˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
รวมบทความ"มารายห์วันละเพลง" ครั้งที่1
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ รวมบทความ"มารายห์วันละเพลง" ครั้งที่1 
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นโครงการจากมารายห์พันทิบ บอร์ดแฟนคลับมารายห์แครี่ย์ในประเทศไทยที่ทรงปัญญาชาวลูกแกะที่สุด ทั้งกูรูข้อมูลต่างๆ กูรูชาร์ต กูรูชีวิตส่วนตัวมารายห์ และอีกหลายๆกูรู

โครงการนี้เป็นการริเริ่มของ "พระนายหมื่นไร่" แฟนมารายห์ที่เป็นคนเขียนบทความสรรเสริญมารายห์ที่เป็นที่ฮือฮามาแล้ว

พระนายหมื่นไร่ได้ขอเสียงสนับสนุนสมาชิกในบอร์ด ว่าหากมีโครงการนี้จะเป็นที่ยอมรับมั๊ย ทุกๆคนออกเสียงเดียวว่า ตกลง แต่พระนายหมื่นไร่ก็ไม่ได้จำกัดการเขียนบทความที่เป็นของเขาคนเดียว เพราะคนอื่นสามารถขอเขียนถึงเพลงมารายห์กันได้ด้วย

ฉะนั้น เราจะลงเครดิตหลังจบบทความของแต่ละเพลงของมารายห์ให้ได้อ่านกันนะครับ ขอบอกว่า หากใครอยากสัมผัสความเป็นจริงและความรู้สึกของเหล่าลูกแกะที่ทั้งลำเอียงและจิกกัด ก็มาอ่านกันได้นะครับ และคิดว่านี่คือโครงการที่ยิ่งใหญ่และสามัคคีที่สุดของเหล่าแฟนคลับนักร้องสากลในประเทศไทยแล้ว

ขอแสดงความรัก ความเคารพต่อเหล่าลุกแกะในบอร์ดมารายห์พันทิบ และแฟนๆมารายห์ทั่วประเทศไทยด้วยครับ

********************************************************



จุดเริ่มต้นกับ มารายห์สัปดาห์ละเพลง - ลำดับที่ 001- Vision of Love






ความรู้สึกก่อนฟัง






จากการทราบข้อมูลมาก่อนฟัง และน่าจะเป็นแบบเดียวกับแฟนมารายห์ทั่วไป คือ ฟังเพลงนี้หลังจากรู้จักเธอจากเพลงอื่นๆพวกฮีโร่ วิธเอาท์ยู แล้ว ทำให้มีความคาดหวังว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงบัลลาดหวานๆ โชว์พลัง โดยได้อ่านคำวิจารณ์จากหลายๆที่ ก็บอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มารายห์มีเสียงร้องเหมือนวิทนี่มาก ผสมกับชื่อเพลงที่พูดโต้งๆว่าจะกล่าวถึงความรัก ไหนจะรู้ว่าเพลงนี้โดนจ้าง ลุงนาราดา ไมเคิล วอลเด่น คู่บุญน้าวิท ต้นฉบับมาคุมคอนเซปต์เจ๊ช่วงนั้นให้ด้วย ก็พาลให้คิดว่า เพลงนี้น่าจะเป็นบัลลาดทรงเครื่อง ให้อารมณ์แบบเดียวกับเพลงประมาณ เกรทเทส เลิฟ ออฟ ออล ของน้าวิทนี่ ที่มาแหกปากโวยวายเล่าความคิดว่าข้าเก่ง ผ่านดนตรีที่หวานเยิ้ม อะไรเทือกนั้นแหงมๆ




ความรู้สึกจากการฟังครั้งแรก






แค่ขึ้นดนตรีมาก็ผิดคาด เพลงนี้ขึ้นมาน่ากลัวมาก น่ากลัวหยั่งกะเพลงปลุกป่าช้า ความคาดหวังที่จะได้เจอเพลงแบบวิทนี้ วิทนี่ แบบที่คิดมลายไปทันที นับแต่แม่มารายห์เริ่มเอื้อนเอ่ยคำว่า โฮ้ โฮ โฮ้ โห่ ฮึ่มมมมม แล้วอยู่ดีๆก็กดเสียงลงต่ำซะชวนงงตรง ทรีตตตต.......เต็ดดดดด มี คายยยยยนนนนนนนด์ มันเป็นเสียงที่กดต่ำแบบใหญ่น่ากลัวเอามากๆ ซะงั้น แค่เริ่มต้นก็ไม่แหววอย่างที่คิดเอาซะแล้ว

พอดนตรีขึ้นชัดๆ รู้สึกทันทีว่าเพลงนี้มันโบราณเอามากๆ ให้อารมณ์เหมือนไปอยู่ในผับโบราณๆ ที่มีนักร้องสาวมาร้องฮุบๆ ฮับๆ ปั๊บๆ ปาดา ปาดา เป็นอะไรที่เชยกว่าที่คิดมาก คิดว่าเพลงแม่มาลัยนี่ช่างดูเก่ากว่าเพลงของน้าวิทที่มาก่อนอีกนะนี่ (มารู้ภายหลังว่ามารายห์ตั้งใจทำให้เป็นเพลงยุค 50 จัดๆ และเดโมจริงๆ โบราณกว่านี้มากมายนัก ซึ่ง คิดแล้วว่า เอาเข้าจริงมารายห์คงไม่ได้มีความคิดจะตามรอยน้าวิทตั้งแต่แรกอยากเป็นนักร้องหรอก และชวนคิดว่าเธอเป็นนักร้องที่มีสไตล์และความคิดก้าวหน้าเฉพาะตัวมาตั้งนานแล้วด้วย)

ฟังเพลงนี้แล้วพยายามจับผิด นำมาเปรียบเทียบกับเสียงวิทนี่ ฟังยังไงๆก็ไม่เห็นเหมือน รู้สึกว่าฟังยังไงๆก็รู้ว่ามารายห์เป็นคนผิวขาว เพียงแต่เป็นคนผิวขาวที่มีลีลาการร้อง ออกเสียงที่แพรวพราว และใช้การกดเสียง เปล่งเสียงแบบคนผิวดำมาช่วยเสริมให้ความสามารถทางการร้องเด่นชัดขึ้น แต่ฟังยังไง เสียงมารายห์ก็ไม่คม หรือ ชัดแจ่มเท่าน้าวิท ที่เสียงแจ่มซะ ยังไงก็ฟังออกซะทุกคำ ไหนจะการลงท้ายเสียงที่ไม่เหมือนกันอีก ขณะที่น้าวิทออกเสียงแบบเช็ดๆคำ แต่แม่มรายห์ของเราจะมีการเอื้อนขยายหางคำอื่มๆอ่ำ ยอมรับเลยว่าพลังเสียงความแรงพอวัดกันได้ แต่ความกังวานนั้น ยังไงวิทนี่ก็แจ่มชนะเลิศ การแหกปากโชว์พลังของมารายห์ในเพลงนี้แม้มันจะโอเวอร์ และแหกตะพืดตะพือขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นหวีดหอน แต่ก็ไม่นึกรำคาญอย่างที่คิดก่อนฟังนะ รู้สึกว่า โวยวานมากแค่ไหน มันก็ดังสุดพอๆกับเสียงดนตรี ผิดกับวิทนี่ ที่แม้เธอจะร้องแผ่วเบายังไง เสียงเธอก็คือสิ่งที่ดีที่สุดของเพลง ที่แจ่มแจ๋นแหลนแหววออกมานอกหน้าเกินดนตรีได้เสมอ





ฟังเอาความ



พอมาอ่านเนื้อไปด้วย ฟังไปด้วยเพราะว่าอยากรู้ว่าเธอมาขายวิสัยทัศน์ทางความรักแบบใดในเพลงนี้ นอกจากดนตรีจะไซไฟโบราณแล้ว คำในเพลงยังมีเอล่ง เอเลี่ยน อีก ชวนให้งงในวิสัยทัศน์เธอมาก ว่ามันมีได้ไงทั้งพระเจ้า คนรัก เอเลี่ยน ได้ในเพลงเดียว เกี่ยวกันได้ไงฟะ

ทำความเข้าใจเพลงนี้แบบไม่แตกฉานในภาษาอังกฤษมาหลายรอบ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจเพลงนี้แบบไหนดี บางคนก็ว่าเธอมาขอบคุณพระเจ้าเพราะว่าตอนนี้เธอได้ผู้ชายสมใจหมายแล้ว (หยั่งกะร้องเพลงแก้บน) หรือ เธอบอกว่าพระเจ้าคงกำหนดชะตาชีวิตมาแล้ว เธอมั่นใจว่าพระเจ้าจะให้เธอได้พบสิ่งที่ดี ในที่สุดคนที่เราเฝ้ารอก็จะได้มาพบกันในที่สุดตามลิขิตสวรรค์ (โอ้ พรหมลิขิตแสนหวาน) แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เพลงนี้ก็คือเพลงที่มารายห์อุทิศให้แก่พระเจ้า และมองความรักในแง่มุมของพระเจ้าและศาสนา พอๆกับ ความรักแบบชู้สาว ซึ่งถือเป็นแง่มุมที่มาจนถึงปัจจุบันก็ยังถือว่าคมมาก ในการที่นักร้องคนหนึ่ง (โดยเฉพาะที่เพิ่งเปิดตัวหวังรุ่งด้วย) จะมีความสามารถ และมีความกล้าในการนำเพลงที่มีจังหวะแปลกๆ กับเนื้อหาที่ไม่เอียงไปทางความรักไปตามสมัยนิยม มาเป็นเพลงเปิดตัวดาวรุ่งของเธอ และเพลงนี้ถือเป็นเพลงเปิดตัวที่กล้าหาญท้าทายมากที่สุดเพลงนึงในความคิดเราเลย และเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมากที่มอตโตล่า สามารถผลักดันเพลงนี้ให้กลายเป้นเพลงดังได้สำเร็จ จนกลายเป้นเพลงที่ทุกคนต้องพยายามหามันมาฟัง และพยายามมองหาคุณค่าในเพลงนี้ดู เพราะเชื่อว่าหากเอาเพลงนี้ไปเป็นซิงเกิ้ลถัดไป หรือ เพลงในอัลบั้ม เพลงนี้จะไม่ถูกมองหาคุณค่าละเอียดลึกซึ้ง จนกลายเป็นเพลงระดับคลาสสิคได้มากขนาดนี้




ฟังมาเรื่อยๆ






แม้จะยังไม่เข้าใจในเนื้อหาเพลงนี้ชัดเจนนัก (รอคนรู้จริงมาอธิบายอยู่นะคับ) แต่เพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงที่เป็นกำลังใจด้านความรักของเราเพลงนึง เป็นเพลงที่ใช้ปลอบใจ เมื่อนึกถึงความรัก มองความรักในแง่ของพรหมลิขิต และเชื่อว่าเราเองก็คงถูกกำหนดมาเพื่อให้ได้พบพานกับสิ่งต่างๆ แล้วได้พบกับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับความดีในตัวของเราในท้ายที่สุด (พูดง่ายๆว่าเพลงนี้ว่าด้วยเรื่องของ ดวงล้วนๆเลยล่ะ 55) พอฟังรายละเอียดของเพลงดีๆบ่อยๆแล้ว กลับไม่รู้สึกว่าเพลงนี้เก่าอย่างตอนแรกที่ฟังอีกแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เก๋มาก มีท่อนคอรัสที่แปลก ดนตรีที่ประยุกต์ๆ ในการใช้ดนตรียุค 90 เลียนแบบดนตรียุค 50 มีการซ้อนทับไลน์เสียงร้องที่ละเอียด แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของนางมาลัยในการทำเพลงที่มีเอกลักษณ์ตั้งแต่เพลงแรก นับมาจนถึงปัจจุบันเลย คือ การเอาเสียงร้องของตัวเองที่ร้องคนละแบบเหมือนคนละคนมาสู้กัน และมีการวางท่อนคอรัสที่ซับซ้อนมากกว่าการเสริมเสียงตัวเองให้หนาแบบธรรมดา (และแอบคอรัสเองด้วย) เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่มารายห์ในวัยขณะนั้น กับ ความสามารถของโปรแกรมในยุคนั้น จะสามารถนำเสนอความมีชั้นเชิงของเพลงได้มากเหนือกว่าระดับศิลปินป๊อบทั่วไปในยุคนั้นเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันในปัจจุบัน และเอกลักษณ์นั้นก็ยังคงเป็นลายเซ็นต์ที่ยังคงปรากฏตัวในผลงานของมารายห์ผ่านยุคผ่านสมัยมาได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่สามารถแสดงวิสัยทัศน์ของมารายห์ในทุกทางได้ตลอดไป โดยเชื่อว่าจะไม่มีวันล้าสมัย


โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ



บทแปลเพลงนี้เป็นกลอนโดย JADAKISS

VISION OF LOVE

Treated me kind
Sweet destiny
Carried me through desperation
To the one that was waiting for me
It took so long
Still I believed
Somehow the one that I needed
Would find me eventually

I had a vision of love
And it was all that you've given to me

Prayed through the nights
Felt so alone
Suffered from alienation
Carried the weight on my own

Had to be strong
So I believed
And now I know I've succeeded
In finding the place I conceived

I had a vision of love (ooooh)
And it was all that you've given to me
I had a vision of love (ooooh)
And it was all that you've given me

I've realized a dream
And I visualized
The love that came to be
Feel so alive
I'm so thankful that I perceived
The answer that heaven has sent down to me

You treated me kind (yeah)
Sweet destiny (all that you did)
And I'll be eternally grateful
Holding you so close to me
Prayed through the nights
So faithfully
Knowing the one that I needed
Would find me eventually (would find me)

I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you turned out to be


รักเป็นฉันใด

ช่างโชคดี เหลือแสน โอ้แฟนฉัน
ได้พบกัน มารักกัน แสนสุขขี
เพราะมีเธอ เคียงข้างฉัน คู่ชีวี
สิ่งใดใด มาราวี ไม่มีทาง

แม้ดูเหมือน ต้องอาศัย เวลานาน
ฉันก็ยัง คงเฝ้ารอ อย่างเชื่อมั่น
ว่าคนเรา ที่ต้องเกิด มาคู่กัน
กี่คืนวัน ก็ไม่แคล้ว พานพบเจอ


และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
เธอผู้ชี้ ทางสว่าง กระจ่างใจ
ว่าความรัก เป็นฉันใด ได้รู้กัน

ยามค่ำคืน ที่แอบเหงา เปล่าเปลี่ยวจิต
นั่งครุ่นคิด ถึงทุกข์หนา คาอกฉัน
สวดมนต์วอน ขอพรก็ หายไปพลัน
ฉันเชื่อมั่น ว่าต้องมี ทางให้เดิน

และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
ได้รับรู้ ถึงความรัก ชื่นฉ่ำใจ
อันสวรรค์ ประทานให้ ได้รู้กัน

และแล้วฉัน ก็ได้รู้ ถึงความรัก
ได้ประจักษ์ ให้รู้เห็น เป็นไฉน
เธอผู้ชี้ ทางสว่าง กระจ่างใจ
ว่าความรัก เป็นฉันใด ได้รู้กัน

จิ้มไปดูรีพลาย+คอมเม้นท์คนอื่นๆ
************************************************************************



002- There's Got To Be A Way





เพลงนี้เป็นเพลงที่แค่อินโทรขึ้นมาก็พร้อมจะหลงรักแล้ว อินโทรขึ้นมาหวานสดใสมาก มารายห์ร้องฮืมมม ขึ้นมาหวานมาก จนเกิดความสงสัยว่าเพลงนี้มันเกี่ยวกับอะไรหว่า ต้องรีบอ่านเนื้อ จับความได้ว่า เพลงนี้ เธออยากให้ทุกคนรักกัน ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน (เหมือนอิฉันที่ได้โอกาสจากนางสลัมมาเป็นนักร้องไงล่ะฮะ นางงามเอามากๆ) แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เพลงนี้มีเนื้อเพลงที่ค่อนข้างสวยมาก มีการสรรคำที่ใช้บอกความลำบากได้ดูสวยงามมาก เพลงนี้ดนตรีฟังให้เอกลักษณ์ของยุค 90 ตอนต้นมาก คือมีลักษณะของเครื่องดนตรีแบบ 80 ไฟฟ้าๆ ที่ถูกขัดให้ซอฟต์ลงมาแล้วในช่วงต้นยุค 90 มีท่วงทำนองและจังหวะฟังยังไงก็รู้ว่าเป็นปี 90 ต้นๆแน่นอน เพลงนี้ทำให้ถึงเพลงยุคนั้นหลายๆเพลง พวก บอยซทูเมน,โทนี่ แบรกซ์ตัน มาดอนน่า


โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น วิดีโอ เวอร์ชั่น ซึ่งได้ มือรีมิกซ์ตัวเป้งของยุคนั้นอย่าง เชพ เพตติโบน คู่บุญแม่มาดอนน่ายุคนั้นมาบรรเลงบีทให้ ทำให้เพลงนี้ยิ่งมีความเป็นตัวตนของยุคนั้นที่ชัดเจนขึ้น (เพลงนี้ข้าพเจ้าชอบฟังต่อกับเพลง Another Sad Love Song - Toni Braxton (Video Remix Version) กะ Janet - Escapade (Shep Pettibone Remix) และพวกเพลงป้าแมดจ์ ช่วงยุค โวค+อิโรติก้า) ชอบเอ็มวีเพลงน้มากๆ มารายห์ดูน่ารัก สดใส เป็นคนใจดี ดนตรีชวนขยับแข้งขยับขา เพลงนี้ทำให้มารายห์มีภาพที่ดูติดดิน และเหมือนเป็นการสร้างภาพให้คนเอาใจช่วยเธอ ในฐานะคนที่ไม่ลืมกำพืด เป็นภาพนักร้องสาวที่ดูเข้าถึงง่าย แม้ว่าเธอจะมีพลังเสียงตะพืดตะพือ กับเสียงร้องในเพลงนี้ที่มีลีลาการโหวกเหวกคล้ายป้าวิทอยู่ แต่ภาพเธอก็ไม่ใช่ ภาพเดียวกับที่คนมองวิทนี่ ว่าเป็นนักร้องเสียงทองบนเวทีอลังการ แต่ดูเป็นนักร้องความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสามารถร้องเพลงได้เก่งมากกว่า(และเป็นภาพที่สามารถสร้างได้เกือบสมบูรณ์จนจบอัลบั้ม) นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่มารายห์สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วจนน่าอิจฉา

ในแง่ของเนื้อหา เพลงนี้มักโดนโจมตีว่าเป็นการสร้างภาพ เนื้อหาดูสวยงามเกินไป ไม่ค่อยเป็นจริง ข้าพเจ้าก็เห็นเช่นนั้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีศิลปินหญิงนางหนึ่งซึ่งได้เปิดตัวก่อนเธอไม่นานนัก ได้ให้ผลงานที่มีความกร้าวกว่า ลงลึกทาประเด็นเรื่องเชื้อชาติ สีผว และสังคมมากกว่า อย่าง เจเนท ซึ่งงานงานของเธอที่ปล่อยออกมาก่อนไม่นานนัก เป็นการเบิกทางว่า นักร้องสาววัยรุ่น (ในขณะนั้น) ก็สามารถสร้างงานเพลงที่มีประเด็นทางสังคมได้ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน และสามารถผสานเพลงพวกนี้ไปได้กับเพลงรักได้อบย่างกลมกลืนและประสบความสำเร็จในระดับสูงได้เช่นกัน (Janet- Rhythm Nation 1814 (1989) - มีเพลงอย่าง State of The World ที่พูดถึงปัญหาเดียวกันกับในเพลงนี้เกือบหมด

แต่เพลงนั้นถกให้เห็นถึงสภาพปัญหาอย่างชัดเจนว่า ผู้ขาดโอกาสนั้นเป็นเหยื่อทางสังคมมากขนาดไหน และนั่นคือสภาพปัญหาที่สังคมควรร่วมใจเป็นส่วนร่วม The Knowledge พูดถึงความสำคัญของการศึกษาที่มีต่อการพัฒนาชีวิตของกลุ่มคนด้อยโอกาส และ Livin' InThe World (They Didn't Make) พูดถึงเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ต้องมาตายเพราะผู้ใหญ่ในสังคมอันเสื่อมโทรม) แต่เมื่อไม่เปรียบเทียบกันแล้ว เพลงนี้ก็เป็นเพลงจรรโลงสังคมที่มีความสวยงามและงดงามทั้งในแง่ของท่วงทำนอง คำร้อง เนื้อหา และดนตรี เป็นเพลงสังคมอุดมคติที่อย่างน้อยก็ทำให้ภาพลักษณ์ของศิลปินดูดีขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด เพลงนี้คือเพลงที่เมโลดี้เพราะเจริง เสียงร้องลงตัว และมีคอรัสที่กลมกล่อมชวนขนลุก เป็นเพลงหนึ่งของมารายห์ที่มีคุณค่าชวนฟัง และไม่เคยนึกรังเกียจที่จะหยิบมาฟังได้บ่อยๆ


โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ


จิ้มไปดุรีพลายและคอมเม้นท์คนอิ่นๆ
************************************************************



_________________
......................................................
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
003 - I Don't Wanna Cry เพลงที่มารายห์ชอบและเกลียดที่สุด








เพลงนี้เป็นเพลงที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าความคาดหวังทางการค้ามีผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินโดยเฉพาะศิลปินที่ยังไม่มีอำนาจต่อรองสูงพอที่จะควบคุมการทำงานให้เป็นอิสระได้ ความจริงในข้อนี้ทำให้เราได้ว่า การที่ศิลปินคนนึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับทั้งความนิยมและคำวิจารณ์ที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

เมื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเดบิวต์อัลบั้มของมารายห์ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว จะพบว่า เธอไม่ได้มีความตั้งใจจะเป็นวิทนี่คนใหม่แต่อย่างใด แต่ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของศิลปินหญิงอย่างวิทนี่ ทำให้เกิดความคาดหวังของนักธุรกิจดนตรีที่จะสร้างสรรค์วิทนี่คนใหม่ขึ้นมาเป็นของตนเอง เพื่อที่จะตามรอยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นั้น ซึ่งยังเป้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตลอดมาในวงการดนตรี ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด โดยเฉพาะกับนักธุรกิจมือใหม่อย่างทอมมี่ มอตโตลา ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง โคลัมเบีย เรคคอร์ด ในขณะนั้น เมื่อมีโอกาสได้เจอเพชรน้ำงามมาอยู่ในมือแล้ว แถมยังเป็นเพชรที่มีอะไรมาทดแทนจุดที่ด้อยของวิทนี่ได้อีกต่างหาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ ทอมมี่ จะต้องคิดวางแผนที่จะสร้างวิทนี่คนใหม่ นับตั้งแต่แรกเจอ

เป็นเรื่องยากที่เมื่อเรามีความสามารถในแบบเดียวกับคนที่ได้รับความนิยม จะไม่ถูกคาดหวังให้ทำตามรอยไป และตัดสินอะไรเพียงวัดจากกระแสนิยมที่เกิด มารายห์เองคงไม่คาดคิดนับแต่วันที่เธอไปส่งเดโมให้มอตโตล่าฟังว่าเธอจะต้องมาเป็นนักร้องที่ยิ่งใหญ่ในรอยทางของวิทนี่ ฮุสตัน จากความคิดหลายอย่างที่ปรากฏในอัลบั้มแรกของเธอ เธอคงมีความคิดที่จะเป็นนักร้องที่อยากโชว์ความสามารถในการร้องเพลงที่พอแสดงชั้นเชิงทางดนตรีออกมาได้บ้าง โดยอิงความสามารถทางการแต่งเพลงที่เธอพอมีอยู่บ้างมาเป้นจุดขาย คล้ายๆกับการกำเนิดของอลิชา คียส ที่จมดิ่งสู่ดนตรีโซลและบลูส์โบราณที่ถูกนำมาเสนอในมุมมองใหม่พร้อมความสามารถด้านความมีชั้นเชิงทางดนตรี มากกว่าการจะเป็นนักร้องปอดเหล็กทะลุทะลวงขวัญใจมหาชนแบบวิทนี่ ฮุสตัน

หลายๆเพลงในอัลบั้มนี้ โดยเฉพาะเพลงดั้งเดิมที่เธอแต่งร่วมกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่าง เบน มากูลีส์ เป็นเพลงที่มารายห์ตั้งใจนำเสนอความมีชั้นเชิงและดำดิ่งอย่างที่ว่า แต่ด้วยข้อจำกัดทางการตลาดทำให้มารายห์ต้องเลือกเพลงมาแค่บางเพลง และปรุงแต่งให้มันตลาดฟังง่ายมากขึ้น มาถึงตรงนี้มารายห์คงเริ่มเข้าใจถึงความจำเป็นทางการตลาดมากขึ้น ดังนั้นการที่ทอมมี่ มอตโตลา ไปจ้างโพรดิวเซอร์คู่บุญเก่าของวิทนี่ ฮุสตัน (ซึ่งขณะนั้นถูกเจ๊แกเฉดหัวทิ้ง แล้วไปซบอกเบบี้เฟซ แปลงร่างเป็นนางซูซานแทนแล้ว) อย่าง นาราดา ไมเคิล วอลเดน มา แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างชัดเจนที่จะสร้างภาพให้มารายห์มีความเป้นวิทนี่ในสายตาของคนทั่วไปและนักวิจารณ์

เช่นเดียวกับในทุกอัลบั้มจนถึงปัจจุบัน มารายห์จะมีเพลงโชว์ความชอบครึ่งๆกับเพลงตลาด การที่มารายห์ตื่นเต้นกับผลงานที่จะได้ร่วมทำกับนาราดา ในตอนแรก ก็เพราะอย่างน้อยเธอก็มั่นใจในความสามารถของโพรดิวเซอร์ชื่อดังว่าจะสามารถสร้างเพลงที่ดี ติดหูให้แก่เธอได้อย่างแน่นอน แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ ข้อมูลบอกเพียงแต่ว่า มารายห์เกิดทะเลาะกับ นาราดาอย่างรุนแรงในขั้นตอนของการสร้างเพลงขึ้น (พวกขั้นเลือกเครื่องดนตรี กำหนดแนวทางการร้อง ซึ่งขั้นตอนตรงนี้จะมีผลทำให้เพลงเป็นไปคนละอารมณ์เลย) ทำให้นาราดาถึงขั้นทิ้งการทำเพลงนี้ไปซะเฉยๆ ซึ่งคาดการณ์เอาเองว่า นาราดาคงถือว่าตนมีประสบการณ์มากกว่า จึงต้องการสั่งให้มารายห์ทำนู่นนี่ในแบบโพรดิวเซอร์วางอำนาจชอบทำ และเป้นไปตามความคิดที่คุ้นเคย เช่น ถ้าเป็นยัยวิทจะต้องแหกอย่างนี้ เอื้อนอย่างนี้ ซึ่งคงทำให้คนหัวแข็งงี่เง่าอย่างเจ๊แกเครียด กดดัน จนต้องโวยวายระเบิดเม้งแตกแน่ๆเลย (คาดการณ์อย่างนั้น) เพลงนี้มีข่าวลือว่า พอนาราดา ทิ้งงานไป ก็มีคนมาช่วยคุมงานต่อให้ เป็นเด็กฝึกหัดเพิ่งเทิร์นโปรอย่าง วอลเตอร์ อฟานาเซียฟ ที่ริเริ่มไต่เต้างานตั้งแต่เป้นนักดนตรีทีละขั้น จนกลายมาเป็นโพรดิวเซอร์หลักของมารายห์ได้ในอัลบั้มต่อๆมาในท้ายที่สุด

สำหรับตัวเพลงเพลงนี้เป้นเพลงบัลลาดดิว่า ออแนวตลาดเอามากๆ การร้องของมารายห์เพลงนี้พยายามทำเสียงให้หนักเข้มข้นออกแนว วิทนี่ ซึ่งเทียบให้เห็นว่าจริงๆแล้วเนื้อเสียงมารายห์บาง และดำน้อยกว่า การโหวกเวกโวยวายร้องสุดกำลังเพลงนี้ เป็นเหมือนความพยายามเค้นพลังเสียงไปตามอารมณ์เพลง มากกว่าจะเป็นการร้องได้แบบชิลล์ๆ แล้วถึงจุดพีคก็โวยวายตลาดแตกแบบวิทนี่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เนื้อเสียงพระเจ้าประทานที่แตกต่างรูปแบบกันของดิว่าทั้งสอง (ลองเทียบเพลงนี้กับ All The Man That I Need ดู) แต่ความรู้สึกในเพลงนี้ มารายห์ทำให้ได้ภาพความรู้สึกเหมือนกับเราไปกันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉํนก็พยายามแล้ว สิ่งที่เหลือคงต้องทำใจ มารายห์ให้ความรู้สึกยามร้องว่า ไอ ด้นนนนน วอนนนา ครายยยยย แบบ สาวที่ยังเสียใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง แต่สิ่งที่พอรู้ก็คือเราก็คงต้องแยกจากกัน ซึ่งร้องเพลงนี้ทีไรก็นึกถึงเสียงที่เหมือนสั่นเครือของมารายห์ที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนไหวไปกับเพลงนี้ทุกที รู้สึกเลยว่าเหมือนมาลัยมีแฟนแล้วต้องเลิกกันจริงๆ แล้วมาบ่นให้เราฟัง พร้อมร้องไห้เครือๆเล่าเรื่องไปด้วยจริงๆ

เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่มารายห์ไม่อยากพูดถึงมากที่สุด เนื่องด้วยความไม่ประทับใจในระหว่างการทำงาน แม้ว่ามันจะทำให้เธอประสบความสำเร็จอีกหนึ่งระดับ แต่เธอก็ไม่สนใจ พอหมดช่วงโปรโม แล้ว เธอแทบจะเคยนำเพลงนี้ไปร้องที่ไหนอีกเลย (จริงๆคงเป้นข้ออ้าง เพราะว่าอีเพลงนี้มันร้องยากมาก โหวกเหวกโวยวายเหนื่อยสุดๆ เป็นเพลงที่ยามพวกเราไปคาราโอเกะแทบจะตายทุกครั้งที่เอาเพลงนี้มาร้อง เจ๊ก็คงคิดงั้น มันเป้นเพลงที่เค้นคอแตกเกินไป ไม่ใช่แนวทางการแหกแบบปกติของเธอ ดังนั้นเพื่อสุขภาพเสียง อะฮั้นขอบายดีกว่าฮ่ะ) แต่กลายเป็นว่าเอ็มวีเพลงนี้เป้นเพลงที่เจ๊บอกว่าชอบที่สุดในอัลบั้มแรกนี่แล้ว เธอจึงยินยอมให้เป้นเพลงเดียวที่มีสิทธิ์เสนอหน้านำภาพสมัยนั้นจริงๆไปปรากฏตัวในรวมวิดีโอชุด วันส์ได้ (อีก 3 เพลงโดนเวอร์ชั่นไลฟ์หมด) เหตุผลที่เธอให้ก็คือ เอ็มวีนี้เป็นเอ็มวีที่แสดงตัวตนของเธอได้มากที่สุด และทำให้คนได้เห็นภาพความเซกซี่ที่แท้จริงในตัวเธอ (เหรอ?) นอกนั้นเอ็มวีที่เหลือๆนั้นเจ๊ทั้งไม่สวย แถมกะโหลกกะลา ตัวเจ๊เองยังรับไม่ได้เลย อย่าไปดูมันเลยฮ่ะ


โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ


จิ้มไปอ่านรีพลายและคอมเม้นท์คนอื่นๆที่มารายห์พันทิบ


***********************************************************


004- Someday เพลงเบรคดาวน์จากมารายห์ยุคแรก







ถ้าเปิดอัลบั้ม Mariah Carey มาแล้ว จะพบว่า มาถึงเพลงที่ 4 แล้วนะนี่ที่เพลงยังคงมีศักยภาพพอที่จะเป็นซิงเกิ้ล และเป็นเพลงที่สามารถโชว์ความแตกต่างของมารายห์ได้ไปคนละแบบด้วย ในขณะที่วิชั่น ออฟ เลิฟ ให้ภาพของสาวช่างคิด แดร์ส กอท ทู บี อะ เวย์ ให้ภาพของคนที่มีความกล้าในการวิพากษ์สังคม ไอ ดอนท์ วอนนา คราย ก็เป็นเพลงที่โชว์ความแก่+ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ แล้วก็มาถึงเพลงนี้ เพลงซัมเดย์ เพลงที่โดยส่วนตัวแล้วขอยกให้เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเปรี้ยวเด็ดที่สุดในอัลบั้มนี้

ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกในอัลบั้ม วันส์ ด้วยความรู้สึกว่า มันเป็นเพลงที่เหมือนกับอีโมชั่นส์ ชนิดแกะกันไม่ออกมากๆ โดยเฉพาะเมื่อนำมาเรียงติดกันแบบนี้ แต่ทำไมไม่รู้ ถึงชอบเพลงนี้มากกว่าตั้งแต่แรกฟัง คิดว่าเพลงนี้ดนตรีมันเท่กว่า(มีท่อนโซโล่ดนตรี) มีการร้องที่เก๋กว่า (แอพมีแร็พ) และรู้สึกโดยยังไม่ทันดูเนื้อว่า เธอร้องเพลงเร็วได้อารมณ์ดีมาก ไปอีกแบบเลย

เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ชอบมากอันดับต้นๆของมารายห์ทันทีหลังจากที่ได้ดูเนื้อ มันเป็นเพลงที่มีเนื้อเปรี้ยวมาก ทั้งดนตรีและเนื้อหา สามารถทำให้เธอดูมีความต่างจากวิทนี่ ฮุสตัน ได้ในทันที (ในความคิดของข้าพเจ้า) เพลงนี้ทำให้ดูเธอเป็นหญิงสาวที่วัยรุ่นสมวัย20 ที่มองความรักตามแบบมุมมองในวัยนั้นได้อย่างเหมาะสม ดนตรีมีความวัยรุ่นแอบเต้นได้ (โดยเฉพาะเอ็มวีเวอร์ชั่น ถึงขั้นแอบเต้นสเต็ปกันได้น่ารักเลยเชียว) เพลงนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของมารายห์ดูเด็กลงมาก และดูเธอเป็นคนธรรมดาๆที่ช่างคิด เป็นเพลงที่มีความหาญกล้าในการนำเสนอมุมมองการอกหักที่ค่อนข้างแหวกแนวและแตกต่างจากเพลงในช่วงนั้นอยู่มาก แทนที่จะมาร้องคร่ำครวญว่าทำไมเธอถึงทิ้งฉันไป หรือ ทำไมเธอไม่เคยมองฉันเลย (เดาไม่ถูกว่าอกหักเพราะเลิกกัน หรือแอบรักเขาข้างเดียวหว่า คิดว่ามันใช้ได้ทั้ง 2 กรณีเลยเพลงนี้ แต่เพลงนี้จะฟังแล้วได้อารมณ์มาก หากเราแอบชอบเขาข้างเดียว แล้วคิดว่าตัวเองมีดีซ่อนอยู่ภายในชนิดดีดี๊ดี เลิศประเสริฐสุด แต่เธอก็ยังตาถั่ว มองไม่เห็นฉันอีก สิ่งที่ทำได้ดีสุดคือเชิ่ดใส่ ---- อ่านมาถึงตรงนี้ การนึกถึงคุณอิฟวีดู จะช่วยทำให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น...555) มารายห์มาชวนคนอกหักทั้งหลาย (โดยเฉพาะที่เพิ่งช้ำมาหมาดๆจากไอ ดอนท์ วอนนา คราย) ให้ตาสว่างว่า การที่เราจะมานั่งเสียอกเสียใจนั้น มันอาจเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเหมือนกับว่ายิ่งทำให้เค้าดูมีค่ามากเกินไปจนเราต้องมาเสียน้ำตาให้ ทั้งที่จริงๆแล้วเธอนั้นก็ไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย แค่เป็นคนที่ฉันเผลอคิดว่าไปว่า อยากจะให้โอกาสจะให้มาเห็นความวิเศษในตัวฉํนมากกว่าใครแค่นั้น แต่น่าเสียดายนัก ที่ฉันเผลอคิดผิดไป!

วิเคราะห์เอาจริงๆแล้ว เพลงนี้หาใช่เพลงหญิงแกร่งสมบูรณ์แบบไม่ เพลงนี้ก็คือเพลงเบรคดาวน์ที่มาถึงก่อนนั่นแหละ เนื้อหาในเพลงนี้แทบไม่ต่างกับหญิงสาวคนเดียวกันในเพลงเบรคดาวน์ที่อกหักช้ำรัก เลยต้องมานั่งหาข้อดีอย่างโน้นนี้มาปลอบใจตัวเอง แต่เอาเข้าจริงก็ยังลืมเค้าไม่ได้ ดีไม่ดี หากเค้ากลับมาก็อาจจะเปลี่ยนใจกลับมาเอาเค้าได้อีก ที่ด่าๆไปนี่แค่ปลอบใจตัวเองไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า หรือผิดหวังมากไปเท่านั้นเอง (ใครอ่านมาถึงตรงนี้ คงแอบด่าพระนายหมื่นไร่แล้วใช่ไหมเนี่ย) แต่นั่นก็คือความรักในแบบที่เกิดกับพวกเราจริงๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่ดีมากในการจะช่วยหาแง่คิดดีๆๆมาช่วยปลอบใจให้หายเศร้าในยามทุกข์สุดๆ แบบไม่เวอร์เกิน หรือข้ามขั้นอารมณ์มากเกินไป เป็นแบบหลังร้องไห้สุดๆมาจนไม่ไหวแล้ว จึงเริ่มคิด แม้จะยังไม่อาจแกร่งแล้วลืมเรื่องทุกอย่างได้ในทันที แต่ก็พอมองเห็นคุณค่าในตัวเอง หลังจากที่เผลอไปหลงให้ค่าใครบ้างคนนานเกินไป จนลืมกลับมาใส่ใจกับคุณค่าที่เคยมีอยู่ในตัวเอง ข้าพเจ้าเองคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมาก แม้ใครที่มองผ่านๆมักจะคิดว่าเพลงนี้มันดูน่าหมั่นไส้มาก เหมือนคนมาโอ้อวดตัวเองว่าดีเลิศประเสริฐศรี แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่การไปโอ้อวดให้ใครฟังหรอก มันคือการนั่งรำพึงรำพันกับตัวเองในยามท้อแท้ต่างหาก ยามที่ต้องการอะไรสักอย่างมาบอกว่าเรายังมีค่านะ ชีวิตเรายังไม่ได้สิ้นสุด ณ จุดๆนั้นอย่างที่คิด แต่เราเองเป็นคนที่ยังมีค่าพอที่จะก้าวผ่านไปเจอสิ่งดีๆที่รออยู่ข้างหน้าได้ จะว่าไปแล้วมันก็คือเพลงที่ไม่ต่างไปจากเพลง ฮีโร่ ในด้านความรักเลยทีเดียว (เวอร์ไปป่ะ)

ยิ่งอ่านข้อมูลเพลงจากอัลบั้มนี้ยิ่งทิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบว่า เพลงนี้คือเพลงที่มารายห์ได้แต่งไว้กับเบน มากูลีส์ ไว้ก่อนแล้ว และเป็น 1 ใน 5 เพลงที่ถูกอัดไว้ในเดโม ม้วนที่มารายห์เอาไปยื่นให้กับทอมมี่ มอตโตลา แต่เพลงนี้มารายห์กำหนดไว้ว่า ต้องการให้มันดูดิบมากกว่านี้อีก (ทั้งๆที่เพลงนี้ก็ถือว่าแรงแล้วในสมัยนั้น กะจะให้แบบ แม่เจเนท - แบลคแคท เลยหรือไงเจ๊) เวอร์ชั่นอัลบั้มที่เสร็จสมบูรณ์นั้นเจ๊บอกว่า มันดูดี ขัดสีฉวีวรรณเกินไป (จากการให้ ริค เวค ดาวรุ่งโคลัมเบียอีกคน มาช่วยโพรดิวซ์) แต่เพลงนี้ก็คือเพลงหนึ่งที่เธอยังนำมาร้องอยู่เรื่อยๆตลอดมา (ไม่เหมือนกับเพลงฉันไม่อยากร้องไห้) ลองนึกดูว่าเจ๊มาลัยของเรานั้นมีความเป็นศิลปินตัวจริงมากแค่ไหนเนี่ย ไม่อยากนึกว่า หากอัลบั้มแรกของเธอไม่ถูกขัดเกลามันจะดิบมากขนาดไหนหนอ อาจจะเป็นแบบ อลิเชีย คียส์ ชุดแรก ที่ดูทะมืนๆ ดิบๆ ไปเลย พร้อมหอบคำชมเป็นกระบุง แล้วลาขาดจากวงการไปเลยทันที เพราะเจ๊ง ประมาณนั้น (อันนี้ ขอยอมสนับสนุนฝ่ายมารอย่างมอตโตล่าบ้างนะเจ๊)

เอ็มวีนี้ก็เหมือนเบรคดาวน์สำหรับข้าพเจ้า คือ เป็นเอ็มวีที่ชอบมากที่สุดในช่วงของมารายห์ช่วงยุคหนึ่ง เพลงนี้แสดงความช่างคิดมาก โดยเฉพาะเวอร์ชั่นเอ็มวี ที่ได้เชพ เพตติโบน มาทำมิกซ์ให้มีจังหวะชวนเต้นขึ้นอีก (แต่คิดว่า เพลง แดร์ส กอท ทู บี อะ เวย์ ที่ทำทีหลังลงตัวกว่ามาก) เป็นการขับเพลงให้ดูน่ารักขึ้นอีก เพราะทำให้สามารถมีหมู่นักเรียนวัยกระเตาะมาร่วมเต้นกันในเพลงได้น่ารักมาก เพลงนี้ดูไปด฿มาหลายรอบ ว่าชอบแล้ว แต่ยังไม่ชอบมากเท่า เมื่อดูแล้วแอบคิดเอาเองว่า มารายห์คงทำเอ็มวีนี้ทรีบิวต์ให้กับชีวิตรักวัยเรียนเจ๊เป็นแน่แท้ เธอเลือกเด็กคนนึงที่หน้าตาเหมือนเธอวัยเด็กมากมาเป็นตัวหลักของเอ็มวี โดยเอ็มวี เราจะได้เห็นชีวิตของเด็กนักเรียนอเมริกันยุค 80แบบที่เราเห็นกันบ่อยๆในหนังวัยรุ่น แต่ดูมีสีสันมาก ดูไปดูมาจะถึงบ้างอ้อว่า มารายห์ขอแก้แค้นไอ้คนที่เธอเคยชอบสมัยเรียน แล้วทำเมินเธอนั่นเอง ด้วยเหตุว่าเธอมันลูกเป็ดขี้เหร่ แล้วเป็นไงล่ะ วันนี้ที่ฉันสวย คุณลำไยขนาดนี้ เธอเสียใจมั้ยจ้ะที่วันนั้นเธอเคยเดินเชิ่ดใส่ ทำเป็นไม่สนใจฉัน (แต่คิดว่าไอ้นั่นอาจคิดถูกก็ได้ ถ้าเห็นความสติแตกของเจ๊ในยุคหลังๆนี้) เพลงนี้แม้จะเป็นเอ็มวีที่องค์ประกอบเชิงศิลป์ไม่ได้เลิศเลอ แต่องค์ประกอบของเรื่องและความลงของการนำเสนอที่สอดคล้องกับทำนองและจังหวะ ทำให้เพลงนี้เป็นเอ็มวีที่ช่วยส่งเสริมเพลงให้ดูดีและเด่นขึ้นมากที่สุดเพลงนึง แบบเดียวกับเพลงเบรคดาวน์ที่เพลงสวย เอ็มวีเลิศ เลยชอบสุดกู่ไปเลยแบบนั้น (แต่คนทั่วไปอาจบอกว่าไม่เท่าเบรคดาวน์ แต่ส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าชอบเอ็มวีเพลงนี้มาก เพราะดูมารายห์เป็นธรรมชาติ สวยแบบ 90 มาก ทำไมไม่รู้ ดูมารายห์เอ็มวีนี้แล้วนึกถึงเจ๊ จุ๊ จูเลีย ใน พริตตี้ วูเมน มากเลยล่ะ)


เพลงนี้เป็นเพลงโปรดในดวงใจของหลายๆคน ตรงนี้เนื้อมันตรงและแรง เป็นเพลงที่ให้แนวคิดและกำลังใจในแบบไม่เสแสร้ง บวกกับการหวีดที่พอประมาณน่ารัก (หวีดเพลงนี้เหมือนหวีดสะใจฉัน ขอสมน้ำหน้าเธอให้มันหลุดโลกไปเลย แล้วก็เฟดเอาท์หนีไปเลย ซึ่งเราว่ามันดูมีชั้นเชิงดีนะนี่) ทำให้พวกเราชอบเพลงนี้กันใช่ม้า และนี่คือเพลงที่เราชอบมากที่สุดในอันดับต้นๆของเพลงมารายห์เลยละ จะบอกให้



โดย พระนายหมื่นไร่ บอร์ดมารายห์พันทิบ

จิ้มไปอ่านคอมเม้นท์กับรีพลาย



_________________
......................................................
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เจ๊ชอบ vision of love มากๆๆๆๆๆ
จะบอกว่าเจ๊รุ้จักมารายห์ครั้งแรกก้จากเพลงนี้ย์นั่นแหล่ะ

เผอิญอากงเจ๊เป็นนักดนตรีน่ะค่ะ แกเป็นคนจีนที่พูดไทยไม่ได้เรย ฟังเพลงสากลแบบเก๋มั่กๆ
พวกวง the papa and the mama , The beatle , Blondie , Gene kelly , Doris day , Frank sinatra อะไรพวกนี้ย์เรยนะ แบบฟังเพลงเริ่ดมากๆๆๆ บางวงที่ไปค้นเจอเทปกะซีดีที่ห้องแกยังช็อคว่า บรรพบุรุษเราเริ่ดขนาดนี้ย์เรยยเหรอเนี่ย แบบขนาดตอนนั้นเพลงสากลยังไม่ครอบกลุ่มคนฟังได้มากขนาดนี้ย์ จำได้ว่าเพลงนี้ย์อากงเปิดน่ะค่ะ แร๊วสะดุดหูเรย เจ๊โดนแกเปิดเพลงพวกนี้ย์กรอกหูมาตั้งแต่เด็กๆเรยฟังเพลงสากลเรื่อยๆๆๆ มาตลอด เริ่มตาม เพลงแบบอิเล็คโทร เพลงพ็อพในสมัยนั้น พวก Madonna - the pretender อะไรพวกนี้อะคะ แร๊วก้มาเจอ มารายห์ แบบว่าปลื้มมากๆ เพราะช่งงนั้น คนขาวที่ร้องเพลงหวานๆโชว์เสียงมันน้อยมาก ช่วงนั้นฮิตอะไรแบบที่เป็นติสท์ๆหน่อย วงร็อค วงเพลงอัลเทอร์นิทิฟ รึพวกพังค์จะมาแรงมาก Sex P หรือ Muse กะ Radiohead อะไรพวกนั้นน่ะค่ะ Pink Fก้เริ่ด bob dylan ก้โอเค แต่ตอนนั้น หูยังไม่ถึงมากก้เริ่มฟังเพลงเด็กๆก่อนน่ะค่ะ แร๊วมารายห์กะมาดอนน่า คือตัวเลือกเเรกๆๆๆ เรย ไมเคิล เจเนท กะ พรีเทนเดอร์ตามมาทีหลัง

สารภาพเรยว่า ตอนเด็กๆเคยลิปซิงค์เพลง Bass in pocket กะ Like a virgin โชว์ที่ร.ร.แบบว่าแร่ดมากๆๆๆ คนหาว่าเราแรงทั้งๆที่ตอนเด็กๆเจ๊แมนมั่กๆๆ เรยนะเพราะลูกคนจีน คนโตด้วยจะแบบว่าโดนเลี้ยงแบบผู้ชายมากๆ แต่เราก้ไปเต้นฮาฮานะคะ ตลกๆ อากงก้ไม่ว่า แต่ถ้าตอนนี้ย์แกยังอยุ่คงไล่ถีบเจ๊ตายห่า ที่หลานรักของแกกลายมาเป็น* * * แร๊ว

รักท่านเสมอน่ะค่ะ ถึงจะจากไปนานแล้ว

เออ มาต่ออเรื่องอีมารายห์ค่ะ พระนายหมื่นไร่นี่ย์เจ๊เคยอ่านเค้ารีพลายในมารายห์พันธุ์ทิพย์นะ
ปรกติถึงคลั่งมารายห์มากๆๆๆ แต่ไม่เคยไปเล่นบอร์ดพวกนั้น เพราะรุ้สึกเรยว่าคนมันจะดูเป็นกลุ่มก้อนดูเป็นอะไรแนวๆเดียวกันนะคะ เจ๊เป้นคนฟังเพลงเยอะมากกก หลายแนวมากๆๆๆ บางทีเบื่อเพลงอะไรก้จะเลิกฟังไปเรยนานๆ เกือบปียังเคย เคยเบื่อเพลงเจ๊แม่มากๆ จนแบบว่าลบออกจากคอมพืแรวมานั่งอัพลงซีดีใหม่ รากเลือด เบื่อเพลงอีมารายห์ก็ทำเหมือนกัน อะไรงี้ย์เพราะเพลงมันมีเยอะมากกกกๆๆๆ วงดีๆหาฟังยากๆก้เยอะ วงดีๆหาฟังง่ายๆแต่เสือกไม่ดังก้เยอะ ก้เรยรุ้สึกว่าอยากแลกเปลี่ยนอะไรที่หลากหลายกว้างขวาง และบอร์ดเพลงสากลใหญ่ไก้น้อยมาก ที่เอฟๆเรยเป้นตัวเลือกแรกที่เข้ามา เจ๊ก้ซึมซับน้องๆพี่ๆน่ะค่ะ นี่ย์ก้เเอบฟังเพลง Mcfly - Veronica - the wreakc อะไรนะ พิมพ์ถูกปะ เพลงของ enya ที่เคยเชิ่ดใส่ก้ฟันมาฟังแล้วก้ฮิพฮอพที่เกลียดมากก้ฟังหมด เพลงอาร์แอนด์บี ที่หนู OG เอามาแนะนำให้ฟังก้โอ นังลุงนีล ถึงบางเพลงเจ๊จะฟังแล้ว แต่บางทีมันเอามาโพสต์ก้กลับไปหามาฟัง มันรุ้สึกหลายหลายดีค่ะ ไม่จำเจอยุ่กะแนวเดิมๆ เข้าใจที่เจ๊พูดปะ ไม่ได้อคติที่จะไปเล่นบอร์ดเเฟนคลับใครคนใดคนหนึ่งเพราะเจ๊จะเป้นคนแปลกที่ชอบศิลปินแต่จะไม่เข้าข้างเรยนะ สามารถด่าแบบแรงๆ ถึงเเฟนคลับได้แบบเลือดสาดโดนตัวเองก้ไม่สน

เพราะรุ้สึกว่าเราจะชอบเพลงห่วยๆ แล้วมันผิดเหรอ ดนตรีมันไม่มีอะไรตายตัวค่ะ ถ้าเราชอบก้คือชอบ พื้นฐานของคำว่าเพลงที่ดีมันขึ้นอยุ่กับปัจเจกบุคคล ใครเห็นว่าเพลงมันเพราะติดหูคือดี ก้ไม่ผิด ฝใครเห็นว่าเพลงที่พูดเรื่องสังคม เนื้อหาเข้มข้น คือเพลงดีก้ไม่ผิด เพลงที่คนตรีลำแปลกใหม่แนวทดลองเปรี้ยวก้ไม่ผิด ดไม่ผิดหรอกค่ะ ศิลปะไม่มีคำว่าผิดๆๆๆๆ น่ะค่ะ

ก้เรยไม่อยากมีปัญหาอะไร เล่นบอร์ดที่น้องๆชอบอะไรคละๆกันไปสบายใจกว่าค่ะ

เออVision of love เพลงนี้พูดถึงความรักน่ะค่ะ อาจารย์ที่มหาลัยเคยเอามาแปลให้ฟัง มันโยงไปถึงพระเจ้าด้วยแต่มันพูดถึง พรหมลิขิตกับ tagline ของหนังคลาสสิคเรื่อง Casablaca เขียนถูกปล่าวว่ะ ว่า everysoul have a path but sometime that path it's not clear เคยเห้นมารายห์บอกว่าได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนั้นมาแต่งเพลง ความหมายก้ตรงตัวค่ะ เธอไม่ได้จงใจให้ใครไปตีความอะไรมากมาย แต่เรื่องการตีความงานก้ถือเป็นเรื่องปกติ น่ะค่ะ คนเรามีสิทธิ์จะแสดงความคิดเห็นในรุปรสที่ตัวเองสัมผัสได้ต่างกัน จากการกลั่นกรองของประสบการณ์ของตัวคนนั้นๆ แต่เนื้อเดพลงมันก้แค่ เชื่อในความรัก แลหวังว่าสักวันจะมีใครมาทำให้เรารุ้สึกมตัวตนอะไรประมาณนี้ย์น่ค่ะ

ปล.เคยถามเพื่อนฝรั่งมันก้บอกแบบนี้ย์ค่ะ

เพลงอื่นโนคอมเมนท์ค่ะ ชอบ someday เพราะเนื้อเพลงมันกระเทยมากๆ แต่ดนตรีถือว่างั้นๆ อย่ามาเถียงนะย่ะ ว่าไม่จริง



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว ตำแหน่ง AIM Yahoo Messenger MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อัลบั้มแรก มาราย ชอบ You Need Me เหมือนกัน อินโทร เท่ห์บาดใจ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เจ๊แก เป็นหนักน่ะคร่ะ ...เจ๊มอร์


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ชอบ there's got to be away ที่สุดใน 4 ซิงเกิ้ลเปิดตัวแล้ว

แม้จะดูสร้างภาพ แต่มารายห์ใช้เสียงได้เหมาสมกับเพลงเร็ว และเสียงหวานมากๆ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ช่วงนี้ชอบ can't take that away ค่ะ Very Happy


_________________
" อิเหียก แม่ทุกรี"


Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy Very Happy
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Vision เราชอบมากๆ เลยนะ เพลงนี้ ความหมาย และมุมมองต่างๆเกี่ยวกับความรัก ดีมากๆ แต่น้ำเสียงที่พยายามจะเป็นโซลนั่น มันขัดไปนิดนึง แต่ส่วนตัวแล้ว ชอบมากกกกกก

ปล. สนู๊พ ด๊อกเคยบอกว่า เค้าได้ฟังเพลงนี้ตอนอยู่ในคุก ทำให้เค้ามีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป ตอนอยุ่ในคุก หรือแม้แต่หลังออกจากนั้น

เพลงที่ 2 เพิ่งเคยได้ฟังนี่แหล่ะ อิอิ ส่วนตัว เฉยๆ นะ

เพลงที่ 3 ไม่ชอบมากๆ อย่างที่บอกแหล่ะ ความพยายามที่จะเป็นวิทนี่ย์ ทำให้เราไม่ชอบเท่าไหร่

เพลงที่ 4 ชอบมากๆๆๆๆๆๆ บอกไม่ถูกสิ ฟังครั้งแรกแล้วมันโดนอ่ะ

สวยเลือกได้ Happy



_________________
Kylie Thailand Fansite
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
คุณหญิงเจมส์จะรอถึงเพลงwe belong together นะคะ คริคริ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 3
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com