หญิงโฉม. พิมพ์ว่า:

nini พิมพ์ว่า:

หญิงโฉม. พิมพ์ว่า:

nini พิมพ์ว่า:

เป็นน๋รี

นุ๋รีจะมองมานแบบเหยียดๆ

จิกตาใส่

พอมานมองกลับ

เราก้อทามเป็นเท้าอง

หรือกอดอก

มองหน้ามาน

ถ้ามานยังไม่เลิกมอง

ก้อถามมานไปเลยค่า

"หรือเมิงจะเอา"

ปล.นู่รีมิใช่กระเทยนะค่า

แอร๊ย!!!

กระเทยหัดยอมรับความจิง บ้างอะไรบ้าง นะคะ

สีเกดเร็วๆค่า

อินี่น่าโดนตบมาก

ปล.นุ๋รีเป็นผุ้หญิงนะย่ะ

ค่ะ กระเทย ขา

หร่ออนเป็นผู้หญิงยุคใหม่ มีใข่ยืนเยี่ยว ใช่ไหมคะ

nini พิมพ์ว่า:

หญิงโฉม. พิมพ์ว่า:

nini พิมพ์ว่า:

หญิงโฉม. พิมพ์ว่า:

nini พิมพ์ว่า:

เป็นน๋รี

นุ๋รีจะมองมานแบบเหยียดๆ

จิกตาใส่

พอมานมองกลับ

เราก้อทามเป็นเท้าอง

หรือกอดอก

มองหน้ามาน

ถ้ามานยังไม่เลิกมอง

ก้อถามมานไปเลยค่า

"หรือเมิงจะเอา"

ปล.นู่รีมิใช่กระเทยนะค่า

แอร๊ย!!!

กระเทยหัดยอมรับความจิง บ้างอะไรบ้าง นะคะ

สีเกดเร็วๆค่า

อินี่น่าโดนตบมาก

ปล.นุ๋รีเป็นผุ้หญิงนะย่ะ

ค่ะ กระเทย ขา

หร่ออนเป็นผู้หญิงยุคใหม่ มีใข่ยืนเยี่ยว ใช่ไหมคะ

รังไข่นนุ๋รีอยุข้างในนะค่า

อย่ามาซวื่อบื่อยะ

หญิงโฉม

Lila Hahn พิมพ์ว่า:

ยืนด่าตรงนั้นเลยน่ะค่ะโดยเฉพาะพวกปากดีเวลาเข้ามานัดเจอ
เสือกมาไม่มาเเต่กลับมานั่งปากดีรับหลังเเบบนี้จะด่าให้ หีฉีกไปเลยค่ะ

น้องจอย พิมพ์ว่า:

อสพุภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกุโกสติ ปริภาติ


มีพระสูตรหนึ่งชื่อว่า “อักโกสกสูตร“ น่าจะนำมาใช้กับชีวืตประจำวันเราได้ไม่มากก็น้อย เรื่องมีอยู่ว่า… มีพราหมณ์คนหนึ่งไม่รู้ว่าโกรธแค้นพระพุทธเจ้ามาแต่ปางไหน พบพระพุทธองค์ก็เข้าไปด่า ในพระสูตรนั้นไม่ได้บอกว่าด่าว่าอะไร แต่บอกว่า “อสพุภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกุโกสติ ปริภาติ” แปลว่า บริภาษด้วยวาจาหยาบคาย มิใช่วาจาของสุภาพบุรุษ

เมื่อพราหมณ์ด่าพระพุทธเจ้าจนพอใจแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า “ที่บ้านพราหมณ์มีผู้มาเยี่ยมบ้างไหม?” พราหมณ์ตอบว่า “มีสิ ข้าพเจ้าไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร” พระพุทธองค์ตรัสถามว่า “เวลามีญาติมาเยี่ยมพราหมณ์เอาอะไรต้อนรับ“ พราหมณ์ก็ตอบว่า

“ก็เอาน้ำ ของขบเคี้ยวของกินมาต้อนรับ”

“เมื่อแขกมาที่บ้านท่าน ไม่กินไม่ดื่มของต้อนรับเหล่านั้น ของเหล่านั้นจะเป็นของใคร”

พระพุทธองค์ทรงตรัสถาม “ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าซิ” พราหมณ์ตอบ

พระพุทธองค์ตรัสต่อว่า “เช่นเดียวกันนั่นแหละพราหมณ์ ท่านด่าเรา เราไม่รับคำด่านั้น คำด่านั้นก็ตกเป็นของท่าน” พราหมณ์ได้ยินดังนี้ถึงกับนิ่งเงียบเลย พระพุทธองค์จึงตรัสสอนต่อว่า

“ผู้ใดโกรธตอบคนที่ด่า ผู้นั้นเลวกว่าคนด่าเสียอีก คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่า นับว่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก คนที่มีสติยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธเวลาเขาด่า นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น แต่คนที่ทำได้เช่นนี้ คนไม่ถึงธรรมมักจะกล่าวว่า เป็นคนโง่”

พราหมณ์เมื่อได้ฟังดังนี้ สำนึกในความผิดของตน ว่า ตนไม่สมควรด่าคนที่ไม่ควรด่าอย่างยิ่ง จึงปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา หลังจากบวชได้ไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์


ที่มา : ธรรมะนอกธรรมมาสก์ โดย เสถียรพงษ์ วรรณปก











นะคร่ะ