆ คือ Ashanti, Case, Charlie Baltimore รวมไปถึง
Missy Elliott ซึ่งศิลปินรายนี้ก็ต่างถูกจับตามอง จากนักแต่งเพลงโปรดิวเซอร์เช่นกัน
ถึงความร้อนแรงของการทำงานเพลง กับแนวดนตรีฮิพฮอพ เน้นจังหวะสนุกทั้งอัลบั้ม
Feb 23, 2002 - Always on Time, Ja Rule Feat. Ashanti (2 Weeks)
Mar 9, 2002 - Ain't It Funny, Jennifer Lopez Feat. Ja Rule (6 Weeks)
ปี 2002 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่มีเพลงขึ้นอันดับที่ 1 ของบิลบอร์ดน้อยมากหากไม่นับ
เพลงอันดับที่ 1 ข้ามปีของ Nickelback และเพลงที่เคยขึ้นมาแล้วของ Usherและเป็น
อีก 1 ปีที่มีศิลปินหน้าเดิมๆ หอบเพลงดังขึ้นชาร์ตน้อยเช่นกัน Ja Rule, Ashanti,
Nelly,Kelly Clarkson, Kelly Rowland, Eminem และ Jennifer Lopez กับบทเพลง
ที่ทำให้ Ja Rule มีอันดับที่ 1 เพลงแรกร่วมกับ Ashanti สาวหน้าใหม่ เหมือน
เป็นใบเปิดทางที่สวยงามให้กับ Ashanti ด้วยเช่นกันสำหรับการลุยงานเพลงชุดแรก
อีกเพลงเป็นการทำานร่วมกับสาวเจโล ภาคต่อจาก Im Real เพลงที่ฆ่ากันไม่ลงกับ
อลิซ่าส์ คีย์ เมื่อปีก่อน นั้นก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ สัปดาห์ที่บิลบอร์ด อึ้งกิมกี่เลย
ทีเดียว อัลบั้มรีมิกส์ที่มียอดขายดีที่สุดในโลกของเจโล ที่นำเพลงเก่าจาก Play
มามิกซ์ใหม่ดูไฉไลกว่าเดิม ประดาไปด้วยศิลปินมากหน้าหลายตา
Best Singles from Album
1. Mesmerize (feat. Ashanti)
2. Always on Time (feat. Ashanti)
3. Wonderful (feat. R. Kelly & Ashanti)
4. Put It on Me (feat. Lil Mo & Vita)
5. Holla Holla
Best Singles from Album appearances
1. I'm Real, Jennifer Lopez Feat. Ja Rule
2. Down 4 U, Irv Gotti feat. Ashanti, Ja Rule, Charli Baltimore, & Vita
3. Been Around the World, R.Kelly Feat. Ja Rule
4. Ain't It Funny, Jennifer Lopez Feat. Ja Rule
5. Can I Get A..., Jay-Z Feat. Amil & Ja Rule
-----------------------------------------------------

1997
- Puff Daddy ผมขอสดุดี ชื่อแรกเริ่มที่เขาเข้าวงการของศิลปินรายนี้ด้วยความภูมิใจยิ่ง
การปรับเปลี่ยนชื่อของศิลปินรายนี้เคยตั้งคำถามสำหรับนักฟังเพลงเอง ว่าเพื่ออะไร ?
แต่นั้นก็ยังเป็นคำตอบที่ทุกคนล้วนเห็นตรงกันว่า ไร้สาระสิ้นดี ยุคสมัยของการทำงาน
เพลง 1990-1999 ศิลปินฮิพฮอพเริ่มมีบทบาทมากขึ้นต่อตลาดเพลง หากยุคเริ่มแรก
MC Hammer คือราชาเพลงฮิพฮอพในต้นยุค 90's ผมเชื่อว่านี่คือ MC Hammer
ในช่วงปลายยุค 90's เช่นกัน พัพท์ แดดดี้ ศิลปินที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์
เพราะทุกอย่างช่างลงตัวกับการทำงานเพลงฮิพฮอพมาก ถึงแม้จะเป็นการทำงานร่วม
กับBad Boy Family ก็ดี หรือการทำงานร่วมกับศิลปินลูกรักใน Uptown Rec. ก็ไม่
ทำให้ศิลปินที่เขาสรรสร้างขึ้นสู่ตลาดมืดมนเสียทีเดียว 1997 เป็นอีกหนึ่งปีที่ทำให้วงการ
เพลงทั่วโลกตกตะลึงกับการจากไปของ The Notorious B.I.G. ศิลปินฮิพฮอพสามี
คนเก่งของ Faith Evans เพื่อนพ้องในวงการเพลงเลยต่างพากันออกผลงานเพลง
มาไว้อาลัย No Way Out อีกหนึ่งผลงานที่ถูกตราบันทึกว่าเป็นงานอัลบั้มฮิพฮอพ
ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดอีกหนึ่งอัลบั้ม กับการทำงานของหัวหอกเพื่อนซี้ Puff Daddy
และเพื่อนพ้องในค่าย Bad Boy Rec. สีสันเต็มไปด้วยเพลงว่าด้วยการจากลา
และรักที่ไม่มีวันสลาย แต่การเฉลยความจริงของ puff daddy ถึงผลงานชิ้นนี้เขา
ได้บอกกับสื่อต่างๆว่า
"นี่ไม่ใช่ผลงานอัลบั้มที่สดุดี The Notorious B.I.G. แต่มันคืออีกหนึ่งอัลบั้มของเขาเลย"
Aug 23, 1997 - I'll Be Missing You, Puff Daddy & Faith Evans Feat. 112
Aug 30, 1997 - No Money No Problems, The Notorious B.I.G. Feat.
Puff Daddy & Mase
บทเพลงไว้อาลัยที่นำSample งานเพลงอมตะของ The Police มาใส่ไว้ ลงตัวด้วยเนื้อ
หาและท่วงทำนองเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักเป็นอย่างดี อีกบทเพลงถึงแม้จะไม่ได้มาจากอัลบั้ม
ของตัวเองแต่เป็นแค่การร่วมงานกับคนตาย ก็ยังติดเครดิตรสำหรับการร่วมงานมาด้วย
ก็ถือว่ามาแบบเดียวกับJa Rule เพลงที่มีท่อนฮุควกไปวนมา และเป็นอีกเพลงที่นำเอา
Sample ของศิลปินรุ่นใหญ่ Diana Ross มาใส่ไว้ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์
ของการจัดอันดับเพลงบิลบอร์ด ที่มีเพลงมาจากศิลปินคนเดียวกันโค่นเพลงตัวเองได้
แล้วยังเป็นการโค่นเพลงที่ร้องให้กับตัวเองด้วย(B.I.G.) และยังเป็นการโค่นเพลงที่
นำเอา Sample ของบทศิลปินอื่นมาทำด้วย กับ 3 สถิติที่ทำให้ชื่อของ Puff Daddy
และราชาเพลงฮิพฮอพพ่อใหญ่ค่าย Bad Boy อย่าง The Notorious B.I.G. เพลง
จังหวะน่าฟังมากทีเดียว กับเสียงสาวน้อยที่คร่ำครวญหาเงินตรามาบำเรอตัวเอง
และการทำงานในอัลบั้มหลังความตายของราชาเพลงฮิพฮอพ ก็ยังมีศิลปินลูกรัก
จากค่ายตบท้ายกันมาสดุดีเช่นเคย
Best Singles from Album
1. I'll Be missing You (feat. Faith Evans & 112)
2. I Need A Girl Part 1 (feat. Usher & Loon)
3. Come With Me (feat. Jimmy Page)
4. Can't Nobody Hold Me Down (feat. Mase)
5. Last Night (feat. Keyshia Cole)
Best Singles from Album appearances
1. I Don't Wanna Know, Mario Winans feat. P. Diddy
2. All Night Long, Faith Evans Feat. Puff Daddy
3. Bump, Bump, Bump, B2K Feat. P.Diddy
4. Shake Ya Tailfeather, (Murphy Lee feat. Nelly & P. Diddy) Bad Boy OST.
5. Trade It All, Pt. 2, Fabolous feat. P. Diddy & Jagged Edge
--------------------------------------------------------

1994
- เรายังอยู่ที่ยุคของศิลปินผิวสีกำลังรุ่งเรือง ผ่านข้ามศิลปินเดี่ยวมาแล้ว คราวนี้มาถึง
คิวของศิลปินกลุ่มกันบ้าง เป็นศิลปินบอยแบนด์แนวเพลงอาร์แอนด์บี บัลลาดหวานๆ
ที่พกงานเพลงประสานเสียงที่เป็นหนึ่งกลมเกลียวกันมาก 1988 กับการรวมตัวกันของ
ศิลปินทั้ง 5 ชิวิตภายใต้การทำงานของ Motown Rec. ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการเพลง
อาร์ แอนด์ บี ที่ปลุกปั้นศิลปินให้โด่งดังคับฟ้ามาแล้ว แต่พอจะมีปลงานชุดแรก
แน่นอนว่าการทำงานเป็นทีมย่อมมีแตกหัก มีความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันบ้างเลยเป็น
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Marc Nelson ออกไปทำงานชุดเดี่ยว หนุ่มมาร์ค เนลสันก็ถูก
ทางบิลบอร์ดตราหน้าด้วยว่าเป็นศิลปินที่มีเพลงฮิตแค่เพลงเดียวคือ 15 Minutes
แต่เขาก็ยังทำงานร่วมงานกับศิลปินมากหน้าหลายตาเช่นกัน เลยทำให้การทำงานของ
Boyz II Men เหลือแค่ 4 ชีวิต "CooleyHighHarmony" อัลบั้มชุดแรกที่คลอดออกมา
ภายใต้คอนเซ็ป อัลบั้มที่ว่า การประสานเสียงเป็นเริ่ด เราก็รุ่งแล้ว การทำงานกับ
Motown ที่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยเพลงบัลลาดหวานๆ ทำให้แฟนเพลงทั่วโลกตอบรับเป็น
อย่างดีทีเดียว End of the Road บทเพลงแรกที่สามารถยืนแท่นอย่างยาวนานและ
อีกหลายบทเพลงที่มาในแนวเพลงบัลลาดหวานๆ ของนักแต่งเพลงโปรดิวเซอร์จากวง
บัลลาดรุ่นพี่ New Edition สานต่อด้วยความสำเร็จของ "II" อัลบั้มที่พีคสุดขีดกับยอด
ขายหรือแม้แต่อันดับเพลงต่างๆ ทั่วโลกก็ดี แน่นอนว่าทุกสื่อจับตามองการทำงานของ
พวกเขาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ผิดหวังมีเพลงรัก บัลลาดหวานๆ โชว์เสียงร้องการประสาน
เสียงที่โดดเด่นมากที่สุดในขณะนั้นเลยทีเดียว
Nov 26, 1994- I'll Make love To You, Boyz II Men (14 Weeks)
Dec 3, 1994 - On Bended Knee, Boyz II Men (2 weeks)*
เพลงรักหวานจับใจยังคงขายดีสำหรับแนวบัลลาดประสานเสียง ตามที่จริงแล้วเพลง
On Bended Knee อยู่อันดับที่ 1 ถึง 6 สัปดาห์ด้วยกันข้ามมาถึง 1995 ด้วย
แต่เนื่องจากว่า อีก 2 สัปดาห์ถัดมาโดนศิลปินจากประเทศจาไมกา มาหยิบไป 2
สัปดาห์กับเพลง Here Comes the Hotstepper ซึ่งการแย่งชิงอันดับเพลงบนชาร์ต
จะดูมีสีสันและสนุกมาก หากมีการแย่งชิงกันไปมา แต่กรณีแบบนี้ถ้าจะให้ไล่แล้ว
ก็คงหนักเหมือนกัน เพราะมีหลายบทเพลง หลายศิลปินมากที่ทำได้
Best Singles fron Album
1. A Song for Mama
2. 4 Seasons of Loneliness
3. It's So Hard to Say Goodbye to Yesterday
4. End of the Road
5. Water Runs Cry
-------------------------------------------------------
ทุกศิลปินที่กล่าวมาส่วนใหญ่แล้ว เป็นศิลปินผิวสีทั้งนั้นเลยที่สามารถทำได้ กับสถิติที่ผม
ลองนึกขึ้นมากับการโค่นแชมป์เก่าที่เป็นเพลงของตังเองลงได้ จะเป็นการร่วมงานกัน
หรือเป็นเพลงพิเศษจากอัลบั้มชุดไหนก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วมาถึงศิลปินอีกรายที่ผมเชื่อ
ว่าน้อยคนนักจะไม่รู้จักกับวงระดับตำนานที่ทั่วโลกให้เป็นตำนานสำหรับงานเพลงของจริง

1964
- ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกกาลเวลาลืมเลือนไป แต่โลกแห่งเสียงเพลงมิเคยลืมวงดนตรี
ระดับตำนานวงสี่เต่าทองนี้เลย เพราะความสำเร็จที่ถูกจดจำมาจนถึงรุ่นลูกหลาน 1964
เป็นปีที่เกิดอะไรหลายๆ อย่างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวทีรายการ Top of the Pop ก็เกิด
ขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ John Lennon ออกหนังสือเล่มแรก In His Own Writes
The Beatles ลงนิตยสารเพลง Billboard Magazine ครั้งแรก และ
I Want To Hold Your Hand บทเพลงที่ขายดีที่สุดของวง และบทเพลงแรกของ
วงบนชาร์ตอันดับที่ 1 แต่ผมว่าถ้าจะมานั่งนับสถิติคงยาวเยียดไม่หมดสิ้น
สถิติที่เราพูดถึง The Beatles ก็ยังคงเป็นศิลปินที่ทำได้ดีที่สุด โดยการทำติดต่อ
กันถึง 3 บทเพลง ซึ่งเมื่อดูแล้วยังไม่มีศิลปินรายไหนทำได้เลย แต่ทั้ง 3 บทเพลง
นั้นไม่ได้มาจากอัลบั้มชุดเดียวกันทั้งหมด
February 1, 1964 - I Want to Hold Your Hand, The Beatles (7 Weeks)
March 21, 1964 - She Loves You, The Beatles (2 Weeks)
April 4, 1964 - Can't Buy Me Love, The Beatles (5 Weeks)
Best Singles from Album
1. Hey Jude
2. Let It Be
3. All My Loving
4. Yesterday
5. Yellow Submarine
นี่คือสถิติของศิลปินรายเดียวในโลก ที่สามารถทำได้กับการสานต่อเพลงอันดับที่ 1 บน
ชาร์ตดัง Billboard Hot 100 หากข้อมูลผิดหลาพหรือขาดตกบกพร่อง สมาชิกในบอร์ด
ทุกท่านสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดได้นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย CarrieUnderwood เมื่อ Sun Oct 12, 2008 12:36 am, ทั้งหมด 9 ครั้ง