˹���á Forward Magazine

ตอบ

Sarah Brightman : Dreamchaser
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Sarah Brightman : Dreamchaser 


http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/10/12/sarah-brightman-dreamchaser-classical-crossoveroperatic-pop-90-4-55/comment-page-1/#comment-225

hysteria

Sarah Brightman : Dreamchaser : Classical Crossover/Operatic Pop (90% = 4.5/5)

(อัลบั้มนี้เคยเขียนลงไปแล้วเมื่อต้นปีแต่วันนี้ตัดสินใจหยิบเอากลับมาลงอีกครั้ง แม้ว่าจะช้าไปโขเพราะเจ๊ท่านก็มาทัวร์บ้านเราไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วหมาดๆ ก่อนอื่นต้องขอชี้แจ้งบางสิ่งผ่านทางงานรีวิวชิ้นนี้ว่าดิฉันต้องขอ “ขอบคุณ” สำหรับทุกคอมเม้นท์ที่ส่งเข้าติชมไปจนถึงด่างานเขียนงานวิจารณ์ เพราะเขียนรีวิวที่นี่มา10ปีมันเลยจุดที่จะสนใจสังคมที่นี่และคนอ่านแล้วว่า “จะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เราเขียน?” ในจุดที่เราออกไปเติบโตตามหนทางของเราสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “ยังมีคนอ่านที่สนใจอ่านงานของเราจริงๆ” ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะไม่ได้คำติชมเหล่านั้นออกมา ซึ่งในฐานะนักวิจารณ์เพลงเรามีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ผลงานที่เราเสพย์เช่นเดียวกับคนอ่านที่มีสิทธิ์จะวิจารณ์แนวคิดและรูปแบบการเขียนของเราซึ่งจุดนี้ก็ขอน้อมรับด้วยดีว่าจะชอบหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่!!!คงต้องเรียนตามตรงว่ามีคนอ่านบางท่าน “ท้วง” เข้ามาเหมือนกันถึงบางรีพลายที่ดิฉันตอบกลับคนอ่านชนิดค่อนข้างเย็นชา “ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่สนใจความรู้สึกคนอ่านเลย? แนสทิน่าที่เคยน่ารักตามตอบคนอ่านทุกกระทู้ไปไหน? พี่แนสเปลี่ยนไปเยอะจริงๆนะ” ใช่ค่ะคงต้องบอกว่า “เปลี่ยนไป!” คือสังคมในเว็บบอร์ดก็เหมือนสังคมที่ทำงานแหละค่ะเราอยู่ในจุดที่ไม่มีใครหรือคำพูดใดๆมาทำอะไรเราได้แล้ว ณ ที่นี่ จึงต้องกราบเรียนว่าดิฉัน “น้อมรับและฟังทุกมุมมองทุกคำติชมแต่ถ้าจะให้ดิฉันมานั่งแครฺ์กับคอมเม้นท์เพียงไม่กี่คอมเม้นท์ก็คงไม่ใช่เรื่อง” คือที่อยู่ที่นี่เขียนงานที่นี่จุดประสงค์คืออยู่เพื่อคนที่เขาอ่านผลงานเราแล้วเขามีความสุข แต่ถ้าใครไม่มีความสุข อ่านแล้วไม่ชอบ อ่านแล้วอึดอัดหรืออะไรก็ตามคงต้องบอกว่ามันเป็นปัญหาของคุณเอง ดิฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ แถมส่วนตัวเป็นโรคจิตคือเมื่อเจอรีพลายประเภทด่าดูถูกเหยียดหยามถากถางมายันพวกลิ่วล้อทั้งหลายที่ชอบโผล่มาคอยจะเหยียบชาวบ้านแล้วด้วยนี่ “แหม่ ยิ่งอยากลงรีวิวอ่ะค่ะ!” คงต้องยอมรับว่ามันเป็นความสนุกเล็กๆที่ใครก็ไม่รู้มาบ้าไปกับงานที่เราเขียนซึ่งก็ไม่คิดว่างานเขียนของคนธรรมดาๆคนหนึ่งจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคนธรรมดาๆอีกคนที่เราไม่รู้หัวนอนปลายเท้่าขนาดนี้เลยหรือ? ดิฉันจะพูดที่กระทู้นี้เพียงรอบเดียวว่ายินดีรับทุกคำด่าคำติคำวิจารณ์ซึ่งด่าได้ก็ด่าไป ดีด้วยค่ะเวลาของคุณแต่กระแสมาอยู่ที่บอร์ดกับผลงานของดิฉันซึ่งอีแบบนี้ดิฉันไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมายเลย อย่าลืมตามมาด่ากันเยอะๆนะคะเพราะมีรีวิวกับนิยายที่จะลงอีกเยอะ ขอบคุณค่ะ ^ ^

ป.ล.อ๋อ ดิฉันเขียนได้เท่าที่รู้นะคะ คือรู้เท่าที่เขียน ไม่้รู้อะไรก็จะไม่เขียน ผิดมั้ยคะ?
)

งานวางขายมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนแล้วแต่กระแสกลับเงียบกริบเป็นเป่าสากกับ Dreamchaser อัลบั้มชุดล่าสุดของสาวเสียงโซปราโน่ “ซาร่าห์ ไบร์ทแมน” ที่ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่บ.ก.หลงใหลคลั่งไคล้มากๆเชื่อว่าไม่ต้องคอเพลงคลาสสิคหรือพวกโอเปร่าก็คงจะรู้จักเธอดีจากการวาดลวดลายในเพลงบรอดเวย์สุดคลาสสิคอย่าง Phantom Of The Opera จวบจน Time To Say Goodbye ที่โด่งดังพอตัวในหมู่คนฟังคลาสสิคคัลนั่นล่ะ

สืบไปสืบมาจึงรู้ถึงสาเหตุที่เงียบเพราะอัลบั้มชุดนี้ได้วางขายที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรกเมื่อวันที่16 มกราคมที่ผ่านมาโดยจะวางขายในอเมริกาก็ปาเข้าไปใจกลางเมษายนโน่นล่ะค่ะ จะว่าไปฐานแฟนคลาสสิคนี่ก็คนมีกำลังซื้ออยู่แล้วนะคะและก็ใช่ว่าจะกว้างขวางแบบพวกเมนทสตรีมหรืออาร์แอนด์บีเสียเมื่อไรก็ไม่เข้าใจว่าเป็นการตลาดหยั่งเชิงอะไรแต่อาจจะเป็นเพราะทิ้งช่วงจากงานเก่านานถึง5ปีด้วยล่ะมั้งและตลาดเพลงในอเมริกาก็เปลี่ยนไปมากจนงานของศิลปินเจ๋งๆหลายคนยังเงียบเป็นเป่าสากไม่ต้องอะไรมากขนาดงานของจอห์น เมเยอร์กับคริสทิน่า อากิเลร่ายังเงียบเลยและนับประสาอะไรกับงานของเจ๊ที่ไม่ได้เมนทสตรีมอะไรมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วแม้หลังๆจะปรับตัวให้เนื้องานมีความฟูฟ่าและเอาใจตลาดก็เถอะ

มาพิจารณาถึงภาคดนตรีใน Dreamchaser ครั้งนี้ป้าแกของเกาะกระแสดนตรีทดลองกับเขาเหมือนกันคือสลับจากงานที่ยืนพื้นบน Operatic Pop ที่เป็นงานดนตรีคอนเทมโพรารี่ย์อันลงเสียงร้องแบบโอเปร่าและดนตรีจำพวกคลาสสิคคัลยันออเครสตร้าอลังการขยับเข้าสู่หมวดหมู่ของ Classical Crossover ที่ฟิวชั่นเข้ากับงานอิเล็คโทรนิคจำพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัลและแอมเบี้ยนท์เพียงแต่น้ำหนักของการนำเสนอทั้งหมดยังไม่หลุดจากกรอบของความเป็นซาร่าห์ ไบร์ทแมนที่คุ้นเคยนะคะคือยังเป็นคลาสสิค นิวเอจ พ็อพ โอเปร่าและงานกอสเพลแบบคาทอลิกอยู่…ความขลังและมนตร์เสน่ห์แบบเดิมที่ดูมีมิติขึ้น

เพลงเด่นๆก็มี Angel (4/5) แทร็คเปิดอัลบั้มเปิดมาตกใจนึกว่านั่งฟังงาน Fever Ray แต่พออินโทรเครื่องเสียงขึ้นก็ค่อยเป็นซาร่าห์ ไบร์ทแมนหน่อยเป็นงานโอเปราติคพ็อพออกนิวเอจเย็นๆตามสไตล์ป้านั่นแหละเพียงแต่ใส่ความเอ็กซ์เพอเข้ามามากกว่าเดิมซึ่งก็ดูมีมิติขึ้นนะ One Day Like This (5/5) เพราะมากๆ คือเป็นการจับสูตรสำเร็จของป้าซาร่าห์มาปรุงแต่งใหม่กับดนตรีสไตล์ Classical Crossover อย่างที่บอกโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคลอยละล่องสวยงามเปี่ยมมนตร์สะกดพอๆกับเครื่องสายออเครสตร้าแบบมิวสิคคัลในเพลงบีบความเป็นพ็อพละเมียดละไมมาแต่งแต้มความหวานและคอรัสยูโรกอสเพลช่วงท้าย งามระยับจับจิตมากๆ คิดถึงงานของเลโอน่า ลูอิสชุดล่าสุดในแบบคลาสสิคก็กล้อมแกล้มไปได้นะ Glosoli (4/5) อีกหนึ่งงานนิวเอจเพราะๆของอัลบั้มเยือกเย็นหลอนหูแต่เจิดจรัส Ave Maria (5/5) ทำมากี่ฉบับแล้วก็ไม่รู้ ครั้งนี้มาในแนวเอ็กซ์เพอริเมนทัลที่ถูกครอบคลุมด้วยภาคดนตรีแบบนิวเอจและดนตรีคอนเทมโพรารี่ย์คริสเตียนจำพวก Choir แบบกอสเพลของพวกคาทอลิกฟัง เปี่ยมด้วยมนตร์สะกดจนดิ้นไม่หลุดเช่นเดิม Eperdu (4.5/5) นี่กระโดดมาเล่นกับอิเล็คโทรนิคและแอมเบี้ยนท์เต็มตัวแต่การลงเสียงยังเป็นโอเปร่าแบบซาร่าห์ ไบร์ทแมนก็แค่นั้นนับว่าจับดนตรีเชิงทดลองมาชนกันคลาสสิคได้ลงตัว ชอบนะ! A Song Of India (4.5/5) แค่ขึ้นต้นมาก็เดาทิศทางออกแล้วว่าจะมาแนวมิวสิคคัลจำพวกงานโอเปร่าสไตล์ละครบรอดเวย์ อลังการมากๆฟังแล้วคิดถึงการจับวาทะศิลป์ในอัลบั้มชุด Harlem มาชนกับดนตรีของอัลบั้ม Classic

เนื้องานนับว่าดีตามสไตล์และมาตรฐานของ Sarah Brightman แม้ว่าในแง่ของการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆคงจะไม่มีแต่ก็นับเป็นอีกย่างก้าวที่ไม่หยุดนิ่งในการยกระดับเพลงคลาสสิคและโอเปร่าให้เข้าถึงผู้ฟังหมู่มาก เป็นไปตามกระแสและแฟชั่นดนตรีโดยที่ยังเก็บเอกลักษณ์ของตนเองไว้อย่างครบถ้วน




แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Sun Oct 13, 2013 5:38 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com