
http://www.facebook.com/hysteriaculture
https://hysteriaculture.files.wordpress.com/2014/06/wpid-upside_down_mountain_album_cover.jpeg
Conor Oberst : Upside Down Mountain : Indie Folk/Folk Rock/Indie Rock/Americana (85% = 4/5)
ถ้าไม่ใช่คอเพลงที่ติดตามแวดวงอินดี้มาในระดับหนึ่งอาจจะมีกรอกตากลับไปกลับมาบ้างเมื่อเอ่ยถึงชื่อของ คอร์เนอร์ โอเบิร์ทส แบบเพียวๆแต่ถ้าลองพ่วงตำแหน่งนักร้องนำของวง Bright Eyes เข้าไปด้วยแล้วเชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะถึงบางอ้อเพราะว่าชื่อเสียงและบารมีของวงอเมริกันอินดี้ร็อควงนี้ก็ใช่ว่าจะไก่กาแม้จะไม่ได้โด่งดังตู้มต้ามในบ้านเราแต่เซียนเพลงอินดี้ทั้งหลายจะต้องรู้จักกิตติศัพท์ของวงนี้ดีอย่างแน่นอน
หากแต่วันนี้เรามาโฟกัสกันที่พี่คอร์เนอร์เนื่องจากหนุ่มมากความสามารถท่านนี้เพิ่งจะมีผลงานโซโล่ชุดล่าสุด Upside Down Mountain มาฝากแฟนๆกันเมื่อเดือนที่แล้วไปหมาดๆ นับๆดูก็เป็นผลงานเดี่ยวลำดับที่หกของพี่เขาเข้าไปแล้วซึ่งก็น่าจะถูกใจสาวกเดนตายที่หอบหิ้วติดตามพี่เขามาตั้งแต่สมัยแรกๆเพราะเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งรายที่หวนคืนสู่รากฐานของตัวเองเช่นกันโดยอัลบั้มชุดนี้เป็นงานแขนงอินดี้โฟล์คเรียบง่ายพรมด้วยท่วงทำนองของโฟล์คร็อคและคันทรี่ย์กระเดียดไปทางลูกอเมริกาน่าจ๋าแถมเหยาะกลิ่นอินดี้ร็อคเกรียนๆมาพอเป็นเสน่ห์ตามแบบฉบับลูกบ้าของหนุ่มคนนี้นั่นแล
เรียกได้ว่ากินไปถึงแฟนๆของBright Eyesได้อย่างแน่นอนสำหรับUpside Down Mountainชุดนี้เพราะว่าแนวเพลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นอะไรที่เอาใจและเข้าทางคนรักBright Eyesสุดๆคือต่อให้พี่แกจะทะลึ่งฉีกไปทำอะไรพิสดารหรือทดลองกับตัวเองขนาดไหนดิฉันก็เชื่อว่าแฟนคลับจากทุกวงที่พี่เคยร่วมงานมาร่วมจะเหยียบสิบวงเห็นจะได้ย่อมพร้อมใจกันมาแห่แหนผลงานพี่กันแน่นอน สำหรับพวกที่คุ้นเคยกันดีเชื่อว่าไม่มีส่วนใดเป็นอุปสรรคต่อการดื่มด่ำอย่างแน่นอนแต่กับคนที่ไม่เคยรักใคร่ชอบพอกันมาก่อนน่ะสิพอได้มาเจอความเนิบนาบยานคางในผลงานชุดนี้ของพี่คงรีบชิงปิดอัลบั้มไม่ก็หลับคาหูฟังก่อนจะบรรลุด้วยค่าที่อัลบั้มของพี่ช่างเป็นงานดีที่ฟังยากเสียนี่กระไร แถมน้ำเสียงการร้องของพี่ก็ใช่ว่าจะเพราะคือไม่เคยคิดว่าฮีร้องเพลงเพราะหรือสื่ออารมณ์ได้ถึงใจใดๆเลยจริงๆนะคะออกแนวห้วนๆห่ามๆมีโลกส่วนตัวสูงมากเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พาลให้ขาจรฟังกันไม่จบอีกต่างหาก ไอ้ความไพเราะถูกหูสะกดจิตกับความเก๋าและอัจฉริยะมันยืนอยู่กันคนละภาคส่วนชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงอย่าคาดหวังว่าจะได้ฟังอะไรที่ติดหูหรือย่อยง่ายจากอัลบั้มนี้ - นี่คือจุดเดียวที่ด้อยของUpside Down Mountain
สำหรับพวกที่ติดตามแห่แหนกันมาจาก Bright Eyes แค่มาเจอกับ Time Forgot (4.5/5) เพลงเปิดอัลบั้มก็แทบจะจุดธูปกราบกันแล้วกระมังคะกับงานอินดี้โฟล์คละเมียดละไมแพรวพราวระยิบระยับงดงามตามท้องเรื่องที่ติดตามกันมายาวนานขนาดนี้ ไม่ใช่เพลงที่เพราะนะคะแต่บังคับว่าต้องมีเพราะเป็นโลโก้ แต่ดิฉันกลับชอบ Zigzagging Toward The Light (4.5/5) ตั้งแต่วินาทีแรกที่ขึ้นต้นมาก็รู้เลยว่าเป็นเพลงที่ตอบโจทย์ดิฉันที่สุดเพลงหนึ่งของอัลบั้มนี้แน่ๆกับงานอินดี้ร็อคเข้มๆเท่ห์ๆออกเฮ้วสไตล์คอร์เนอร์คนเดียวที่ทำได้ ตรงเคมีแนสทิน่ามาก! Hundreds Of Ways (4.5/5) น่ารักมากๆกับงานที่กระเดียดไปทางโซนอัลเทอเนทีฟคันทรีย์หน่อยๆมีทั้งรสชาติของงานแบบคันทรี่ย์โฟล์ค ร็อค อเมริกาน่าแต้มบลูส์และสวิงนิดๆ ฟังแล้วรู้สึกเบิกบานใจมากๆแต่ไม่รู้ว่าเนื้อหาท่านกล่าวถึงอะไร ไม่ค่อยไว้ใจพี่เท่าไรด้วยเพราะเสียดสีเก่งมากๆ Lonely At The Top (4.5/5) น่าจะถูกใจคนชอบงานบลูส์ร็อคและคันทรี่ย์โฟล์คหม่นๆแบบจอห์น เมเยอร์ มาที่ Kick (4/5) เล่นเอาตาเหลือกเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์ช่วงอินโทร ต๊ายยย นึกว่าเผลอไปหยิบเอางานของพี่แจ็ค ไวท์มาเปิดนะนั่นแต่พอเข้าตัวเพลงจริงๆก็เป็นงานโฟล์คร็อคเพราะๆตามมาตรฐานพี่คอร์เนอร์นั่นแหละ You Are Your Mothers Child (4.5/5) ขึ้นต้นมาเป็นงานโฟล์คนิ่งๆและสงบราบเรียบทำให้แอบลุ้นในใจว่าจะมีหักมุมใดๆให้ได้ยินกันหรือไม่ สุดท้ายก็เป็นงานโฟล์คน่ารักๆเรียบง่ายแซมกลิ่นคันทรี่ย์เจือจางแต่ไพเราะเหลือหลายให้ฟังตั้งแต่ต้นจบเพลง
ฟังจบก็แอบตะหงิดใจว่า มันต่างไปจากที่ได้ยินใน Bright Eyes บ้างมั้ยหนอ? ซึ่งจะว่าไปก็ไม่นะคะเว้นแต่ว่าช่วงหนึ่งผลงานของพวกBright Eyesมาเชิงทดลองมากๆก็แค่นั้นแต่โดยรวมก็อาจจะปฏิเสธคำครหาด้านลบว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับการได้ฟังอัลบั้มคัมแบ็คของทางวงแม้มันจะเป็นอัลบั้มที่ดีเลิศสวยงามขนาดไหนก็ตาม แต่คิดอีกแง่คอร์เนอร์ โอเบิร์สทได้ทุ่มทั้งจิตวิญญาณของตนลงในBright Eyesไปหมดแล้วดังนั้นก็ไม่รู้ว่านักวิจารณ์จะแปลกใจอะไรที่อัลบั้มชุดนี้มันจะเหมือนอัลบั้มของทางวงพี่เขาไปหน่อย