ความหลากหลายของวงการดนตรีปัจจุบันแทบจะบอกได้ว่า ล้นตลาดมาก
ศิลปินแล้วศิลปินเล่าต่างพากันทะยอยออกผลงานมาสู่ตลาดกัน มีทั้งยอดเยี่ยม
ทั้งด้านการทำงาน หรือแม้แต่ทำออกมาให้ชื่อเสียงของตัวเองยังอยู่ในวงการก็ตาม
แต่ วันนี้มีโอกาส สักทีที่จะทำรีวิว 25 บทเพลงของศิลปินหญิงกับอีกหนึ่งกระแส
แนวเพลงที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านเรามากขึ้น R&B/HipHop ที่คลอดในยุคนี้
คือนับตั้งแต่ปี 2000-2008 และก็จะตามทะยอยมาอีก แต่ล่ะยุคสมัยอีก
25. Oh!, Ciara feat. Ludacris (2004)
- เด็กปั้นจากสังกัด Laface Rec. ที่ผันตัวเองจากการเป็นนางแบบบนแคทวอทซ์
สู่การทำงานที่ตัวเองรักอีกหนึ่งอาชีพ Ciara สาวสวยที่ไม่ได้มาจากความเพียบพร้อม
ที่อยากจะเข้าสู่การเป็นนักร้อง แต่สิ่งหนึ่งที่คนสร้างมองเห็นความสามารถของเธอนอก
จากความมุ่งมั่นแล้ว คือการเต้น... Oh! เพลงจังหวะเน้นบีทที่ทำให้ผมลืมเพลงดังใน
อัลบั้มของเธอไปสนิท อีกทั้งกับการได้ร่วมงานกับแร็พเพอร์มือดี ที่ลงตัวด้วยการแร็พ
ทำให้เพลงลูกผสม ระหว่างดนตรีอาร์แอนด์บีร่วมสมัย ทั้งยังมีเสน่ห์ไปด้วยกลิ่นไอของ
การแร็พจาก Ludacris ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ดีที่สุดของ Ciara! เลย
24. U Should've Know Better, Monica (2005)
- อาร์แอนด์บี บัลลาดหวานที่สาวโมนิก้าเธอลงมือระบายอารมณ์จากเรื่องราวความจริง
กับชายหนุ่มผู้ที่ทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย ถ้าจะเทียบบทเพลงที่ดีที่สุดของเธอในช่วง
ยุคสมัยที่รุ่งเรืองจากสาววัยแรกแย้ม แล้วถือว่านี่คืออีกผลงานที่น่าพูดถึง แม้ว่าการทำ
งานในยุคหลังๆ มากระแสความนิยมในตัวเธอจะลดลงไปเยอะ เนื่องจากแฟนคลับปัน
ใจไปให้ศิลปินท่านอื่นกันมาก ผมเชื่อว่าการทำงานของเธอดูมีความหลากหลายมากขึ้น
ไม่ได้เอาดนตรีสองสามชิ้นมา เรโทแล้วมิกซ์ใส่เพลงยัดลงอัลบั้มเหมือนเมื่อก่อน เช่น
เพลงที่ผมจัดให้อยู่ในอันดับนี้ด้วย เครื่องสายของเมโลดี้ดูหลากหลาย การร้องเพลง
มีสูงต่ำ กลิ่นของเสียงกีต้าร์ร่วมสมัย ดูลงตัวกับเสียงโอดครวญปนเศร้าของเธอมากๆ
แนะนำให้ฟัง U Got It Bad ของ Usher ต่อกันเลยครับ
23. Disrespectful, Chaka Khan feat. Mary J. Blige (2007)
- ถ้าจะบอกว่า 25 บทเพลงจากศิลปินหญิงอาร์แอนด์บีในยุค 80's ผมคงต้องบันทึกอีก
หนึ่งบทเพลงของสาวร่างใหญ่ใจนักรบคนนี้ลงอีกรอบหนึ่ง "I Feel For You" เพลงที่
ไม่ได้มีแค่บีทดนตรีสนุกสนานแต่ยังเป็นบทเพลงที่ล้ำค่ามากที่สุดของเธอด้วยเช่นกัน
หายหน้าไปจากวงการนานนับ 10 กว่าปีได้ เธอก็ยังกลับมาพร้อมงานดนตรีที่ยอดเยี่ยม
เช่นเคย Funk This ประกาศชัยชนะบนเวทีแกรมมี่ย์มาแล้วและเพลงนี้ก็เช่นกัน
นับได้ว่าเป็นใบประกาศสำหรับอัลบั้มชุดนี้ที่การันตรีความยอดเยี่ยม บางบทเพลงที่เธอ
หยิบมาทำใหม่ก็ดูแปลกไปจากเดิม แต่ก็ยังคงความคลาสสิคของบทเพลงเหล่านั้นไว้ได้
ดีทีเดียว "Disrespectful" เจ้าแม่ Funk กลับมาทั้งทีเธอทำให้เราหวนคิดถึงยุคดนตรี
ของ Funk กำลังตีตลาดได้ดีทีเดียว เสียงกึกก้องที่ประสานกันระหว่างศิลปินรุ่นน้อง
เป็นเสน่ห์ของเพลง ดูแข็งกร้าวแต่ครบเครื่องกระบวนท่าด้วย กลองที่รัวใส่เมโลดี้ของ
ดนตรี Funk ยังมีอีกหลายบทเพลงที่น่าสนใจจากอัลบั้มชุดนี้เช่น Angel,
และ One For All Time
22. Milkshake, Kelis (2003)
- หลายคนมองความดีเด่นของเพลงนี้ที่ มิวสิควีดีโอ แต่ผมว่านั้นก็เป็นแค่องค์ประกอบ
ที่ไม่ได้นำมาใช้ในการวัดเลย Kelis สาวร่างเล็กนางนี้ผมรู้จักเธอ สมัยที่เธอไปโด่งดัง
บนเกาะอังกฤษ เห็นเธอไปร่ายรำส่ายระบำ Cuaght Out There บนเวทีของ BBC
สมัยมีผลงานชุดแรกเลย "Milkshake" เพลงสนุกเน้นบีทหนักๆ ที่ลงตัวทุกอย่าง
กับผลงานการสรรสร้างของ The Neptunes ที่เต็มไปด้วยเพลงเก๋ๆ ทั้งอัลบั้มเช่นกัน
21. When i See You, Macy Gray (2003)
- จำเพลงดังปลายยุค 90's กันได้อยู่ใช่ไหมครับ วันนี้ผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปีศิลปิน
คนนี้ก็เป็นอีกรายที่ถูกนิตยสาร BB บันทึกไว้ว่าเป็น One Hit Wonder อีกรายจาก
เพลง "I Try" การเปิดตัวของเธอเมื่อ 10 ปีก่อนค่อนข้างได้รับความสนใจจากนักฟัง
เพลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากความแปลกใหม่ทั้งเสียงร้องและการแต่งกาย พอเข้าสู่
ยุคใหม่ ผู้บริโภคอาจจะอยากเห็นสิ่งที่แปลกใหม่จากตัวเธอบ้าง แต่เธอก็ยังมืดมน
มาจนถึงทุกวันนี้ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แฟนๆลดกระแสความนิยมในตัวเธอ
ซึ่งจะไม่พยายามมองว่าเธอไม่มีเวลามาทำงานเพลง มากกว่าการเดินแบบบนเวทีดังๆ
""When I See You" เพลงอาร์แอนด์บี กลิ่นพ็อพ Funk มีเสน่ห์ด้วยเสียงร้อง
อาจจะดูไม่แตกต่างจากเพลงดัง I Try ผมก็ให้เครดิตเธอสำหรับความมืดมนที่ทำ
I Try ในเวอร์ชั่น Remix ก็แล้วกัน
20. Afrodisiac, Brandy (2004)
- การเติบโตขึ้นมาท่วมกลางเสียงดนตรีที่รายล้อม แน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อการผลักดัน
ตัวเองเข้าสู่วงการเพลงได้ง่ายขึ้น แบรนดี้ นอร์วู๊ด สาวผิวสีหน้าแปลกตาคมเข้มรายนี้
ก้าวเข้าสู่วงการเพลงตั้งแต่วัยแค่ 14 ขวบ กับการได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์มือทอง
ที่สามารถปลุกปั้นเธอให้มาโลดแล่นบนเส้นทางนี้ด้วยความเจิดจรัส
"Afrodisiac" ผลงานเพลงในอัลบั้มชุดหลังสุด ที่ดูจะด้วยกว่าเพลงอื่นทางด้านการตลาด
เดิมทีผมเลือก Full Moon มาเป็นแทร็คเด่น แต่เลือกไปเลือกมาเพลงนั้นก็หลุดไป
จาก List ใน 25 อันดับเฉยเลย ซึ่งเพลงนี้ความโดดเด่นก็ยังอยู่การเล่นซาวด์ ที่ดู
หลากหลาย บางทีฟังแล้วยังนึกถึง Full Moon หรือแม้แต่ What About Us เลย
เพราะซาวด์ดนตรีไม่ทิ้งห่างกันมาก แต่ก็ต้องเลือกแค่ 1 เลยหยิบเพลงนี้ขึ้นมา
รายละเอียดของซาวด์เยอะมาก ตัวโน๊ตในเพลงก็ต้องร้องขึ้นโทนสูงตลอด เพิ่มลูกเล่น
ด้วยการใส่ซาวด์โพรแกรมมิ่งสังเคราะห์ความเป็นพ็อพลงไป รวมไปถึงการเล่นบีท
จังหวะก็มีให้เห็นมาตั้งแต่การทำงานในชุดแรกๆ แล้วอย่าง Top of The World หรือ
จะเป็นเพลงจากหนัง Exhale to Waiting ที่เธอถ่ายทอดไว้ก็ไม่น้อยหน้าพวกป้าๆ
เลย ซึ่งการทำงานของเธอ ถือว่ามีจุดยืนที่แน่นมาก เมื่อเทียบกับศิลปินรายอื่นๆ
ถึงแม้การตลาดจะซาลงในยุคหลังๆมาก็ตาม แต่หลายเพลงที่ถูกซ่อนไว้จากผู้หญิงคนนี้
ยังน่าฟังเสมอ
19. When I See You, Fantasia (2007)
- ความสำเร็จหลังจากที่ขึ้นรับราวัลใหญ่บนเวทีอเมริกัน ไอดอล ทำให้ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่
การทำงานที่จริงจังมากขึ้น จากเดิมที่เคยร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ ที่ดูจะไร้จุดหมาย
แฟนเทเซีย สาวเสียงสูงมากอีกหนึ่งคน ที่ทำให้ดนตรีของโซลเริ่มหลากหลายมากขึ้น
ถ้า2 ปีก่อนผมหยิบ Free Yourself มาฟังจะรู้สึกว่าแนวเพลงดูซ้ำซากมาก หลายเพลง
จากอัลบั้มชุดนั้นดูมีความเป็นโซลมาก เมโลดี้น้อยชิ้น เน้นโชว์เสียงร้องมาก จนดูไม่
มีสีสันอะไรเลย พอมาถึงชุดสอง เธอมีการปรับเสียงร้องที่เน้นสูงทุกเพลงให้ดู มีระดับ
สูง ต่ำ และใส่โพรแกรมมิ่งเยอะขึ้น เพิ่มลูกเล่นของซาวด์ดนตรีให้หลากหลายขึ้น ซึ่ง
ลงตัวมากกว่าการทำงานในชุดแรก When I See You เพลงเด่นที่เต็มไปด้วยลูกเล่น
แพรวพราวของซาวด์ดนตรี ลดความเป็นโซลลง สู่ซาวด์สังเคราะห์ที่มีกลิ่นไอของพ็อพ
ทำให้เพลงออกมาฟังง่ายมากขึ้นบวกกับเสียงร้องที่เสนอผ่านดนตรี ด้วยน้ำเสียงที่ไม่
มากเกินไปของการแผดพลังเสียง ดูจะลงตัวมากที่สุดแล้ว สำหรับ แฟนเทเซีย
18. I Love You, Faith Evans (2001)
- 1997 ปีแห่งความโศกเศร้าเสียใจของวงการเพลงฮิพฮอพ และศิลปินหม่ายสาวรายนี้
ก็คงไม่ต่างอะไรกับ คนที่อยู่แต่ไร้วิญญาณ รวมถึงการพรรณนาโอดครวญคะนึงหาถึง
ผู้อันเป็นที่รัก ที่อัลบั้มแล้วอัลบั้มเล่า เธอก็ยังไม่วายที่จะหยิบเรื่องเก่าในอดีตกับพี่บิ๊ก
มาระบายร่ายเรียงไว้ทุกอัลบั้มเสมอไป การทำงานของ Faith Evans ในยุค 90's ดู
จะเอนเอียงไปทางซาวด์ดนตรีของสามีเสียส่วนใหญ่ พอมาเข้าสู่ยุคใหม่ เธอค้นพบ
เสียงร้องที่ดูมีความเป็นโซล บูลส์มากขึ้นเลยหยิบงานที่ลึกลงไปของดนตรีมาถ่ายถอด
"Mesmerize" คืออีกหนึ่งเพลงที่ผมคัดมาจากทั้งหมดของเธอ แต่เพลงนั้นก็ถูดตัดไป
เนื่อจากฟังดูแล้ว ซาวด์เมโลดี้ของดนตรี ละเอียดและ ลงตัว สวยมากมาก แต่ข้อผิด
พลาดคือ การร้องประสานเสียงของนักร้องรับเชิญ ทำให้เพลงดูเด่นขึ้นมามาก มากจน
ทำให้ตัวเอกอย่าง Faith Evans ดูด้วยลงไปเลย ผิดกับเพลงนี้ "I Love You" ถึงแม้
เธอจะยังจมปลักกับรักเก่าๆ แต่การถ่ายถอดด้วยโทนเสียงต่ำ ดูไม่ฝืนใจตัวเองทำให้
เพลงนี้มีเสน่ห์ บวกกับดนตรีสังเคราะห์ของซาวด์บัลลาด ตัดกับเสียงโอดครวญลงตัว
มากที่สุกสำหรับผลงานในยุคนี้ของเธอแล้ว
17. Dip It Low, Christina Milian Feat. Fabolous (2004)
- สาวน้อยตาคม ที่ผกผันตัวเองจากการเป็นนางแบบวัยเด็ก สู่การทำงานที่ท้าทาย
ความสามารถของเธอ ผลงานที่ผมเลือกมาเป็นการทำงานชุดที่สอง ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ดูจะ
แตกต่างจากชุดแรกอยู่มาก กับการเปลี่ยนแนวให้ดูชัดเจนมากขึ้นสำหรับ ดนตรี
ชุดแรกเธอยังคลุมเครือสำหรับตลาดเพลง จะเลือกพ็อพก็ไม่วายที่จะมีฮิพฮอพลงไป
ผสมด้วย หรือแม้แต่พลาดการสื่อ ที่ทำให้คนดูนึกไปเสียมากกว่าการเข้าใจผิดว่า
เธอมาพร้อมกับดนตรีพ็อพลูกผสม "Dip It Low" เพลงที่โดดเด่นทั้งด้านเนื้อหา
และเสียงอิเล็กโทนจางๆ การใส่ดนตรีสังเคราะห์พ็อพลงไป บวกกับการแร็พที่ทำ
ให้เพลงนี้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ที่ใช่ว่าผลงานของเธอ แล้วเธอก็โดดเด่นเพียงคนเดียว
แต่มันยังรวมไปถึง ผู้ร่วมงานก็เด่นไปด้วยสำหรับการแร็พถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทเพลง
ที่ลงตัวของการร่วมงานกันด้วย
16. Lose Myrself, Lauryn Hill (2007)
- ศิลปินที่คลุกตัวเองอยู่กับการทำงานที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ถึงแม้จะห่างหายไปจาก
การทำงานเพลงในยุคหลังๆ แต่เธอก็ได้ฝากผลงานชิ้นระดับมาสเตอร์พีซ ไว้ให้
โลกนี้ได้ฟังกันจนตายแล้วในปลายยุค 90’s วันนี้ผมหยิบอีกหนึ่งบทเพลงที่เธอ
ได้ร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่อง Surf’s Up เพลงที่มีจังหวะหรือกลิ่นไอ ของความ
เป็นพ็อพมากขึ้นในการทำงาน หากใครที่เคยสัมผัสซาวด์จากอัลบั้มสมัยที่เธอทำงาน
กับ The Fugees จะมองเห็นถึงความแตกต่าง แต่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทาง
บทภาพยนตร์อยากให้เพลงออกมาในแนวสนุกสนาน ดูคึกคักมากกว่าการใส่ดนตรี
ของความเป็นโซล บูลส์ ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่เสียงร้องของเธอดูจะเข้ากันมากกว่า
15. Bootylicious, Destiny’s Child (2001)
- รู้สึกจะเป็นศิลปินกลุ่มรายเดียวที่หลุดเข้ามาในอันดับสูงๆ ส่วนที่ผมเลือก มาก็มี
Lucy Pearl, Mary Mary, Mis- Teeq หรือแม้แต่ TLC ที่ยังไม่เด่นพอ
ที่จะเข้ามาติดใน 25 อันดับได้เลย เดิมทีผมคิดเพลงที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดไว้แล้ว
คือเพลง Independent Woman Part I แต่พอลองมองออกมาในมุมกว้าง เรา
ก็ยังไม่ค่อยมีเวลาฟังเพลงต่างๆ ของพวกเธอเลยพอฟังครบแล้ว ผมเลยมองเห็นอีก
หนึ่งเพลงที่เด่นมาก “Bootylicious” เพลงจังหวะสนุกที่โดดเด่นมาตั้งแต่เสียง
อินโทรขึ้นเพลง ครบทุกกระบวนท่าของการนำเสนอสู่สาวยุคใหม่ การลงซาวด์
รายละเอียดดูเยอะมากเป็นพิเศษ เพิ่มลูกเล่นของการร้อง ที่สลับกันไปมา
ถึงแม้เพลงนี้จะดูเหมือนเป็นเพลงเดี่ยวของ Beyonce ก็ตามแต่
14. Rock Wit U (Awww...Baby), Ashanti (2003)
- Ashanti ศิลปินหญิงที่มีเพลงเปิดตัวอันดับที่ 1 ด้วยจำนวนสัปดาห์ที่มากที่สุด
เธอคือเจ้าของสถิตินี้ร่วมกับ All 4 One และกับ Foolish เพลงดังเมื่อปีที่
แล้วที่ทำให้เธอถูกจับตามองจากนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ที่อยากจะร่วมงานกับเธอ
อแชนติ สาวที่มีเสน่ห์ที่เสียงร้อง และการคอนโทรลเสียงร้องที่น่าสนใจ อีกทั้งยังดูกลืน
เข้าไปกับเสียงอิเล็กโทรบัลลาดของอาร์แอนด์บี ดูจะเข้ากันมากที่สุด ผมเลือกเพลง
แรกเปิดตัวจากอัลบั้มชุดที่ 2 ของเธอมาเป็นแทร็คเด่นที่สุด ความลงตัวของเพลงนี้
ดูจะเห็นได้ชัดที่เสียงร้อง เพราะซาวด์ดนตรีที่มีไม่กี่ชิ้น หากการคุมเสียงไม่ได้ก็ทำ
ให้เพลงดูแกว่งไปได้เหมือนกัน ถือว่าเป็นการโชว์เสียงร้องที่มีเสน่ห์ตลอดทั้งเพลง
ซึ่งดูมีเสน่ห์และโดดเด่นไม่แพ้เพลง Rain on Me เช่นกัน
13. Put You Up On Game, Aretha Franklin Feat. Fantasia (2007)
- อีกหนึ่งบทเพลงของปี 2007 ที่ส่วนตัวผมว่ายอดเยี่ยมมาก กับการร่วมงานของสอง
ศิลปินระหว่างรุ่นใหญ่ที่เป็นผู้สรรสร้าง กับสาวรุ่นน้องที่เป็นผู้ร่วมงาน บทเพลงนี้ถูก
ถ่ายทอดสู่อัลบั้มรวมเพลงดีๆ จากศิลปินทุกรุ่นทุกสมัยรวมไว้ด้วยการทำงานกับศิลปิน
ท่านอื่น โดยมีสองเพลงใหม่คือผลงานของแฟนเทเซีย และจอห์น เลเจ็นส์ ที่ดูจะเป็น
การปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ด้วยเช่นกัน แน่นอนความเป็นโซลยังคงเกลื่อน
แต่จะทำยังไง ให้ซาวด์ดนตรีที่จะยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองมากที่สุดมาถ่ายทอด
ดังนั้นเหตุผลหลักก็คือ การชักชวนศิลปินที่ทำงานในแนวโซล มาร่วมงานนั้นเอง
ความเป็นโซลของทั้งสองศิลปินที่มาร่วมงาน ดูจะโดดเด่นและลงตัวมากสำหรับการทำาน
"Put You Up On Game" ซาวด์ที่ดูเรียบง่ายแต่คงเสน่ห์ของตัวผู้นำไว้ดี รวมไปถึง
การนำเสนอของแฟนเทเซีย ก็ทำให้เพลงนี้ดูกลืนไปกับตัวของ Aretha Franklin ด้วย
เลยทำให้เพลงนี้โดดเด่นมากทีเดียวสำหรับงานเพลงในปี 2007
12. Wish I Didn't Miss You, Angie Stone (2002)
- เปิดประเดิมกลิ่นไอของดนตรีเร็กเก้ก็ พุ่งเข้ามาในหัวเลย ซึ่งทำให้ Angie Stone
เธอเด่นขึ้นมาจากการทำงานที่ดูจะซ้ำซากจำเจจากเมื่อก่อน ที่วันๆ เอาแต่จับไมค์แล้ว
มาตะโกนแผดเสียงสูงให้ฟังกัน อัลบั้มชุดแรกๆ ของเธอดูจัดจ้านไปด้วยความเป็นอัล-
เทอร์เนทีฟสูงเกินไป กับการมิกซ์ซาวด์สองแขนงลงด้วยกัน บางเพลงก็ดูเหมือนทำไม่
เสร็จ หรือแม้แต่บางเพลงก็หาจุดยืนของเพลงนั้นๆ ไม่ได้เลย ดนตรีแกว่ง พอมาถึง
การทำงานที่ดูจะค้นพบเสียงและ การอิมโพรไวร์ของตัวเธอที่ดูแบบไม่ได้ตั้งใจเลย
ที่จะให้แนวเพลงเร็กเก้ ปนกลิ่นไอดนตรีโซลออกมาสู่ตลาดเพลง นี่คือความสำเร็จ
ที่ทำให้นักวิจารณ์มองเห็น ความหลากหลายของศิลปินอาร์แอนด์บีในยุคนี้มากขึ้น
นอกจากนั้นผลงานจากอัลบั้มชุดที่สอง ยังดูเด่นหลายเพลง "Brotha Part II" ที่เธอ
ได้ร่วมงานกับสองศิลปินสาว อลิซ่าส์ คีย์ และอีฟ ก็น่าฟังและมีเสน่ห์ด้วยดนตรีของ
ความเป็นโซล และกลิ่นของฮิพฮอพจางๆ เช่นกัน
11. Crazy In Love, Beyonce Feat. Jay-Z (2003)
- การทำงานในอัลบั้มชุดเดี่ยวดูจะสวยหรูไปเสียทุกอย่าง สาวสวยเสียงดีที่มาพร้อม
กองหนุนเกินร้อยของผู้เป็นพ่อ อีกทั้งกับการทำานที่เธอเต็มร้อยกับมัน นี่คงไม่ใช่
ความสำเร็จที่จะมาหยุดแค่จุดอิ่มตัว แต่ผมเชื่อว่าเธอยังจะกอบโกยมันมาอีกเรื่อยๆ
หลายบทเพลงที่ได้ฟังจากผู้หญิงคนนี้เธอว่าโดดเด่นกันคนละด้าน จะด้านซาวด์ดนตรี
ที่ดูเก๋ไก๋ อย่าง Ring The Alarm หรือจะเป็นเพลงที่ไพเราะด้วยเสียงเปียโนอย่าง
Dangerously In Love 2 หรือแม้แต่เพลงที่บาดลึกถึงใจอย่าง If I Were A Boy
ทุกบทเพลงล้วนถูกสื่ออกมาในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่กับบทเพลงนี้ที่โดยส่วน
ตัวคิดว่าอุตสาหกรรมดนตรีทุกวันนี้ ยากที่จะปฎิเสธแล้วล่ะ เพราะเป็นเพลงที่ดีมากๆ
อีกหนึ่งเพลง ความลงตัวของการร่วมงานกับแฟนหนุ่มดูจะมีพลังมากขึ้น ซาวด์ดนตรี
เปิดมุมมองของสาวรักแรก อย่างบ้าคลั่ง และดุเดือดทุกคราที่ได้ฟัง
20-11 ผมทำถึงสองรอบข้อมูลอาจจะดูวกไปวนมา ทำเสร็จแล้วไฟดับ ต้องทำใหม่
มันเป็นอะไรที่เซ็งมากๆ เลย กับการที่ต้องมานั่งรื้อสมองใหม่ เลยเบลอๆ
10. Heaven Sent, Keyshia Cole (2008)
- นี่คือบทเพลงที่ดีเริสที่สุดกับงานเพลง อาร์แอนด์บี ในนามศิลปินหญิงของปี 2008
Keyshia Cole สาวร่างเล็กจากถิ่นโอ๊คแลนด์ที่รักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ
การทำงานในสตูดิโออัลบั้มชุดที่สอง ยังคงยืนภาคพื้นดนตรีซาวด์ R&B บัลลาด
เป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานในชุดแรก แต่เมื่อเปรียบเทียบการตลาดของ
ทั้งสองชุดแล้ว เครดิตรในชุดนี้ถือว่าได้เปรียบมาก “Just Like U” อัลบั้มที่มีเพลง
เพราะแน่นอัลบั้ม แต่หนึ่งบทเพลงที่โดดเด่นไม่แพ้ Let It Go,Falling Out หรือแม้
แต่ I Remember ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าฟังทั้งนั้น และ “Heaven Sent” เพลง
อาร์แอนด์บีบัลลาดหวาน ที่เธอถ่ายทอดออกมาได้งดงาม กับการขับกล่อมพรรณนา
ไปพร้อมกับเมโลดี้ที่สวยจนสะดุดหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง กับการทำงานของศิลปิน
คนนี้ต้องบอกว่าความสามารถล้นมือไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ Sean Paul
กับดนตรีของเร็กเก้ ฮิพฮอพ เธอก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี หรือจะเป็นกับ Jaheim
ที่เป็นอีกหนึ่งเพลงของปี 2008 ที่ Duets กันได้ลงตัวมาก ๆ หรือแม้แต่กับ C-Side
ที่ทำให้ศิลปินแร็พ ดูเล็กลงไปถนัดตาเลย ความหลากหลายของดนตรีกับผลงาน
ของเธอมีให้เห็นน้อยมากเมื่อเทียบกับศิลปินรุ่นพี่ แต่ศิลปินสาวคนนี้มีดีที่เสียงร้อง
ที่สะกดใจคนฟังให้แน่นิ่ง และล่าสุดเธอกำลังทำงานชุดที่ 3 ซึ่งอัลบั้มชุดใหม่ ก็ยัง
คงมาในแนวของดนตรีอาร์แอนด์บี บัลลาด แต่อาจจะเพิ่มลูกเล่นของดนตรีโซล ด้วย
09. Work It, Missy Elliott (2002)
- จะพูดถึงศิลปินหญิงแร็พฝีปากกล้า ก็คงจะหนีไม่พ้นสาวนางนี้แน่นอน ที่เธอ
เข้าวินมาในอันดับต้นๆ แทบจะทุกปีที่มีผลงาน และกับผลงานอันยอดเยี่ยมที่ได้
รับการยอมรับจากนักฟังเพลงทั่วโลกก็มีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ถึงการทำงาน
ในแต่ล่ะอัลบั้มของเธอ หลายบทเพลงเหมือนกันที่ผมชื่นชอบจากงานของเธอ
Get Ur Freak On ที่โดดเด่นด้วยลูกเล่นของซาวด์ดนตรีดูลึกลับ บางทีก็ฟังดู
จนน่ากลัวกับซาวด์ที่ฟังดูแปลกๆ ของเธอ และรวมไปถึง MV ที่ดูลึกลับน่ากลัว
ได้ใจเต็มร้อย 4 My People ก็ใช่ย่อยซาวด์ดนตรีเท่ห์มาก อีกทั้งยังได้ร่วมงาน
กับสาว Eve ที่ทำให้เพลงดูมีสีสันมากขึ้น Gossip Folk เพลงที่เก๋ไก๋ได้โล่ห์
อีกเพลงของเธอ หรือจะย้อนเข้าสู่ยุค 90’s กับการทำงานร่วมกับ 3 สาว 702
ที่เนรมิตเพลงของเธอให้ดูกลมกลืนไปราวกับว่าเธอคือสมาชิกรายที่ 4 ขอวง
เสียด้วยซ้ำ หรือจะเป็น She’s A Bitch เพลงเปรี้ยวที่เธอใช้ดนตรีสังเคราะห์
เข้าช่วยในการแร็พ ดูน่าสนใจไม่แพ้กัน “Work It” กระแสของดนตรีแร็พ
มีให้เราบริโภคได้ตลอด แต่ผมว่ามีน้อยเพลงนะครับ ที่เราฟังแล้วสามารถร้อง
ตามได้ ถึงแม้จะไม่ถูกทุกตัวโน๊ตก็ตาม การเล่นเครื่องมิกซ์เสียงทำให้เพลงดู
น่าสนใจ และลูกเล่นของเพลงก็ เกลื่อนเพลง ซาวด์ไม่ซ้ำกันแทบจะทุกตัวโน๊ต
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดีของเพลงนี้ที่ดูไม่น่าเบื่อ กับการแร็พวกไปวนมานั้นเอง
และบวกเข้ากับการแร็พที่เป็นไปตามจังหวะของดนตรีฮิพฮอพ ทำให้เพลงดูไม่
รกหูจนเกินไป การทำงานในอัลบั้มชุดหลังๆ มาเธอคงมืดกับดนตรี ที่ไม่รู้จะ
สื่อออกมาแนวไหนดี เพราะเธอลองมาหมดแล้ว Best Best ซิงเกิ้ลใหม่ที่ฟัง
กี่รอบก็ยังไม่ติดหู เท่ากับเพลงในยุคก่อนๆ อาจเพราะลูกเล่นของเพลงไม่น่า
สนใจเท่ายุคก่อนๆ ที่มีเสียงสังเคราะห์ต่างๆ มาให้ตื่นเต้นได้มากใน หนึ่งเพลง
ซึ่งแตกต่างจากเพลงนี้ที่ซาวด์ดนตรีน่าสนใจ แต่มันเรื่อยๆ แบบนี้จนจบเพลง
หรืออาจจะเป็นเพราะ Atlantic ไม่กล้าเสี่ยงกับการโปรโมทเธอในยุคของ
ศิลปินหน้าใหม่กำลังครองเมือง
08. Rock the Boat, Aaliyah
- แรกเริ่มผมชื่นชอบผลงานของศิลปินหญิงท่านนี้ กับเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
“Anastacia” ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ทำความรู้จักกับเธอ เธอถ่ายทอดออกมาได้ดี
จนทำให้เรานึกถึงโลกแห่งความฝัน บนเทพนิยายได้เลย หรือแม้แต่เพลงที่ทำให้เธอ
โด่งดังเป็นพลุแตกจากหนัง Romeo Must Die ที่มีเครดิตรดีๆ ติดตัวจนตาย
กับการขึ้นสู่อันดับที่ 1 โดยปราศจากยอดขาย (เฉพาะสหรัฐอเมริกา) แต่มันก็เป็น
เรื่องที่น่าเศร้าอีกที่ทั้งคนร้องและแต่งเพลง กลับต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งจะ
ว่าไปแล้วมันก็ยากที่จะปฎิเสธถึงการทำงานของเธอ อัลบั้มที่ดูจะเหมือนเป็นการ
รำลึก หรือสดุดีให้กับเธอก็คลอดทันควัน “I Care 4 U” ที่มีเพลงเพราะอย่าง
Miss U เป็นเพลงสั่งลาโลกให้กับศิลปินสาวคนนี้ แต่นั้นคืออีกมุมมองที่ยังไม่
ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเธอ “Rock the Boat” เพลงที่โดดเด่น
ด้วยซาวด์ของดนตรีบัลลาด แต่ผสมด้วยลูกเล่นของดนตรีพ็อพอิเล็กโทร และยัง
ถูกถ่ายทอดด้วยการร้องด้วยจังหวะของอาร์แอนด์บี โซล ทำให้เพลงดูแข็งมากขึ้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับการทำงานในอัลบั้มชุดแรกๆ ของเธอถือว่าดนตรีมีรายละเอียดเยอะ
มากขึ้นกว่าการโชว์พลังเสียงและเพลงเต้นรำเชยๆ เหล่านั้น จุดยืนของศิลปินสาว
รายนี้คือ การทำงานกับเสียงสังเคราะห์อิเล็กโทร ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเยอะๆ
แต่ถ้าเพลงที่มีรายละเอียดของดนตรีน้อยชิ้น เธอจะดูด้อยลงไปทันที เพราะเธอไม่
ใช่ศิลปินที่มีเสียงร้องนิ่งในระดับขั้น สามารถทำให้เสียงของตัวเองดูน่าสนใจสดๆ
แต่ถ้ามีศิลปินมาร่วมงาน หรือ เสียงดนตรี ซาวด์ที่หลากหลาย จังหวะบีทหนักๆ
เธอจะสื่อมันออกมาได้ดีกว่า
07. The Way, Jill Scott (2001)
- ถ้าพูดถึงดนตรีที่มีความเป็นโซลของศิลปินหญิงในยุค 90's ผมจะนึกถึงอัลบั้มของ
ของ Anita Baker ที่บุกเบิกสมองในยุคสมัยของดนตรีอาร์แอนด์บีกำลังเข้าสู่ตลาด
ซึ่งแน่นอนว่านี่ คืออีกหนึ่งผลผลิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพจากการทำงาน ซึ่งการ
แจ้งเกิดสู่วงการเพลงในยุคปัจจุบันค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีคู่แข่งเยอะ อีกทั้งเพลง
ก็ต้องติดหูง่าย ถึงจะโด่งดังระดับสากลได้ดี แต่เธอผู้นี้ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะเธอเคย
ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร BB ถึงการถูกเสนอชื่อเข้าชิงเข้าชิงราวัลแกรมมี่ย์อะวอร์ด ถึง
5 ครั้งภายถายในเวลาการทำงานแค่ 3 อัลบั้ม ซึ่งน้อยรายนักจะทำได้ เธอบอกว่าสิ่งที่
ดีที่สุดสำหรับการร้องเพลงคือ การถ่ายทอดผลงานด้วยความเป็นจริง ซึ่งความเป็นจริง
จากเรื่องราวต่างๆ จะให้เรา-เธอทำมันออกมาได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะแต่งเพลง หรือลงซาวด์
ดนตรีที่มีความเป็นเออร์บัลมากโขก็ตาม ดนตรีของ Jill Scott ถ้าพูดในบ้านเราแล้ว
ค่อนข้างบางตา น้อยคนนักจะรู้จัก หรือรู้จักแต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสผลงานของเธอเลย
Hate On Me ผลงานเพลงจากอัลบั้มชุดล่าสุด ที่ดูดุดัน และแข็งแกร่ไปด้วยภาคดนตรี
ของความเป็น เออร์บัล อัลเทอร์เนทีฟ น่าสนใจที่การนำเสนอซาวด์ดนตรีให้เข้าและ
สอดคล้องกับผลงาานของเธอที่ถูกนำเสนอ "The Way" เพลงที่สดใสและลงตัวด้วย
ความสวยงามของเมโลดี้ ถูกถ่ายทอดออกมาท่ามกลางแรงกดดันจากสามีที่เพิ่งแยกทาง
กับเธอไป อีกทั้งเสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ที่การปรุงแต่งของดนตรีอาร์แอนด์บี สู่ดนตรีโซล
ด้วยเสียงร้อง เพราะเธอพยายามคุมเสียงตัวเองที่ดูเกรี้ยวกราดให้ ต่ำ และนิ่มดูเข้า
กับเสียงดนตรี จุดเด่นของศิลปินรายนี้คือการทำงานที่หลากหลาย นอกจากโซล บูลส์
อาร์แอนด์บี หรือแม้แต่ เออร์บัลลูกผสมอัลเทอร์เนทีฟแล้ว เธอยังหยิบความเป็นพ็อพ
พ็อพแบบเจือจางลงมาใส่ไว้แทบจะทุกอัลบั้ม
06. Video, India.Arie (2001)
- ตัดสินใจยากเหลือเกินยิ่งเข้าสู่อันดับที่ต่ำมากขึ้น แน่นอนมีหลายเพลงมาให้เลือก
แต่นี่คืออีกหนึ่งเพลงที่หลุดเข้ามาในอันดับสูงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ พอฟังผลงานของเธอ
ผมนึกถึง Ledisi สาวที่เข้าชิงแกรมมี่ย์หน้าใหม่ปีล่าสุด แต่ความแตกต่างคือ ดนตรี
ของ India เธอหลากหลายมากกว่า Folk, Soul, Urban, หรือแม้แต่ดนตรีของ Jazz
เธอก็สามารถนำมันมามิกซ์ให้ลงตัวและเข้ากับเพลงที่นำเสนออกมา ซึ่ง Ledisi เธอ
เดินหน้าสู่ดนตรีของความเป็น Jazz มากเกินไป คล้ายๆ กับ Emily King แต่ราย
หลังจะดูมีความเป็นพ็อพผสานลงไปบ้าง ถือว่าเป็นเพลงเปิดตัวที่ทำให้เธอโด่งดังใน
ระดับสากลเช่นกัน กับการทำงานที่มีซาวด์ดนตรีเป็นตัวเสริมแรง เป็นตัวผลักให้
เพลงในอัลบั้มมีความลงตัวด้วยคำว่า หลากหลาย เดิมทีผมผลักผลงานเพลงที่เธอร่วม
งานกับ Akon เข้ามา I Am Not My Hair แต่ดูการร่วมงานกันของสองศิลปิน India
ดูด้อยไปเลย หรือจะเป็น the Little Thing ที่หยิบเอาซาวด์ดนตรีมาใส่ลูกเล่นให้ดู
มีความเป้น Soul ของดนตรีมากขึ้นก็ยังไม่ถึงขั้นดีเริสที่สุดสำหรับเธอ ผมเลยเลือก
"Video" เพลงที่ไม่ได้มีแค่ดนตรีของความเป็น Soul และ R&B อย่างเดียวแต่มัน
ยังแฝงไปด้วยดนตรีอะคูสสิค โฟลค์แบบจางๆ ที่คลุกรุ่นตลอดเพลง เสียงกีต้าร์ร่วม
สมัยที่ถูกปัดผ่านตัวโน๊ตที่ร้องด้วยโทนเสียงต่ำ ดูเข้ากันมากๆ เลยยากที่จะปฎิเสธ
กับผลงานที่ดีเยี่ยมของเธอ จุดเด่นของการทำงานที่ India เสนอผ่านการทำงานทุก
อัลบั้มคือการขับกล่อมคนฟังด้วย ดนตรีเออร์บัล โซลที่ไม่น่าเบื่อ โดยมีดนตรีที่น่า
ฟัง และดูไม่ซ้ำซากในทุกๆ อัลบั้มให้เราได้เสพกัน
05. No One, Alicia Keys (2007)
- เข้าสู่ top 5 กันแล้วนี่คือเพลงยอดเยี่ยมอีกหนึ่งผลงานเพลงของ อิลิซ่าส์ คีย์
ศิลปินที่ไม่ยอมหยุดนิ่งกับการทำงาน ตามจริงผมหยิบแผ่น A Woman's Worth
หรือแม้แต่ You Don't Know My Name มาแล้วแต่สุดท้ายก็เลือกเพลงนี้จนได้
ความลงตัวของการผสมดนตรีอาร์แอนด์บี เข้ากับดนตรีโซล ที่ตัวอลิซ่าส์ ร้องออกมา
ดูจะกลมกลืนเข้ากันกับซาวด์ของโซล บัลลาดนั้นมากทีเดียว ย้อนกลับไปกลับการ
ทำงานในอัลบั้มชุดแรก ที่ดูมีความเป็นโซลสูง บวกกับดนตรีสังเคราะหน้อยชิ้นที่
เน้นโชว์การลากเสียงที่น่าสนใจ ซึ่งก็ยังมีให้เห็นอยู่หรือแม้แต่การทำงานในอัลบั้ม
ชุดที่สอง ที่ยอดเยี่ยมและมีพัฒนาการทางด้านดนตรีมากขึ้น ลูกเล่นของซาวด์ดู
มีสีสันมากกว่าการนับมามิกซ์แล้วจับยัดเข้าอัลบั้ม As I Am ก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลงาน
ชิ้นโบว์แดงสำหรับตัวผมเช่นกัน ตราบใดที่ชื่อของเธอยังอยู่ในวงการเพลงผมเชื่อ
ว่าศิลปินรายนี้ ทรงคุณค่ากับการทำงานเสมอ "No One" อย่างที่กล่าวมาข้างต้น
ดนตรีของเพลงนี้นอกจากจะมีความเป็นโซล อาร์แอนด์บีแล้ว ผมว่าเพลงนี้เป็นอีก
หนึ่งเพลงดังที่นอกจากจะดีเด่นทางด้านภาคดนตรีแล้ว ยังเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายกว่า
เพลงดังจากสองอัลบั้มแรก ขนาดเพื่อนผมที่ไม่เคยรู้จักศิลปินท่านนี้เลย เพราะมัน
รับรู้แต่เพลงไทยสากล อินดี้ร็อค จัดจ้าน ยังมีความคิดที่จะอยากเอาเพลงนี้ไปร้อง
เป็นเวอร์ชั่นร็อคเลย
04. Be Without You, Mary J. Blige (2005)
- ผมบันทึกอัลบั้มชุดล่าสุดของเธอเข้า Best Album R&B Collection เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากฟังทั้งอัลบั้มแล้ว เพลงทุกเพลงดูมีเสน่ห์และเพราะทุกแทร็คสามารถออกสู่
ตลาดได้สบายเลย Come To Me เพลงที่กลิ่นไอดนตรีพ็อพ น่าฟังมาก Stay Down
เสียงโอดครวญที่น่าฟังที่สุดแห่งปีนี้เลย หรือแม้แต่ Hurt Again ความเสียใจที่ถูกกลั่น
ออกมาจากก้นบึ้งของเสียงร้อง ดูน่าเศร้าไปตามๆกัน หรือเราจะย้อนไปที่ต้นยุค 2000
กับเพลงดังของเธอ Family Affair ที่เต้นมันส์จนลืมฟอร์ แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังใช่เพลงที่
ส่วตัวผมคิดว่าดีที่สุดของเธอ "Be Without You" การเดินหน้าสู่เส้นเสียงที่ดูเข้มแข็ง
และดูเสียงของเธอดูมีบทบาทมาก สำหรับงานที่ถ่ายทอด ความลงตัวของโพรแกรมมิ่งที่
เคล้าคลอไปกับเพลง ถึงแม้จะมีไม่กี่ตัวโน๊ต แต่เธอเป็นศิลปินที่สามารถคลุมเสียงร้อง
ให้นิ่งและดูเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งไม่ได้ทำให้คนฟังรับความแน่นของดนตรีอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึงเสียงร้องของเธอด้วย คืออีกหนึ่งบทเพลงอาร์แอนด์บี ที่มีเสน่ห์ทางด้าน
การนำเสนอเสียงร้องสู่ดนตรีผสานเสียงแบบเคล้าคลอตามเมโลดี้ เมรี่ เจ เธอยังคง
ยืนยัดอยู่เส้นทางนี้อีกนานกับการทำงานที่เน้นความเป้นอาร์แอนด์บีของดนตรีเป็นหลัก
และยังเน้นการโชว์พลังเสียงที่หนักแน่นของเธอเป็นจุดขาย มากกว่าการเน้นหนักและ
เติมแต่งลูกเล่นด้วยซาวด์อิเล็กโทรพ็อพ
03. Love of My Life (An Ode To Hip-Hop), Erykah Badu FT. Common (2002)
- อีกหนึ่งบทเพลงที่ผมติดใจกับเพลงประกอบภาพยนต์ ที่เข้าวินมาสูงถึงอันดับ 3
ผมมีโอกาสได้รับรสซาวด์ดนตรีของศิลปินสาวรายนี้ในช่วงอัลบั้มชุด Mama's Gun
ซึ่งเป็นผลงานอัลบั้มชุด 2 ส่วนอัลบั้มที่นักวิจารณ์ต่างพากันยกนิ้วให้ในชุดแรก ต้อง
หามาฟังอีกหน นอกจากความน่าสนใจของซาวด์ดนตรีแล้ว เธอยังมีเอกลักษณ์ในการ
นำเสนอตัวเองให้แปลก แลดูน่าสนใจกว่าศิลปินรายอื่นเสมอ ส่วนการทำงานของเธอ
มุ่งเล็ไปที่ดนตรีของความเป็น Soul, R&B และHipHop ที่ดูไม่มากจนเกินตัว ซึ่งโดย
มากแล้วการนำเสนอของเธอจะค่อนข้างฟังยากสำหรับคอเพลงในบ้านเรา แต่ถ้าพูดถึง
ความยอดเยี่ยมของซาวด์ดนตรี แนวเพลงแล้วผมให้ เกรด A ตลอด เธอหยิบยกดน
ตรีที่เราไม่เคยสัมผัสมาสู่โสตประสาทเราเสมอ ซึ่แน่นอนก็ยังคงมีลูกเล่นทั้งการร้องและ
สีสันของซาวด์ดนตรีนั้นเอง "Love of My Life" เพลงที่ผมฟังได้วันล่ะ 20 รอบแบบ
ไม่เคยเบื่อ ดนตรีดูมีความเป็นโซลมาก บวกกับเสียงร้องของเธอที่สื่อออกมาตรงๆ กับ
ซาวด์ดนตรี และมีเสียงร้องแร็พของศิลปินร่วมงานมา ขั้นช่วงเพลงดูไม่จืดเลยทีเดียว
02. I Wish I Wasn't, Heather Headley (2003)
- อีกหนึ่งศิลปินที่มีผลงานออกมาในอัลบั้มชุดแรก แล้วสามารถขึ้นสู่เวทีใหญ่ๆ GMM
ได้แต่กระนั้นการเข้าชิงก็ตามแต่ ความลงตัวและยอดเยี่ยมของผลงานชิ้นแรกย่อม
ประจักษ์ต่อนักฟังเพลงแน่นอน ฮีทเธอร์ สาวเสียงดีคุณภาพคับแก้วรายนี้มีผลงานออก
มาให้เราฟังตอนนี้แค่สองอัลบั้มเท่านั้นเอง "This Is Who I Am" อัลบั้มชุดแรกที่บุก
เบิกความเป็นโซล บัลลาดหวานๆ เกลื่อนอัลบั้มและดนตรีของอาร์แอนด์บีที่มีแทบทุก
แทร็ค แต่ผลงานชุดนี้ก็ยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากนักฟังเพลงมากนัก อาจจะเนื่อง
จากแนวดนตรียังลึกเกินไป เมื่อเทียบกับผลงานชุดสอง ที่ดูฟังสบายมากกว่าแต่ลูกเล่น
กลับไม่น่าค้นหา ดูไม่มีสีสันอะไรมากมายจากการทำงาน ที่เด่นๆ ก็คงจะมีแต่แทร็ค
เปิดตัว "In My Mind" เน้นหนักในการโชว์เสียงร้อง และการคอรัสประสานเสียง
ให้ดูยกระดับของโทนเสียงที่เธอถ่ายทอดออกมาต่ำ สูงสลับกันไปมา ซึ่งเมื่อฟังทั้งอัลบั้ม
แล้วโดยส่วนตัวผมว่าอาจจะเบื่อได้ "I Wish I Wasn't" เพลงที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ของสาวที่สูญเสียรักไป ที่ยังพะวงถามใจตัวเองว่าทำไม แล้วก็ทำไม เธอสื่อออกมาด้วย
ดนตรีของโซลบัลลาด และเสียงร้องที่ดูมีพลังอันแรงกล้าทำให้เพลงนี้ดูสมบูรณ์แบบมาก
เมื่อเทียบกับเพลงอื่นๆ ทั้งอัลบั้ม
and number 1 is.......
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
01. Let Me Blow Ya Mind, Eve feat. Gwen Stefani (2001)
- เพลงนี้เข้าวินมาในวินาทีสุดท้ายของการประกาศ 555+ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เปิดฟัง
บ่อยมาก ส่วนมากฟังตอนขับรถกลับบ้านหลังเลิกเรียน สบายใจขึ้นเยอะมากหลังจาก
ที่กุมขมับปวดหัวเวลาเรียน ฟังเพลงนี้แล้วผ่อนคลายมากที่สุด ไม่คิดอะไรมากมาย
และอีกอย่างชื่นชอบเพราะได้แผ่น Single นี้มาจากสิงคโปร์เลย เป็นการลงทุนที่
ทุ่มทุนสร้างมากสำหรับอันดับที่ 1 อีฟ สาวที่เปรี้ยวได้ใจมากกับการร่วมงานกับสาว
เปรี้ยวไม่แพ้กัน Gwen Stefani ที่สื่อออกมาด้วยดนตรีที่น่าฟัง กับการผสมของ
ดนตรีพ็อพจังหวะสนุกสนานเข้ากับเสียงร้องการแร็พมันส์ปากของ Eve ทำให้เพลง
ออกมาดูมีลูกเล่นน่าฟังกว่าผลงานชิ้นอื่นของเธอมาก ที่ดูแดกดันและไร้สาระกับการ
แร็พไปพอสนุกปาก และถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับมาสเตอร์พีซ เลยสำหรับตัว
ผลงานของ Eve ซึ่งผลงานของเธอมาในยุคหลังถึงแม้ธุรกิจจะเจ๊ง การค้าขายจะไม่รุ่ง
รวมถึงการทำงานเพลงที่เธอขาดการเอาใจใส่ ทางด้านรายละเอียด ของความใหม่ดิบ
ทางด้านดนตรีหลายแขนงที่จะนำมารวมกัน ไม่มีอะไรจะสื่อมากมายกับเพลงนี้
เพราะเพลงดีและลงตัวที่สุดแล้ว สำหรับการแร็พที่น่าฟังดูไม่ดิบจนน่าถีบของเธอ
ps. the next review: The Best 25 Singles Male R&B/HipHop 2000-2008
แก้ไขล่าสุดโดย CarrieUnderwood เมื่อ Sun Oct 19, 2008 11:45 pm, ทั้งหมด 11 ครั้ง