˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ถัดไป
คำผกาตบหน้าวงการการศึกษาไทย
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Bitchy พิมพ์ว่า:
ตอนนี้เรียนเรื่องประชาคมอาเซียน มีข้อนึงที่เข้ากำหนดมา(เป็นข้อในคุณสมบัติพลโลกที่ดีอะไรอ่ะแหละ) ว่าเด็กไทย ต้องเป็น Thinker 55 ขำมาก เพราะว่า อยากปั้นเด็กเป็น Thinker แต่ไม่เคยให้เด็กคิดอะไรเองเลย ก็ไม่ได้ผิดนะ กับทฤษฏีอาบนำร้อนมาก่อน เพราะคนรุ่นใหม่เอามาประยุกต์ใช้ได้ แต่จะมาเป็นตัวคอนโทรลไม่ได้ แล้วแบบแทนที่ทฤษฏีนี้จะอยู่ในที่เล็กๆ แบบคนใกล้ชิดสอนกัน พ่อแม่ลูก ครูเด็ก (ชี้เป็นแนวนะไม่ได้สั่ง) แต่ดันเอามาคุมทั้งสังคมการศึกษาไทยเลย กลายเป็นประเทศสำเร็จรูป คือให้กฏที่สำเร็จรูปกับเด็ก ว่าควรทำไม่ควรทำอะไร แทนที่จะให้เด็กทำเองคิดเอง ประสบการณ์ สูงค่ามากกว่าความรู้นะในความคิดเรา เรื่องความรู้เองก็เถอะ ประเทศไทยยังเจาะไม่ถึงเเก่นเลย พูดตรงๆว่า ประเทศนี้สอนเพื่อทำข้อสอบมากๆ


การคิดแบบวางกรอบมันมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วค่ะ สืบทอดกันมาชั่วลูกชั่วหลาน มันก็เลยแทรกซึมอยู่ในสายเลือดคนไทย ผลก็คือคนไทยปัจจุบันตั้งแต่ระดับประชาชนหัวดำตำดายันคนใหญ่คนโตมีสันดานเดียวกันหมดคือให้ความสำคัญกับ "เงิน" หรือ "การทำอาชีพที่เป็นหน้าเป็นตาของสังคม" เด็กที่จบมาแต่ละปีก็เลยต้องทำตามบัญญัติพ่อแม่ด้วยความไม่เต็มใจ หรือหลุดออกจากกรอบไม่ได้ ส่วนเราเองให้ความสำคัญกับการทำงานที่ให้ผลด้านประสบการณ์มากกว่าเงินนะ เลยไม่ซีเรียสเรื่องจบมาแล้วต้องได้งานตรงกับสายที่เรียนหรือเงินเดือนสูง เราขอเก็บประสบการณ์ไว้ก่อน

โรงเรียนไทยสอนแบบบูรณาการไม่เป็น ได้แต่สอนจากตำรา และการเรียนการสอนก็เป็นไปแบบเฉลยแบบฝึกหัดซะมากกว่าให้ได้ทำเอง เวลาเด็กส่งงานไม่มีการคอมเม้นท์กลับมา เพราะนักเรียนมีจำนวนมากต่อครูหนึ่งคน ทำให้เด็กไม่รู้ว่าเวลาทำงานเรามีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง ควรไปปรับปรุงศักยภาพตัวเองอย่างไร ผิดก็ห้ามเถียง เพราะถ้าเถียงก็จะโดนด่าว่าพูดจาสามหาว หรือก้าวร้าว ไม่ต้องไปมองต่างประเทศเลย การเรียนระดับประถม-มัธยม กับมหาลัยมันต่างกันมาก การสอนของมหาลัยมีการซักถามเด็กอย่างมีเหตุผล ถูกผิดไม่เป็นไร ค่อยแนะกันไป แต่การเรียนในระดับประถม-มัธยม ก็จะเป็นแบบเด็กห้ามแสดงออกทางความคิดเห็น



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
punprin พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
ทรอน สมควรจะได้เป็นคอลัมนนิสมากค่ะ like


ธร ค่ะ น้องเคยคิดว่าน่าจะไปเกิดเป็นคนเมกาเนอะดีอะ ฝรั่งนี่เรียกกันดีจัง เท่าเทียมคุณฉัน อะไรแบบนี้ แต่คิดดูอีกที อยู่เมืองแม้ค้าหรือพนักงานเก็บเงินหรือป้าอะไรที่เจอกันตามรถเมล์เวลาเค้าจะถามเรา จะเรียกว่า ลูก หรือ น้อง เรารู้สึกว่ามันเหมือนครอบครัวอะ มันอบอุ่นมากๆ


การที่เราจะหนีไปอยู่ประเทศเค้า สู่เราทำประเทศของเราให้ดีไม่ดีกว่าเหรอ


นี่แหละถูกต้อง มีหลายคนนะที่คิดแบบอีคำผกา แต่ไม่กล้าพูดเลยหนีไปต่างประเทศ ดูทีวี มีหลายคนนะ แบบ แชมป์ชงกาแฟ มือหนึ่งของโลกไรเงี้ย ที่ไปอยู ตปท. แล้วไม่กลับมาด้วยเหตุผลประมาณว่าประเทศไทยมันไม่เหมาะกับคนอย่างพวกผม คนไทยที่ด่าอีคำผกาไม่รักชาติ ดูถูกชาติตัวเอง หรือด่าใครก็ตามที่กล้าพูดความจริงเกี่ยวกับประเทศ ก็ควรทีจะคิดใหม่กันนะ


คิดถ้าบอกแบบนี้ก็ต้องดูด้วยว่าอะไรเป็นปัจจัยให้เขาไปทำงานต่างประเทศไทย หลายๆอย่างก็น่าเห็นใจเขานะ เพราะ ถ้าพูดถึงเรื่องแชมป์ชงกาแฟ ถามจริงเถอะๆ คนไทยมันยอมรับอาชีพชงกาแฟหรือยัง คืออาชีพชงกาแฟหลายๆคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ ซื้อกาแฟมาใส่นำตาล นมตามใจชอบก็โอเคแล้ว สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยยังไม่ยอมรับ และเอาจริง อาชีพศิลปินประเทศไทยก็ยังไม่ยอมรับ ไม่เห็นเหรอ มหาลับมหิดล วิทยาลัยดุริยางคศิลป์นะ ตอนนี้มีปัญหาอยู่เลย หรือไม่รับรองหลักสูตร ประมาณว่าเรียนดนตรีอย่างเดียวมันจะได้อะไร
และอีกอย่างเราจะไปว่าคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน ระบบการคิดไม่เหมือนกัน และอีกอย่าง เราว่าคำผกา จะพูดจะด่าประเทศไทยอะไรก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเลย (เปลี่ยนแปลงแค่กลุ่มเล็กเท่านั้น) เพราะคำผกายังไม่ดังมาก

และคิดว่าถ้าจะพูดตำหนิประเทศไทยอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่สมควรทำ และควรมีการรับฟังอย่างจริงจัง แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยต้องทำให้ได้ก่อนคือ ยกเลิกพวกพ้อง


จริงเรื่องยัยแขก คำผกา แต่เชื่อไหมว่าคนแบบนี้มีมาก แต่ไม่กล้าออกมา และจริงที่สุดว่าประเทศไทยเป็นประเทศปิดโอกาสมากๆ เฮ้อ เราก็เหนือยนะ แบบคิดแบบนี้ปวดหัวมากบางทีก็อยากตามกระแสหลักไปเลย เรียนตามกระแสหลัก อยู่ตามกระแสหลัก คิดแบบกระแสหลัก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอ่ะ ไม่รู้ว่าความรั้นมาจากไหนนะ มันมาจนเราอยากจะต่อสู้อเลยอ่ะ


อย่าได้แคร์ ณ จุดนี้ เพราะฉันเถียงกับครูบ่อยที่สุดในห้องแล้ว เถียงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทำไมถึงออกมารูปนี้ ไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการคำตอบทั้งหมดของสิ่งที่ถามนะ เราไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรจากใคร เพียงแต่เราต้องการคำอธิบายมันดูมีตรรกะความเป็นจริงเสียหน่อยอะ อย่าอ้างว่า ถ้าไม่อยากทำก็ไปเรียนโรงเรียนอื่น อย่าอ้างว่าถ้าไม่อยากทำก็ย้ายห้องไป มันดูเป็นการเลี่ยงคำถาม และเป็นบ่อเกิดให้เด็กอยากรู้ บางครั้งอาจจะกลายเป็นปัญหาก็ได้

ปล.เราว่าอย่าเอายัยแขมาเป็นประเด็นเลย เพราะ สำหรับตัวเอง เรามีความคิดคล้ายๆพี่จุกนะ ในเรื่องเจ๊แข


ยัยแขกมาเป็นโรโมเดลคือเอามาเป็นตัวทางด้านกล้าคิดกล้าจะทำ ส่วนเรื่องภาษาหรือจุดย่อยต่างๆ เราก็ไม่ได้เข้าข้างชี แต่พอดีความคิดเราตรงกัน สำหรับคำผกา บางความคิดของเราก็ไม่ได้ตรงกับนางเสมอไป แต่เราแบบอยากได้คนแบบนี้เยอะๆ ในสังคมไทย ที่คิดเเล้วพูดอ่ะ ถ้าเยอะจริงไม่เกินร้อยปีที่นี่คงดีได้


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
punprin พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
ทรอน สมควรจะได้เป็นคอลัมนนิสมากค่ะ like


ธร ค่ะ น้องเคยคิดว่าน่าจะไปเกิดเป็นคนเมกาเนอะดีอะ ฝรั่งนี่เรียกกันดีจัง เท่าเทียมคุณฉัน อะไรแบบนี้ แต่คิดดูอีกที อยู่เมืองแม้ค้าหรือพนักงานเก็บเงินหรือป้าอะไรที่เจอกันตามรถเมล์เวลาเค้าจะถามเรา จะเรียกว่า ลูก หรือ น้อง เรารู้สึกว่ามันเหมือนครอบครัวอะ มันอบอุ่นมากๆ


การที่เราจะหนีไปอยู่ประเทศเค้า สู่เราทำประเทศของเราให้ดีไม่ดีกว่าเหรอ


นี่แหละถูกต้อง มีหลายคนนะที่คิดแบบอีคำผกา แต่ไม่กล้าพูดเลยหนีไปต่างประเทศ ดูทีวี มีหลายคนนะ แบบ แชมป์ชงกาแฟ มือหนึ่งของโลกไรเงี้ย ที่ไปอยู ตปท. แล้วไม่กลับมาด้วยเหตุผลประมาณว่าประเทศไทยมันไม่เหมาะกับคนอย่างพวกผม คนไทยที่ด่าอีคำผกาไม่รักชาติ ดูถูกชาติตัวเอง หรือด่าใครก็ตามที่กล้าพูดความจริงเกี่ยวกับประเทศ ก็ควรทีจะคิดใหม่กันนะ


คิดถ้าบอกแบบนี้ก็ต้องดูด้วยว่าอะไรเป็นปัจจัยให้เขาไปทำงานต่างประเทศไทย หลายๆอย่างก็น่าเห็นใจเขานะ เพราะ ถ้าพูดถึงเรื่องแชมป์ชงกาแฟ ถามจริงเถอะๆ คนไทยมันยอมรับอาชีพชงกาแฟหรือยัง คืออาชีพชงกาแฟหลายๆคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ ซื้อกาแฟมาใส่นำตาล นมตามใจชอบก็โอเคแล้ว สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยยังไม่ยอมรับ และเอาจริง อาชีพศิลปินประเทศไทยก็ยังไม่ยอมรับ ไม่เห็นเหรอ มหาลับมหิดล วิทยาลัยดุริยางคศิลป์นะ ตอนนี้มีปัญหาอยู่เลย หรือไม่รับรองหลักสูตร ประมาณว่าเรียนดนตรีอย่างเดียวมันจะได้อะไร
และอีกอย่างเราจะไปว่าคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน ระบบการคิดไม่เหมือนกัน และอีกอย่าง เราว่าคำผกา จะพูดจะด่าประเทศไทยอะไรก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเลย (เปลี่ยนแปลงแค่กลุ่มเล็กเท่านั้น) เพราะคำผกายังไม่ดังมาก

และคิดว่าถ้าจะพูดตำหนิประเทศไทยอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่สมควรทำ และควรมีการรับฟังอย่างจริงจัง แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยต้องทำให้ได้ก่อนคือ ยกเลิกพวกพ้อง


จริงเรื่องยัยแขก คำผกา แต่เชื่อไหมว่าคนแบบนี้มีมาก แต่ไม่กล้าออกมา และจริงที่สุดว่าประเทศไทยเป็นประเทศปิดโอกาสมากๆ เฮ้อ เราก็เหนือยนะ แบบคิดแบบนี้ปวดหัวมากบางทีก็อยากตามกระแสหลักไปเลย เรียนตามกระแสหลัก อยู่ตามกระแสหลัก คิดแบบกระแสหลัก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอ่ะ ไม่รู้ว่าความรั้นมาจากไหนนะ มันมาจนเราอยากจะต่อสู้อเลยอ่ะ


อย่าได้แคร์ ณ จุดนี้ เพราะฉันเถียงกับครูบ่อยที่สุดในห้องแล้ว เถียงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทำไมถึงออกมารูปนี้ ไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการคำตอบทั้งหมดของสิ่งที่ถามนะ เราไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรจากใคร เพียงแต่เราต้องการคำอธิบายมันดูมีตรรกะความเป็นจริงเสียหน่อยอะ อย่าอ้างว่า ถ้าไม่อยากทำก็ไปเรียนโรงเรียนอื่น อย่าอ้างว่าถ้าไม่อยากทำก็ย้ายห้องไป มันดูเป็นการเลี่ยงคำถาม และเป็นบ่อเกิดให้เด็กอยากรู้ บางครั้งอาจจะกลายเป็นปัญหาก็ได้

ปล.เราว่าอย่าเอายัยแขมาเป็นประเด็นเลย เพราะ สำหรับตัวเอง เรามีความคิดคล้ายๆพี่จุกนะ ในเรื่องเจ๊แข


ยัยแขกมาเป็นโรโมเดลคือเอามาเป็นตัวทางด้านกล้าคิดกล้าจะทำ ส่วนเรื่องภาษาหรือจุดย่อยต่างๆ เราก็ไม่ได้เข้าข้างชี แต่พอดีความคิดเราตรงกัน สำหรับคำผกา บางความคิดของเราก็ไม่ได้ตรงกับนางเสมอไป แต่เราแบบอยากได้คนแบบนี้เยอะๆ ในสังคมไทย ที่คิดเเล้วพูดอ่ะ ถ้าเยอะจริงไม่เกินร้อยปีที่นี่คงดีได้


ในนี่ได้ประมาณ 5 แล้ว
ถ้าคิดในแง่สังคมกลุ่มเล็กๆ ได้ 5 คนก็ถือว่าเยอะแล้ว


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
thoorn พิมพ์ว่า:
[
อย่าได้แคร์ ณ จุดนี้ เพราะฉันเถียงกับครูบ่อยที่สุดในห้องแล้ว เถียงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทำไมถึงออกมารูปนี้ ไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการคำตอบทั้งหมดของสิ่งที่ถามนะ เราไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรจากใคร เพียงแต่เราต้องการคำอธิบายมันดูมีตรรกะความเป็นจริงเสียหน่อยอะ อย่าอ้างว่า ถ้าไม่อยากทำก็ไปเรียนโรงเรียนอื่น อย่าอ้างว่าถ้าไม่อยากทำก็ย้ายห้องไป มันดูเป็นการเลี่ยงคำถาม และเป็นบ่อเกิดให้เด็กอยากรู้ บางครั้งอาจจะกลายเป็นปัญหาก็ได้

ปล.เราว่าอย่าเอายัยแขมาเป็นประเด็นเลย เพราะ สำหรับตัวเอง เรามีความคิดคล้ายๆพี่จุกนะ ในเรื่องเจ๊แข


ชอบเถียงครูเหมือนกัน จนเพื่อนหันมามองทั้งห้อง


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
พูดอะไรกันคะ สรุปให้ดิชั้นฟังหน่อยค่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Stereosonic พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
ตอนนี้เรียนเรื่องประชาคมอาเซียน มีข้อนึงที่เข้ากำหนดมา(เป็นข้อในคุณสมบัติพลโลกที่ดีอะไรอ่ะแหละ) ว่าเด็กไทย ต้องเป็น Thinker 55 ขำมาก เพราะว่า อยากปั้นเด็กเป็น Thinker แต่ไม่เคยให้เด็กคิดอะไรเองเลย ก็ไม่ได้ผิดนะ กับทฤษฏีอาบนำร้อนมาก่อน เพราะคนรุ่นใหม่เอามาประยุกต์ใช้ได้ แต่จะมาเป็นตัวคอนโทรลไม่ได้ แล้วแบบแทนที่ทฤษฏีนี้จะอยู่ในที่เล็กๆ แบบคนใกล้ชิดสอนกัน พ่อแม่ลูก ครูเด็ก (ชี้เป็นแนวนะไม่ได้สั่ง) แต่ดันเอามาคุมทั้งสังคมการศึกษาไทยเลย กลายเป็นประเทศสำเร็จรูป คือให้กฏที่สำเร็จรูปกับเด็ก ว่าควรทำไม่ควรทำอะไร แทนที่จะให้เด็กทำเองคิดเอง ประสบการณ์ สูงค่ามากกว่าความรู้นะในความคิดเรา เรื่องความรู้เองก็เถอะ ประเทศไทยยังเจาะไม่ถึงเเก่นเลย พูดตรงๆว่า ประเทศนี้สอนเพื่อทำข้อสอบมากๆ


การคิดแบบวางกรอบมันมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วค่ะ สืบทอดกันมาชั่วลูกชั่วหลาน มันก็เลยแทรกซึมอยู่ในสายเลือดคนไทย ผลก็คือคนไทยปัจจุบันตั้งแต่ระดับประชาชนหัวดำตำดายันคนใหญ่คนโตมีสันดานเดียวกันหมดคือให้ความสำคัญกับ "เงิน" หรือ "การทำอาชีพที่เป็นหน้าเป็นตาของสังคม" เด็กที่จบมาแต่ละปีก็เลยต้องทำตามบัญญัติพ่อแม่ด้วยความไม่เต็มใจ หรือหลุดออกจากกรอบไม่ได้ ส่วนเราเองให้ความสำคัญกับการทำงานที่ให้ผลด้านประสบการณ์มากกว่าเงินนะ เลยไม่ซีเรียสเรื่องจบมาแล้วต้องได้งานตรงกับสายที่เรียนหรือเงินเดือนสูง เราขอเก็บประสบการณ์ไว้ก่อน

โรงเรียนไทยสอนแบบบูรณาการไม่เป็น ได้แต่สอนจากตำรา และการเรียนการสอนก็เป็นไปแบบเฉลยแบบฝึกหัดซะมากกว่าให้ได้ทำเอง เวลาเด็กส่งงานไม่มีการคอมเม้นท์กลับมา เพราะนักเรียนมีจำนวนมากต่อครูหนึ่งคน ทำให้เด็กไม่รู้ว่าเวลาทำงานเรามีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง ควรไปปรับปรุงศักยภาพตัวเองอย่างไร ผิดก็ห้ามเถียง เพราะถ้าเถียงก็จะโดนด่าว่าพูดจาสามหาว หรือก้าวร้าว ไม่ต้องไปมองต่างประเทศเลย การเรียนระดับประถม-มัธยม กับมหาลัยมันต่างกันมาก การสอนของมหาลัยมีการซักถามเด็กอย่างมีเหตุผล ถูกผิดไม่เป็นไร ค่อยแนะกันไป แต่การเรียนในระดับประถม-มัธยม ก็จะเป็นแบบเด็กห้ามแสดงออกทางความคิดเห็น


จนกลายเป็นว่าเราช้ากว่าประเทศอื่นเขาที่เปิดโอกาสให้เด็กตั้งแต่ไฮสคูลต้นแล้ว? เฮ้อ น่าสงสารเด็กไทยมากๆ(สงสารตัวเอง) แล้วครูไทยส่วนมากจะอารมณ์เป็นผู้สั่ง มากกว่า ผู้สอนนะ เท่าที่สังเกตุดู แล้วแบบเด็กไทยมันก็จะเกิดอารมณ์อึดอัดอย่างแปลกประหลาด ไม่กล้าถามอะไร ไม่กล้าเถียง ไม่กล้าโต้เเย้ง คือมันเหมือนว่าเอาศีลธรรม มารยาท มาใส่ในห้องเรียนมากไปจนเป็นการรัดคอเด็กมากกว่า เป็นแนวให้เด็กเดินในทางที่ถูกที่ควร ที่จริงเราว่ามารยาทในห้องเรียนคอจะเถียงให้ตายก็ได้แต่ต้องใช่เหตุผล เป็นพออ่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
พระนางแมรียา พิมพ์ว่า:
พูดอะไรกันคะ สรุปให้ดิชั้นฟังหน่อยค่ะ


อีป้าแมรี่สวยมาก


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
thoorn พิมพ์ว่า:
punprin พิมพ์ว่า:
Bitchy พิมพ์ว่า:
ทรอน สมควรจะได้เป็นคอลัมนนิสมากค่ะ like


ธร ค่ะ น้องเคยคิดว่าน่าจะไปเกิดเป็นคนเมกาเนอะดีอะ ฝรั่งนี่เรียกกันดีจัง เท่าเทียมคุณฉัน อะไรแบบนี้ แต่คิดดูอีกที อยู่เมืองแม้ค้าหรือพนักงานเก็บเงินหรือป้าอะไรที่เจอกันตามรถเมล์เวลาเค้าจะถามเรา จะเรียกว่า ลูก หรือ น้อง เรารู้สึกว่ามันเหมือนครอบครัวอะ มันอบอุ่นมากๆ


การที่เราจะหนีไปอยู่ประเทศเค้า สู่เราทำประเทศของเราให้ดีไม่ดีกว่าเหรอ


นี่แหละถูกต้อง มีหลายคนนะที่คิดแบบอีคำผกา แต่ไม่กล้าพูดเลยหนีไปต่างประเทศ ดูทีวี มีหลายคนนะ แบบ แชมป์ชงกาแฟ มือหนึ่งของโลกไรเงี้ย ที่ไปอยู ตปท. แล้วไม่กลับมาด้วยเหตุผลประมาณว่าประเทศไทยมันไม่เหมาะกับคนอย่างพวกผม คนไทยที่ด่าอีคำผกาไม่รักชาติ ดูถูกชาติตัวเอง หรือด่าใครก็ตามที่กล้าพูดความจริงเกี่ยวกับประเทศ ก็ควรทีจะคิดใหม่กันนะ


คิดถ้าบอกแบบนี้ก็ต้องดูด้วยว่าอะไรเป็นปัจจัยให้เขาไปทำงานต่างประเทศไทย หลายๆอย่างก็น่าเห็นใจเขานะ เพราะ ถ้าพูดถึงเรื่องแชมป์ชงกาแฟ ถามจริงเถอะๆ คนไทยมันยอมรับอาชีพชงกาแฟหรือยัง คืออาชีพชงกาแฟหลายๆคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ ซื้อกาแฟมาใส่นำตาล นมตามใจชอบก็โอเคแล้ว สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยยังไม่ยอมรับ และเอาจริง อาชีพศิลปินประเทศไทยก็ยังไม่ยอมรับ ไม่เห็นเหรอ มหาลับมหิดล วิทยาลัยดุริยางคศิลป์นะ ตอนนี้มีปัญหาอยู่เลย หรือไม่รับรองหลักสูตร ประมาณว่าเรียนดนตรีอย่างเดียวมันจะได้อะไร
และอีกอย่างเราจะไปว่าคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน ระบบการคิดไม่เหมือนกัน และอีกอย่าง เราว่าคำผกา จะพูดจะด่าประเทศไทยอะไรก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเลย (เปลี่ยนแปลงแค่กลุ่มเล็กเท่านั้น) เพราะคำผกายังไม่ดังมาก

และคิดว่าถ้าจะพูดตำหนิประเทศไทยอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่สมควรทำ และควรมีการรับฟังอย่างจริงจัง แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยต้องทำให้ได้ก่อนคือ ยกเลิกพวกพ้อง


จริงเรื่องยัยแขก คำผกา แต่เชื่อไหมว่าคนแบบนี้มีมาก แต่ไม่กล้าออกมา และจริงที่สุดว่าประเทศไทยเป็นประเทศปิดโอกาสมากๆ เฮ้อ เราก็เหนือยนะ แบบคิดแบบนี้ปวดหัวมากบางทีก็อยากตามกระแสหลักไปเลย เรียนตามกระแสหลัก อยู่ตามกระแสหลัก คิดแบบกระแสหลัก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอ่ะ ไม่รู้ว่าความรั้นมาจากไหนนะ มันมาจนเราอยากจะต่อสู้อเลยอ่ะ


อย่าได้แคร์ ณ จุดนี้ เพราะฉันเถียงกับครูบ่อยที่สุดในห้องแล้ว เถียงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทำไมถึงออกมารูปนี้ ไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการคำตอบทั้งหมดของสิ่งที่ถามนะ เราไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรจากใคร เพียงแต่เราต้องการคำอธิบายมันดูมีตรรกะความเป็นจริงเสียหน่อยอะ อย่าอ้างว่า ถ้าไม่อยากทำก็ไปเรียนโรงเรียนอื่น อย่าอ้างว่าถ้าไม่อยากทำก็ย้ายห้องไป มันดูเป็นการเลี่ยงคำถาม และเป็นบ่อเกิดให้เด็กอยากรู้ บางครั้งอาจจะกลายเป็นปัญหาก็ได้

ปล.เราว่าอย่าเอายัยแขมาเป็นประเด็นเลย เพราะ สำหรับตัวเอง เรามีความคิดคล้ายๆพี่จุกนะ ในเรื่องเจ๊แข


ยัยแขกมาเป็นโรโมเดลคือเอามาเป็นตัวทางด้านกล้าคิดกล้าจะทำ ส่วนเรื่องภาษาหรือจุดย่อยต่างๆ เราก็ไม่ได้เข้าข้างชี แต่พอดีความคิดเราตรงกัน สำหรับคำผกา บางความคิดของเราก็ไม่ได้ตรงกับนางเสมอไป แต่เราแบบอยากได้คนแบบนี้เยอะๆ ในสังคมไทย ที่คิดเเล้วพูดอ่ะ ถ้าเยอะจริงไม่เกินร้อยปีที่นี่คงดีได้


ในนี่ได้ประมาณ 5 แล้ว
ถ้าคิดในแง่สังคมกลุ่มเล็กๆ ได้ 5 คนก็ถือว่าเยอะแล้ว


//มีความสุข 55


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
และทั้งนี้ทั้งนั้นนะ จะสรุปให้เลยว่า ถ้าอยากให้เด็กไทยรุ่นต่อไปฉลาด ควรให้มันอ่านหนังสือเยอะๆ ให้อ่านบทความเยอะๆ เด็กสมัยนี้โง่เพราะไม่ค่อยอ่านหนังสือ นี่คือเรื่องจริง หนังสือความรู้มีเยอะมากมาย ถ้าใครโตไปเป็นพ่อแม่ กรุณาสนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือเยอะ ประเทศชาติเจริญแน่นอน

ปล.เด็กสมัยนี่ไม่ค่อยมีใครอ่านหนังสือพิมพ์หรือบทความในหนังสือพิมพ์เลย หลายๆคนบอกว่าเรื่องการเมืองมันไกลตัว และถ้าใครมีเพื่อนบอกอย่างนั้น ให้กลับไปบอกเลยว่า การเมืองใกล้ตัวคุณว่าที่คิด เพราะมันเกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิตคุณทุกอย่าง




แก้ไขล่าสุดโดย thoorn เมื่อ Wed Oct 12, 2011 12:06 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 7 จาก 10
ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com