ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นโครงการจากมารายห์พันทิบ บอร์ดแฟนคลับมารายห์แครี่ย์ในประเทศไทยที่ทรงปัญญาชาวลูกแกะที่สุด ทั้งกูรูข้อมูลต่างๆ กูรูชาร์ต กูรูชีวิตส่วนตัวมารายห์ และอีกหลายๆกูรู
โครงการนี้เป็นการริเริ่มของ "พระนายหมื่นไร่" แฟนมารายห์ที่เป็นคนเขียนบทความสรรเสริญมารายห์ที่เป็นที่ฮือฮามาแล้ว
พระนายหมื่นไร่ได้ขอเสียงสนับสนุนสมาชิกในบอร์ด ว่าหากมีโครงการนี้จะเป็นที่ยอมรับมั๊ย ทุกๆคนออกเสียงเดียวว่า ตกลง แต่พระนายหมื่นไร่ก็ไม่ได้จำกัดการเขียนบทความที่เป็นของเขาคนเดียว เพราะคนอื่นสามารถขอเขียนถึงเพลงมารายห์กันได้ด้วย
ฉะนั้น เราจะลงเครดิตหลังจบบทความของแต่ละเพลงของมารายห์ให้ได้อ่านกันนะครับ ขอบอกว่า หากใครอยากสัมผัสความเป็นจริงและความรู้สึกของเหล่าลูกแกะที่ทั้งลำเอียงและจิกกัด ก็มาอ่านกันได้นะครับ และคิดว่านี่คือโครงการที่ยิ่งใหญ่และสามัคคีที่สุดของเหล่าแฟนคลับนักร้องสากลในประเทศไทยแล้ว
ขอแสดงความรัก ความเคารพต่อเหล่าลุกแกะในบอร์ดมารายห์พันทิบ และแฟนๆมารายห์ทั่วประเทศไทยด้วยครับ
********************************************************
จุดเริ่มต้นกับ มารายห์สัปดาห์ละเพลง - ลำดับที่ 001- Vision of Love
ความรู้สึกก่อนฟัง
จากการทราบข้อมูลมาก่อนฟัง และน่าจะเป็นแบบเดียวกับแฟนมารายห์ทั่วไป คือ ฟังเพลงนี้หลังจากรู้จักเธอจากเพลงอื่นๆพวกฮีโร่ วิธเอาท์ยู แล้ว ทำให้มีความคาดหวังว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงบัลลาดหวานๆ โชว์พลัง โดยได้อ่านคำวิจารณ์จากหลายๆที่ ก็บอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มารายห์มีเสียงร้องเหมือนวิทนี่มาก ผสมกับชื่อเพลงที่พูดโต้งๆว่าจะกล่าวถึงความรัก ไหนจะรู้ว่าเพลงนี้โดนจ้าง ลุงนาราดา ไมเคิล วอลเด่น คู่บุญน้าวิท ต้นฉบับมาคุมคอนเซปต์เจ๊ช่วงนั้นให้ด้วย ก็พาลให้คิดว่า เพลงนี้น่าจะเป็นบัลลาดทรงเครื่อง ให้อารมณ์แบบเดียวกับเพลงประมาณ เกรทเทส เลิฟ ออฟ ออล ของน้าวิทนี่ ที่มาแหกปากโวยวายเล่าความคิดว่าข้าเก่ง ผ่านดนตรีที่หวานเยิ้ม อะไรเทือกนั้นแหงมๆ
ความรู้สึกจากการฟังครั้งแรก
แค่ขึ้นดนตรีมาก็ผิดคาด เพลงนี้ขึ้นมาน่ากลัวมาก น่ากลัวหยั่งกะเพลงปลุกป่าช้า ความคาดหวังที่จะได้เจอเพลงแบบวิทนี้ วิทนี่ แบบที่คิดมลายไปทันที นับแต่แม่มารายห์เริ่มเอื้อนเอ่ยคำว่า โฮ้ โฮ โฮ้ โห่ ฮึ่มมมมม แล้วอยู่ดีๆก็กดเสียงลงต่ำซะชวนงงตรง ทรีตตตต.......เต็ดดดดด มี คายยยยยนนนนนนนด์ มันเป็นเสียงที่กดต่ำแบบใหญ่น่ากลัวเอามากๆ ซะงั้น แค่เริ่มต้นก็ไม่แหววอย่างที่คิดเอาซะแล้ว
พอดนตรีขึ้นชัดๆ รู้สึกทันทีว่าเพลงนี้มันโบราณเอามากๆ ให้อารมณ์เหมือนไปอยู่ในผับโบราณๆ ที่มีนักร้องสาวมาร้องฮุบๆ ฮับๆ ปั๊บๆ ปาดา ปาดา เป็นอะไรที่เชยกว่าที่คิดมาก คิดว่าเพลงแม่มาลัยนี่ช่างดูเก่ากว่าเพลงของน้าวิทที่มาก่อนอีกนะนี่ (มารู้ภายหลังว่ามารายห์ตั้งใจทำให้เป็นเพลงยุค 50 จัดๆ และเดโมจริงๆ โบราณกว่านี้มากมายนัก ซึ่ง คิดแล้วว่า เอาเข้าจริงมารายห์คงไม่ได้มีความคิดจะตามรอยน้าวิทตั้งแต่แรกอยากเป็นนักร้องหรอก และชวนคิดว่าเธอเป็นนักร้องที่มีสไตล์และความคิดก้าวหน้าเฉพาะตัวมาตั้งนานแล้วด้วย)
ฟังเพลงนี้แล้วพยายามจับผิด นำมาเปรียบเทียบกับเสียงวิทนี่ ฟังยังไงๆก็ไม่เห็นเหมือน รู้สึกว่าฟังยังไงๆก็รู้ว่ามารายห์เป็นคนผิวขาว เพียงแต่เป็นคนผิวขาวที่มีลีลาการร้อง ออกเสียงที่แพรวพราว และใช้การกดเสียง เปล่งเสียงแบบคนผิวดำมาช่วยเสริมให้ความสามารถทางการร้องเด่นชัดขึ้น แต่ฟังยังไง เสียงมารายห์ก็ไม่คม หรือ ชัดแจ่มเท่าน้าวิท ที่เสียงแจ่มซะ ยังไงก็ฟังออกซะทุกคำ ไหนจะการลงท้ายเสียงที่ไม่เหมือนกันอีก ขณะที่น้าวิทออกเสียงแบบเช็ดๆคำ แต่แม่มรายห์ของเราจะมีการเอื้อนขยายหางคำอื่มๆอ่ำ ยอมรับเลยว่าพลังเสียงความแรงพอวัดกันได้ แต่ความกังวานนั้น ยังไงวิทนี่ก็แจ่มชนะเลิศ การแหกปากโชว์พลังของมารายห์ในเพลงนี้แม้มันจะโอเวอร์ และแหกตะพืดตะพือขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นหวีดหอน แต่ก็ไม่นึกรำคาญอย่างที่คิดก่อนฟังนะ รู้สึกว่า โวยวานมากแค่ไหน มันก็ดังสุดพอๆกับเสียงดนตรี ผิดกับวิทนี่ ที่แม้เธอจะร้องแผ่วเบายังไง เสียงเธอก็คือสิ่งที่ดีที่สุดของเพลง ที่แจ่มแจ๋นแหลนแหววออกมานอกหน้าเกินดนตรีได้เสมอ
ฟังเอาความ
พอมาอ่านเนื้อไปด้วย ฟังไปด้วยเพราะว่าอยากรู้ว่าเธอมาขายวิสัยทัศน์ทางความรักแบบใดในเพลงนี้ นอกจากดนตรีจะไซไฟโบราณแล้ว คำในเพลงยังมีเอล่ง เอเลี่ยน อีก ชวนให้งงในวิสัยทัศน์เธอมาก ว่ามันมีได้ไงทั้งพระเจ้า คนรัก เอเลี่ยน ได้ในเพลงเดียว เกี่ยวกันได้ไงฟะ
ทำความเข้าใจเพลงนี้แบบไม่แตกฉานในภาษาอังกฤษมาหลายรอบ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจเพลงนี้แบบไหนดี บางคนก็ว่าเธอมาขอบคุณพระเจ้าเพราะว่าตอนนี้เธอได้ผู้ชายสมใจหมายแล้ว (หยั่งกะร้องเพลงแก้บน) หรือ เธอบอกว่าพระเจ้าคงกำหนดชะตาชีวิตมาแล้ว เธอมั่นใจว่าพระเจ้าจะให้เธอได้พบสิ่งที่ดี ในที่สุดคนที่เราเฝ้ารอก็จะได้มาพบกันในที่สุดตามลิขิตสวรรค์ (โอ้ พรหมลิขิตแสนหวาน) แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เพลงนี้ก็คือเพลงที่มารายห์อุทิศให้แก่พระเจ้า และมองความรักในแง่มุมของพระเจ้าและศาสนา พอๆกับ ความรักแบบชู้สาว ซึ่งถือเป็นแง่มุมที่มาจนถึงปัจจุบันก็ยังถือว่าคมมาก ในการที่นักร้องคนหนึ่ง (โดยเฉพาะที่เพิ่งเปิดตัวหวังรุ่งด้วย) จะมีความสามารถ และมีความกล้าในการนำเพลงที่มีจังหวะแปลกๆ กับเนื้อหาที่ไม่เอียงไปทางความรักไปตามสมัยนิยม มาเป็นเพลงเปิดตัวดาวรุ่งของเธอ และเพลงนี้ถือเป็นเพลงเปิดตัวที่กล้าหาญท้าทายมากที่สุดเพลงนึงในความคิดเราเลย และเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมากที่มอตโตล่า สามารถผลักดันเพลงนี้ให้กลายเป้นเพลงดังได้สำเร็จ จนกลายเป้นเพลงที่ทุกคนต้องพยายามหามันมาฟัง และพยายามมองหาคุณค่าในเพลงนี้ดู เพราะเชื่อว่าหากเอาเพลงนี้ไปเป็นซิงเกิ้ลถัดไป หรือ เพลงในอัลบั้ม เพลงนี้จะไม่ถูกมองหาคุณค่าละเอียดลึกซึ้ง จนกลายเป็นเพลงระดับคลาสสิคได้มากขนาดนี้
ฟังมาเรื่อยๆ
แม้จะยังไม่เข้าใจในเนื้อหาเพลงนี้ชัดเจนนัก (รอคนรู้จริงมาอธิบายอยู่นะคับ) แต่เพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงที่เป็นกำลังใจด้านความรักของเราเพลงนึง เป็นเพลงที่ใช้ปลอบใจ เมื่อนึกถึงความรัก มองความรักในแง่ของพรหมลิขิต และเชื่อว่าเราเองก็คงถูกกำหนดมาเพื่อให้ได้พบพานกับสิ่งต่างๆ แล้วได้พบกับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับความดีในตัวของเราในท้ายที่สุด (พูดง่ายๆว่าเพลงนี้ว่าด้วยเรื่องของ ดวงล้วนๆเลยล่ะ 55) พอฟังรายละเอียดของเพลงดีๆบ่อยๆแล้ว กลับไม่รู้สึกว่าเพลงนี้เก่าอย่างตอนแรกที่ฟังอีกแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เก๋มาก มีท่อนคอรัสที่แปลก ดนตรีที่ประยุกต์ๆ ในการใช้ดนตรียุค 90 เลียนแบบดนตรียุค 50 มีการซ้อนทับไลน์เสียงร้องที่ละเอียด แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของนางมาลัยในการทำเพลงที่มีเอกลักษณ์ตั้งแต่เพลงแรก นับมาจนถึงปัจจุบันเลย คือ การเอาเสียงร้องของตัวเองที่ร้องคนละแบบเหมือนคนละคนมาสู้กัน และมีการวางท่อนคอรัสที่ซับซ้อนมากกว่าการเสริมเสียงตัวเองให้หนาแบบธรรมดา (และแอบคอรัสเองด้วย) เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่มารายห์ในวัยขณะนั้น กับ ความสามารถของโปรแกรมในยุคนั้น จะสามารถนำเสนอความมีชั้นเชิงของเพลงได้มากเหนือกว่าระดับศิลปินป๊อบทั่วไปในยุคนั้นเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันในปัจจุบัน และเอกลักษณ์นั้นก็ยังคงเป็นลายเซ็นต์ที่ยังคงปรากฏตัวในผลงานของมารายห์ผ่านยุคผ่านสมัยมาได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่สามารถแสดงวิสัยทัศน์ของมารายห์ในทุกทางได้ตลอดไป โดยเชื่อว่าจะไม่มีวันล้าสมัย
โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ
บทแปลเพลงนี้เป็นกลอนโดย JADAKISS
VISION OF LOVE
Treated me kind
Sweet destiny
Carried me through desperation
To the one that was waiting for me
It took so long
Still I believed
Somehow the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
Prayed through the nights
Felt so alone
Suffered from alienation
Carried the weight on my own
Had to be strong
So I believed
And now I know I've succeeded
In finding the place I conceived
I had a vision of love (ooooh)
And it was all that you've given to me
I had a vision of love (ooooh)
And it was all that you've given me
I've realized a dream
And I visualized
The love that came to be
Feel so alive
I'm so thankful that I perceived
The answer that heaven has sent down to me
You treated me kind (yeah)
Sweet destiny (all that you did)
And I'll be eternally grateful
Holding you so close to me
Prayed through the nights
So faithfully
Knowing the one that I needed
Would find me eventually (would find me)
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you turned out to be
รักเป็นฉันใด
ช่างโชคดี เหลือแสน โอ้แฟนฉัน
ได้พบกัน มารักกัน แสนสุขขี
เพราะมีเธอ เคียงข้างฉัน คู่ชีวี
สิ่งใดใด มาราวี ไม่มีทาง
แม้ดูเหมือน ต้องอาศัย เวลานาน
ฉันก็ยัง คงเฝ้ารอ อย่างเชื่อมั่น
ว่าคนเรา ที่ต้องเกิด มาคู่กัน
กี่คืนวัน ก็ไม่แคล้ว พานพบเจอ
และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
เธอผู้ชี้ ทางสว่าง กระจ่างใจ
ว่าความรัก เป็นฉันใด ได้รู้กัน
ยามค่ำคืน ที่แอบเหงา เปล่าเปลี่ยวจิต
นั่งครุ่นคิด ถึงทุกข์หนา คาอกฉัน
สวดมนต์วอน ขอพรก็ หายไปพลัน
ฉันเชื่อมั่น ว่าต้องมี ทางให้เดิน
และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
ได้รับรู้ ถึงความรัก ชื่นฉ่ำใจ
อันสวรรค์ ประทานให้ ได้รู้กัน
และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
เธอผู้ชี้ ทางสว่าง กระจ่างใจ
ว่าความรัก เป็นฉันใด ได้รู้กัน
จิ้มไปดูรีพลาย+คอมเม้นท์คนอื่นๆ
************************************************************************
002- There's Got To Be A Way
เพลงนี้เป็นเพลงที่แค่อินโทรขึ้นมาก็พร้อมจะหลงรักแล้ว อินโทรขึ้นมาหวานสดใสมาก มารายห์ร้องฮืมมม ขึ้นมาหวานมาก จนเกิดความสงสัยว่าเพลงนี้มันเกี่ยวกับอะไรหว่า ต้องรีบอ่านเนื้อ จับความได้ว่า เพลงนี้ เธออยากให้ทุกคนรักกัน ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน (เหมือนอิฉันที่ได้โอกาสจากนางสลัมมาเป็นนักร้องไงล่ะฮะ นางงามเอามากๆ) แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เพลงนี้มีเนื้อเพลงที่ค่อนข้างสวยมาก มีการสรรคำที่ใช้บอกความลำบากได้ดูสวยงามมาก เพลงนี้ดนตรีฟังให้เอกลักษณ์ของยุค 90 ตอนต้นมาก คือมีลักษณะของเครื่องดนตรีแบบ 80 ไฟฟ้าๆ ที่ถูกขัดให้ซอฟต์ลงมาแล้วในช่วงต้นยุค 90 มีท่วงทำนองและจังหวะฟังยังไงก็รู้ว่าเป็นปี 90 ต้นๆแน่นอน เพลงนี้ทำให้ถึงเพลงยุคนั้นหลายๆเพลง พวก บอยซทูเมน,โทนี่ แบรกซ์ตัน มาดอนน่า
โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น วิดีโอ เวอร์ชั่น ซึ่งได้ มือรีมิกซ์ตัวเป้งของยุคนั้นอย่าง เชพ เพตติโบน คู่บุญแม่มาดอนน่ายุคนั้นมาบรรเลงบีทให้ ทำให้เพลงนี้ยิ่งมีความเป็นตัวตนของยุคนั้นที่ชัดเจนขึ้น (เพลงนี้ข้าพเจ้าชอบฟังต่อกับเพลง Another Sad Love Song - Toni Braxton (Video Remix Version) กะ Janet - Escapade (Shep Pettibone Remix) และพวกเพลงป้าแมดจ์ ช่วงยุค โวค+อิโรติก้า) ชอบเอ็มวีเพลงน้มากๆ มารายห์ดูน่ารัก สดใส เป็นคนใจดี ดนตรีชวนขยับแข้งขยับขา เพลงนี้ทำให้มารายห์มีภาพที่ดูติดดิน และเหมือนเป็นการสร้างภาพให้คนเอาใจช่วยเธอ ในฐานะคนที่ไม่ลืมกำพืด เป็นภาพนักร้องสาวที่ดูเข้าถึงง่าย แม้ว่าเธอจะมีพลังเสียงตะพืดตะพือ กับเสียงร้องในเพลงนี้ที่มีลีลาการโหวกเหวกคล้ายป้าวิทอยู่ แต่ภาพเธอก็ไม่ใช่ ภาพเดียวกับที่คนมองวิทนี่ ว่าเป็นนักร้องเสียงทองบนเวทีอลังการ แต่ดูเป็นนักร้องความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสามารถร้องเพลงได้เก่งมากกว่า(และเป็นภาพที่สามารถสร้างได้เกือบสมบูรณ์จนจบอัลบั้ม) นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่มารายห์สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วจนน่าอิจฉา
ในแง่ของเนื้อหา เพลงนี้มักโดนโจมตีว่าเป็นการสร้างภาพ เนื้อหาดูสวยงามเกินไป ไม่ค่อยเป็นจริง ข้าพเจ้าก็เห็นเช่นนั้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีศิลปินหญิงนางหนึ่งซึ่งได้เปิดตัวก่อนเธอไม่นานนัก ได้ให้ผลงานที่มีความกร้าวกว่า ลงลึกทาประเด็นเรื่องเชื้อชาติ สีผว และสังคมมากกว่า อย่าง เจเนท ซึ่งงานงานของเธอที่ปล่อยออกมาก่อนไม่นานนัก เป็นการเบิกทางว่า นักร้องสาววัยรุ่น (ในขณะนั้น) ก็สามารถสร้างงานเพลงที่มีประเด็นทางสังคมได้ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน และสามารถผสานเพลงพวกนี้ไปได้กับเพลงรักได้อบย่างกลมกลืนและประสบความสำเร็จในระดับสูงได้เช่นกัน (Janet- Rhythm Nation 1814 (1989) - มีเพลงอย่าง State of The World ที่พูดถึงปัญหาเดียวกันกับในเพลงนี้เกือบหมด
แต่เพลงนั้นถกให้เห็นถึงสภาพปัญหาอย่างชัดเจนว่า ผู้ขาดโอกาสนั้นเป็นเหยื่อทางสังคมมากขนาดไหน และนั่นคือสภาพปัญหาที่สังคมควรร่วมใจเป็นส่วนร่วม The Knowledge พูดถึงความสำคัญของการศึกษาที่มีต่อการพัฒนาชีวิตของกลุ่มคนด้อยโอกาส และ Livin' InThe World (They Didn't Make) พูดถึงเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ต้องมาตายเพราะผู้ใหญ่ในสังคมอันเสื่อมโทรม) แต่เมื่อไม่เปรียบเทียบกันแล้ว เพลงนี้ก็เป็นเพลงจรรโลงสังคมที่มีความสวยงามและงดงามทั้งในแง่ของท่วงทำนอง คำร้อง เนื้อหา และดนตรี เป็นเพลงสังคมอุดมคติที่อย่างน้อยก็ทำให้ภาพลักษณ์ของศิลปินดูดีขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด เพลงนี้คือเพลงที่เมโลดี้เพราะเจริง เสียงร้องลงตัว และมีคอรัสที่กลมกล่อมชวนขนลุก เป็นเพลงหนึ่งของมารายห์ที่มีคุณค่าชวนฟัง และไม่เคยนึกรังเกียจที่จะหยิบมาฟังได้บ่อยๆ
โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ
จิ้มไปดุรีพลายและคอมเม้นท์คนอิ่นๆ
************************************************************
_________________
......................................................