กระทู้จาก palm-plaza
--------------------------------------------------------
คนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมเรื่องฐานะทางสังคม ผิวพรรณดีตามแบบคนจีน เรื่องบ้านรวยคงไม่ต้องพูดถึง วันๆ เรียนกวดวิชา สอบได้ที่1ที่2อยู่เรื่อย เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่คนส่วนมากอยากเข้าแต่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำคะแนนไปสู่จุดนั้นได้ คงได้เกียรตินิยมชัวร์ๆ ส่วนอีกคนเป็นลูกแม่ค้าตลาดสดครับ ครอบครัวหาเช้ากินค่ำ หน้าตาบ้านๆ เรียนก็โง่ๆ ทึ่มๆ เรียนอยู่ม.เอกชนแห่งหนึ่ง
ถามว่าสองชีวิตที่ต่างกันสุดขั้วนี้ มาเจอกันได้อย่างไร คำตอบก็คือเวทีฝึกงานครับ ได้ฝึกที่เดียวกัน โดยมีพี่สาวผมเป็นพี่เลี้ยงคอยassignงานให้ ไอ้คนไฮโซถนัดงานใช้สมอง วิเคราะห์ข้อมูลเก่ง พูดเขียนภาษาอังกฤษคล่อง มาแค่ไม่กี่วันพี่ยกคอมว่างๆ ในออฟฟิศให้เป็นโต๊ะส่วนตัว ส่วนไอ้บ้านๆ ทำงานใช้สมองไม่ค่อยได้ พี่ให้ทำแต่ถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ พิมพ์งาน แน่นอนย่อมเกิดข้อเปรียบเทียบ เวลาอยู่ด้วยกัน ไอ้คนไฮโซชอบข่มไอ้บ้านๆ ด้วยสายตา วาจา เหมือนแบ่งว่ากูกับมึงคนละชนชั้นเพียงแต่ไม่พูดตรงๆ แค่นั้นเอง บางทีเวลาผมจะขออาศัยติดรถพี่สาวกลับบ้านจะแวะไปนั่งรอพี่เลิกงานที่ออฟฟิศ ก็ได้เห็นพฤติกรรมน่ารังเกียจของนศ.สถาบันชั้นนำดังกล่าว บอกตรงๆ ไม่ถูกชะตาเลย จองหองมาก นี่ถ้าผมไม่ใช่น้องของคนมีอำนาจเซ็นการผ่านฝึกงานให้มัน ผมว่ามันคงดูถูกผมอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
จนกระทั่งพี่ผมเล่าให้ฟังว่า ที่บริษัทเค้ามีออกงานภาคสนาม ไปต่างจังหวัด พี่ๆ เค้าอยากให้น้องผู้ชายไปเป็นลูกมือช่วยยกของด้วย เด็กฝึกงานที่เป็นผุ้ชายทั้งหมดก็เลยต้องไปไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ทีนี้ก็เลยได้เห็นความเห็นแก่ตัว หนักไม่เอาเบาสู้ของไอ้ไฮโซ มันเกี่ยงงานให้ไอ้บ้านๆ ทำ แล้วยังพูดด้วยว่า มันทำไม่ได้ ไม่ถนัด เพราะมันตั้งใจมาฝึกเพื่อทำงานออฟฟิศ ไม่ใช่เด็กยกของ ดูมันพูดเข้า พอเสร็จงานเค้าก็ให้น้องๆ แยกออกไปเที่ยวได้ตามอัธยาศัย ขากลับรองเท้าแตะไอ้ไฮโซขาด ใส่เดินต่อไม่ได้ เพื่อนจากสถาบันเดียวกันก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกว่า มึงซวยจริงๆ แต่ไอ้เด็กฝึกงานบ้านๆ ทำไงรู้มั้ย มันถอดรองเท้าแตะของมันให้ไอ้ไฮโซใส่ เค้าพูดว่า
เอาไปใส่เถอะ เรารู้ว่านายไม่เคยลำบากมากก่อน เราเดินเท้าเปล่าจนชินตั้งแต่เด็กแล้ว เราไม่อายคนมองหรอก
ไอ้บ้านๆ ทึ่มๆ เสียสละรองเท้าแตะให้ไอ้ไฮโซใส่กลับที่พักซึ่งมันก็ระยะไกลพอสมควร ตอนผ่านถนนคนก็มองไอ้บ้านๆ นี่ว่าทำไมไม่มีรองเท้าใส่ ซึ่งผมว่ากลับกันถ้าไอ้นี่ไม่เสียสละรองเท้าให้เพื่อนล่ะก็ ไอ้ไฮโซคงรับสภาพเดินตีนเปล่าต่อหน้าคนมากมายไม่ได้แน่ แต่ที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ธาตุแท้ของเพื่อนไอ้ไฮโซด้วยกัน ที่มีฐานะในระดับเดียวกัน ปัญญาระดับเดียวกัน แต่เรื่องของจิตใจผมว่ายังห่างชั้นจากไอ้บ้านๆ นี่ไกลโข เพื่อนลำบาก ทำได้แค่หัวเราะแล้วก็ปล่อยให้เพื่อนหาทางออกด้วยตัวเอง
แล้วกลับไปไอ้ไฮโซมันคงเอาไปเล่าให้ที่บ้านมันฟังมั้ง แม่มันขับรถเก๋งมาไหว้แม่ของน้องคนนี้ถึงตลาดสดเลย (แม่น้องเค้าเป็นแม่ค้าขายปลา) พาไอ้ลูกตัวแสบของแกมาด้วย แล้วสอนลูกแกต่อหน้าครอบครัวแม่ค้านี่แหละ ว่าให้ลูกเค้ารู้จักเลือกคบเพื่อนให้ดี เค้าต้องรักเพื่อนคนนี้ให้มากๆ เพราะยามที่ลูกลำบาก เค้าเสียสละให้ลูกได้ขณะที่เพื่อนในสังคมฉาบฉวยไม่มีกะใจแม้แต่คิดจะช่วย
พี่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังผมขนลุกเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้น้องไฮโซมันจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นรึเปล่านะ แต่ผมว่าอย่างน้อยมันคงรู้จักเลือกคบเพื่อนมากกว่าเดิมแน่นอน คนกลุ่มนี้บางทีสอนไปเค้าก็ไม่ฟังเพราะอีโก้สูง คิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่น คงมีแต่ต้องใช้ความดีทำให้เค้าคิดได้เองแบบนี้แหละครับ