ที่สุดของหนังแห่งความเข้าใจยากอันดับที่ 4
ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิด นี่คือที่สุดของหนังแห่งความเข้าใจยากอันดับที่ 4 ซึ่งก็คือหนังไทยที่มีชื่อเรื่องว่า พลอย ก่อนอื่นต้องขออภัยก่อนครับ ที่ทิ้งช่วงห่างระหว่างอันดับที่ 5 และ 4 นานขนาดนี้ ด้วยเหตุผลอะไรขอละไว้ในฐานที่เข้าใจกันนะครับ (อาย)
เรื่องพลอยเป็นผลงานเรื่องล่าสุดของ เป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับคนนี้ได้ทำหนังแนวนี้มามากมาย และที่ได้ใจผมไปอย่างเต็มเปาคือ เรื่อง เรื่องตลก69 ตอนนี้เขากับมาพร้อมกับหนังที่เค้าเองบอกว่า อยากทำหนังง่าย ๆ ซึ่งนั้นก็คือเรื่องพลอย และไม่ทราบว่าหนังของพี่เค้าง่ายอีท่าไหน ถึงได้มาอยู่ในอันดับที่ 4 ที่สุดของหนังแห่งความเข้าใจยากของเวเฟอร์ได้
ซึ่งบทความที่ท่านจะได้อ่านต่อไป จะเป็นการวิจารณ์และวิเคราะห์รวมไปถึงการอธิบายเรื่องพลอย ในมุมมองที่ผมเข้าใจและตีความออกมาโดยความคิดของผมเพียงผู้เดียว ซึ่งหากไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดประการใด ทางตัวผมเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย ขอบคุณครับ เริ่มกันเลย.....
(เพลงประกอบเรื่องพลอย : แด่คนช่างฝัน โดยจ๊อบ บรรจบ)
พลอย ผลสะท้อน จากความเน่าเฟะ
นำเรื่อง : หนังแต่ละเรื่องมีการบอกเล่าที่แตกต่างกัน บางเรื่องบอกเล่าจากคำพูดโดยตรง บางเรื่องไม่ใช้คำพูดแต่บอกด้วยเหตุการณ์และการกระทำ บางเรื่องใช้แค่สีหน้าและอารมณ์ของตัวละคร แล้วให้คนดูไปตีความคิดต่อกันเอาเอง ส่วนบางเรื่อง เล่าโดยใช้เหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดความรู้สึก ใช้อารมณ์ของเหตุการณ์เป็นตัวบอกกล่าว ใช้โทนของหนังเป็นตัวเล่าเรื่อง ซึ่งการเล่าทั้งหลายเหล่านี้ ผู้ชมจะต้องตั้งใจรับชมแล้วคิดตาม ในแง่ที่หนังสะท้อนออกมา ในแง่ที่หนังไม่เล่าบอกโดยตรง ว่าแกนหลักของหนังเรื่องนี้ ต้องการสื่ออะไรกับคนดู ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับท่านที่จะรับชมหนังประเภทนี้ ท่านก็จะไม่ได้อะไรจากตัวหนังเลย ท่านจะมองมันเป็นแค่หนังที่มีคนเดินไปเดินมา คุยกันสองสามคำแล้วมันก็จบไป ไม่ได้คิดตาม ไม่ได้เสาะหาประเด็น มันก็เท่ากับไม่ได้อะไรเลย แต่หากท่านจะสนใจ กับรายละเอียดที่หนังบรรจงใส่ ที่ตัวละครบรรจงสื่อ ท่านอาจจะมีมุมมองแปลกใหม่ มุมมองที่จะเฉลยคำตอบว่าทำไม หนังอินดี้ ถึงเป็นชื่นชอบของนักวิจารณ์กันทั่วโลก ซึ่งนั้นก็รวมถึงเรื่อง พลอย ด้วย
นำเรื่องด้วยสองสามี ภรรยาที่อยู่กินมาด้วยกัน 7 ปี หรือ 8 ปี ไม่ใครตอบได้ ของแดงและวิท ทั้งคู่รักกันมาก รักกันจนเคยบอกรักกันทุกวัน เป็นที่หนึ่งของกันและกันมาตลอดเวลา แต่ความรัก เหตุใดมันจึงมีวันหมดอายุ? อาจเป็นเพราะความเคยชิน ความซ้ำซาก หรือความระแวง...
ทั้งคู่ที่เพิ่งเดินทางมาจากอเมริกาเพื่อมางานศพญาติ และเข้าพักที่โรงแรม ขณะที่แดง กำลังนอนพัก วิทได้รับเด็กหญิงชื่อพลอย เข้ามาพักด้วย เพราะเธอต้องรอแม่อีกหลายชั่วโมง และเธอไม่มีใคร... ซึ่งนั้นทำให้แดงไม่พอใจ พอสมควร.. จนทำให้เป็นการจุดฉนวนการมีปากเสียงที่พร้อมจะเกิดอยู่ได้ทุกเมื่อ
และในเวลาเดียวกันนั้นที่ชั้นล่างลงไป แม่บ้านของโรงแรมชื่อตุ้ม กำลังร่วมรักอย่างเร้าร้อนกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มสุดหล่อ
ข้อดีข้อเด่น : หนังเรื่องนี้จะถูกมองได้เป็นสองชั้นหลัก ๆ ชั้นที่หนึ่งคือการเข้าใจตามการที่หนังบอกเล่า หรือการเข้าใจในระดับพื้นฐานนั้นเอง ว่าเห็นอะไร ก็เข้าใจแบบนั้น แต่สำหรับผู้ที่ใส่ใจรายละเอียดมากพอจนสามารถเข้าใจลึกลงไปถึงอีกขั้นที่ซ่อนอยู่ในหนังเรื่องนี้ ท่านจะเข้าใจว่าทำไม เหตุการณ์ทั้งหมดจึงต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งเรื่องความไร้เดียงสาของพลอย ความร่านของแม่บ้านที่โรงแรม ความเสื่อมรักของแดงและวิทย์ ทั้งหมดสัมพันธ์สอดคล้องและส่งแรงสะท้อนถึงกันอย่างลงตัว
ขอกล่าวถึงทีละคนนะครับเริ่มต้นที่วิทย์
ถ้าถามว่าวิทย์รักเมียไหม? วิทย์รักเมียของเขามาก มากจนถึงขั้นขาดใจ หรืออยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีเมีย วิทย์อยู่ไม่ได้ถ้าขาดแดง แต่ทำไมเขาถึงไม่เอาใจเมีย ไม่ดูแลเมียดีๆ เหมือนตอนที่คบกันแรกๆ นั้นอาจเป็นเพราะ ความซ้ำซากจำเจ ของการใช้ชีวิตคู่ ความเบื่อหน่าย ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสิ่งที่เป็นเส้นคู่ขนานกันตลอดระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย มันเป็นตัวบั่นทอน ความหวานชื่นของชีวิตแต่งงาน ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในเรื่องนี้ การที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันมาและทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระซ้ำ ๆ ซาก ๆ เช่นที่วิทบอกว่าอยู่กันมา 8 ปี แต่แดงก็เถียงทุกครั้งว่า 7 ปี ทุกครั้งที่พูดก็เถียงทุกครั้ง มันดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้น ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ผลของการทะเลาะประเภทนี้จะกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงและยากเกินจะเยียวยาเลยทีเดียว บวกกับปัญหาที่แดงกับวิทไม่ได้มีอะไรทางเพศกันมานานร่วมปี ทั้งที่สองคนที่เคยรักกันเป็นหนึ่งเดียว มันก็มีกำแพงแห่งความซ้ำซากเข้ามากั้นระหว่างทั้งคู่ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมา ก็เหมือนทำให้กำแพงนั้นมันใหญ่ขึ้น ๆ ทุกวัน...
แดงและสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเป็น
แดงต้องการให้วิทย์ ทำให้แดงรู้สึกว่าวิทย์รักแดง เป็นประโยคที่ผู้หญิงทั้งโลก อยากบอกกับคนรักของตนเอง มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่อยากให้คนรักดูแล เอาใจ แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน แต่ทำไมมันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกิน สำหรับผู้ชายที่จะทำ และเมื่อใดก็ตามที่ประโยคดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมา มันก็มักจะนำไปสู้การทะเลาะที่ไร้สาระ ขึ้นทุกที แดงต้องเศร้าเสียใจ ที่สามีไม่ดูแลเอาใจเหมือนสมัยรักกันแรก ๆ สังเกตได้จากการที่แดงใส่เสื้อคอย้วยตัวเก่าสีซีด มันอาจเป็นการบอกว่าแดงชอบความหวานซึ้งของวันวาน ชอบความทรงจำดี ๆ ที่เคยมี ซึ่งมันหาไม่ได้แล้วทุกวันนี้ การเอาเสื้อตัวเก่ามาใส่ ถึงจะนำเหตุการณ์ในอดีตกลับมาไม่ได้ แต่มันก็ช่วยทำให้เธอได้รู้สึกมันอีกครั้ง
แต่เมื่อชีวิตแต่งงานมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอวาดฝันไว้ รังแต่จะมีรอยร้าวที่กว้างขึ้นทุกวัน ๆ สร้างความห่างเหินมากขึ้นทุกที จนทำให้มันมีอีกหลายอย่างที่แดงอยากทำแต่ทำไม่ได้ มีหลายอย่างที่แดงจะเป็นแต่มันสายไปแล้ว และมีหลายอย่างที่แดงอยากบอกอยากจะพูด แต่ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้...
พลอย ร่างสะท้อนของความบริสุทธิ์
การกระทำทุกอย่างของพลอย เป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นต้องตริตรอง เธอทำในสิ่งที่อยาก เธอทำในสิ่งที่ต้องการ เธอถามในสิ่งที่สงสัย เธอมีนิสัยครบถ้วนของคำว่า เด็ก และที่สำคัญคือเมื่อเด็กมีปัญหาที่กลัว น้อยคนที่จะถาม ส่วนมากเด็กจะเก็บงำมันไว้คนเดียว และพยายามที่จะปกปิดมัน อย่างเช่นตอนที่แดงถามว่า หนู ตาไปโดนอะไรมา? พลอยไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหารองพื้นมาทาปิดรอยนั้น
พลอยยังมีนิสัยของเด็กที่อยากจะโต อยากจะทำอะไรที่ทำให้ตัวเองดูโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงแนวโบราณ การสูบบุหรี่ ซึ่งไม่ว่าเธอจะจุดกี่มวน เธอไม่เคยสูบมันจนหมดมวนเลย เธอแค่อยากจะสูบ อยากจะทำให้ตัวเองเป็นที่น่าสนใจเท่านั้นเอง แต่ใครจะรู้ว่าเด็ก ๆ ที่ดูใสซื่อ ไม่มีพิษภัย แท้จริงแล้ว อะไรคือปัญหาที่แท้จริงของเธอ และจริงๆ แล้วเธออาจจะช่ำชองในบางเรื่อง จนผู้ใหญ่ยังต้องตกใจ
แม่บ้านตุ้มที่ร่านที่สุดในโลก
หนังพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ ให้แม่บ้านคนนี้เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วย กิเลสทางเพศ ซึ่งก็ทำได้อย่างประสบความสำเร็จซะด้วย ทั้งการกระทำ การแสดงออกทางสีหน้า ทุกอย่างที่แม่บ้านคนนี้ทำ ทั้งที่หน้ากระจก ข้างหน้าต่าง ข้างเตียงและบนเตียง มันแสดงออกถึงความ ร่าน ที่ซ้อนอยู่ในใจผู้หญิงทุกคนในโลกนี้ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมาอย่างมากและน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง ความต้องการชายหนุ่มรูปหล่อซักคน นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไม จึงต้องเลือกตัวละครบาร์เทนเดอร์สุดหล่ออย่างนั้น
จะสังเกตได้ว่าทั้งสามตัวละคร เป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกันคนละมุม แต่มันได้ส่งผลสะท้อนถึงกันและกันอย่างน่าตกใจ เพราะนอกจากจะสัมพันธ์กันในเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องแล้วนั้น ทั้งสามยังเติมเต็ม ความต้องการและนิสัยของกันและกันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ประหนึ่งทั้งสามตัวละครนี้เป็นคน ๆ เดี๋ยวกันก็ไม่ปาน
แดงกับพลอย...
พลอยเป็นหลายอย่างที่แดงเคยเป็น แดงเคยเป็นเด็กน้อยที่ใสซื่อ เคยเป็นผู้ที่ไม่อะไรให้คิดมากและพร้อมเสมอที่จะรัก หลังจากการทะเลาะของแดงและวิท เมื่อแดงหยิบสร้อยของพลอยที่หล่นในห้องน้ำขึ้นมาใส่ แดงจึงรู้สึกว่าพลอยคือสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจของเธอ พลอยคือสิ่งที่แดงอยากกลับไปเป็นอีกครั้ง แดงถึงได้ถามว่า วิทย์รักเด็กนั้นใช่ไหม แดงอยากให้วิทย์รักแดง... เหมือนเดิม...
และเมื่อหนังได้ฉายถึงการถูกกระทำอันโหดร้าย ของแดงกับผู้ชายใจทราม เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ตัวละครแดงและพลอย ประสานเป็นตัวละครเดียวกันได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน แต่อย่างน้อย มันก็อธิบายได้เพียงพอว่า รอยช้ำที่ดวงตาพลอยนั้นน่าจะไปโดนอะไรมา
แดงกับแม่บ้านร่านชื่อตุ้ม
การแสดงออกของแม่บ้าน เป็นเสมือนอีกร่างของแดง ทุกอย่างที่แม่บ้านทำเปรียบเสมือนสิ่งที่แดงอยากทำมาตลอด และที่เป็นไปได้สูงเลยก็คือ แดงได้ทำมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ด้วยเหตุผลที่ลงตัวเหมาะเจาะสองข้อคือหนึ่ง มีฉากหนึ่งที่แดงอ้วกแพ้ท้อง ทั้งที่แต่แรกแดงและวิทย์พูดไปแล้วว่า
แดงมีเมนส์หรือเปล่าเนี้ย?
ทำไม วิทต้องถามแดงอย่างนั้นทุกครั้ง ที่เราทะเลาะกันด้วยล่ะ เราไม่ได้มีอะไรกันมาเป็นปีแล้วนะ
ในเมื่อทั้งสอง ไม่ได้นอนด้วยกันมาเป็นปี แต่ทำไมแดงถึงยังแพ้ท้อง ถึงตอนที่จะโดนข่มขืน โจรยังต้องพูดว่า
ไม่ต้องห่วงผมใช้ถุงยาง
เพียงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่าเหตุการณ์ของแม่บ้านนั้นไม่ต่างกับสิ่งที่แดงได้เคยกระทำไปเป็นที่เรียบร้อย แล้วมันยังสอดคล้องไปถึงตอนที่แดงถามวิทว่า
วิทย์คบคนอื่นอยู่หรือเปล่า
แดงคิดว่าวิทย์คบไหมล่ะ?
แดงคิดว่าคบ คนที่ชื่อน้อย... ใครคือน้อย
นี่แดงค้นกระเป๋าพี่หรอ.. นี่เราต้องอยู่ด้วยความระแวงกันแล้วหรอ
ลองคิดดูดี ๆ คนที่ระแวงจริง ๆ แล้วคือแดงต่างหาก แดงคือคนที่คบคนอื่นแล้วต่างหาก แดงถามอย่างนั้นออกไป เพราะแดงไปมีอะไรกับคนอื่นแล้วต่างหาก เพราะนั้นแหละเป็นสาเหตุที่แดงอ้วกแพ้ท้อง
พลอยกับแม่บ้านร่านชื่อตุ้ม
พลอยกับแม่บ้านดูจะเป็นตัวละครที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เพราะต่างกันสุดขั้วนี่แหละ เมื่อสองตัวละครนี้เอ่ยถึงกันเมื่อไหร่ มันย่อมจะกลายเป็นที่จับตามองแน่นอน พลอยบอกว่าพลอยฝันว่าเห็นแม่บ้านกับบาร์เทนเดอร์ชื่อนัท มีอะไรกัน ทำให้หนังเกิดคำถามทันทีว่า เหตุการณ์ของตุ้มและนัทเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเป็นแค่ความฝันของพลอย ซึ่งจะความฝันหรือไม่ มันแทบไม่สำคัญเลย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ ตัวละครพลอยเองก็อาจจะไม่มีตัวตนด้วยซ้ำไปน่ะซิ!!!
สังเกตได้จาก ตอนที่ทะเลาะกัน วิทย์บอกแดงว่า
แดงไปกินยาที่หมอให้แล้วไปนอนเถอะไป
เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว มันสามารถสื่อได้เลยว่า แดงอาจมีอาการทางประสาทที่ต้องใช้ยาควบคุม เมื่ออารมณ์หรือความโมโหขึ้นสูง ความจริงแล้ว แดงอาจจะแค่เห็นชื่อน้อยพร้อมเบอร์โทรในกระเป๋าของวิทย์ จนทำให้คิดมากแล้วสร้างตัวละครพลอยขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราวเองก็ได้....
จุดนี้ทำให้ตัวละครพลอยและแม่บ้าน ถูกดึงรั้งเอาไว้ให้อยู่ระหว่างความจริง และความฝัน สังเกตได้อีกว่าทั้งสามตัวละครจะฝันถึงกันเป็นทอด ๆ อีกด้วย แดงฝันว่าแดงฆ่าพลอย ส่วนพลอยฝันว่าเห็นแม่บ้าน ซึ่งหากพลอยเป็นสิ่งที่ออกมาจากจิตสำนึกของแดง แม่บ้านก็ออกมาจากจิตสำนึกของแดงเหมือนกัน เป็นสองบุคลิคที่อยู่ในก้นบึงที่สุดของสองฝั่งในหัวใจของแดงนั้นเอง
ในฉากสุดท้ายของพลอย ที่เธอได้เดินเข้าไปในห้องที่แม่บ้านตุ้มมีอะไรกับนัท จากนั้นตัวละครพลอยก็ได้หายไปเลย มันเหมือนกับแรงสะท้อนที่ออกมาจาดจิตใจของแดงทั้งสองขั้วมาบรรจบกันเป็นที่เรียบร้อย และนั้นก็สอดคล้องกับเพลงที่แม่บ้านนอนร้องบนร้องตอนจบด้วย....
ทั้งหมดของการอธิบายมานี้ถือเป็นข้อดีข้อเด่นในเรื่องพลอย ที่มีการเล่าแบบกึ่งฝันกึ่งเหตุการณ์จริงและถ้าหากคุณสามารถจับรายละเอียดได้ครบถ้วนไปถึงเสียงแบลคกราวด์ประกอบของเรื่องแล้วละก็ คุณอาจจะต้องฉงนหนักเข้าไปอีกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจเกิดขึ้นซ้อนทับกันก็เป็นได้...
ซึ่งการเล่าหนังในโทนนี้ถือเป็นการเสี่ยงพอสมควรเลยทีเดียว เพราะถ้าใครที่ดูไม่รู้เรื่องหรือไม่คิดตามก็จะไม่ได้อะไรเลยจากหนังเรื่องพลอยอย่างแน่นอน
เรื่องราวที่ผมอธิบายมานั้น ถูกทำให้สมจริงขึ้นไปด้วยการแสดงที่เหมาะสมลงตัวอย่างยิ่ง ทุกตัวละครตีบทแตกและทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างไม่มีที่ติ แม้แต่อนันดาที่รับบทนัท ในเรื่องพลอยนี้สามารถบันทึกไว้ได้เลยว่า เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของอนันดา ส่วนวิทย์ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ครบถ้วน และยังต้องขอบคุณมุมกล้องในฉากที่วิทย์ร้องไห้ในห้องน้ำอีกด้วยเพราะมันทำได้เหงาจริง ๆ แบบเฉพาะคนใจเหงาเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
มาทางด้านของนักแสดงหญิง พลอยผู้ที่เป็นเจ้าของชื่อเรื่อง ถือว่าโชคดีมาก ที่ได้มาอยู่ในหนังดี ๆ อย่างนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย และเธอก็แสดงในบทของเธออย่างถูกต้องครบถ้วน จากที่ผมรู้จักเด็กผู้หญิงคนนี้มา ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเพียงแค่เธอเข้ามาอยู่ในหนังดีๆ แบบนี้ มันทำให้การแสดงของเธอถึงขั้นเข้าตากรรมการเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่ความใส แต่มันรวมไปถึงความสงสัย ในแววตา และใบหน้าที่ผมพูดได้เต็มปากว่าผมชอบการแสดงของเธอจริงๆ
มาถึงคนสุดท้าย ที่เก็บไว้กล่าวถึงที่หลังก็เพราะผมชอบที่สุด พี่หมิวในบทแดงนั้นเอง หมิวได้แสดงให้เห็นว่าเธอคือหนักแสดงแถวหน้าสุดของเมืองไทยอย่างแท้จริง การถ่ายทอดอารมณ์ของเธอช่างลื่นไหล และไม่สร้างความสะดุดเลยแม้แต่นาทีเดียว ซึ่งนั้นช่วยทำให้หนังมีพลังและน่าเชื่อถืออย่างเฉียบคม ทั้งฉากร้องไห้หน้ากระจก ฉากหนีตายจากโจรใจทราม เรียกได้ว่า ไม่ผิดหวังจริง ๆ กับฝีมือของเธอคนนี้ ขอยกย่องครับ
ในเรื่องของดนตรีประกอบ ก็ทำได้เยี่ยมไม่แพ้กันเพราะมันช่างรองรับกับโทนของหนังตลอดเรื่อง รวมไปถึงเรื่องของแสงด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเดินไปเปิดและปิดผ้าม่านของตัวละคร มันดูเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มันกลายเป็นตัวคุมโทนแสง โทนอารมณ์ในเหตุการณ์นั้น ๆ ของเรื่องได้ดีเลยทีเดียว
ข้อด้อยข้อเสีย : ข้อเสียของเรื่องพลอย ที่เด่นชัดคือ ความอืด และความเชื่องช้า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ถูกใจผู้ชมหรือนักดูหนังหลาย ๆ ท่านแน่นอน แต่ทุกอย่างมันย่อมมีเหตุมีเหตุมีผลในตัวของมันเองอย่างแน่นอน ยิ่งในหนังทำนองนี้แล้วด้วย การเล่าเรื่องที่เชื่องช้า หากจับประเด็นและตีความหมายได้อย่างครบถ้วน ผลที่ได้มันย่อมคุ้มค่าแน่นอน ถ้าหากหนังดำเนินเรื่องช้าไม่เร้าใจและ ความเชื่อช้าที่ว่าไม่ได้มีอะไรสอดแทรกมาเลยเหมือนกับหนังโจรสลัดชื่อดังที่เพิ่งผ่านตาทุกคนไปนั้น อย่างนั้นมากกว่าที่ควรจะถูกเรียกว่า เชื่องช้า และเสียเวลาเปล่าๆ แต่การนำเสนอของพลอยที่หลายคนเห็นว่าเชื่อช้า ได้สอดแทรกประเด็นและอัดเน้นไปด้วยอารมณ์ อยู่ที่ว่าคุณจะใช้ประสาทที่มีอยู่รับรู้มันได้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง
สรุป : พลอยถือเป็นหนังที่เข้าใจยากที่สุด และหนังไทยดีเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยได้ดูมา ในทุกองค์ประกอบ และข้อคิดที่ได้จากเรื่องถึงจิตใจมนุษย์ ชีวิตอันซับซ้อน ทั้งหลายนั้นไม่มีใครสร้างให้มันยุ่งเหยิงหรอก มีแต่จิตใจเราเท่านั้นที่สร้างเรื่องให้มันยุ่งเหยิงไปเอง จากจิตใจที่มันเน่าเฟะขึ้นทุกวัน จนหนังดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย คืองานศพที่แดงและวิทย์เดินทางมา หนังฉายรูปของเจ้าของงานศพ นานพอสมควรไห้เรารับรู้ว่า ตัวละครกำลังซึมซับวินาทีนั้นอยู่ไม่ต่างกับคุณ ว่าไม่นานชีวิตที่แสงจะยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยกิเลสทั้งลายก็ต้องมาจบลงที่นี้ทุกชีวิต จบลงที่โรงศพ เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว แดงจึงพูดเป็นประโยคปิดท้ายว่า เด็กเมื่อเช้า มันก็น่ารักดีนะค่ะ ทั้งที่ตอนแรกเธอคิดมากจนอยากจะฆ่าเด็กคนนี้เลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดเจนว่า เรื่องราวน่าปวดหัวทั้งหมด มันไม่ได้เกิดเพราะใครอื่น แต่มันเกิดจากตัวและจิตใจที่เน่าเฟะของเราเองนี่แหละ ซึ่งในประเด็นนี้มันก็สอดคล้องกับเพลงประกอบของเรื่องพลอยอีกขั้น นั้นก็คือเพลง แด่คนช่างฝัน นั้นเอง
ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนังในด้วงใจของผมไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งด้านรูปธรรมและมโนธรรม ของหนังเรื่องซึ่งได้สะท้อนถึงกันและกันอย่างลงตัว ชนิดที่ว่า ต่อให้ดูเป็นรอบที่สิบ ก็อาจจะเจออะไรที่ยังซ่อนอยู่ก็เป็นได้!!!
ความชอบ : 5 เต็ม
เกรด : A-
ป.ล.นี่เป็นไทยเรื่องแรกด้วยครับที่ได้รับเกรดเอ จากเวเฟอร์ ขอบคุณที่ติดตามครับ แล้วพบกับที่สุดหนังแห่งความเข้าใจยากอันดับที่ 3 หนังจากงานวิจารณ์หนังซัมเมอร์ 2007 แน่นอนครับ
ป.ล.2 คลิกเพื่ออ่านที่สุดของหนังแห่งความเข้าใจยากอันดับที่ 5 : Identity ได้ตรงนี้เลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Darth เวเฟอร์ เมื่อ Fri Jun 15, 2007 1:47 am, ทั้งหมด 5 ครั้ง
_________________
คุยหนังภาษาหมา