
http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/10/17/jessie-j-sweet-talker-poprbelectropophip-hopdance-pop-75-3-55/
http://www.facebook.com/hysteriaculture
Jessie J : Sweet Talker : Pop/R&B/Electropop/Hip-Hop/Dance-Pop (75% = 3.5/5)
สารภาพว่าตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกที่ดิฉันจำชื่อไม่ได้ ชื่อ Who You Are ป่ะ? ส่วนตัวก็ไม่ได้สนใจติดตามผลงานใดๆของสาวเจสซี่ เจอีกเลยจนนี่ล่วงเลยเข้าไปน่าจะอัลบั้มที่สามเข้าไปแล้วถ้าเข้าใจไม่ผิดสำหรับ Sweet Talker ที่เผอิญจังหวะดีประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้ดิฉันไม่มีอะไรฟังพอดี (ยังไม่เคยฟังอัลบั้มสอง) พอได้ฟังเท่านั้นละเกิดอาการหูตาเหลือกอดรนทนไม่ได้ต้องรีบโดดมาเขียนรีวิวด้วยความที่มันช่างเป็นอัลบั้มที่ช่างเปรี้ยวเข็ดฟันเสียนี่กระไร
ถึงจะไม่ค่อยได้ติดตามนางแต่ดิฉันเองก็เคยออกปากชมไปตั้งแต่สมัยสาวเจสซี่เธอเปิดตัวในผลงานชุดแรกแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถและวิสัยทัศน์ทางดนตรีโอเคทีเดียว วันนึงในอนาคตน่าจะระเบิดศักยภาพที่น่าสนใจออกมาให้เราๆเห็นกัน ช่วงนั้นจำได้ว่ามีผู้อ่านบางท่านออกตัวไม่เห็นด้วยแต่เท่าที่ผ่านมาเธอก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วนะคะว่าไม่ใช่ไก่กาวอนน่าบีถึงความดังอาจจะยังไม่ได้ทะยานขึ้นไปถึงจุดที่ควรจะตะกายไปถึงก็ตามแต่เชื่อว่าผู้อ่านHysteriaและFF Magทุกท่านไม่มีใครตื้นเขินถึงขั้นเอาความดังคับโลกมาเป็นมาตรวัดหลักสำหรับประเมินความสามารถและคุณค่าของศิลปินหรอกใช่มั้ยคะ?
ยิ่งใน Sweet Talker ชุดนี้คงจะหนีไม่พ้นที่จะต้องยกย่องให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มพ็อพยอดเยี่ยมแห่งปีกับสารพัดส่วนผสมชั้นดีตั้งแต่อาร์แอนด์บี,เต้นรำ,ร็อค,อิเล็คโทร,โซล,ฟั้งค์ยันฮิพฮอพ ฯลฯ ประดังกันมาหลากรสชาติมากๆแต่อร่อยกลมกล่อมลงตัว จะว่าไปเจสซี่เองก็ฉายแววตั้งแต่อัลบั้มแรกแล้วว่าเธอก็สามารถหล่อหลอมตัวเองไปกับดนตรีได้สารพัดแนวไม่แพ้ใคร
แม้ว่า Bang Bang (3.5/5) เพลงเก่งของอัลบั้มที่ดึงเอาสองขวัญใจอเมริกันชนอย่างน้องหนู แอริแอนน่า กรันเดย์ ทายาทแม่มาลัยและแร็พเพอร์สาวสุดเอ็กซ์ นิคกี้ ไมนาจ มาร่วมงานด้วยจะได้รับกระแสตอบรับที่เรียกได้ว่าตูมตามเหมือนกันบนชาร์ตเพลงแต่ขอบอกว่าเมื่อหยิบไปเทียบกับเพลงอื่นในอัลบั้มก็เป็นอะไรที่งั้นๆไปเลยทีเดียวคือตายตั้งแต่เจอ Aint Been Done (4/5) เพลงเปิดอัลบั้มที่ลูกบ้าแพรวพราวมากๆเริ่มต้นมากลิ่นเออร์บันหึ่งคล้ายจะเป็นงานพ็อพอาร์แอนด์บีติดบีทฮิพฮอพแรงๆแถมการใช้สุ้มเสียงสรรพสำเนียงของเจ้าของผลงานทั้งแหล่ทั้งแร็พยังได้ใจสุดๆแต่พอวนเข้าท่อนคอรัสเท่านั้นล่ะกลายเป็นงานพ็อพสไตล์เจสซี่ เจที่มีจริตจก้านที่โดดเด่นและสดใสติดหูฟังแล้วอดนึกไปถึง Price Tag ไม่ได้ พบรักแท้ตั้งแต่ต้นอัลบั้มเมื่อ Burnin Up Ft.2 Chainz (4.5/5) ดังขึ้นมาด้วยความที่ส่วนตัวชอบเพลงแรงๆแบบนี้อยู่แล้ว อินโทรมาหลอกให้ตายใจนึกว่าจะเป็นงานติดร็อคที่ไหนได้เป็นงานเต้นรำคลับแบงเกอร์ร้อนระอุกระชากใจใส่ลงมาหมดตั้งแต่รสชาติของพ็อพ,อาร์แอนด์บี,ฟั้งค์,ฮิพฮอพและอิเล็คโทรแบบคลับแด๊นซ์ เลิศมาก! ต่อด้วย Sweet Talker (4/5) ไทเทิ่ลแทร็คที่หยิบเอาพ็อพอาร์แอนด์บีมาทดลองกับอิเล็คโทรพ็อพและดั๊บสเต็ปตามธรรมเนียมงานพ็อพของยุคนี้ Seal Me With A Kiss Ft. De La Soul (5/5) ที่ได้วงฮิพฮอพแร็พระดับตำนานอย่างเดอ ลา โซลมาร่วมงานด้วยแค่นี้ก็คงไม่ต้องบรรยายแล้วว่ามันจะเลอเลิศขนาดไหนไม่ต้องแปลกใจถ้ากลิ่นของงานดนตรียุค80sมันจะตลบอบอวนในเพลงนี้พวกกลิ่นอายของงานแรกเริ่มยุคคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีน่ะค่ะมีทั้งซาวนด์ของซินธิ์พ็อพ,สตรีทอาร์แอนด์บี,โซลและฮิพฮอพแร็พดังที่ได้ยิน Said Too Much (4.5/5) กับ Keep Us Together (4/5) เป็นสองเพลงที่ท่อนคอรัสโดดเด่นทรงพลังมากๆคือจริตจก้านแบบนี้นี่เป็นเอกลักษณ์ของเจสซี่ เจเลยที่ทำให้งานธรรมดาๆดูมีเสน่ห์ขึ้นโขทีเดียว เพลงแรกนี่กลิ่นเรโทรแบบทริบิ้วท์ให้พ็อพ80sชัดเจนมากในขณะที่เพลงหลังเป็นงานมิดเทมโพเชิงคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีนุ่มละมุนนวลเนียนเซ็กซี่ดี Strip (3.5/5) นี่น่าจะถูกใจคนที่ชอบเพลงพ็อพสดใสแบบDominoและปิดอัลบั้มด้วยงานอคูสติคเพราะๆใน You Dont Really Know Me (4/5) เพราะดี!
อย่างไรก็ตามผู้ฟังอาจจะแอบรู้สึกอึดอัดกับความบ้าพลังของเธอไปบ้างในผลงานชุดนี้เพราะแค่ภาคดนตรีก็ยุ่บยั่บหลากหลายจนปรับอารมณ์ตามไม่ทันแล้วสาวเจสซี่เธอยังใช้เสียงได้หลายเสียงแถมลูกล่อลูกชนยังไม่มีปราณีคนฟังอีกต่างหาก ก็แหม!!! คนมันทำได้หลายอย่างนี่เนอะ