ขออนุญาติโพสนะคะ ป้าโปกนรกานต์จากบอร์ดติ๊ข่ะ
ลักษณะ : อัลบั้มเต็ม
ศิลปิน : Britney Spears
ชุด : Circus (Japanese Version) 14 เพลง booklet 16 หน้า ไม่มีเนื้อเพลง
ค่าย : Jive / Zomba / Sony BMG Music Entertainment (USA) / BMG Japan
หลังม่าน :
นับจากวันแรกที่อัลบั้มลำดับที่ 5 ชื่อ "ผุดจากความมืด" ของผู้หญิงที่ทั้งโลกต่างรู้ว่าเป็นใคร ออกสู่โสตหูคนทั้งโลก วันนั้นเป็นวันที่ บริทนี่ย์ สเปียร์สฺ ได้รับรู้ว่าความล้มเหลวล่มไม่เป็นท่ามันเป็นยังไง ท่ามกลางความกังขาของประชาชน นักวิจารณ์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ถึงเรื่องสภาวะทางจิตที่บอกผ่านการกระทำตามสื่อสาธารณะทั่วไปในลักษณะน่าสมเพช สาวบริทจึงมีเวลาเพียงน้อยนิดในการเรียกศรัทธาของแฟนเพลงคืนหลังจากนางโชว์ทิฟฟานี่ผู้ปกปิดนามจากพัทยา ประเทศไทย ออกมาให้ข่าวว่า "เพลงชุดนั้นน่ะ ดั๊นรับจ้างไปร้องผ่านเครื่องแปลงเสียงให้เองคร่า ไม่ใช่เสียงนังตุ่มแตกอบความร้อนไม่ถึงนั่นแน่" พี่คริสเตียน คาร์ลสัน กับพี่พอนทัส วินเบิร์ก ร่วมด้วยพี่ฟลอยด์ นาธาเนี่ยล ฮิลส์ จึงร่วมหุ้นกันซื้อกระเช้ายาน้ำเก๋ากี้ผสมโสม ตราน้ำเต้าทอง และยาน้ำสมุนไพรเขากวางอ่อน ตราเฮงเฮง ไปเยี่ยมสาวบริทที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในกระเช้ามีการ์ดเขียนว่า "หนูจ๋า เลิกบ้าเรื่องผัว เลิกกลัวเรื่องลูก เลิกทำหน้าท้องผูก แล้วมาช่วยพี่ทำเพลงดีกว่า - ลงชื่อ ป๋าแดนจา และ พี่ ๆ Bloodshy and Avant" สาวบริทจึงส่งเอสเอ็มเอส กดหนึ่งยืนยันว่าตกลง ตอบรับคำเชิญพร้อมกับยอมเสียตัวให้ผู้จัดการส่วนตัวเก่า ลาร์ลี่ รูดอร์ฟ ผู้ซึ่งเป็นคนปั้นเธอให้ดังเปรี้ยงตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก Baby... One More Time ก่อนจะโดนถอดตัวไปหลังจากออกชุด In The Zone ด้วยโทษฐานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ โทนี่ แบร็กซ์ตัน จนศิลปินดับไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด แต่สถานการณ์กับสาวบริท การเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวครั้งนั้นนั่นแหละเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ สาเหตุน่ะหรอ... ย้อนกลับไปดูอัลบั้มชุดที่แล้ว
ละครเร่ :
ด้วยเวลาอันจำกัดเพียง 4-5 เดือนในการกู้วิกฤตศรัทธา อัลบั้ม "ละครสัตว์" ของบริทนี่ย์ จึงจำเป็นต้องใช้กำลังคนมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นอะไรมันจะดีไปกว่าคู่ขาเก่า อย่างตาแดนจา กับ Bloodshy and Avant ที่ยินดีอาสารับหน้าที่โปรดิวซ์งานเพลงให้อีกรอบ โดยหวังว่ามันจะไม่ล่มเหมือน Gimme More พ่วงด้วยโคตรพ่อโคตรแม่โปรดิวเซอร์ขาประจำ แม็กซ์ มาร์ติน และอื่น ๆ อีกร่วม 17 ชีวิต งานใหญ่และยากชิ้นนี้ก็ยังฝากความหวังไว้กับ ลาร์ลี่ รูดอร์ฟ ผู้จัดการส่วนตัวที่ขึ้นแท่น Executive Producer คู่กับ เทเรซ่า ลาบาร์เบร่า ไว้ท์ อีกด้วย งานนี้สับแหลกไม่มีเม้ม ด้วยเหตุนี้สาวบริทจึงแบ่งภาคออกเป็นวันเดอร์วูแมน ทำงานเพลงพร้อม ๆ กันหลาย ๆ เพลงกับหลายโปรดิวเซอร์ โดยกระบวนการผลิต Circus ทำได้ง่ายด้วยยุทธศาสตร์ดาวกระจายของ สนธิ ลิ้ม คือให้โปรดิวเซอร์ทุกคนทำงานกันเป็นอิสระไม่กำหนดธีมดนตรีหลักของอัลบั้ม ไม่ต้องมาปรึกษา ไม่ต้องระดมสมอง ไม่พอใจคือปิดสนามบิน และไม่กำหนดวิธีการอัดเสียง เรียบเรียง สถานที่ จะมีการควบคุมแค่อย่างเดียวคือส่วนของเนื้อเพลงที่ขอให้ไปในทิศทางเดียวกัน เรียกกันว่าขอแค่มีเพลงออกมาขายเป็นดีและเป็นพอ งานเพลงโดยรวมของอัลบั้มนี้จึงเป็นบริทนี่ย์อย่างสมบูรณ์ คือหยำฉ่า หย่าผัว ลูกสอง!!!
จำอวด :
เบื่อมั้ยกับงานเพลงของ บริทนี่ย์ สเปียร์สฺ ? ต่อให้เปลี่ยนคนทำเพลง หรือว่า Executive Producer ก็ใช่ว่าอะไร ๆ จะมีการพัฒนาไปในแบบอย่างที่ทุกฝ่ายเฝ้าหวัง การกลับมาของบริทนี่ย์ ก็เหมือนกับการกลับมาของป้ามาลัย ที่เอาอัลบั้ม 2 ชุดผูกติดกันไว้ ต่างกันที่ว่าของเจ๊นมแตงตอปิโดนั่นมันดังทั้ง 2 ชุด แต่ของบริทมันดังแค่ชุดหลังเพราะคนเห็นใจ...หรอ อันดับหนึ่งเพลงที่ 2 หลังจากหายไป 10 ปี นานไปมั้ยเธอ มันไม่เกี่ยวหรอกนะยะว่าหล่อนจะทำตัวยังไง แต่ถ้ามองกันดี ๆ มันน่าจะเรียกว่าปรากฏการณ์ที่คนมันก็มีเอือมมีเบื่อ แต่พอเจออะไรที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ และพยายามหลีกหนีให้หายไปนาน ๆ เข้าพอกลับมาได้เจออีกทีมันก็ดีอยู่ไม่ใช่หรอ นั่นใช่มั้ยอันดับหนึ่งของเธอ เพลงต่อไปคือคัฟเวอร์เพลง Ray of Light ของป้ามาดอนน่าในปี 2019 ใช่มั้ยจ๊ะ... ภาพรวมของอัลบั้มชุดนี้คือ อิเลคโทรนิคพ็อพ ที่มีกลิ่นของบริทพ็อพโรยอยู่ทั่วอัลบั้ม ล้าหลังมาดอนน่าไป 10 ปีนะเธอ และชั้นมีความยินดีที่จะบอกว่าอัลบั้มชุดนี้ของเธอดีเท่ากับอัลบั้มชุดล่าสุดของริฮันน่า ที่อีห่านนั่นรีแพ็คเกจออกมาขายอีกเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 2 ปีแล้ว นั่นมันหมายความว่า 19 เพลงที่หล่อนทำไว้ สามารถเปลี่ยนปกเพิ่มเพลงได้อีกหลายรอบ เพราะอีตาเมเนเจอร์หัวสูงของหล่อนมันเล่นตุกติก ทำแผ่นขายมา 3 โซน แทร็กลิสต์ 5 แบบ แถมกั๊กเพลงไว้อีก 4 เพลง พูดแบบคนมีการศึกษาระดับมาสเตอร์ดีกรีเค้าเรียกว่าแผนการตลาดดอกทองมากค่ะ
ต่อหน้าธารกำนัล :
1. Womanizer
ที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร กับอันดับหนึ่งชาร์ทเพลงมะกันเพลงที่ 2 ของบริทนี่ย์ สเปียร์สฺ แฟนเพลงกรี๊ดสลบ กะเทยคำนับ ผู้ชายกราบ... ดีเนอะแต่งเพลงรักผัวก็ไม่ดัง แต่งเพลงดีใจมีลูกก็ไม่ดัง แต่ให้คนอื่นแต่งเพลงด่าผัวให้กลับดัง เนื้อเพลงกระแทกกระทั้นเสียดสีสันดานผู้ชายแบบผัวเก่าได้ดีนัก และไม่ว่าจะด้วยแฝงนัยอะไรหรือไม่ เพลงนี้ติดหูมากค่ะ ใช้เครื่องมือหากินระดับโลก "โปรทูล" บรรจงเคาะซินธิไซเซอร์ไถไปมาทั้งเพลง ซ้อนทับกับเบสหนัก ๆ ตระการหู ท่อนฮุคฟังดี ๆ ไพล่ไปคล้ายกับท่อนฮุคของ Ooh Ooh Baby จากชุดที่แล้วเดี๊ยะเลย แต่ก็พอให้อภัยได้ เพราะว่ามันไม่ได้เหมือนกันทั้งเพลง ที่สำคัญคือเสียงของนังบริท!!! หล่อนร้องเต็มเสียงค่ะ ไม่ทำเสียงเหมือนปลากระป๋องอยากออกสู่โลกกว้างแล้ว ไม่งั้นชั้นจะขออาสาลงไปดิ้นตายเป็นคนแรก เพลงนี้ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วก็เป็นบทพิสูจน์ให้กับวงการเพลงโลกด้วยว่า "อย่าคิดว่าโปรดิวเซอร์ดี ๆ จะทำให้เพลงคุณดัง" Womanizer แต่งและโปรดิวซ์โดยสองคู่หูเลือดใหม่ไร้ชื่อเสียงจากแอนแลนต้า นิคิชา บริสโคเอ้ และ ราฟาเอล อาคินเยมิ ที่รวมตัวกันในนาม The Outsyders มีปณิธานว่าจะสร้างสรรค์งานอิเล็คโทรพ็อพ และซินธ์พ็อพเป็นหลัก และผลงานแรกของพวกเขา อิเล็คโทรพ็อพชื่อว่า Womanizer ขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดไปเรียบร้อย ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งเสียงเพลงค่ะ
2. Circus
อิเลคโทรนิก้าพ็อพดาษ ๆ แต่ติดหูหนึบ จ่อคิวเป็นซิงเกิ้ลอันดับ 2 ของอัลบั้ม รายละเอียดไม่มีอะไรนอกจากเสียงคีย์บอร์ด กีต้าร์ กลอง และซินธ์ งานนี้ได้ ดร.ลุค หรือ ลูคัส เซบาสเตียน ก็อตวาลด์ มาทำเพลงให้ทั้งแต่งทั้งโปรดิวซ์ เปรี้ยวไปกว่านั้นคือพี่ท่านลงทุนเล่นดนตรีเองทั้งหมดตั้งกะเกากีต้าร์ รัวคีย์บอร์ด เขย่ากลอง ชนิดทุ่มสุดตัวแบบหวังผล นึกเล่น ๆ ถึงผลงานที่พี่ท่านได้โปรดิวซ์มาอย่าง Since U Been Gone, Behind These Hazel Eyes ของเคลลี่ย์ คลาร์คสัน หรือ Who Knew, U+Ur Hand ของพิ้งค์แล้ว มั่นใจได้ว่าเพลงนี้ดังได้ไม่แพ้กัน
3. Out From Under
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ฟังเพลงช้าเป็นแทร็คที่ 3 จากอัลบั้มของ บริทนี่ย์ สเปียร์สฺ โลกแตกแน่ ๆ ค่ะ แถมเป็นบัลลาดพ็อพแท้ ๆ ซะด้วย (ไม่ใช่บัลลาดกลวง ๆ แบบในชุดที่แล้ว เชอะ) ถึงแม้ว่าจะเป็นบัลลาดตำรับเด็กฝึกร้องเพลงสำนักครูอ้วนเค้าร้องกันแต่ก็เหมาะกับบริทนี่ย์ดีนะ ทั้งทำนอง ดนตรี สวยงามน่าฟังไหลลื่นไม่มีพีค แต่ก็เพราะอ่ะใครจะทำไม อะไรนะ... เหมือน Everytime หรอ เออสิ ก็คนทำเพลงคนเดียวกันนี่หว่า พี่ อลัน อาเธอร์ กัย ซิกเวิร์ธ อดีตสมาชิกวง Frou Frou วงอิเลกโทรนิก้าแห่งเกาะอังกฤษ กลับมาทำเพลงให้แม่บริทถึง 2 เพลงในอัลบั้มชุดนี้ (เพลงช้าทั้งคู่ด้วยนะเธอ) ถ้ายังไม่คุ้นก็ลองไปหาเพลง Nothing Fail ของเจ๊แม่ฟังนะคะจะได้ถึงบางอ้อ หรือว่าถ้าอยากรู้ว่าพี่เค้าเจ๋งขนาดไหนก็ลองหาอัลบั้ม Post, Homogenic, Vespertine, Selmasongs ของบีเยิร์คฟังดูค่ะ ฝีมือพี่เค้าทั้งนั้น
4. Kill The Lights
ซาวด์คุ้น ๆ เหมือนหลุดมาจากอัลบั้มชุดที่แล้ว ดิสโก้ป่วง ๆ ที่ใช้คีย์บอร์ดรังสรรค์ทั้งเพลง ใช้วิชามารประสานเสียงกันจนไม่รู้แล้วว่าไหนเสียงบริทนี่ย์ไหนเสียงคอรัส ยังยืนยันนะคะว่าคอรัสแม่นี่เสียงดีกว่านักร้องนำอยู่หลายช่วงตัว พอพลิกข้อมูลในบุ๊คเล็ตดูชั้นก็เลยได้แต่นั่งถอนหายใจทอดสายตา เออไอ้แดนจา เพลงแกทำก็ดีนะ เท่ดี แต่รายละเอียดมันเยอะไปมั้ยคะคุณ เยอะแล้วมันปวดประสาทค่ะ ท่อนฮุคตอแหลสะกิดขี้หู แต่ไอ้ท่อนเชื่อมนี่มันประหลาดพิลึก ก็ได้แหละ โอกาสเป็นซิงเกิ้ลอยู่ไม่ไกล ยังไงซะชุดนี้ก็ตัดซิงเกิ้ลให้ถึง 5 เพลงนะคะ ถ้าได้ 7 เพลงเท่าริฮันน่าจะดีใจมากค่ะ Light, Camera, Action!
5. Shattered Glass
อีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์โดย ดร.ลุค และเบนนี่ บลังโค ฟังไปฟังมาแทบไม่ต่างไปจากเพลงที่แล้วเลย ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าแยกงานกันทำไม่มีเอี่ยวกันนี่คงคิดไปแล้วว่าคนทำเพลงเป็นคนเดียวกัน อิเล็คโทรนิก้าพ็อพตามความถนัดเจ้าบ้าน ท่อนฮุคติดหู เพลงสั้นดี เนื้อหาไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกันกับดนตรีที่วนบีต ตือ ดึด ตือ ดึด ตลอดทั้งเพลง
6. If U Seek Amy
ทำนองบริทพ็อพบนฐานดนตรีอิเล็คโทรนิก เป็นอีกหนึ่งผลงานมั่วซั่วไถหัวส่งของ มาร์ติน คาร์ล แซนด์เบิร์ก หรือที่เรียกกันติดปากว่า แม็กซ์ มาร์ติน ที่ช่วงหลัง ๆ หันไปเอาดีกับเพลงพ็อพร็อค พอกลับมาทำเพลงแด๊นซ์กระตุกบีท พี่ท่านจึงตีความของดนตรีแด๊นซ์ไว้ว่าความคงที่ต้องวนอยู่กับที่ถึงจะสนุก เออเอากับเขาสิ ทั้งเพลงนี้ของแม่บริท ไม่รู้ว่าด้วยความยินยอมโดยยินดีหรือเปล่า บริทนี่ย์เลยเต็มใจใส่เสียงลิ้นบวม ๆ ร้องวนไปมาผ่านโวโคโด้เข้าเต็มรักตลอดทั้งเพลง ป่วยที่สุดของเพลงนี้คือคอรัส นั่นหมายความว่าส่วนที่ดีที่สุดของเพลงดับไปเรียบวุธ
7. Unusual You
น่าสงสารพี่ Bloodshy and Avant ที่อุตส่าห์ทำเพลงให้บริทนี่ย์ตั้งเยอะ แต่กลับได้เลือกมาใส่ในอัลบั้มแค่เพลงเดียว (อีก 3 เพลงเป็นเพลงแถมไปเสียฉิบ) ความดีความชอบของเพลงก็มีให้พอ ๆ กับทุกเพลงที่ผ่านมา แอบโดดออกมาด้วยกลิ่นของพ็อพยูโรบีทตามความถนัดของพี่เขา มีเปรี้ยวที่แอบใส่ซาวด์แอมเบี้ยนเข้าไปนิดนึง เสียงเปียโนอีกหน่อย ถึงแม้ว่าทุกเสียงจะเป็นเสียงสังเคราะห์ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงมีจังหวะที่ฟังสะอาดหูที่สุดแล้วในอัลบั้ม ไม่รก ไม่เกิน ไม่ขาด
8. Blur
อีกหนึ่งผลงานของตาแดนจา ที่สอบผ่านด้านความติดหู และดูดีมีความพอดี กับเพลงอาร์แอนด์บีเนิบ ๆ ผสมซาวด์สังเคราะห์ในระดับที่งามกำลังดี ภาคดนตรีใส ๆ เคล้าเสียงสังเคราะห์ไหลไปมาไม่มีอะไรให้ระคายหู การเดินเพลงง่าย ๆ ไม่หวือหวา ทว่าจังหวะจะโคนและเสียงเบสกลับเรียบเรียงออกมาได้อย่างสวยงาม น่าเสียดายที่ดนตรีทั้งหมดของเพลงนี้ใช้โปรทูลทำทั้งหมด ถ้าได้นำไปแสดงสดโดยเครื่องดนตรีจริง ๆ คิดว่าคงงามไม่ใช่น้อย เพราะดีค่ะ
9. Mmm Papi
เพลงบ้าอะไรไม่รู้ค่ะ เห็นชื่อคนแต่งเพลงก็ไม่อยากฟังแล้ว เนื้อเพลงก็ประชดชีวิตกลาย ๆ แต่เฉไฉไปในทางเสื่อมเสียระคายปากมดลูก โปรดิวเซอร์ก็โนเนม ใช้ชื่อปลอมว่า Let's Go To War ใครวะ ดนตรีปวดกบาลมากมาย สังเคราะห์เครื่องดีด สังเคราะห์เครื่องตี สังเคราะห์ ปิ๊ว ปิ๊ว เสียงนักร้องก็สังเคราะห์ โอ๊ยยยยยยยยยย สงเคราะห์ชั้นให้ฟังจนจบเพลงทีเถอะค่ะ นี่เป็นหนึ่งในเพลงที่พบอัปลักษณ์ของเสียงบริทนี่ย์มากที่สุด พอ ๆ กับ Cinderella จากชุด อุ๊ปส์ สะดุดตอ... ปัจฉิมลิขิต : คนแต่งเพลงนี้ชื่อ บริทนี่ย์ สเปียร์สฺ
10. Mannequin
เนื้อเพลงตอแหลได้โล่สำนักนายก ฯ บรรจิตบรรจงแต่งจากสมองบวม ๆ ของศิลปิน ภาคดนตรีเป็นอิเลคโทรนิก้าผสานเสียงสังเคราะห์ลอยไปลอยมา เทลำโพงซ้ายไหลลำโพงขวา มาตรฐานช้อนซื้อได้จากชุด Music ของท่านแม่หญิงผู้อุปการะแหนมอย่างเป็นทางการ ในฐานะหย่าผัวลูกสองเหมือนกัน ตัวเพลงได้รับการอำนวยเพลงและร่วมแต่งโดย ฮาร์วี่ย์ เมสัน จูเนียร์ และเดมอน โทมัส สองในสิบจากหุ้นส่วนบริษัทมิวสิคโปรดักชั่นสัญชาติอเมริกันในนาม The Underdog ที่เจ้าหลังเคยทำงานภายใต้อาณัติของ เคนเนธ เบบี้เฟซ เอดมอนด์สฺ มาก่อน ฝีมือตอนนี้เรียกว่าเข้าขั้นเรื่องจานด่วน งานนี้เขาว่าแบ่งมาทำให้ 2 คน อีก 8 คนที่เหลือกำลังไปเคี่ยวอัลบั้มชุดใหม่ของแบรนดี้อยู่จ้ะ เอ้าเค้าว่าออกอัลบั้มเดือนนี้เหมือนกัน ใครมีเงินก็เอาไปซื้ออัลบั้มของแบรนดี้ฟัง น่าจะเพราะกว่านะจ๊ะ
11. Lace And Leather
ไม่รู้ว่าจ่ายค่าตัวเค้าน้อยหรือไง ดร.ลุค ถึงได้มาพร้อมกับเพลงสั้น ๆ แต่ลงมือทำเองหมดทุกขั้นตอน ทั้งแต่ง ดนตรี รวมทั้งเล่นดนตรีเองเสียด้วย ยังคงยืนยันเจตนารมย์เหมือนเดิมของโปรดิวเซอร์ว่าข้าเป็นมือหนึ่งด้านอิเล็กโทรนิก้าพ็อพ เพราะงั้นเพลงจึงตายรังอยู่แค่นั้นแหละ แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย ลักษณะการเดินเพลงเทียบขั้นกับเพลงของมาดอนน่าในชุด Music เลยทีเดียว ทั้งการเดินกีต้าร์สด ๆ การกระหน่ำริฟเบสแท้ ๆ ในช่วงท้ายเพลง และการจัดจังหวะลูกล่อลูกชนของท่อนรับ ฮุค เชื่อม สร้อย บรรเจิดมากค่ะ
12. My Baby
เหมือน Someday (I Will Understand) เลยแฮะ อร๊ายยยยยยยยย คนทำคนเดียวกันอีกแล้ว เพราะค่ะ แต่เบื่ออีบริททำเสียงแบบนี้มากมาย กดต่ำ ลิ้นบวม ทำเสียงใหญ่ หล่อนไม่ใช่ วิทนี่ย์ ฮุสตัน นะยะไม่ต้องพยายาม คุณพี่กัย ซิกเวิร์ธ ก็ช่างใจร้าย เป็นถึงฝ่าย Vocal Production ให้จอช โกรบาน แค่เสียงควายโดนข่มขืนแบบบริทนี่ย์กลับไม่ให้คำแนะนำ ปล่อยให้ออกลูกเรี่ยราดอยู่นั่น นี่ยังดีนะมีเสียงประสานตรงท่อนคอรัส ไม่งั้นคงหลอนเหมือนฟังเสียง ดิมันด้า กัลลัส ตอนสำลักควันธูป
13. Radar
หยาบคายที่สุด เอาเพลงเก่ามาใส่แล้วให้เครดิตเป็นโบนัสแทร็คเนี่ย ถ้าเพลงดีนี่จะไม่ว่า แต่นี่...เรด้า... แทนที่จะเรียกโบนัสเปลี่ยนเป็นเรียกว่าฝันร้ายที่ไม่ยินดีจะดีกว่า กลับไปอ่านรีวิวชุด Blackout ของชั้นเมื่อปีที่แล้วเพลงที่ 3 ได้เลย...เชอะ ขี้เกียจหรอ เออรีวิวอีกทีก็ได้วะ เพลงห่วย ทำนองห่วย ฝีมือไอ้ Bloodshy and Avant แต่ห่วยโอเวอร์ออลคือเสียงร้อง ที่คาดว่าอีบริทคงร้องตอนให้ลูกชายโกนหัวให้ ถ้าอัลบั้มนี้ดีหมด มันจะมีห่วยอยู่ส่วนเดียวค่ะคืออีเพลงนี้ และถ้าคุณ ๆ ผู้อ่านกำลังคิดจะซื้อซีดีของอีนี่ กรุณาซื้อเวอร์ชั่นของอเมริกา เพราะมันจะไม่มีเพลงนี้อยู่ แล้วซีดีของคุณจะมีคุณค่าขึ้นเยอะค่ะ หรือถ้าโหลดมาฟังกรุณาลบเพลงนี้ออกซะ แต่เวอร์ชั่นของไทยที่กำลังจะวาง 18 ธ.ค. นี้ มีเพลงนี้นะจะบอกให้
14. Amnesia
เป็นเพลงแถมที่เข้าท่าที่สุดแล้วในบรรดาเพลงแถมจากทุกอัลบั้มของบริทนี่ย์ ฝีมือการทำเพลงของ เฟอนันโด การ์ริเบย์ โปรดิวเซอร์มือวางไร้อันดับ ผู้อยู่ภายใต้สังกัด Interscope Records ของค่าย Universal Music เจ้าของผลงานสุดฮิตของซี้แม่บริทที่เคยพากันถลกกระโปรงโชว์หนังจิ๋มไร้ขนให้ดังกระฉ่อนโลกมาแล้วอย่าง Stars Are Blind ของ แพรีสสสสสสสสส ฮิลเทิ่น (กรุณาออกเสียงให้ถูกต้องตามกลวิธีการออกเสียงอักขระตามแบบราชบัณฑิตยสถาน จะได้อรรถรสเป็นพิเศษ) อร๊ายยยยยยยยยยย แต่เพลงนี้ดีกว่านั้นย่ะ พ็อพร็อคน่ารัก เสียงเบสหนัก เสียงกลองกระหึ่ม เติมซินธ์เข้าไปอีกหน่อย ร้องตามได้สบายใจเป็นยิ่งนัก ถือเป็นเพลงแถมที่น่ารักมาก ๆ เพลงนึงเชียว
หน้าม่าน :
หลังจากฟังซีดีจบไป 6 รอบ ก่อนเริ่มเขียนรีวิว สิ่งหนึ่งที่เราพบในอัลบั้มนี้คือความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ของบริทนี่ย์กลับคืนมาแล้ว แล้วเราก็หวังว่ามันจะส่งผลถึงโชว์ในทัวร์ของเธอด้วย (แน่นอนว่ารอดีวีดีอย่างใจจดจ่อ) ภาพรวมของอัลบั้มอันดับที่ 6 ของเธอนี้เติบโตขึ้น และเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น เพลงถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากนัก แต่สิ่งที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของบริทนี่ย์ก็คือเสียงร้อง ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และที่สำคัญเธอกล้าที่จะร้องเต็มเสียงเหมือนที่เคยทำในอัลบั้มชุดแรก เป็นสัญญาณอันดีสำหรับแฟนเพลงที่เป็นห่วงเธอว่าอีนี่จะกลับมาบ้าเหมือนเดิมมั้ย เอาเป็นว่าบริทนี่ย์เอามารายห์เป็นแบบอย่างแล้วค่ะ