ในที่สุดในเดือนที่เงียบเหงาอย่าง April ... "Clash of the Titans" ก็สามารถทำรายรับเปิดตัวที่น่าพอใจ ซึ่งกวาดไปถึง 61 ล้านเหรียญ US ซึ่ง ถือเป็นการเปิดตัวที่สูงที่สุดอันดับ 1 ตลอดกาลในเทศกาล Easter ที่อเมริกา ซึ่งเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง Scary Movie 4 ที่ครองแชมป์มายาวนาน 4 ปี ที่ 40 ล้านเหรียญ ในปี 2006
ในหนังหนุ่มลูกครึ่งเทพและมนุษย์ "เพอร์ซิอุส" เอาชนะทั้งเหล่าทวยเทพ และมนุษย์ในตอนจบของเรื่อง ส่วนในวงการภาพยนตร์ "Clash of the Titans" ทุบคู่แข่งขาด กลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ตามคาด
Clash of the Titans ภาพยนตร์ว่าด้วยตำนานเทพปกรณัม ซึ่งเป็นการนำหนังเก่าคลาสสิคปี 1981 กลับมาสร้างใหม่ด้วยเนื้อหาใกล้เคียงของเขา แต่ขายความน่าตื่นตาตื่นใจของเทคนิคพิเศษ CG กลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 บ็อกออสฟิศอเมริกันสัปดาห์ล่าสุดด้วยรายได้ 61.4 ล้านเหรียญฯ รวม กับการฉายรอบพิเศษ หนังแอ็กชั่นแฟนตาซีเรื่องนี้ทำรายได้ไปแล้ว 64.1 ล้านเหรียญฯ
นอกจากในระบบปกติแล้ว Clash of the Titans ยังเข้าฉายในรูปแบบ 3-D เช่นเดียวกับ How to Train Your Dragon, Avatar และ Alice in Wonderland ที่ยังคงยืนโรงฉายในอเมริกากันถ้วนหน้า
Clash of the Titans ใช้วิธีเดียวกับ Alice in Wonderland ที่ถ่ายทำในรูปแบบปกติ ก่อนจะแปลงฟิล์มให้กลายเป็นแบบ 3-D ภายหลัง ซึ่งนักวิจารณ์มองว่าเป็นวิธีแบบสุขเอาเผากิน ซึ่งจะได้ภาพสามมิติที่มีคุณภาพต่ำ แต่ดูเหมือนความสำเร็จของหนัง จะชี้ให้เห็นว่ามันไม่มีผลอะไรกับคนดู
"คุณบอกความแตกต่างไม่ได้หรอกครับ ผู้เชี่ยวชาญบางคน ที่ทำงานประเภทนี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าใช้ความละเอียดละออจริงๆ ก็อาจจะชี้ถึงความแตกต่างได้นิดหน่อย" แดน เฟลล์แมน หัวหน้าแผนกจัดจำหน่ายของ วอร์เนอร์ ยืนยันว่าการแปลงหนัง 2-D ให้เป็น 3-D ที่แฟนหนังบางคนเรียกกันว่า 3-D เทียม ไม่ได้มีปัญหาอะไร “จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเองก็บอกไม่ได้เช่นเดียวกัน"
หนังที่ครองอันดับ 2 เป็นงานเปิดฉายใหม่อีกเรื่อง Tyler Perry's Why Did I Get Married Too? ผลงานของนักแสดง/คนทำหนัง ขวัญใจคนผิวดำ ไทเลอร์ เพอร์รี่ ที่คราวนี้ควงเอานักร้องสาวคนดัง เจเน็ท แจ็คสัน มาร่วมงานกัน ในหนังตลกว่าด้วยมิตรภาพของกลุ่มเพื่อน 8 คน เพอร์รี่ ยังคงครองใจชาวผิวสี เมื่อหนังเรื่องล่าสุดของเขากวาดรายได้ไปถึง 30.2 ล้านเหรียญฯ ทำเงินเกินทุนที่ 20 ล้านเหรียญฯ ในการฉายเพียง 3 วันเท่านั้น
Why Did I Get Married Too เป็นหนังที่เปิดตัวแรงที่สุดอันดับ 2 ของ เพอร์รี่ ตามหลัง Tyler Perry's Madea Goes to Jail ที่เก็บรายได้ใน 3 วันแรกไป 41 ล้านเหรียญเมื่อปีก่อน แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงในระดับโลกแต่หนุ่มผิวดำที่ทั้งกำกับเอง แสดงเองคนนี้ กลายเป็นดาราทำเงินที่แทบไม่เคยมีหนังขาดทุนเลย "ผมคิดอยู่เสมอว่าเหตุใดเราประเมินเขาต่ำเช่นนี้ เพอร์รี่ รู้จักคนดูของเขาอย่างไม่มีใครเทียบได้" เดวิด สปิทซ์ ผู้บริหารของ Lionsgate ที่จัดจำหน่ายหนังของ เพอร์รี่ ตลอดกล่าว
แม้จะเปิดตัวด้วยรายได้ไม่สูงนัก How to Train Your Dragon ยังคงรักษาระดับของตัวเอง และเก็บเงินไปอีก 29.2 ล้านเหรียญฯ รายได้ล่าสุดเฉียดใกล้ 100 ล้านเหรียญฯ เต็มทีแล้ว
ไมลีย์ ไซรัส ขวัญใจวัยรุ่นแดนมะกันเปิดตัวหนังใหม่ The Last Song ในอันดับที่ 4 ด้วยรายได้ 16.2 ล้านเหรียญฯ ซึ่งรวมกับรอบพิเศษผลงานชิ้นนี้เก็บเงินไปทั้งหมด 25.6 ล้านเหรียญฯแล้ว The Last Song สร้างจากนิยายของ นิโคลัส สปาร์คส์ นักเขียนเบสต์เซลเลอร์ ที่เขียนขึ้นมาสำหรับ ไมลีย์ ไซรัส โดยเฉพาะ
แม้จะถูกนักวิจารณ์โขกสับอย่างไร โดยหนังได้รับคะแนนไปเพียง 13% จาเว็บ Rottentomatos.com แต่คนดูยังรักสาวคนนี้ ผู้สร้างยังกล่าวว่า ไมลี่ ไซรัส สามารถสลัดบท ฮันน่า มอนทาน่า จากทีวีซีรีส์สุดฮิตที่สร้างชื่อให้กับเธอได้เรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะก้าวสู่วงการหนังเต็มตัว
นอกจากจะเป็นความสำเร็จของนักร้องนักแสดงสาว ดาราทำเงิน พ.ศ. นี้ของดิสนีย์แล้ว The Last Song ยังพิสูจน์ถึงความร้อนแรงของ นิโคลัส สปาร์คส์ ได้เป็นอย่างดี หลังจากเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว Dear John ผลงานที่สร้างจากนิยายของเขา กลายเป็นหนังฮิต และได้เชื่อว่าเป็นงานที่เขี่ยให้ Avatar ตกลงมาจากบัลลังก์อันดับ 1 ของบ็อกออฟฟิศอีกด้วย
10 อันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์ที่ 2 - 4 เม.ย. 2553
(รายได้โดยประมาณหน่วยเป็นล้านเหรียญสหรัฐ, รายรับประจำสัปดาห์และรายรับรวมตามลำดับ)
1. Clash of the Titans 61.4 (64.1, New)
2. Tyler Perry's Why Did I Get Married Too? 30.2 (30.2, New)
3. How to Train Your Dragon 29.2 (92.3, 2)
4. The Last Song 16.2 (25.5, New)
5. Alice in Wonderland 8.3 (309.7, 5)
6. Hot Tub Time Machine 8.0 (27.9, 2)
7. The Bounty Hunter 6.2 (48.9, 3)
8. Diary of a Wimpy Kid 5.5 (46.2, 3)
9. She's Out of My League 1.4 (28.6, 4)
10.Shutter Island 1.4 (123.4, 7)
ข้อมูลจาก: Boxofficemojo

_________________
