ตอนที่ 3
รอยลัทธิซาตาน กับ ไสยศาสตร์ในเมืองไทย
ถ้าเอ่ยถึงอิลลูมิเนติหรือฟรีเมสัน คนก็มักนึกถึงในเชิงการเมืองว่าเป็นสมาคมลับที่เข้าไปแทรกแซงอยู่ทั่วโลก แต่ว่าในความเป็นจริง เราต้องไม่แยกระหว่างศาสนาความเชื่อและการเมืองออกจากกัน ทั้งนี้หากเอ่ยถึงอิลลูมิเนติและฟรีเมสันแล้ว จะต้องรำลึกเสมอว่าพวกเขาเป็นลูกหลานชาวยิว และพวกเขาบูชาชัยฏอน (ซาตาน)
ชาวยิวนั้นต้องยกให้ว่าเป็นบิดาแห่งวิชาไสยศาสตร์ เพราะไสยศาสตร์ทั่วโลก ก็เป็นวิชาที่ศึกษาสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากชาวยิว
ธงชาติอิสราเอลรูปดาว 6 แฉกนั้น เป็นสัญลักษณ์ของชาวยิว มันเป็นสัญลักษณ์ของผู้บูชาชัยฏอนและเครื่องหมายทางไสยศาสตร์ ซึ่งชาวยิวเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งนบีสุลัยมาน (โซโลมอน)

ทั้งนี้เพราะฮารูตและมารูตได้นำวิชาไสยศาสตร์มาสอนแก่มนุษย์ แต่ชาวยิวได้เข้าใจผิดมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่าไสยศาสตร์เป็นวิชาที่ถูก สอนโดยนบีสุลัยมาน เพราะท่านมีความสามารถพิเศษที่มนุษย์ทั่วไปไม่มี ซึ่งอัลลอฮฺได้ชี้แจงตอบโต้ในเรื่องนี้ว่า
และพวกเขาได้ปฏิบัติตาม สิ่งที่บรรดาชัยฏอนในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง และสุลัยมานหาได้ปฏิเสธการศรัทธาไม่ แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธการศรัทธา
โดยสอนประชาชนซึ่งวิชาไสยศาสตร์และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่มะลาอิกะฮฺทั้ง สอง คือฮารูตและมารูต ณ เมืองบา บิล(บา บิโลเนีย)
และเขาทั้งสองจะไม่สอนให้แก่ผู้ใดจนกว่าจะกล่าวว่า แท้จริงเราเพียงเป็นผู้ทดสอบเท่านั้น ท่านจงอย่าปฏิเสธการศรัทธาเลย แล้วเขาเหล่านั้นก็ศึกษาจากเขาทั้งสอง สิ่งที่พวกเขาจะใช้มันยังความแตกแยกระหว่างบุคคลกับภรรยาของเขา และพวกเขาไม่อาจทำให้สิ่งนั้นเป็นอันตรายแก่ผู้ใดได้ นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น
และพวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นโทษแก่พวกเขา และมิใช่เป็นคุณแก่พวกเขา และแท้จริงนั้นพวกเขารู้แล้วว่าแน่นอนผู้ที่ซื้อมันไว้นั้น ในปรโลกก็ย่อมไม่มีส่วนได้ใด ๆ และแน่นอนเป็นสิ่งที่ชั่วช้าจริง ๆ ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้ (ความ หมายอัลกุรอาน 2:102)
กล่าวคือ ไสยศาสตร์คือวิชาที่มะลาอิกะฮฺ (Angel) ฮารูตและมารูตนำมาเพื่อทดสอบมนุษย์ว่าจะรับหรือไม่รับวิชาที่ชั่วช้านี้ แต่แล้วชาวยิวก็รับวิชานั้นมาโดยการสอนของชัยฏอน
จริง ๆแล้วความสามารถของท่านนบีสุลัยมานนั้นไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นมุอฺญิซะฮฺ ปาฏิหาริย์ที่อัลลอฮฺได้มอบแก่บรรดารอซูลแต่ละคน ซึ่งอัลลอฮฺจะช่วยให้มีสิ่งเหนือกฎธรรมชาติที่พระองค์สร้างไว้เป็นบางครั้ง บางคราว แต่สำหรับนบีสุลัยมานนั้น ท่านได้รับสิ่งพิเศษมากที่สุดคือ สามารถกระทำสิ่งเหนือกฎธรรมชาติได้ตลอดไม่ว่าจะคุมฟ้าคุมฝน การใช้ญิน การคุยกับสัตว์ ฯลฯ
สิ่งเหล่านั้นเป็นอำนาจพิเศษที่แตกต่างจากไสยศาสตร์โดยสิ้นเชิง เพราะไสยศาสตร์หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยเรื่องการใช้ญินให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด (ไม่ว่าจะคุ้มครองตนเอง, ทำร้ายผู้อื่น, รักษาโรค, แก้ไสยศาสตร์, ทำเสน่ห์) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องทำสิ่งที่เป็นกุฟรฺก่อน ซึ่งจะมีขั้นมีตอนตามเงื่อนไขที่ญินต้องการ
การทำไสยศาสตร์นั้น ทั้งผู้ทำและผู้ที่มีวิชา ไม่จำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับญินเลย (และโดยมากทั้งคนทำและหมอไสยศาสตร์ก็มักเป็นคนที่ไม่มีความรู้ในอากีดะฮฺที่ ถูกต้อง) จะเห็นได้ว่าคนแถบบ้านเรา อย่างคนไทยและคนเขมร ก็เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เข้าใจผิดว่าวิญญาณคนตายมีอำนาจและกลับมาได้ ไม่รู้จักญินและชัยฏอนเลย แต่เขาก็สามารถทำไสยศาสตร์ได้ โดยหากมีคาถา มียันต์ มีกระบวนการทำที่ตรงเงื่อนไขของมันแล้ว ก็จะได้รับอำนาจไสยศาสตร์ทันที
จะเห็นได้ว่ากระบวนการเหล่านี้เป็นชีริก เป็นกุฟรฺ ซึ่งสำหรับโลกมุสลิม พิธีทางไสยศาสตร์ก็ต้องทำสิ่งที่เป็นการปฏิเสธเช่นเดียวกัน เช่นการเขียนอัลกุรอานด้วยเลือดประจำเดือน หรือการลบหลู่อัลกุรอานด้วยวิธีการต่าง ๆของหมอไสยศาสตร์ การมีเครื่องรางของขลัง ว่ากันว่าไสยศาสตร์ที่แรงที่สุดนั้นอยู่ที่ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นแหล่งอวิชชาโบร่ำโบราณของชาวยิว

สำหรับการครองโลกของอิลลูมิเนตินั้นก็พึ่งพาอำนาจของชัยฏอนเช่นกัน เพราะคนกลุ่มนี้จะมีพิธีกรรมบูชาชัยฏอน สัญลักษณ์ของพวกเขาก็มักจะอิงประวัติศาสตร์บาบิโลนและอียิปต์
ที่มา http://assabikoon.wordpress.com/2009...AA-3/#comments
เครดิต http://www.oknation.net/blog/Joseph/2010/04/12/entry-2
ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เด็กๆควรมีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำ
_________________
