หลังจากที่เขียนถึงแต่หนังโหดๆ มาหลายครั้งหลายครา ถึงขั้นมีคนถามผมมาว่าเวเฟอร์ไม่ชอบหนังรักหรอ ซึ่งความจริงแล้ว เวเฟอร์นี่ก็คอหนังรักเลยนะครับ เพราะมันเป็นหนังที่สร้างความสุขให้เรา ไม่ว่าเราจะมีความรักหรืออกหักก็ตาม แล้วอีกอย่างหนังรักดีๆ มีมากมายครับ ที่ทรอดแทรกข้อคิดการใช้ชีวิตให้เราศึกษาได้ไม่รู้จบ ซึ่งวันนี้เวเฟอร์ก็ได้คัดเลือก หนังรักทั้งหมดสิบเรื่องที่ประทับใจเวเฟอร์ที่สุดพร้อมยกตัวอย่างข้อคิดเล็กๆ ให้เพื่อนๆ กลับไปคิดกันเล่นๆ ในแต่ละเรื่อง แต่ละเรื่องจะรักหวานซึ้งหรือรักประทับใจแค่ไหน ก็เลื่อนลงไปอ่านกันเลยครับ
คำเตือน: บทความนี้อ้างอิงจากอารมณ์และความรู้สึกของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว โดยลำดับตามหัวใจ ความรู้สึก และความรัก ไม่ใช่ตามลำดับความดีงามของตัวหนังนะครับ
____________________________________________________
อันดับที่ 10 Beauty and the Beast
รักแท้อยู่ที่ใจ ใช่ใบหน้า
เป็นความรักระหว่าง: หญิงสาวแสนหวานกับเจ้าชายที่ถูปสาปให้เป็นอสูรกาย
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: เบลล์ต้องเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อช่วยพ่อของเธอ แต่จับพลัดจับผลู ไปเจอกับเจ้าชายและคฤหาสน์ต้องคำสาป พร้อมตัวละครคลาสสิก มากมายที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
บทเรียนหัวใจ: ภาพยนตร์การ์ตูนคลาสสิกเรื่องนี้เป็นแบล๊คกราวด์ ของเด็กยุคเจ้าขุนทองทุกคน ถึงจะจำรายระเอียดเรื่องราวไม่ได้มากนัก หรือบางคนอาจจะจำไม่ได้ว่าเคยดู โฉมงามกับเจ้าชาบอสูร หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนต้องจำตัวละคนจากเรื่องๆ นี้ได้ แต่นั้นคือความทรงจำและมุมมองของเด็กที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะผมก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่เมื่อผมโตขึ้นมาและหยิบมันมาดูอีกครั้ง พบว่าไม่เพียงแต่จะได้นำตัวละครคุ้นหน้าคุ้นตามาชมอีกครั้ง แต่ได้รื้อฟื้นความรักที่สะท้อนสังคมมนุษย์อย่างมีชั้นเชิง
ทุกวันนี้หากถามคุณๆ ทุกคนว่าเลือกแฟนที่หน้าตาหรือความร่ำรวย แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ตอบว่า ไม่ต้องดูดีมาก แค่พอไปวัดไปวาได้ก็พอ ใช่ไหม? แต่หลังจากคุณตอบประโยคนี้ออกมาแล้ว คุณถามตัวเองซิว่า คุณรู้สึกอย่างที่ตอบไปจริงๆ หรือ ตอบเพราะให้มันฟังดูดี
เพราะไม่ว่าใครจะตอบอะไร อย่างไง ที่แน่ๆ คือไม่มีใครอยากได้แฟนหน้าตาขี้เหล่ใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้น คนเราจะมีหัวใจไว้ทำไม ในเมื่อเราเลือกที่จะรักคนที่หน้าตาแต่แรกอยู่แล้ว? จึงไม่แปลกที่คนเราทุกวันนี้ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองดูดี ให้ใบหน้าสวยงาม เสียเงินเป็นแสนเป็นล้านกับเครื่องประทังความงาม โดยลืมไปว่าสิ่งที่ควรทำให้งดงามไม่แพ้หน้าตาเลยก็คือ หัวใจ เพราะสุดท้ายคุณจะใช้อะไรรักกัน ผิวหนังที่ห่อหุ้มกระดูก หรือจิตใจภายใน ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนอย่างไร
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร คือการเปรียบเปรยความรักได้อย่างมีชั้นเชิงและงดงาม ว่ารักที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใดในร่างกายมนุษย์เรา หากคุณอยากจะรู้ว่าคนรักของคุณนั้นคือรักแท้หรือเปล่า ลองถามใจตัวเองดูซิว่า หากวันหนึ่งแฟนคุณพิการ หรือขาแขนขาด หน้าตาอัปลักษณ์ หรือเป็นอัมพาต คุณพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา ป้อนข้าวต้มเขาไปจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตได้หรือเปล่า หากคุณตอบได้แบบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย ผมก็ขอยินดีด้วยครับ ว่าในหนึ่งชีวิตสั้นๆ ของคุณ คุณคุณได้พบ รักแท้ เข้าให้แล้ว
____________________________________________________
อันดับที่ 9 Billy Elliot
รักที่จะฝัน และรักที่จะตามมันไป
เป็นความรักระหว่าง: เด็กหนุ่ม (ที่แลดูจะเป็นเกย์) กับความฝันของเขาที่จะเต้น
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: พ่อของเขาจ่ายตังให้เขาไปเรียนมวย แต่ในโรงยิมเดียวกันกลับมีการสอนบัลเลย์ของสาวน้อยๆ ด้วยซะนี่ และพ่อหนุ่มบิลลี่ก็เลยวางนวม และคว้าเอารองเท้าบัลเลย์มาสวมแทน
บทเรียนหัวใจ: บ้านของบิลลี่ เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและน่าเบื่อ ปัญหาการเมืองที่กัดกินสังคมให้โหดร้ายและเลวร้ายขึ้นตามวันเวลา ทุกคนนอกจากจะต้องหาเลี้ยงปากท้องให้อยู่รอดแล้ว ยังต้องต่อสู่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการอีก แต่ยิ่งสู้เท่าไหร่ สิ่งที่ได้กลับมาหาใช่อิสรภาพทางการปกครอง สิ่งที่ได้กลับมามีแต่ความเหนื่อยล้า และการสูญเสีย เพราะอะไรนะหรอ? เพราะสิ่งที่เรากำลังสู้เพื่อได้มา มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ น่ะซิ!!
ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นถึงคนที่ต่อสู่เพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างเด่นชัด พ่อและพี่ ที่มีอุดมการณ์แรงกล้า ออกไปยืนตะโกนปาวร้องทุกวันต่อต้านพวกนายทุน โดยเชื่อย่างสุดใจว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะตัวเองต้องการอย่างนั้น (ซึ่งผมก็ไม่เถียงนะครับ) ในขณะที่บิลลี่ น้องชายของบ้านไม่จำเป็นต้องมีอุดมการณ์ที่แรงกล้า หรือแผนการที่ยิ่งใหญ่อะไร เขากลับค้นหาสิ่งที่อยู่ในหัวใจตัวเองได้อย่างแท้จริง เมื่อเขาได้เต้น...
โดยฉากที่เยี่ยมมากฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือตอนที่บิลลี่ไปสอบเข้าโรงเรียนเต้น และหลังการสอบครูคนหนึ่งถามเขาว่า เธอรู้สึกอย่างไร ตอนที่เต้น? คำตอบของบิลลี่นั้นซื่อตรง ใสสะอาดและงดงามอย่างเหลือเชื่อในเวลาเดียวกัน นั้นคือคำตอบของคนที่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้เท่านั้น ความรู้สึกที่ได้ทำในสิ่งที่ตนรักและต้องการอย่างแท้จริง ความรู้สึกที่ทำให้คุณลืมได้ทุกอย่าง และล่องลอยได้เหมือนนก ลื่นไหลได้เหมือนกระแสไฟฟ้า... ผมอยากให้คุณลองหลบหลีกจากสังคมอันวุ่นวายมาซักครั้งแล้วถามตัวเองดูว่าคุณเคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนั้นบ้างหรือเปล่าซักครั้งตั้งแต่เกิดมาในชีวิต... ส่วนตัวผมน่ะหรอ ผมได้สัมผัสมันตอนที่นั่งเขียนบทความนี้ให้คุณได้อ่านยังไงล่ะ
แถม: แล้วดูซิ ว่าหนุ่มน้อยวิ่งตามฝันเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทุกวันนี้โตขึ้นมาน่าหม่ำเพียงใด
____________________________________________________
อันดับที่ 8 Moulin Rouge
ชีวิตช่างงดงาม เมื่อโลกนี้มีเธออยู่
เป็นความรักระหว่าง: สาวนางโรมเพชรน้ำหนึ่ง กับนักเขียนที่ไม่รวยแต่หล่อ
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: ครั้งแรกที่เขาร้องเพลงให้เธอฟัง
บทเรียนหัวใจ: เสียงเพลงกับความรักอยู่คู่กันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเรา หลายครั้งที่เรานั่งฟังเพลงรักแล้วจินตนาการปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ ว่าเพลงนี้ตรงกับชีวิตรักเราเหลือเกิน เพลงนั้นเหมือนกับชีวิตรักเราจริงๆ แต่ไม่ว่าคุณจะปรุงแต่งมันมากน้อยแค่ไหน สาเหตุที่เพลงรักมันตรงใจคุณได้มากขนาดนั้น ก็เพราะว่าคนที่แต่งมันขึ้นมานั้นก็มีความรักเหมือนกันน่ะซิ และมันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานมากสำหรับคนชื่นชอบเสียงเพลงและหลงใหลในความรัก เมื่อมีภาพยนตร์เพลงดีเสียงร้องเพราะๆ มาให้ได้ชมกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนออย่างเห็นได้ชัดว่าความรักเอาชนะอุปสรรคได้ทุกอย่าง ถึงแม้บางทีอาจจะไม่สมหวังดังหมายปอง แต่ก็ยังได้มีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ได้มีช่วงเวลาที่รักกัน นั้นมันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้รักใครซักคนจากใจจริง ประเด็ดนี้ถือว่าถูกใจผมมากๆ เพราะที่เราเห็นได้ชัดในภาพยนตร์คือ เมื่อคู่พระนางนี้รักกัน เขาสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนผ่านบทเพลงแสนไพเราะและงดงาม ถึงแม้ว่าอุปสรรคจะเยอะขนาดไหน เขาก็ยังคงจะรักกัน ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นคู่สามีภรรยาเปิดตัวต่อใครต่อต่อ แต่เขาก็ยังรักกัน ถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะตายจากกันไป เขาก็ยังได้จดจำว่ามันมีช่วงเวลาที่พวกเขาได้ รักกัน
คุณเคยบ้างไหมที่คุณรักใครซักคนมากมายถึงขั้นที่ต้องสารภาพรักให้ได้ โดยที่รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่า รักนี้ไม่มีทางสมหวังอย่างแน่นอน หรือรักนี้ไม่มีทางเป็นไปตามที่เราวาดแน่ๆ
และในโลกแห่งความเป็นจริงก็คงไม่มีรักใดเป็นไปตามที่เราวาดไว้ทุกประการหรอกครับ แต่ที่สำคัญคือเมื่อคุณได้รักแล้วคุณต้องกล้าที่จะบอกออกไป ต้องกล้าที่จะแสดงให้เขาได้รับรู้ หากคุณต้องการความรักเฉกเช่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ (แต่การบอกรักนั้นมันยากกว่าการแอบรักประมาณร้อยเท่าเห็นจะได้ใช่ไหมครับ) หรือไม่คุณก็ลองร้องเพลงบอกรักดูซิครับ คุณอาจจะได้เป็นคู่พระนางคู่ใหม่ที่หอมหวานกว่าคู่พระนางใน มูแลง รูจ เรื่องนี้ก็ได้
และเมื่อรักหวานๆ ถูกเล่าขานในบทเพลงแสนไพเราะ ที่มีการนำเสนอได้อย่างน่าประทับใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ โดยที่ไม่เพียงแต่จะนำกระแสภาพยนตร์-เพลงให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่ยังนำเสนอความรักดีๆ ให้เราได้ซึมซับกันอีกด้วย เพราะประโยคหนึ่งในหนังได้บอกเราไว้ว่า ไม่ว่าในอนาคตข้างหน้าคุณจะเศร้าโศกหรือย่ำแย่แค่ไหนอยากให้คุณนึกต้องตอนที่คุณมีความรัก ตอนที่คุณได้อยู่ในอ้อมกอดกันและกันและบอกกับคนรักของคุณว่า
How wonderful life is, now youre in the world
____________________________________________________
อันดับที่ 7 มะหมาสี่ขาครับ
เอ้า !! หนังไทยติดอันดับโพลของเวเฟอร์ ด้วย !!!!
เป็นความรักระหว่าง: เจ้านาย, หมา และ วัด
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: เราเดินทางไปยังสุนัขวดีกันเถอะ
บทเรียนหัวใจ: ในชีวิตของคนเรา สุนัขคือสัตว์เลี้ยงที่รักคุณได้มากไม่แพ้เพื่อนแท้คุณเลยครับ บางทีพวกมันอาจรักคุณมากกว่าชีวิตตัวเองซะอีก ที่ผมกล้าพูดอย่างนี้ก็เพราะผมเลี้ยงหมาที่บ้านผมถึงสิบเอ็ดตัวด้วยกัน และฟังดูอาจจะบ้าว่าผมเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าหากหมาผมพูดได้ ทุกตัวคงพูดได้เลยว่ามันยอมตายแทนผมได้ และอาจฟังดูบ้ากว่าที่ผมก็พูดเช่นนั้นกับพวกมันเหมือนกัน
สุนัขที่คุณเลี้ยงพวกเขาด้วยใจ มันก็จะรักคุณด้วยใจเช่นกัน ตรงกันข้ามกับบางคนที่เลี้ยงเพียงเพราะมันน่ารักตอนเด็กๆ พอโตขึ้นก็เอามันไปปล่อยเอาไปไว้ที่อื่น เห็นมันกลายเป็นภาระ ทั้งที่ตอนมันเด็กคุณเอามันนอนเตียงเดียวกันคุณ โดยที่ไม่ถามมันเลยว่ามันอยากนอนกับคุณหรือเปล่า!!
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสุนัขหรือ หมาไม่มีเจ้าของ กลุ่มหนึ่งที่พยายามเดินทางไปสุนัขวดี ที่ว่ากันว่าเป็นตำนานของหมาๆ ว่ามันคือดินแดนแห่งความสุขของสุนัข ยามหิวก็อิ่ม ยามเจ็บก็หาย ระหว่างที่ผมนั่งชมผมก็ขอสาบานจากใจจริงเลยว่าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่ที่พวกสุนัขกำลังกล่าวถึงกันก็คือ วัด!!
ที่ๆ คนชอบเอาหมาไปปล่อยที่สุดอันดับหนึ่งของประเทศไทย!! สำหรับพวกสุนัขจรจัดวัดเปรียบเสมือนสวรรค์ของพวกมันเลย ทั้งที่คนที่เอาไปปล่อยเพียงแค่ต้องการกำจัดภาระให้พ้นๆ ตัวเองไป ไม่เคยคิดสงสารว่าหมามันก็มีความรู้สึกและมีหัวใจเหมือนกัน เมื่อโดนทิ้งมันก็เจ็บและเหงาเป็นเหมือนกัน
ในนาทีที่มันโดนทิ้ง มันมองหาว่าเจ้านายของมันอยู่ที่ไหน และคุณเชื่อหรือไม่ว่า เมื่อหมามันรักเจ้านายของมันแล้ว ไม่ว่านานแค่ไหน มันจะไม่ลืมเจ้านายของมันเลย จนมันตาย มันรักเจ้านายของมันตลอดเวลาโดยที่ไม่สนว่าเจ้านายของมันคือคนที่หล่อที่สุด สวยที่สุด ดังที่สุดหรือเปล่า มันคือสิ่งมีชีวิตที่รักคุณได้ เพราะคุณคือคุณ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนใจดำและปฏิบัติต่อหมาอย่างไร้หัวใจ ให้เราเห็นเป็นหมาวัดหมาข้างถนนทุกวันนี้ ซึ่งว่ากันว่าใครที่ปฏิบัติกับหมาอย่างไร ก็แปลว่าเขาก็ปฏิบัติกับคนที่ด้อยกว่าเขาเช่นนั้นเหมือนกัน
ถึงกระนั้นก็ตามหมากลุ่มนี้ก็พยายามที่จะเดินทางไปยังดินแดงในตำนานที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า แต่หากคุณได้ลองหาหนังไทยเรื่องนี้มาดู คุณอาจจะมองเห็นแววตาของพวกเขา และเข้าใจพวกเขาขึ้นมาบ้าง ว่าการการนอนหิวข้างถนนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมันทรมานขนาดไหน ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ และพวกเขาก็เคยเป็นคนรักของพวกคุณด้วยซ้ำไป
____________________________________________________
อันดับที่ 6 Broke back Mountain
ฉันล่ะ อยากรู้วิธีตัดใจจากนาย
เป็นความรักระหว่าง: ชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์รูปหล่อสองคน
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: อากาศมันหนาวและเขาพวกต้องมานอนเต้นเดียวกัน
บทเรียนหัวใจ: ผมเชื่อว่า น้อยคนนักที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Broke back Mountain แล้วจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าอะไรออกมา มันไม่ใช่แค่ว่าชายรักชาย มันไม่ใช่แค่ว่าพวกเขาได้กันหรือรักกัน แต่ทุกอย่างในภาพยนตร์นำไปสู่เหตุการณ์ที่บอกเราว่าไม่ว่ายังไงเมื่อพวกเขารักพวกเขาก็เจ็บ เมื่อพวกเขาผิดหวัง พวกเขาก็เสียใจ เพราะหากจะว่าไปแล้ว เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถนำตัวละครหลักทั้งสี่ไปสู่ความเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น ทั้งที่ไม่มีใครทำอะไรผิด ทั้งที่ไม่มีใครเป็นผู้ร้าย พวกเขาเพียงแค่มีความรัก...
ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงถึงเหตุการณ์แห่งความผิดหวังและเสียใจ ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งที่จับต้นชนปลายแล้ว ไม่มีใครมีจุดประสงค์ร้ายในเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป แต่สาเหตุแห่งความผิดหวังและเสียใจเกิดมาจากการตัดสินใจและจิตใต้สำนึกของตัวละครแต่ละตัวเองทั้งนั้น
ความรักในชีวิตจริงย่อมมีอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อย อยู่ที่ว่าคุณสามารถรับมือและตัดสินใจเลือกทางเดินไปสู่ความสุขหรือความโศกในรูปแบบไหน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนตัวอย่างที่ดีมากในการตัดสินใจ เลือกทางเดิน เมื่อเรามีปัญหาแล้วเราจะเพ่งความสนใจไปที่ปัญหา หรือวิธีแก้ นั้นคือสิ่งที่เราต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะคนเราส่วนมากจะให้ความสนใจกับปัญหามากกว่าทางแก้ไขมันซะอีก จนกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นแล้ว
หลายคนเลือกที่จะแก้ปัญหาผ่านไปวันๆ มีความสุขในวันนี้แต่กลับไม่มองถึงอนาคตระยะไกล บางครั้งกว่าจะรู้ตัว คุณก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้อีกแล้ว และนั้นอาจเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้ในความรัก เมื่อเขาจากคุณไป คุณก็ไม่สามรถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณจะรักเขาแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณจะมีความสุขแค่ไหนก็ตาม หากคุณรอจนถึงจุดที่ว่าสายเกินไป สุดท้ายคนที่เจ็บและทรมานที่สุดก็คือตัวคุณเอง
หากจะหยิบยกตัวอย่างแห่งความผิดหวังและความเสร้าโศก Broke back Mountain คือตัวอย่างที่แสดงได้อย่างชัดเจนและทรมานหัวใจอย่างสุดซึ้ง ว่านี่ไม่ใช่เพียงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่นี่คือกระจกที่สะท้อนหัวใจได้ชัดเจนที่สุดสิ่งหนึ่งที่คุณจะสัมผัสได้เลย
____________________________________________________
อันดับที่ 5 WALL E
รักแท้ ในกองขยะ
เป็นความรักระหว่าง: หุ่นยนต์เก็บขยะรุ่นโบราณกับหุ่นยนต์สำรวจไฮเทครุ่นใหม่ล่าสุด
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: เขาได้เห็นเรือนร่างอันขาวผุดผ่องของเธอ เป็นครั้งแรก
บทเรียนหัวใจ: ว่ากันว่า รักแรกพบ นั้นเป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอีกคนหรือชักจูงจิตใจให้คล้อยตามกระแสแห่งความรักได้มากมายเกินพรรณนา ว่าแล้วคุณล่ะครับ จำรักแรกพบครั้งแรกของคุณได้ไหม?
ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยขยะในโลกอนาคต ยังสามารถมีความรักเกิดขึ้นได้ และที่มันแสบก็คือเจ้าหุ่น Wall E ที่ว่านี่สามารถมีความรู้สึกนึกคิด หรือกระทั้งมีหัวใจที่รักได้ ด้วยการซึมซับของที่มนุษย์เราทิ้งแล้วทั้งนั้น หรือขยะนั้นเอง ซึ่งทุกวันนี้ ขยะที่เราเห็นว่าไร้ค่า กลับแฝงด้วยจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์มากกว่าในตัวมนุษย์บางคนด้วยซ้ำไป
ซึ่งนอกจากจะซึ่งซับหัวใจความเป็นมนุษย์จากกองขยะแล้ว Wall E ของเรายังเป็นคนรักที่สุดจะโรแมนติกอีกซะด้วย และเขาก็เป็นตัวสะท้อนสังคมเน่าๆ ให้เราได้เห็นว่าความรักนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเก็บขยะ หรืออะไรก็ตาม และไม่ว่าสภาพแวดล้อมคุณจะโหดร้ายแค่ไหน มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคำว่ารักเลย เพราะเมื่อคุณมีความรักขึ้นแล้วมาแล้วนั้น มันก็ว่ากันที่เรื่องของใจ ล้วนๆ
ความรักที่ Wall E มีเป็นอะไรที่บริสุทธิ์และจริงใจ เมื่อรักครั้งแรกที่เราหลายคนเคยได้มีกัน เมื่อคุณมีความรักเช่นนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนหัวใจได้ล่องลอยไปในอากาศ คุณยิ้มได้ทั้งวันเพียงแค่คิดถึงหน้าเขา คุณนอนหลับฝันดีเพียงแค่นึกถึงรอยยิ้มเขา คุณอยู่ได้ตลอดไปขอเพียงแค่มีเขา และสิ่งที่คุณปรารถนายิ่งกว่าอื่นใด เพียงแค่การได้จับมือเขาเท่านั้นเอง
จะเห็นได้ชัดว่าความรู้สึกเช่นนี้หาได้มีเรื่องเงินทอง หน้าที่การงาน หรือความหรูหราไฮโซมาเกี่ยวข้องแต่ประการใด ความรักที่ว่าอาจถูกบางคนมองเป็นความรักเด็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า รักครั้งแรกเช่นนี้เป็นความทรงจำที่ไม่มีใครลืมได้ลง และความสุขเมื่อคุณได้หลงรักใครขนาดนี้ คือความสุขล้นใจหัวใจของคุณ ที่ผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยังจำได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าจะไม่รักเขาแล้วก็ตาม...
แต่ในปัจจุบันคนเราทุกวันนี้กลับมีแต่ปัญหาและเหตุผลที่จะเกลียดกัน เหตุผลที่จะทะเลาะกัน เหตุผลที่จะไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่เหตุใดหนอจึงยากเย็นนัก ที่จะหาเหตุผลที่จะรักกัน? ทั้งที่ความรักนั้น มันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลด้วยซ้ำไป เพียงแค่คุณคิดจะรัก คุณก็รักได้แล้ว
และหลังจากที่ผมชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในใจผมก็คือความรักนี่แหละครับ มันทำให้ผมนึกย้อนไปนึกถึงรักครั้งแรก ว่ามันสามารถสร้างความสุขให้กับเราได้มากแค่ไหน และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ความรู้สึกเช่นนั้น บางคนอาจไม่เห็นค่าหรือไม่ต้องการ แต่สำหรับผม ขอแค่ได้รักใครซักคนได้มากขนาดนั้น ก็ถือว่าเป็นความสุขแล้ว โดยที่ไม่สนหรอก ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพราะการที่เราได้รักใครซักคน โดยที่ไม่หวังอะไรนอกจาก ส่งความรู้สึกดีๆ ให้เขา เป็นห่วงเขา และต้องการเพียงแค่ได้ จับมือ เขา
ผมว่ามันคือสิ่งที่งดงามและวิเศษที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้กับจิตใจมนุษย์เมื่อมีความรักแล้วละครับ
____________________________________________________
อันดับที่ 4 Artificial Intelligent
รักใดจะสุขใจได้ เท่ารักแม่
เป็นความรักระหว่าง: คุณแม่จนตรอก กับลูกชายสุดน่ารักที่เป็นจักรกลอัจฉริยะ
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: คุณแม่พูดว่า... เซอร์คัส, โซเครเทส, พาร์ทิเคิล, เดซิเบล, เฮอร์ริเคน, ดอลฟิน, ทิวลิบ, โมนิกา, เดวิด, โมนิกา......
บทเรียนหัวใจ: เมื่อเดวิดได้ยินรหัสทั้งสิบคำ มันจะถูกโปรแกรมเข้าไปในสมองเขาถาวรให้เขารักแม่คนนี้ตลอดไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่ากว่าโลกนี้จะดับสิ้น...
นี่คือภาพยนตร์ที่ผสมผสานคำว่าเครื่องจักรและเทพนิยายได้ อย่างนุ่มนวล และอ่อนโยน เมื่อเดวิดต้องออกเดินทางตามหาเทพธิดา บลูแฟร์รี่ ในนิทานพิน๊อคคิโอ เพื่อเสกเขาให้เป็นเด็กจริงๆ และกลับไปอยู่กับแม่อย่างมีความสุข
ซึ่งความเป็นไปได้นั้นไม่มีเลย ที่จักรอัจฉริยะในโลกอนาคต จะตามหาตัวละครในเทพนิยายได้ แต่เขาต้องทำเพราะเขาหวังว่าเขาจะได้เจอเธอ เขาหวังว่าจะได้รักและกอดแม่เขา เท่านั้นเอง ซึ่งความหวังลมๆ แล้งๆ นี่ก็เกิดมาจากกิเลสของมนุษย์ทั้งนั้นแหละ (เจ้าเก่า)
แต่นั้นหาใช่ประเด็นหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่ผมอยากชี้ให้ดูอย่างชัดๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ความรักแม่ของเดวิด ที่เขามี ทั้งที่เขาเป็นเครื่องจักรกลความรักของเขาคือสิ่งที่ถูกโปรแกรมมา หาใช่ความรักที่เกิดจากหัวใจอย่างที่เราๆ มี แต่ตามเนื้อเรื่องเดวิดนี่เป็นหุ่นยนตร์ตัวแรกที่สามารถรักด้วยใจจริงๆ และมีความฝันความต้องการไม่ต่างจากคน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเป็นหุ่นยนตร์ ไม่ว่าเขาจะรักแม่เขาแค่ไหนก็ตาม แต่จะมีใครเล่ารักหุ่นยนตร์ได้เปรียบเสมือนลูกในไส้ตัวเอง สงสัยเพราะเดวิดนี้สร้างมาเพื่อรัก ไม่ได้สร้างมาเพื่อถูกรัก เปรียบเสมือนอดัมที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้รักเป็นแต่ไม่จำเป็นต้องรักพระเจ้า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่เดวิดทำในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะสร้างความประทับใจให้คุณน้ำตาคลอได้ไม่ยาก และจะช่วยให้คุณหวนรำลึก ถึงความรู้สึกครั้งสมัยเด็กๆ ที่ทุกวันนี้คุณอาจไม่ได้ทำมานานแล้ว มันคือความรู้สึกเวลาที่คุณ กอดแม่ คุณจำได้ไหมว่าเวลากอดแม่นั้นอบอุ่นแค่ไหน เวลากอดแม่คือเวลาที่คุณกอดคนที่คุณมั่นใจว่าเขารักคุณที่สุดในโลก คุณไม่ต้องกังวลใจใดๆ คุณเอื้อมมือกอดแม่เต็มอ้อมแขน หลับตา มันคือเวลาที่อบอุ่นที่สุดในชีวิตที่คุณจะหาได้ และไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดชีวิต ขนาดเดวิดที่เป็นหุ่นยนตร์ยังพร้อมเสมอที่จะกอดแม่ แล้วคุณเป็นมนุษย์แท้ๆ ก็อย่าให้แพ้เดวิดแล้วกัน ว่าแล้วอ่านจบก็เดินไปกอดแม่เลยครับ เพราะนาทีที่คุณรับรู้ว่าคุณจะไม่ได้กอดท่านอีกแล้ว นั้นคือนาทีที่เหงาและอ้างว้างที่สุดในชีวิตครับ เชื่อผม...
____________________________________________________
อันดับที่ 3 I am Sam 2005
หนูไม่ต้องการพ่อคนไหน นอกจากเขา
เป็นความรักระหว่าง: ลูกสาวเจ็ดขวบหัวดี กับคุณพ่อปัญญาอ่อนที่สมองเท่ากับเด็กหกขวบ
[B]ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: แซมมองหน้าลูกเป็นครั้งแรกเมื่อเธอถือกำเนิน และบอกว่าเธอคือ Lucy in the sky
บทเรียนหัวใจ: ลูซี่เป็นเด็กหญิงที่ฉลาดเป็นกรด ทั้งที่เธอถูกเลี้ยงดูโดยพ่อที่มีสติปัญญาเท่ากับเด็กหกขวบเท่านั้นเอง ทั้งทีทุกวันนี้เราได้เห็นในโฆษณาทีวีกันทุกสามวินาที ว่าด้วยเรื่องของการเลี้ยงลูก ว่าต้องเตรียมพร้อมและทุ่มเทมากเพียงใด เริ่มตั้งแต่ อยู่ในครรภ์ เข้าอนุบาล เรียนบัลเลย์ เปียโน ยิมนาสติก และอีกสารพัดพร้อมจะยัดลงไปให้ลูกๆ ซึ่งสิ่งเหล่านั้น แซมไม่เคยมีพร้อมให้ลูกเขาเลยแม้แต่อย่างเดียว สิ่งเดียวที่แซมมีไว้เลี้ยงลูกเขาอย่างดีเยี่ยมมาตลอดก็คือ หัวใจ เท่านั้นเอง
นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงลูก แต่ถึงกระนั้นนักสังคมสงเคราะห์ ก็ไม่สามารถปล่อยลูซี่ ให้ถูกเลี้ยงดูโดยคนปัญญาอ่อนต่อไป และตั้งใจจะหาครอบครัวที่เหมาะสมให้เธอ ซึ่งต่อให้ครอบครัวนั้นคือราชินีจากอังกฤษ ลูซี่ ก็คงไม่มีความสุขเท่ากับตอนที่อยู่กับแซมหรอก เพราะเขาคือพ่อของเธอ พ่อปัญญาอ่อนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่นาทีแรกในชีวิต...
สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนำเสนออกมาเป็นเรื่องของใจล้วนๆ กับคำถามที่ว่า คนปัญญาอ่อน ที่ไม่มีอะไรมาเลี้ยงลูกนอกจากหัวใจ นั้นเพียงพอไหมสำหรับเธอ หากคนในครอบครัวของคุณคนใดคนหนึ่งมีสติไม่สมประกอบ คุณจะรักเขาไหม? คุณจะเลือกรักเขาตลอดไปเพราะเขาเป็นครอบครัวหรือเปล่า?
หากชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วตั้งคำถามให้กับหัวใจตัวเองมันอาจจะเปลี่ยนนิยามในใจคุณได้มากมายเลยทีเดียว ว่าบางทีคนเมืองหลวงกับชีวิตเมืองหลวงนั้น มันรีบร้อนไปซะหมดจนเราลืมไปที่จะรักกันหรือเปล่า ลืมไปที่จะใส่คนในครอบครัวหรือเปล่า
ทุกเหตุการณ์และเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเรียกน้ำตาจากคนหัวใจอ่อนโยนได้ไม่ยาก เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงที่พ่อและลูกคู่นี้มีต่อกัน ไม่ว่ากฎหมายจะถูกต้องซักแค่ไหน ไม่ว่าใครจะมีอำนาจล้นท่วมฟ้า ทั้งหมดเทียบไม่ได้กับหัวใจของครอบครัวที่รักกัน เพราะมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก...
____________________________________________________
อันดับที่ 2 Eternal sunshine and the spotless mind
จิตใจที่ไร้มลทิน จะได้พบแสงสว่างชั่วนิรันดร์
เป็นความรักระหว่าง: หญิงชายคู่หนึ่งที่รักกันมาหลายปี แต่เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้งกลับจำกันไม่ได้
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: ผมอยากจะลบผู้หญิงที่ชื่อคลีเมนไทม์
บทเรียนหัวใจ: ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสมอมุมมองความรักหลายด้านมากๆ หากจะนั่งวิเคราะห์กันให้ครบทุกแง่ทุกมุม อาจต้องใช้เวลาซักระยะ (และเบียร์หลายลัง) เพราะมันไม่เพียงแต่ให้เราได้เห็นถึงรักแท้ของคนสองคน ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังให้เราได้เห็นถึงชีวิต และด้านลบของความรัก ผลกระทบที่มันทำร้ายจิตใจของเราได้มากขนาดไหนเมื่อรักนั้นไม่สมหวัง รวมไปถึงว่าเราจะรับมือยังไงกับความเจ็บปวดเหล่านั้นด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอได้แปลกและแหวกแนวอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ด้วยเรื่องที่ว่าคลินิกแห่งหนึ่งสามารถที่จะลบความจำคุณได้ หากคุณต้องการลืมบุคคลใดบุคคลหนึ่งออกจากสมองของคุณ และเมื่อผ่านกระบวนการแล้วคุณจะจำไม่ได้อีกเลยว่าเคยรู้จักคนๆ นั้นในชีวิตของคุณ คุณจะเห็นเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง และผมขอถามคุณว่าหากคุณเลือกที่จะลบ คุณจะลบใครออกจากชีวิตของคุณ คำตอบคงไม่ใช่คนที่คุณเกลียด หรือศัตรูคุณอย่างแน่นอน เพราะผมมั่นใจว่าหากมีใครที่ตอบว่าจะลบ คนๆ นั้นต้องเป็นคนที่คุณรักมากใช่ไหม?
เพราะจิตใจมนุษย์นี่เป็นอะไรที่แปลกประหลาดยิ่งนัก จนวิทยาศาสตร์แขนงใดก็ไม่สามารถหาคำจำกัดความได้ หากคุณรักใครซักคนมากขนาดนั้น แต่ทำไมคุณถึงอยากลบเขาออกจากความทรงจำของคุณล่ะ ซึ่งคำตอบก็คงจะเป็นเพราะ เมื่อความรักมันตรงกันข้ามกับที่คุณคาดหวังไว้ คุณจะเจ็บมาก ก็เพราะคุณรักเขามากใช่ไหมล่ะ และบางครั้งมันเจ็บจนคุณทนไม่ไหว และบางครั้งมันเจ็บ เจ็บ และเจ็บอยู่อย่างนั้น มันเจ็บและทรมาน เจ็บจนคุณร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา หรือเอามือทุบหน้าอกตัวเองโดยหวังเพียงแค่ว่ามันจะหายเจ็บเพียงซักวินาที แต่มันก็ไม่หายเจ็บแม้แต่นิดเดียว มันกลับทรมานจนคุณไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่สามารถหาวิธีมารักษามันได้ นอกจากลบมันออกไปซะ ลืมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาคนนั้น
ใช่แล้วความรักมันช่างเจ็บปวดนัก และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็นำเสนอและนำแสดง ได้อย่างงดงามและวิจิตรมากๆ เลยทีเดียว รวมไปถึงเหตุการณ์ก็พลิกแพลง และประทับใจในระดับสูงอีกด้วย เพียงแค่คุณเคยรักใครซักคนและเจ็บมากขนาดนี้ คุณจะเข้าใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันสะท้อนหัวใจมนุษย์ได้ชัดเจนเพียงใด หากคุณได้ชมแล้วลองถามตัวเองว่าคุณจะทำเช่นไร คุณจะลบคนที่ทำให้คุณเจ็บขนาดนั้นไหม คุณจะตัดสินใจลืมทุกอย่างได้ลงไหม และหากคุณลบไปแล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าคุณจะไม่หลงรักอีกและเจ็บอีกเป็นครั้งต่อไป เพราะอย่างไรตราบที่เรายังเป็นมนุษย์ ตราบที่เรายังมีหัวใจ ผมเชื่อว่าเราพร้อมที่จะมีความรักได้เสมอ ไม่ว่ามันจะแลกมาด้วยความเจ็บมหาศาลแค่ไหนก็ตาม...
เมื่อรักแล้วเจ็บมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตเรา จนหลายคนเหนื่อย ล้าและท้อ ลองหาภาพยนตร์เรื่องนี้มาชมกันครับ แล้วรักครั้งต่อไปของคุณอาจไม่เป็นเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มาก็ได้ เพราะสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้บอกกับเราตั้งแต่หน้าปกและชื่อเรื่องเลยก็คือ จิตใจที่ไร้มลทิน จะได้พบแสงสว่างชั่วนิรันดร์
____________________________________________________
อันดับที่ 1 Juno
ท้องทะเลแห่งความรัก
เป็นความรักระหว่าง: ก้อนเนื้อมีชีวิต กับคุณแม่วัยสิบเจ็ด
ความรู้สึกบังเกิดเมื่อ: แท่งตรวจตั้งครรภ์ มีเส้นขึ้นสองขีด
บทเรียนหัวใจ: แน่นอนว่าอุปสรรคและปัญหามันตามมาเป็นโขยงอยู่แล้ว เมื่อเด็กหญิงวัยสิบเจ็ดอย่างจูโน่ พบว่าตัวเองตั้งท้อง ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเธอต้องพบอุปสรรคอะไรบ้าง แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เมื่อก้อนเนื้อในท้องของเธอเริ่มเติบโตและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์...
แต่จูโน่ไม่คิดจะเอาเด็กออก หรือเก็บเด็กไว้เอง เธอตั้งใจจะยกลูกให้กับครอบครัวที่อยากมีลูก และพร้อมจะเลี้ยงเขาให้ดีต่อไป ฟังดูไม่น่าเครียดนัก แต่ ณ จุดนี้ หากไม่ได้มาสัมผัสเอง คงไม่มีใครเข้าใจว่าความรู้สึกนั้นมันตื้นตันเพียงใด
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความรู้สึกดีๆ และมุมมองชีวิตให้เราขบคิดได้ไม่รู้จบ จากปัญหาของเด็กวัยรุ่นเพียงหนึ่งคน แต่มันคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในชีวิต ไม่เพียงแค่ชีวิตคนใดคนหนึ่งแต่มันจะสะท้อนชีวิตของทุกคนที่เคยได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ในภาพยนตร์เราสามารถสัมผัสความรู้สึกของผู้หญิงได้สองคนอย่างชัดๆ นั้นก็คือจูโน่และวาเนสซ่า ผู้ที่กำลังจะได้เป็นแม่คนเพราะจูโน่จะยกลูกให้เธอ ตลอดเวลาที่นั่งชมภาพยนตร์เราจะได้เห็นคำพูดเสียดสีสังคมจากฝีปากของจูโน่เป็นระยะๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอคนนี้มีมุมมองต่อโลกอย่างค่อนข้างทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่เพียงแค่วัยรุ่นที่ท้องป่องธรรมดาๆ แต่ถึงกระนั้นการตั้งครรภ์ ก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตของเธอ การตัดสินใจที่จะส่งผลไปอีกตลอดชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตเธอ แต่มันหมายถึงชีวิตเด็กในท้องของเธอด้วย
ส่วนวาเนสซ่ากับความรู้สึกของผู้หญิงที่ต้องการเป็นแม่คน ที่พร้อมจะอุ้มลูก ในตอนแรกผมสารภาพได้เลย ว่าผมก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมผู้หญิงบางคนถึงต้องอยากเป็นแม่คนซะขนาดนั้น ทำไมการมีลูกเป็นความฝันของพวกเธอ เพราะจากที่ผมเห็นมาการมีลูกแลดูจะเป็นปัญหาซะมากกว่า นั้นก็เพราะผมมองข้ามไปจุดหนึ่ง ว่าในปัญหาล้านแปดที่ลูกนำมาให้พ่อแม่นั้น มันมีอีกสิ่งหนึ่งที่แฝงมาด้วย
ความรู้สึกหนึ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนออกมาได้อย่างประทับใจและงดงามมาก มันเริ่มต้นจากปัญหาของการตั้งท้องของเด็กวัยรุ่นเพียงหนึ่งคน แต่มันนำไปสู่บทสรุปที่ประทับใจหัวใจทุกดวง นั้นคือ... ในนาทีที่วาเนสซ่าได้อุ้มลูก วินาทีนั้น คือสิ่งที่ทรงพลังและงดงามที่สุดที่มนุษย์จะสามารถสัมผัสได้ นาทีที่คนเป็นแม่ได้อุ้มลูกเป็นครั้งแรก นาทีที่นิ้วเล็กๆ จับรอบนิ้วมือแม่ นั้นคือความรักที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน ความรักที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ที่สุด นั้นคือความรักที่แม่มีต่อลูก ไม่ว่าอนาคตลูกจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าปัญหารอบด้านจะรุมเร้าแค่ไหน ลูกก็คือลูกของแม่ และคนเป็นแม่จะรักลูกตลอดชีวิตไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจวบจนความตายมาพรากจากเราสองคน เพียงแค่ได้เป็นลูกของแม่มันเหมือนได้เวียนว่ายอยู่ในท้องทะเลแห่งความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดตลอดไป และตลอดไป...
แก้ไขล่าสุดโดย Darth เวเฟอร์ เมื่อ Mon Jul 20, 2009 10:10 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________
คุยหนังภาษาหมา