˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
The Da Vinci Code review
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ The Da Vinci Code review 


The Da Vinci Code
กำกับ Ron Howards
แสดงนำ Tom Hanks, Audrey Tatou, Ian McCallen, Paul Bettany, Alfred Molina
แนว ทริลเลอร์
คะแนน 9 / 10

* บทวิจารณ์เปิดเผยความลับของหนัง ควรอ่านหลังจากชมภาพยนตร์

ความสนุกของหนังสือขายดีระดับโลกเรื่องนี้อยู่ที่จินตนาการและการผูกเรื่องที่นำเอาสัญลักษณ์,ศาสนา,ตำนานและทฤษฎีหลากความเชื่อมาผสมเชื่อมโยงกันได้อย่างเหลือเชื่อประกอบกับชั้นเชิงการเดินเรื่องที่ขมวดปมชวนให้ติดตามอยู่ในทุกบทตอนของเรื่อง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าแม้เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อเหล่านั้นจะเป็นเพียงจินตนาการของ
ผู้แต่งแต่มันก็ทำให้ผู้อ่านค่อนโลกเกิดความสงสัยใคร่รู้ในรายละเอียดลึกลงไปถึงรากเหง้าและที่มาอันจะส่งผลให้ความสนใจและศรัทธาปรากฏกับผู้อ่านมากเสียกว่าจะเป็นผลเสียต่อคริสตจักรอย่างที่สำนักวาติกันหวั่นวิตกเสียอีก

The Da Vinci Code เป็นเรื่องราวของทฤษฎีคบคิดผนวกกับความลับที่ยังไม่ปรากฏต่อโลกเรื่องจอกศักดิ์สิทธ์( Holy Grail ) อันเป็นสิ่งที่ใครๆ ต่างเสาะหาด้วยเชื่อว่าจอกที่พระเยซูทรงดื่มในมื้อสุดท้ายก่อนจะถูกตรึงกางเขนจะนำมาซึ่งพลังอันหาที่สุดไม่ได้ ทว่าแท้จริงแล้วจอกนั้นมิได้เป็นภาชนะอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แนวความคิดที่ว่านี้มีที่มาจากการตีพิมพ์และการตีความจากพระคัมภีร์ในช่วงปลายยุคกลางของฝรั่งเศสที่ว่า คำว่า Grail หรือจอกนั้น เขียนได้อีกอย่างตามภาษาฝรั่งเศสโบราณว่า San Graal ที่แปลว่า Holy Grail ที่พ้องกับคำว่า sang real ซึ่งแปลว่า Royal Blood และตรงนี้เองที่นักเขียนในปลายยุคกลางมักเล่นคำว่า Sangreal จนมีความหมายโดยนัยหมายถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย ซึ่งได้จุดประกายให้แดน บราวน์ได้จินตนาการคิดเขียนเรื่องนี้อย่างมีที่มาและกลายเป็นนวนิยายที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง แนวคิดหลักของนวนิยายของเขาไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ศาสนาหรือดูหมิ่นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กลับต้องการส่งสาส์นถึง ”ผู้เลื่อมใสศรัทธาในทางที่ผิด” และยกย่องแนวคิดดั้งเดิมในการนับถือเทพยดาต่างๆ ไปพร้อมกันเท่านั้น



หนังเป็นเรื่องของการถอดรหัสอันซับซ้อนเพื่อไขปริศนาที่จะนำไปสู่ความลับสำคัญ เมื่อภัณฑารักษ์พิพิทภัณฑ์ถูกสังหาร โรเบิร์ต แลงดอน ศาสตราจารย์ด้านการถอดรหัสก็ถูกเรียกมาสอบปากคำเนื่องจากเขาเป็นผู้ที่มีนัดสำคัญกับผู้ตาย แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าเมื่อ โซฟี เนอเวอ เจ้าหน้าที่ถอดรหัสหญิงของกรมตำรวจเข้ามาแทรกแซงทั้งเขาและเธอก็ต้องตกอยู่ในอันตรายจากการตามล่าทั้งจากตำรวจและมือสังหารจากนิกายโอปุสเดอีที่ต้องการความลับในมือของพวกเขา

หนังเปิดเรื่องและดำเนินรอยตามหนังสืออย่างไม่ผิดเพี้ยนอีกทั้งการสอดแทรกภาพสไลด์การบรรยายด้านสัญลักษณ์ของโรเบิร์ต แลงดอนก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น สวัสดิกะและเครื่องหมายแห่งสันติภาพ สิ่งที่น่าเห็นใจในความพยายามของผู้กำกับก็คือการใส่รายละเอียดอันชาญฉลาดต่างๆ ในหนังสือลงไปในหนัง เนื่องจากเวลาอันน้อยนิดและเหตุการณ์ต่างๆ มันมีมากเหลือเกินที่จะต้องพูดถึง ทำให้หนังเดินเรื่องเร็วจนผู้ชมหลายคนที่ไม่เคยอ่านหนังสืออาจตามไม่ทันและสับสนงุนงงได้ ในขณะที่แฟนหนังสือก็จะเกิดอาการขัดใจที่หนังไม่ได้หยิบรายละเอียดอันน่าทึ่งอื่นๆ ใส่เข้ามาเช่นกัน สิ่งที่หนังน่าจะทำให้ชัดกว่านี้ก็คือการแสดงถึงความคิดของแลงดอนในการไขปริศนา หนังทำออกมาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คนดูจะรู้สึกได้ถึงความเก่งกาจอย่างหาตัวจับได้ยากของเขา ( ใครที่อ่านหนังสือจะทราบดี ) อีกทั้งกระบวนการทางความคิดในการไขปริศนาแต่ละขั้นตอนอาจไม่ชัดเจนพอ จนบางครั้งผู้ชมอาจเดาไม่ทันว่าเพราะเหตุใดแลงดอนจึงได้คำตอบออกมา



แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองถึงภาพรวมและแนวคิดหลักของเรื่องแล้ว หนังเล่าเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมในประเด็นที่หนังสือต้องการกล่าวถึง นั่นก็คือการนับถือเพศแม่เทียบเท่ากับบุรุษเพศนั่นเองแม้ว่าจะมีเนื้อเรื่องบางส่วนดัดแปลงและลำดับเหตุการณ์ต่างไปจากหนังสือแต่หัวใจของเรื่องก็ยังอยู่ครบและเด่นชัดเข้าใจง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยอ่านหนังสือเช่นกันถือได้ว่าหนังได้บรรลุความสำเร็จในการดัดแปลงสร้างภาพยนตร์จากหนังสือแล้ว ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะนำเสนอแก่นแท้ของหนังสือทำให้ผู้กำกับใส่รายละเอียดเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือออกมาผ่านทางศิลปกรรมและฉากหลังเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอดเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมจะสวมวิญญาณโรเบิร์ต แลงดอนได้มากแค่ไหนซึ่งก็นับว่าทำให้หนังมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก ฉากที่ผมชอบมาก ( แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับในหนังสือ ) คือฉากที่โซฟีและแลงดอนกำลังถอยรถหนีตำรวจพวกเขาขับผ่านป้ายโฆษณาละครเรื่อง Les Miserables ที่เหมือนกับจะบอกว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความลำบากนั่นเอง

หลายเสียงบ่นถึงการคัดเลือกตัวแสดงอย่าง ทอม แฮ้งคส์ ว่าไม่เหมาะกับตัวละครในหนังสือ ผมเองอ่านหนังสือจบในช่วงที่มีการคัดตัวแสดงก็ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ยิ่งได้ดูหนังก็รู้สึกว่านักแสดงทุกคนก็ทำหน้าที่ของตนได้เหมาะสมดีทุกคน โดยเฉพาะเซอร์เอียน แม็คคัลเลนที่ดูจะกลายเป็นดาราหนังทำเงินไปแล้ว เล่นเรื่องไหนฟอร์มยักษ์ทุกทีไปสิน่า เซอร์เอียนในบทเซอร์ลีห์ (ฮ่าๆ) แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งอารมณ์ขันที่ช่วยหนังได้มากและความคลั่งไคล้ในเกรลก็ทำให้เขาดูเป็นตัวร้ายที่แม้จะทำเรื่องเลวร้ายแต่เราก็เกลียดไม่ลง ด้านพอล เบตตานี่กับอัลเฟรด โมลิน่าก็ลื่นไหลไปกับบทได้ดีแม้จะยังไม่รู้สึกว่าบทของทั้งสองคนนี้จำเป็นต้องใช้นักแสดงระดับพวกเขาทั้งคู่ด้วยก็ตาม ถ้าจะมีนักแสดงคนไหนน่าผิดหวังอยู่บ้างก็คงเป็น ออเดรย์ ตาตูในบทสำคัญยิ่งของเรื่อง หนังเพิ่มรายละเอียดของเธอเข้ามาหลายครั้งเพื่อแสดงถึง “ พลัง “ ของสายเลือดที่เธอมี แต่เธอดูไม่น่าเชื่อถือพอว่าจะเป็นโซฟี เนอเวอทายาทของสายเลือดขัตติยะที่มีพลังพอที่จะโน้มน้าวหรือปลอบประโลมใจใครได้เลย ฉากเด่นที่เธอได้เค้นอารมณ์กับพอล เบตตานี่ดูจะเป็นฉากเดียวเท่านั้นที่เธอได้แสดงความสามารถในฐานะนักแสดงออกมาบ้าง



So Dark the Con of Man ความมืดมนฉ้อฉลในใจคนยากจะหยั่งถึง (ในหนังแปลต่างกันอยู่หลายครั้งเนื่องจากเนื้อเรื่องและเหตุการณ์) สิ่งนี้ปรากฏอยู่ชัดเจนในหนังซึ่งแสดงถึงความคิดคดในใจของคนจนสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุถึงความต้องการของตนเอง เชิงเปรียบนี้ทำออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดไม่ว่าจะในตอนที่พูดถึงคริสตจักรที่กล่าวหาเพศหญิงนอกรีตให้เป็นแม่มด, ทั้งอริงกาโรซ่าและสิลาสที่ยอมทำทุกอย่างอันขัดต่อคำสอนของศาสนาเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์,ทั้งเบซู ฟาชที่ตามล่าตัวแลงดอนอย่างไม่ลืมหูลืมตา และเซอร์ลีห์ ทีบบิงที่ถูกความละโมบครอบงำจนกลายเป็นคนที่วางแผนร้ายอย่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว

สิ่งที่หนังนำเสนอไม่ใช่ความผิดบาปของคริสตจักรในอดีต ไม่ใช่เรื่องการจินตนาการว่าพระเยซูเป็นมนุษย์ธรรมดาและมีทายาทสืบเชื้อสายของพระองค์ ( ซึ่งไม่เห็นจะแปลกตรงไหนหากคิดเช่นนั้น พระพุทธเจ้าก็ยังมีลูกและสืบเชื้อสายมาจนปัจจุบันนี้ ) เพราะสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าพระเยซูจะเป็นมนุษย์หรือเทพ หรือแม้แต่ว่าศาสนาใดจะมีพระเจ้าองค์เดียวกันหรือไม่ หากแต่เป็นเรื่องของความเชื่อและความศรัทธา เป็นเพราะว่า ”เราเห็นอย่างที่ใจเราคิด” จึงทำให้เราเกิดความขัดแย้งกันไม่จบไม่สิ้นในทุกยุคทุกสมัย ตราบเท่าที่คำกล่าวอ้างถึงความศรัทธายังถูกนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อจุดชนวนความขัดแย้ง ตราบเท่าที่ความศรัทธาของตนถูกยกมาเพื่อลบล้างความเชื่อของผู้อื่น เราก็ไม่อาจจะมองเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเรานั้นคืออะไร จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนหลงผิดเช่นสิลาสที่แม้อยู่เบื้องหน้าพระเยซูก็ยังเห็นผิดเป็นชอบกลับบำเพ็ญทุกขกริยาและกระทำสิ่งเลวร้าย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยังคงมีสงครามศาสนาอยู่ร่ำไป

จะสำคัญตรงไหนหากพระเยซูจะเป็นมนุษย์หรือเทพ ถ้าใจเราศรัทธาและนับถือในคำสอนของพระองค์ ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง ยอมรับในวิถีทางของผู้อื่น ไม่ก้าวก่ายล่วงล้ำหรือริดรอนสิทธิของกันและกัน ไม่ดึงดันยึดถือความเชื่อของตนในการกระทำอันมิชอบ ก็คงจะไม่ต้องมีจุดจบที่น่าเศร้า ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความเขลาแบบเดียวกับที่อริงกาโรซ่าและสิลาสผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาต้องประสบเลย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ่านบทวิจารณ์แล้วทำให้น้องอยากไปดูหนังเรื่องนี้มาก จากที่คิดว่าคงไม่ไปดู เพราะเห็นคำวิจารณ์ต่อหนังเรื่องนี้ในแง่ลบมากเหลือเกิน หนังสงหนังสือก็อ่านมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

เห็นด้วยกับบทวิจารณ์ตอนท้ายที่บอกว่า ไม่ว่าพระเยซูจะเป็นเทพ หรือ คนธรรมดา มันอยู่ที่ตัวเรา ในใจของเรา

เคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่ง บอกว่ามีการค้นพบพระคัมภีร์ที่เขียนโดยพระเยซูซึ่งเป็นต้นฉบับอย่างแท้จริง มีเนื้อหาคำสอนประมาณว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีศาสนจักร ไม่จำเป็นที่จะต้องนับถือนักบวชหรือเคารพผู้สอนศาสนา แต่ให้เชื่อในศรัทธาของตนที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ศาสนจักรได้จัดการทำลายคัมภีร์นั้นไป เพราะถ้าแพร่งพรายออกไปจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของศาสนจักรโดยตรง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รักเธอจริงๆ มาดอนน่า พิมพ์ว่า:
อ่านบทวิจารณ์แล้วทำให้น้องอยากไปดูหนังเรื่องนี้มาก จากที่คิดว่าคงไม่ไปดู เพราะเห็นคำวิจารณ์ต่อหนังเรื่องนี้ในแง่ลบมากเหลือเกิน หนังสงหนังสือก็อ่านมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

เห็นด้วยกับบทวิจารณ์ตอนท้ายที่บอกว่า ไม่ว่าพระเยซูจะเป็นเทพ หรือ คนธรรมดา มันอยู่ที่ตัวเรา ในใจของเรา

เคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่ง บอกว่ามีการค้นพบพระคัมภีร์ที่เขียนโดยพระเยซูซึ่งเป็นต้นฉบับอย่างแท้จริง มีเนื้อหาคำสอนประมาณว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีศาสนจักร ไม่จำเป็นที่จะต้องนับถือนักบวชหรือเคารพผู้สอนศาสนา แต่ให้เชื่อในศรัทธาของตนที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ศาสนจักรได้จัดการทำลายคัมภีร์นั้นไป เพราะถ้าแพร่งพรายออกไปจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของศาสนจักรโดยตรง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


ไปดูกับผัวแล้วเอามาโพสด้วยนะค่ะ เกดรออ่าน


_________________

เกดนี่หล่ะ "นางแบบ" และ "นางงาม" ของจริง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อิอิอิ คิกคักๆๆๆ



แก้ไขล่าสุดโดย รักเธอจริงๆ มาดอนน่า เมื่อ Tue May 23, 2006 10:23 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รักเธอจริงๆ มาดอนน่า พิมพ์ว่า:
ลูกเกด เมทินี กิ่งมะยม พิมพ์ว่า:
รักเธอจริงๆ มาดอนน่า พิมพ์ว่า:
อ่านบทวิจารณ์แล้วทำให้น้องอยากไปดูหนังเรื่องนี้มาก จากที่คิดว่าคงไม่ไปดู เพราะเห็นคำวิจารณ์ต่อหนังเรื่องนี้ในแง่ลบมากเหลือเกิน หนังสงหนังสือก็อ่านมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

เห็นด้วยกับบทวิจารณ์ตอนท้ายที่บอกว่า ไม่ว่าพระเยซูจะเป็นเทพ หรือ คนธรรมดา มันอยู่ที่ตัวเรา ในใจของเรา

เคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่ง บอกว่ามีการค้นพบพระคัมภีร์ที่เขียนโดยพระเยซูซึ่งเป็นต้นฉบับอย่างแท้จริง มีเนื้อหาคำสอนประมาณว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีศาสนจักร ไม่จำเป็นที่จะต้องนับถือนักบวชหรือเคารพผู้สอนศาสนา แต่ให้เชื่อในศรัทธาของตนที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ศาสนจักรได้จัดการทำลายคัมภีร์นั้นไป เพราะถ้าแพร่งพรายออกไปจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของศาสนจักรโดยตรง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


ไปดูกับผัวแล้วเอามาโพสด้วยนะค่ะ เกดรออ่าน


อ้าวววว ก็นึกว่าใคร แหมมม กลับมาคราวนี้โพสเพศแท้จริงแล้วเหรอคะ ตายจริง

อิอิอิ คิกคักๆๆๆ


อุ๊ย.....อย่าเข้าใจเกดผิดสิค่ะ เกดมาดีนะค่ะ


_________________

เกดนี่หล่ะ "นางแบบ" และ "นางงาม" ของจริง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
หนังดีนะ แต่ไม่เท่าหนังสือ



แก้ไขล่าสุดโดย more more more เมื่อ Tue May 23, 2006 10:10 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

_________________
......................................................
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อิอิอิ คิกคักๆๆๆ



แก้ไขล่าสุดโดย รักเธอจริงๆ มาดอนน่า เมื่อ Tue May 23, 2006 10:23 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
more more more พิมพ์ว่า:


ป.ล.คุณลูกเกดทำผมเสียหายนะครับ


ขอโทษค่ะ ต่อไปนี้ จะไม่มีลูกเกดแล้วค่ะ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไรเหมือนกัน


_________________

เกดนี่หล่ะ "นางแบบ" และ "นางงาม" ของจริง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
หนังดีนะ แต่ไม่เท่าหนังสือ



แก้ไขล่าสุดโดย more more more เมื่อ Tue May 23, 2006 10:11 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

_________________
......................................................
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 3
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com