หยิบยกหนังไทยที่ดีที่สุดในปี 2007 มาซักเรื่อง โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่าย ต้องมาวินในหลายๆสาขา เช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงหญิง ชาย ตัวประกอบยอดเยี่ยม หรือแม้แต่กระทั้ง ค่ายหนังยอดเยี่ยม โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า คือหนังระดับ มาสเตอร์พีชของเมืองไทย จากผู้กำกับคนดัง ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร ที่เคยนำเอา "พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" และ "แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า" ภาพยนตร์คุณภาพผสมปรัชญา มาให้ท่านผู้ชมได้ดูกันไปเมื่อปีสองปีก่อน ความสำเร็จของ แสบสนิท ในปี2006 ทำได้สูงสุดคือ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้มากที่สุดในปีนั้นถึง 80 ล้านบาท มาครั้งนี้คุณผู้กำกับ หยิบยกเอาความเป็นไทย ไทยแท้ๆ มาผสมผสานกับวัฒนธรรม ที่บางคนต้องตั้งแง่สงสัยกันว่า เอ๊ะ ประเทศไทยมีแบบนี้ด้วยเหรอ ยิ่งผู้กำกับชื่อดังอย่าง Steven Spielberg มาเห็นต้องอึ้งในความสามารถของคุณยอร์ชเอง ที่ผลิตหนังไทยเจ๋งๆแบบนี้ออกมาได้
ในสภาวะขาดแคลนหนังคุณภาพของประเทศไทย โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า เป็นเสมือนแสงสว่างจากสวรรค์ ชี้ทิศทางอนาคตของหนังไทยในปี 2008 ได้อย่างชัดเจน ว่า ในปีต่อๆไป จะมีหนังไทยคุณภาพเน้นๆแบบนี้มาให้ได้ยลกันอีกแน่นอน ความน่ารักของบท ก็สมส่วนลงตัว เริ่มด้วยคำหยาบคายทั้งหลายแหล่ ล้วนเอามาจากชีวิตจริง คำว่า เหี้ย ห่า สัด มึง กู ควาย แม่มึงเหรอ พ่อมึงตาย สาระพัดสาระเพ คุณผู้กำกับล้วนหยิบยกเอามาจากชีวิตจริง มันเป็นคำพูดที่คนสมัยนี้ต้องพูดกัน เป็นคำธรรมดาที่ใช้ในชิวิตประจำวัน เฉกเช่นคำว่า พูด เดิน กิน นอน เรียกว่าผู้กำกับมีความคิดกว้างไกล แทนที่จะสร้างหนังที่มีแต่แก่นสาร กลับนำเอาความไร้สาระความต่ำ หยาบโลน มาเป็นตัวชูโรงได้อย่างน่าทึ่ง และเป็นเรื่องน่าปลื้มใจ ที่อย่างน้อยๆผู้กำกับก็ยังหวังดี นำข้อความประมาณว่า คำหยาบคายในหนังห้ามนำไปเลียนแบบ แหม สุดยอด หนังที่มีแต่คำหยาบยคาย ด่าพ่อล้อแม่แบบนี้ ยังมีคำเตือนให้ได้อ่าน ภูมิใจจริงๆ
การนำเอาโปงลางสะออนมาสร้างทำเป็นหนังเรื่องนึง ถือว่าเป็นเรื่องยากและไม่มีใครคาดคิด เพราะวงโปงลางนั้น เป็นวงระดับแนวหน้าของประเทศไทย มุขแต่ละมุขล้วนเป็นระดับกะทิที่ใครๆต่างก็ไม่คาดคิดว่า จะเล่นออกมาได้ แล้วก็ยังมีคนหัวเราะซะด้วยสิ ผู้กำกับก็แสนชาญฉลาด รู้ว่าวงโปงลางกำลังดัง ก็จับมาเล่นหนังซะ ได้เงินชัวร์ แหม หัวการค้า น่าชื่นชม และไม่หวังผลกำไรจนน่าเกลียดเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น เช่น รักแห่งสยาม เอาเด็กที่ไหนมาแสดงก็ไม่รู้ สู้เรื่องโปงลางไม่ได้ รู้จักกันทุกคน ผู้กำกับช่างหัวใสยิ่งนัก
หนุ่ม บีม กวี อดีตสมาชิกวง B-Mix ก็เล่นได้อย่างสมบทบาท บทที่หนุ่มบีมได้รับนั้น ถ้าเกิดหนังเรื่องนี้ได้ไปฉายที่แมดิสัน สแควร์ การ์เด้นล่ะก็ รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ต้องตกไปอยู่ในมืออย่างไม่มีข้อกังขา ทั้งฉากตลก การยิงมุข หรือร้องไห้ ทำได้แนบเนียน จนคนดูอินด้วย โดยเฉพาะแฟนคลับของพวกเค้า จะอินเป็นพิเศษ ซึ่งคนระดับธรรมดารากหญ้า ที่มีรสนิยมชอบศิลปินประเภท Madonna, John Mayer, Alicia Keys หรือแม้กระทั้ง Jennifer Holiday ยังไม่อาจหายไปเข้าใจในบทบาทการแสดงของ หนุ่มบีม เรียกว่าแฟนคลับของหนุ่มบีน ล้วนเป็นเทพยดามาจุติกันทั้งนั้น
นักแสดงแต่ละคน ล้วนรับบทส่งบทกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ประหนึ่งนี่คือชีวิตจริงของพวกเขา คำหยาบคาย การตบหัว ทำกันได้อย่างไม่เคอะเขิน ชนิดที่ว่าลูกเด็กเล็กแดงได้ดู ต้องนำไปเลียนแบบ เพราะเชื่อในบทบาทการแสดงที่สมจริงของนักแสดงเหล่านั้น อีๆ แต่ไม่ต้องห่วง ว่าลูกๆ หรือน้องๆของคุณที่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้จะทำตาม เพราะขึ้นต้นก่อนหนังฉาย ก็มีเตือนไว้แล้วว่า ห้ามเลียนแบบ ไม่เหมาะสม เด็กๆได้อ่านกันต้องเข้าใจ และปฏิบัตตามกันอย่างเคร่งครัด นี่แหล่ะเด็กไทย อนาคตของชาติ
เรื่องของบทภาพยนตร์นี่เป็นเรื่องที่ต้องชมอย่างยิ่ง เพราะเป็นบทที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่มีอะไรต้องคิด คนฉลาดๆมาดูต้องปวดหัวกลับไปเพราะ คนฉลาดจะรู้จักคิด พอรู้จักคิด เจอเรื่องที่ไม่ต้องคิด จะโง่ไปทันที เพราะฉะนั้นคนโง่ๆที่ไปดู จะได้ข้อคิดที่ว่า เราก็ไม่ได้โง่คนเดียวในโลก เห็นมั๊ย น่าปลื้มจริงๆ
ส่วนเรื่องภาพรวมของหนัง ถือว่าทำได้ในระดับ สุดยอด มาสเตอร์พีซ เพราะองค์ประกอบทุกส่วน มันชี้ชัดอยู่แล้วว่า นี่แหล่ะ คือตัวแทนภาพยนตร์ของประเทศไทย ที่จะนำไปประกวดที่เมืองคานส์ หรือส่งชิงรางวัลออสก้าร์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่า Tom Hank จะต้องรีบนำรางวัลออสก้าร์ทั้งสองตัว มายกให้กับนักแสดง Peter Jackson จะต้องอับอาย เพราะ The Lord Of The Ring ที่เค้าว่าเจ๋งนั้น เจอโปงลางสะดิ้งเข้าไป เป็นต้องจุก Meryl Streep สุดยอดนักแสดงหญิงที่มีชื่อเข้าชิงมากที่สุด ต้องถอยกรูด หลังจากที่เจอนักแสดงคุณภาพตัวจริงอย่างลาล่า หรือลูลู่
อนาคตหนังไทย คนไทยตาดำๆไม่ต้องเป็นห่วง กลัวว่าจะมีหนังทยแย่ๆมาให้ดู เพราะโปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า ก็สะท้อนให้เห็นชัดกันอยู่แล้วว่า รสนิยมการดูหนังของคนไทยเป็นอย่างไร ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะในมุขตลกชั้นเซียน น้ำตาร่วงไปกับหนุ่มบีม กวี และปรบมือกระทืบเท้าถูกใจ ที่ได้ยลภาพโก๊ะตี๋ กำลังขี้แตกอยูในส้วม ล้วนเป็นภาพน่าดู และสมควรพูดต่อไปกันไป สืบชั่วลูกชั่วหลาน ปี 2008 เรายังคงต้องเจอกับหนังไทยประเภทนี้อีก แล้วคนไทยที่ดูหนังไทยไม่เป็นอย่างเราๆ ก็คงต้องกลับไปชื่นชม หนังฮอลลีวูดอย่าง The Hour, Forest Gump กันต่อ เพราะไม่เข้าใจถึงปรัชญาอันลึกซึ้งของโปงลางสะดิ้ง ที่ยัดเยียดให้ขำกันจนนั่งเก้าอี้ไม่ติด แทบจะลุกออกจากเก้าอี้ไปอ้วกแตก แล้วยอมรับผิดข้อหาดูหนังไม่เป็น จากเพื่อนๆที่ยังคงฮากับมุขเทพๆของโปงลางสะออนกันต่อไป
อย่าลืมไปอุดหนุนนะคร๊ะ หนูปาว่าหนังไทยดีๆแบบนี้ยังมีอีกแน่ๆ
ทิ้งท้าย หนูปาขอยอมเป็นคนโง่ ทรยศต่อชาติบ้านเมือง ไม่อุดหนุนหนังไทย ไปเป็นทาสฝรั่งมังค่า เพียงเพราะว่า หนูปาไม่เก็ทมุขของโปงลางสะออนคร่ะ
_________________
