
http://www.facebook.com/HysteriaCulture
http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/04/21/back-in-the-day-mariah-carey-daydream-poprb-94-55/
Mariah Carey : Daydream : Pop/R&B (94% = 5/5)
ด้วยความที่ดิฉันมัวแต่ขลุกอยู่กับ งานเขียน และ งานเลี้ยงชีพ วนไปวนมาจนไม่มีเวลามาติดตามเช็คข่าวตอนนี้จึงตกอยู่ท่ามกลางกระแสข่าวสองฝักสองฝ่ายว่า The Art Of Letting Go สตูดิโออัลบั้มชุดใหม่ของแม่มาลัยที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกนี่ก็ไม่รู้ว่าจะ เลื่อนออกไปอีก รึเปล่า? ในขณะที่อีกคณะก็ยืนยันหัวชนฝาว่า ไม่เลื่อนๆ งานวางขายตามกำหนดการณ์เดิม สรุปแล้วดิฉันจึงขอรอเดือนหน้าแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกันแต่ตอนนี้ขอหยิบหนึ่งในอัลบั้มสุดโปรดของแม่มาลัยอย่าง Daydream อัลบั้มในตำนานของนางที่ก่อนหน้านี้เคยเขียนไว้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วแต่ต้นฉบับเดิมดันหายดังนั้นจึงขอถือโอกาสดี เขียนมันใหม่ โดยใส่มุมมองในวัย27ปีลงไปเสียเลยหลังจากที่รีวิวชิ้นนี้ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกตามแม่มาลัยมาตั้งแต่ปีที่แล้วเช่นกันเพราะตั้งใจว่าจะเอาไว้เขียนตอนใกล้ๆอัลบั้มใหม่จะออกเพื่อดึงกระแสให้คุณแม่ - ลูกไม่รอแล้วนะเว้ย!!!
โดยส่วนตัวแล้วสตูดิโออัลบั้มชุดที่5ของ มารายห์ แครี่ย์ ชุดนี้ดิฉันขอยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาลเท่าที่ได้เคยได้ฟังมาในชีวิตนี้ด้วยความที่เป็นงานที่ฟังและผูกพันมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมเมื่อเปรียบเทียบกับอัลบั้มที่ดิฉันชอบที่สุดของเธออย่าง Emotions ในเรื่องของความสด,ความทรงพลังและความสมบูรณ์แบบสำหรับดิฉันDaydreamอาจจะไม่สามารถก้าวไปเทียบชั้นได้ หากแต่หนึ่งในสิ่งดีๆที่ดิฉันชอบในอัลบั้มDaydreamชุดนี้จนยกย่องให้เป็นอัลบั้มของแม่มาลัยที่ยกขึ้นหิ้งแทบจะเสมอกันเห็นจะไม่พ้นในเรื่องของความที่เป็นงานแบบ ไม่ประดิษฐ์ ภาษาปากคือมันเป็นงานดนตรีที่มาจากใจสื่อถึงใจและทำให้เราสัมผัสได้ถึงตัวตนและสภาวะในช่วงเวลานั้นของศิลปินเจ้าของผลงานซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่อัลบั้ม Charmbracelet และ Memoirs Of An Imperfect Angel ได้รับการหยิบมาเปิดบ่อยในเครื่องเล่นเพลงของดิฉันนั่นแล
หากแต่มนตร์เสน่ห์ของ Daydream หาได้มีเพียงแค่นั้น เชื่อว่าคงจะไม่เพียงแต่สื่อมวลชน,นักวิจารณ์หรือลูกแกะตัวจริงเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ว่าในอัลบั้มนี้เป็นการฉายพัฒนาการของมารายห์ถึงการเติบโตรอบด้านทั้งในฐานะนักแต่งเพลง,นักร้องและศิลปิน เธอกล้าที่จะยืนหยัดและก้าวเข้ามามีบทบาทในงานดนตรีของตัวเองมากขึ้นจากการที่ก่อนหน้านี้สามีเก่าของเธอ ทอมมี่ ม็อทโทล่า ที่เป็นประธานค่ายโซนี่ได้ตีกรอบการทำดนตรีของเธอไว้เฉพาะในสายดิว่าโชว์พลังเสียงซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการใช้เสียงและดนตรีครั้งนี้ปูไปสู่การปฏิวัติภาพลักษณ์ของมารายห์ครั้งใหญ่ใน Butterfly อัลบั้มชุดถัดไปที้ทางค่ายไม่สามารถจะต้านทานความต้องการของเธอในการทำดนตรี ฮิพฮอพ และ อาร์แอนด์บี อีกต่อไป
ภาพรวมของ Daydream เป็นงานอัลบั้มพ็อพอาร์แอนด์บีที่หากตัดสินกันโดยผิวเผินแล้วอาจจะชวนให้นึกถึงผลงานอัลบั้มเปิดตัวและงานที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายของเธอมากที่สุดอย่าง Music Box อันนี้ขออ้างอิงจากคอมเม้นท์ของผู้อ่านหลายท่านที่เห็นบนกระทู้เว็บบอร์ดต่างๆมาตลอดสิบปีที่โดยมากเสนอความเห็นว่า ไม่ต่างกัน! หากแต่โดยส่วนตัวดิฉันกลับรู้สึกว่ามัน ต่าง และค่อนข้างชัดเจนด้วยการเริ่มขยับเข้าหาดนตรีเออร์บันอย่าง คอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บี และ ฮิพฮอพ เพื่อปูทางสู่อัลบั้มถัดไปแต่ยังไม่ถึงขั้นหั่นความเป็นพ็อพทิ้งไปถึงขั้นที่ได้ยินใน Butterfly ไงคะคืออัลบั้มนี้ยังหนักบนสัดส่วนของความเป็นพ็อพอยู่มากเช่นกัน อย่างที่ได้ยินใน Fantasy (4/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวก็เหมือนกับจะต่อยอดมาจาก Dreamlover ซิงเกิ้ลแรกจากผลงานชุดที่แล้วที่ก็ประสานเอาดนตรีบับเบิ้ลกัมพ็อพหวานหูมาเจือกับอาร์แอนด์บีและจังหวะเต้นรำคึกคักชวนโยกตัวแต่อิทธิพลของบีทฮิพฮอพและดนตรีฟั้งค์ผิวสีเริ่มเข้ามามีบทบาทชัดเจนขึ้นมากทีเดียวโดยเฉพาะในเวอร์ชั่นรีมิ๊กซ์ที่มี O.D.B มาเป็นแร็พเพอร์รับเชิญก็แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างเห็นได้ชัดของมารายห์ที่จะขยับเข้าสู่ตลาดฮิพฮอพ ถึงแม้จะดูฉีกจากกรอบของความเป็นมารายห์ที่สาธารณชนคาดหวังไปนิดแต่ถ้าจำไม่ผิดเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่สองในประวัติศาสตร์ของบิลบอร์ดชาร์ตที่เปิดตัวที่อันดับหนึ่งแถมยังสร้างสถิติให้มารายห์เป็นศิลปินหญิงคนแรกที่สามารถเปิดตัวบนHot100ที่อันดับหนึ่งด้วยนะคะ ในอัลบั้มยังมี Daydream Interlude (Fantasy Sweet Dub Mix) (4.5/5) ที่เป็นอินเทอลูดก่อนเพลงปิดอัลบั้มให้ฟังด้วยนะคะเอาเป็นว่าใครชอบดนตรีเฮ้าส์เก๋ๆที่กำลังอินในช่วงทศวรรษ90sก็คงจะชอบ สำหรับอีกหนึ่งเพลงในอัลบั้มที่ดูเหมือนจะชิมลางก่อนเข้าสู่ยุคButterflyเห็นจะไม่พ้น Long Ago (3.5/5) ที่ใครชอบงานพ็อพอาร์แอนด์บีผสานสตรีทฮิพฮอพลื่นๆและอารมณ์โซลฟูลแบบหลายเพลงในButterflyก็น่าจะชอบ
หนึ่งในข้อดีของการหยิบรีวิวที่เคยเขียนมา เขียนใหม่ เมื่อเราอายุมากขึ้นนั่นคือมุมมองที่เปลี่ยนไปตามอายุ เชื่อว่าหลายคนต้องมีเพลงที่ตอนเด็กๆเราฟังแล้วไม่ชอบแต่พอโตมาแล้วความรู้สึกของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง Underneath The Stars (4/5) คือหนึ่งในบทเพลงเหล่านั้นสำหรับดิฉันซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในช่วง7-8ขวบส่วนตัวยากที่จะเข้าใจวัฒนธรรมของงานอาร์แอนด์บีนวลๆที่ได้รับอิทธิพลมาจากดนตรีโซลในช่วงยุค70sแบบนี้ - งานจำพวกโซลฟูลอาร์แอนด์บีหรือไควเอทสตอร์มน่ะค่ะ - แต่พอโตมาเริ่มฟังดนตรีมากขึ้นและเห็นความงดงามของภาษาที่เธอแต่งได้ชนิดที่คนที่มีแง่มุมโรแมนติคในชีวิตอย่างดิฉันน้อยมากยังเคลิ้มอ่อนระทวยประหนึ่งขี้ผึ้งโดนไฟลน ตอนนี้ให้4ดาวไปเลย สำหรับเพลงที่ส่วนตัวชอบที่สุดในอัลบั้มชุดนี้และเห็นว่าโดดเด่นที่สุดขอมอบให้ One Sweet Day (5/5) เจ้าของสถิติอันดับหนึ่ง16สัปดาห์บนบิลบอร์ดชาร์ตและยังคงครองความยาวนานที่สุดมาจวบจนวินาทีนี้ โดยเพลงนี้เธอได้ร่วมงานกับ Boyz II Men ซึ่งในช่วงเวลานั้นโวคอลกรุ๊ปวงนี้ก็เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลต่อวัฒนธรรมดนตรีเมนทสตรีมทั้งในสายพ็อพและอาร์แอนด์บีทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่อิทธิพลของงานดนตรีแบบ Boyz II Men ที่เป็นงานอาร์แอนด์บีเน้นมิติการประสานเสียงเชิงกอสเพลและอะแค็พเพลล่าจะโดดเด่นมากๆในเพลงนี้ซึ่งยังส่งผลต่อยอดไปถึงบางซิงเกิ้ลของมารายห์หลังจากนี้อย่าง Butterfly หรือ Thank God I Found You ซึ่งก็นับว่าเป็นเครือญาติของแม่มาลัยที่ทรงพลังและเลอค่าสง่างามไม่แพ้กัน ขอรีบตัดบทเข้าหา Forever (5/5) ก่อนแล้วกันนะคะไม่งั้นร่ายยาวถึงสิบบรรทัดแน่ๆ สำหรับซิงเกิ้ลนี้เป็นงานโอลสคูลพ็อพบัลลาดย้อนยุคที่แทรกรสชาติของเพลงแนว ดูว็อพ สมัยยุค50sมาเจือเข้ากับงานดิว่าบัลลาด90sฟังแล้วก็อดนึกถึงบางเพลงจากอัลบั้มแรกไม่ได้เหมือนกันนะคะ เอาจริงๆเมื่อเทียบกับบัลลาดเพลงอื่นในอัลบั้มแล้วลูกล่อลูกชนขิงการนำเสนอและความสมบูรณ์แบบต้องนับว่าเป็นเพลงหนึ่งที่มาเหนือเมฆแทบจะที่สุดของอัลบั้มนี้ทีเดียวแต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยเห็นสาวกพูดถึงเพลงนี้กันเท่าไร มาที่ Always Be My Baby (5/5) อีกหนึ่งเพลงโปรดตลอดกาลของแม่มาลัยที่ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังเคลิ้มฝันกับเพลงนี้ไม่เสร็จกับท่วงทำนองมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีกึ่งบัลลาดเมโลดี้ไพเราะหวานหูและการประสานเสียงแบบโซลที่ฟังแล้วอบอุ่นอารมณ์ดี ทุกวันนี้ยังคงความหวานและเพราะขึ้นทุกวันที่ฟังเลยแฮะนี่แหละหนอทำเพลงให้เข้าขั้น คลาสสิค - 4ซิงเกิ้ลที่หยิบมาพูดถึงน่าสังเกตนะคะว่าเป็นทิศทางที่มีอิทธิพลในอัลบั้มButterflyชุดถัดไปทุกเพลงเลยแฮะ!
อย่างไรก็ตามอย่างที่ได้บอกไปว่าความเป็น พ็อพ ในอัลบั้มนี้ยังคงเด่นมากๆงานบัลลาดสไตล์ดิว่าบัลลาดยุค90sอันเป็นเครื่องหมายการค้าของมารายห์ในอัลบั้มนี้ยังคงเด่นและเปี่ยมมนตร์ขลังอยู่เริ่มต้นที่ Open Arms (4.5/5) งานคัฟเว่อร์จากวงร็อค Journey ซึ่งเอามาทำในรูปแบบของอดัลท์คอนเทมโพรารี่ย์บัลลาดสูตรสำเร็จตบโซลและเสียงประสานกอสเพลตามแบบฉบับเพลงของมารายห์ที่สาธารณชนคาดหวังเป๊ะ! และเพราะมากๆ I Am Free (4.5/5) โดดเด่นบนท่วงทำนองของเพียโนบัลลาดและออร์แกนสวยๆก่อนจะเข้าสู่วัฒนธรรมบัลลาดกอสเพลชวนขนลุกตามธรรมเนียมแม่มาลัย สุดยอด!!! มาที่ When I Saw You (3.5/5) งานพ็อพบัลลาดเพราะๆซึ่งอาจจะดูด้อยในแง่ของความเข้นข้นของแรงบันดาลใจภายในวิญญาณของตัวเพลงแต่ความประณีตงดงามของเมโลดี้ยังไม่ทำให้ผู้ฟังผิดหวัง แฟนคลับซีลิน ดิออนน่าจะชอบเพลงนี้กันนะ Melt Away (4/5) เรียบง่ายและสูตรสำเร็จแต่กรีดกระซวกกลางใจอาจจะใช่ที่บางทีเพลงที่เพราะมันอาจจะไม่ใช่เพลงที่ดีแต่ส่วนมากเกิน95%โลกนี้เราชอบเพลงที่ เพราะ มากกว่าเพลงที่ ดี แต่ฟังไม่รู้เรื่องล่ะนะ ปิดท้ายอัลบั้มด้วย Looking In (5/5) ซึ่งนับเป็นแทร็คที่เป็นส่วนตัวและเจ็บปวดที่สุดของอัลบั้มนี้เชื่อว่าเสียงร้องดรามาติคเชิงมิวสิคคัลบัลลาดของเธอเพลงนี้น่าจะกระแทกใจผู้ที่เข้าใจในคำว่า มรสุม,ชีวิต,น้ำตา และ ศักดิ์ศรี ได้อย่างดี ในแต่ละวินาทีที่เพลงนี้เดินหน้าไปเล่นเอาดิฉันถอนหายใจเฮือกๆเพราะช่างเป็นอะไรที่จี้กันได้ตรงจุดก่อนจะทิ้งท้ายอย่างแผ่วเบาเคว้งคว้างประดุจสายลมพัดไปวูบนึง นี่แหละกับดักของชีวิต อย่าได้คิดจะคว้าอะไรไว้ทัน!
เขียนมาซะดิบดีสุดท้ายมา ตายตอนสรุป เพราะสาดพลังในวัย27ปีไปแบบเต็มปอดมาก เอาเป็นว่าขอทิ้งท้ายสำหรับงานล่าสุด The Art Of Letting Go ที่ไม่รู้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนก็แล้วกันว่าส่วนตัวลูกแกะคนนี้เป็นกำลังใจให้เสมอ คือถ้าบอกว่าไม่คาดหวังเลยก็คงจะโกหกเพราะส่วนตัวก็อยากจะเห็นเนื้องานที่ทรงพลังแบบ Emotions และ Butterfly อยากเห็นการกลับมาที่ทรงพลังแบบ The Emancipation Of Mimi รวมไปถึงอยากได้ยินงานที่อบอุ่นและไพเราะงดงามชนิดแทร็คต่อแทร็คแบบอัลบั้ม Daydream ชุดนี้ (ดีใจมากที่ได้กลับมาฟังและกลับมาเขียนอีกที) อย่างไรก็ตามถ้าแม่มาลัยพร้อมเมื่อไรก็ออกมาเถอะคือส่วนตัวเชื่อนะแม้งานในช่วงหลังๆจะแกนๆเนิบๆนาบๆอ้วนกลมแต่ทุกอัลบั้มยังคงความสวยงามและมีเมโลดี้ที่ไพเราะตลอดจนแง่มุมดีๆให้คนฟังได้มีความสุขเสมอ แค่นี้ก็น่าจะตอบโจทย์แล้วสำหรับคนที่ฟังเพลงเธอมาตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบ