
Album / Born to Die
Artist / Lana Del Rey
Genre / Indie Pop , Soul , Ambiance , Trip Hop
Released / January 27, 2012
Length / 49:28
Label / Interscope, Stranger
RATE / B+
ไม่ได้รีวิวอัลบั้มเพลงใหม่ๆเลยตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว 1 เดือนเต็มๆ ที่ผมเงินไม่เคลื่อนจากกระเป๋าให้กับอัลบั้มใหม่ของใคร จึงต้องขออภัยที่ไม่มีอัลบั้มดีๆ (ผมคิดว่าดี)มาฝาก แต่คราวนี้ต้องรีบบอกกล่าวกันว่าอัลบั้มที่จะเป็นเสียงแห่ง 2012 วางจำหน่ายแล้วนะครับ
อัลบั้ม Born to Die ของ Lana Del Rey ศิลปินสาว นักร้องและนักแต่งเพลง (ล่าสุดเข้าสังกัดเป็นนางแบบด้วย) ถูกสื่อปูทางไว้ให้แจ้งเกิดตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อเธอปล่อยซิงเกิลแบบอินดี้ ชื่อเพลงว่า Video Games ออกมาพร้อมมิวสิกวิดิโอแบบ Viral Video ที่ถ่ายทำและตัดต่อง่ายๆแต่โดนใจแฟนเพลงบนอินเทอร์เน็ตสุดๆ ก่อนที่จะเปิดตัวในฐานะศิลปินเบอร์ใหญ่ด้วยมิวสิกวิดิโอเพลง Born to Die ที่อลังการงานสร้างพอสมควร ซึ่งด้วยการโหมกระแสของสื่อ ทั้งในแง่ดีและแง่ขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ทำให้วงการดนตรีทั่วโลกต้องจับตามองอัลบั้มนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจจะเป็นอัลบั้มแห่งปีของปี 2012 ที่ใครต่อใครจะพูดถึงไปอีกนาน
เป็นไปตามคาดว่าอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงที่ส่งเสริมภาพลักษณ์แบบฮอลีวูดย้อนยุคของ Lana Del Rey ได้ดีชะมัด เธอเองก็เคยบอกว่าแนวเพลงของเธอคือ Hollywood Sadcore และเปรียบสไตล์ของตัวเองว่าเป็น Nancy Sinatra ในแบบ Gangsta ซึ่งเมื่อได้ฟังทั้งอัลบั้มก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ส่วนที่เธอบอกว่าเธอได้รับอิทธิพลจากรุ่นพี่อย่าง Britney Spears , หรือตำนานที่ลาโลกไปแล้วอย่าง Kurt Cobain ไปถึง Elvis Presley ก็พบว่าเป็นส่วนผสมแบบนั้นจริงๆ คือไม่รู้จะจำกัดความยังไง เธอสวย เซ็กซี่ ดูสง่าผ่าเผย และเธอร็อกมาก แต่คงไม่มีใครคาดหวังจะเป็นเธอเต้นรำสะบัดช่อแบบ Britney หรอกครับ
พื้นฐานดนตรีในอัลบั้ม Born to Die มีบีตเป็นแบบ Trip Hop แบบที่เราอาจคุ้นเคยในงานของ Portishead แต่ก็มีเครื่องสายและเปียโน ในแบบงานยุคเก่าๆ บางเพลงบีตลูกใหญ่มากยังกับเพลงฮิปฮอป ส่วนบรรยากาศของอัลบั้มเป็นไปในทางหม่นมืด ขณะที่จุดเด่นที่สุดคือสไตล์การร้องเพลงของเธอที่คาดเดาไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก็ต่ำ เดี๋ยวก็สูง ซึ่งเป็นสเน่ห์ของเธอ ทำให้ผู้หญิงคนนี้ลึกลับ น่าค้นหาอย่างมาก และคุณอาจจะคลั่งไคล้ผู้หญิงคนนี้แบบที่ผู้ชายในเพลง Off to The Races เป็น อย่างที่เนื้อเพลงบอกว่า
Likes to watch me in the glass room, bathroom
Chateau Marmont
Slipping on my red dress, putting on my make up
Glass film, perfume, cognac, lilac,
Fume, says it feels like heaven to him
ถ้าเปรียบเพลงของ Lana Del Rey เป็นผู้หญิงสักคน เธอคง ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อยน่ารัก แต่เป็นผู้หญิงสังคมชั้นสูงที่กร้านโลก เก็บกด ร้ายลึกยิ่งกว่าเสือ แต่พร้อมที่จะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆให้กับผู้ชายของเธอได้
ขณะที่เรื่องราวแบบ Hollywood น่าจะถูกพูดถึงในเพลง Radio ที่บอกว่า
now my life is sweet like cinnamon
like a fucking dream i'm living in
baby love me cause i'm playing on the radio
(how do you like me now?)
เพลงอื่นๆที่น่าสนใจ นอกจากเพลงที่เป็นซิงเกิล และถูกบรรจุใน EP Lana Del Rey ทั้ง Born to Die และ Video Games คือเพลงอย่าง Dark Paradise ที่น่าจะกลายเป็นซิงเกิลฮิตแน่นอน เช่นเดียวกับเพลง This is What Makes Us Girls เพลงป็อบที่น่าจะโดนใจสาวๆไม่น้อย แต่เพลงที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มนี้คือ เพลง Million Dollar Man ที่ฟังดูย้อนยุคที่สุด แต่กลับมีเสียงสังเคราะห์วนเวียนไปมาได้อารมณ์ไซเคเดลิก ล่องลอย
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมว่าหน้าปกอัลบั้มนี้สื่อถึงความเก็บกดของผู้หญิงคนนี้ได้ดี เธอแต่งตัวเรียบร้อบ กลัดกระดุมถึงคอ ทรงผมถูกระเบียบ แต่ปากแดงแจ๋ และถ้าเพ่งดีๆ ภายใต้เสื้อเชิ้ตมีบิกินี่สีแดงสดอยู่ข้างใน
Lana Del Rey อาจถูกโจมตีว่าเสแสร้งทำเป็นอินดี้ ทั้งๆที่น่าจะเป็นแผนการตลาดของอุตสาหกรรมเพลงเงินถุงเงินถัง (รวมถึงพลังอิทธิพลในธุรกิจอินเทอร์เน็ตของพ่อเธอ) แต่หากคิดในแง่ที่ว่าผู้หญิงคนนี้ที่มีชื่อจริงว่า Lizzy Grant วัย 25 ปี เป็นนักแสดงที่กำลังแสดงบทบาทผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโดดเด่นในฮอลีวูด ปี 2012 ที่ชื่อ Lana Del Rey (ขณะที่ Stefani Germanotta แสดงเป็น Lady Gaga ) น้อง Lizzy Grant เธอตีบทแตกสุดๆ ในความเป็นตัวละครที่ไม่รู้ว่าจะเป็นนางเอก หรือ นางร้ายดี แต่เธอเป็นศูนย์รวมของ ความสวยแบบอเมริกัน ความนิยมชมชอบ การจับจ้อง ความริษยา ไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนตัวผมคิดว่า Lana Del Rey คือต้นแบบ American Beauty และ สรรพเสียงใหม่ๆของปี 2012 ตามที่มีคนคาดการณ์จริงๆ
http://www.voicetv.co.th/blog/712.html
_________________
