-------ขออีกหน่อยนะ เรื่องฉากจูบ อยากให้ จขกท. อ่านความเห็นคนอื่น(บ้าง) เกี่ยวกับฉากจูบนี้หน่อย อาจจะเข้าใจ(แบบลึกซึ้ง)ให้มากขึ้นนะ---------------
ความคิดของ จขกท.----------------->
จากการเริ่มต้นของเรื่อง หนังก็พยายามอย่างสุดใจที่จะนำเสนอความรักของหนุ่มโต้งและมิว อย่างมากเกินความจำเป็นซ้ำๆ ซากๆ ยกตัวอย่างเมื่อมิวไม่สามารถแต่งเพลงรักได้ มิวจึงโทรหาโต้ง จากนั้นเพลงรักสุดหวานจากใจสาวของหนุ่มมิวจึงบังเกิด เพียงแค่การสื่อถึงความรักของทั้งสองเพียงแค่นี้ก็อบอุ่นน่ารักดีอยู่แล้ว ของสองตัวละครนี้ แต่หนังยังไม่หยุด หนังยังใส่ฉากเพิ่มดีกรีความหวานของทั้งสองนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นเวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงเต็ม จนนำไปสู่ฉากเลิฟซีนที่ดุสะอิดสะเอียน และไม่สมจริงจนน่าอึดอัด เพราะนอกจากจะเป็นฉากที่จงใจใส่โดยไม่คำนึงถึงความสมจริงแล้ว นักแสดงยังเล่นฉากเลิฟซีนได้อย่างไร้แรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ประหนึ่งเพียงแค่นำปากมาประกบกันให้เรียกว่าเป็นการจูบเท่านั้นเอง โดยลืมไปหรือเปล่าครับง่า จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วของการจูบคืออะไรกันแน่?
ฉากนี้ถือเป็นจุดอ่อนที่หนังโจมตีตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะมันดูไม่สมเหตุสมผล และง่ายเกินไป ผมจะแจกแจงให้ดูครับว่าทำไม มิวและโต้งต้องจูบกันที่สวนหน้าบ้านเพื่อให้ตัวละครแม่มาเห็น จากนั้นตัวละครแม่จะได้เข้ามาขัดขวางความรักของทั้งคู่ ซึ่งจะได้เป็นปัญหาใหญ่อีกชิ้นหนึ่งของเนื้อเรื่อง เพราะถ้าหากสองคนนี้ไม่มาพลอดรักกันอย่างประเจิดประเจ้อเช่นนี้ ตัวละครแม่ก็คงจะไม่มาข้องแวะในจุดนี้ จริงไหมครับ? ซึ่งเมื่อคิดดูดีๆ แล้ว จะเห็นถึงความโง่ของตัวละครได้อย่างดีเลยครับ เขานอนกอดกันสองต่อสองอย่างปลอดภัยในห้องนอนทั้งคืนไม่ยักจะทำอะไรกัน แต่ในสวนหลังบ้านที่ซึ่งจะมีใครมาพบเห็นได้ง่ายๆ ทั้งสองกลับเลือกที่จะใช้เป็นที่แลกลิ้นกัน อย่าบอกนะครับว่าต้องจูบกันจริงๆ เพราะเพิ่งจะซึ้งในบทเพลงที่เพิ่งมอบให้ เพราะแค่นี้หนังก็เยิ้มจนแมลงตอมแล้วครับ หยุดเทน้ำตาลแล้วปรุงรสภาพยนตร์ของคุณด้วยเครื่องปรุงชนิดอื่นซักที เพราะรูปแบบภาพยนตร์แบบนี้สำหรับผม มันก็เป็นเพียงแค่การจงใจจับวาง จงใจใส่ฉาก โดยไม่คำนึงถึงความสมจริง และความคิด และมิติของตัวละครเอาซะเลย แต่ถึงกระนั้นนะครับ ระหว่างที่ผมชมฉากๆนี้ ผมยังคิดกับตัวเองเสมอว่า หนังอาจจะกำลังพาคนดูไปสู่อะไรๆ ที่มันตรึงใจและน่าประทับใจ ให้ตรงคอนเซ็ปของคำว่า รักแห่งสยาม ให้มันมากกว่านี้ แต่ความหวังของผมก็ถูกโยนคืนมาแบบไม่ใยดีด้วยตัวละครทื่อๆ เช่นนี้แหละครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ต่อไปเป็นของคุณ "แค่คนหนึ่งคน" จากพันทิป และกระทู้ของคนๆนี้ เป็นกระทู้แนะนำด้วย (อ่านดีๆนะ)---------------------->
หากผู้กำกับต้องการใช้ฉากจูบเป็นจุดขาย การ close up ให้เห็นหน้าและอารมณ์ของนักแสดงอย่างชัดเจน และสัมผัสที่เนิ่นนาน ลึกซึ้งกว่านั้น น่าจะทำให้ขายได้ดีกว่า (หรือมีกระแสแรงกว่านี้มากๆ)
แต่คุณมะเดี่ยวกลับเลือกที่จะใช้ long shot และใช้ความเงียบสงัด..ย้ำว่า เงียบสงัดจริงๆ (ทั้งที่โดยปกติ ฉาก love scene มักมีดนตรีประกอบ เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและความ romantic)
เราคาดว่า ระยะห่างระหว่างโต๊ะหินอ่อนที่โต้งและมิวนั่ง กับสุนีย์ และระยะห่างระหว่างโต๊ะหินอ่อนกับกล้อง น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น เรา(ในฐานะผู้ชม) สามารถคาดเดาได้ว่า สุนีย์น่าจะเห็นอะไรบ้าง (เพียงแต่อยู่ในมุมตรงข้ามกันเท่านั้น)
ในความเงียบ ท่ามกลางความสัมพันธ์ของสองหนุ่มที่กำลังดำเนินไป สำหรับวัยรุ่นหรือเด็กๆ ที่ไปดู อาจกรี๊ดกร๊าด แต่สำหรับเรา กับมุมมองของแม่ ความรู้สึกมันเย็นเยียบเข้าไปถึงในใจ ความเงียบในฉากนั้น ทำให้เรารู้สึกว่า มันเงียบจนแม้เข็มตกสักเล่มก็คงได้ยิน และทำให้เรารู้สึกตัวว่า เราแทบจะหยุดหายใจกับฉากนั้น
เข้าใจได้ทันทีเลยว่า หากคนเป็นแม่ ได้มาเห็นภาพนั้นในชีวิตจริงแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ในมุมมองของเรา นี่คือความฉลาด แยบยล และ ยอดเยี่ยม ในการใช้ "ภาพ" และ "ความเงียบ" เล่าเรื่อง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อยากเข้าใจทั้งหมด ก็เชิญที่
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6067681/A6067681.html
ปล. ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับคุณ "แค่คนหนึ่งคน" มากกว่านะ เราว่าเขามองได้ลึกซึ้งและถูกต้องกว่า จขกท.