"อดีต" ไอดอลป๊อปของวัยรุ่นส่งแดนซ์ป๊อปสะกดจิตที่เริ่มจะแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวในภายนอกของเธอ
จาก Spence D.
เขียนเมื่อ อาทิตย์ที่แล้ว - ไม่นานมานี้เองทุกสายตาก็จดจ้องไปยังบริทนีย์ สเปียร์ส ไม่ใช่เพราะงานเพลงของเธอ แต่เป็นเพราะปัญหาทางกฏหมายต่างๆ, งานโชว์ที่ VMA ที่สามารถนำไปถกกันได้ต่อ, และบรรดาข่าวคาวทั้งหลายของเธอที่ปรากฏขึ้นหน้าแทบลอยด์ทั้งหลาย (อ้างถึง AOL เมื่อวันก่อน "บริทนีย์ชอบกินไอติมนะ" ให้ตายสิ) เอาหล่ะ ในตอนนี้เองบรรดาหูของคนฟังทั้งหลายก็จะได้ไปโฟกัสกันที่บริทนีย์กันอีกครั้งแล้ว ต้องขอบคุณไปที่การเลื่อนวันวางจำหน่ายของอัลบั้มใหม่ที่เกิดจากแรงผลักดันครั้งล่าสุดของเธอ "Blackout" แน่นอนว่าคนในวงการต้องคิดถึงความแปลกของชื่ออัลบั้มเองเป็นแน่ เพราะตัวบริทนีย์เองก็ไม่ได้หายไปจากเวนูวปาร์ตี้ทั้งหลายแต่อย่างใด ในขณะที่คนอีกกลุ่มจะเพ่งเล็งไปที่การเลื่อนวันขายออกมาไม่กี่สัปดาห์เนื่องมาจากผลของการปล่อยแทร็คออกมาออนไลน์ อย่างไรก็ตามก็มีแค่บริทนีย์และสังกัดของเธอเองนั้นที่จะมั่นใจถึงขนาดที่จะยอมให้ฟังอัลบั้มกันทาง MTV 1 อาทิตย์เต็มๆก่อนที่อัลบั้มจะออก
แต่การทดลองก็คือการทดลองตลาดอยู่ดี ตัวอัลบั้มที่ห้าของบริทนีย์เองนั้นถูกบรรจุไปด้วยผลงานใหม่ๆต่างจากตัวที่หลุดออกมาทางอินเตอร์เนท สเปียร์สได้รับแรงช่วยเหลือจากซูเปอร์โปรดิวเซอร์มากมายอย่าง Nate "Danja" Hills ที่ได้รับเครดิทมากมายจากการร่วมงานกับ Nelly Furtado รวมทั้ง Freescha และ Kara DioGuardi ผู้สร้างแทร็คดีๆให้กับ Kelly Clarkson และ Bloodshy & Avant โปรดิวเซอร์ของเพลง "Toxic"
ตัวอัลบั้มเปิดออกมาด้วยซืงเกิ้ล "Gimme More" ที่ถูกเล่นไปทั่วทุกสถานีวิทยุ อินเตอร์เนท และคลับต่างๆ สเปียร์สปลดปล่อยพลังเสียงโซปราโน่แมวเหมียวครางออกมาที่เห็นได้ชัดว่าถูกขัดเกลาไปด้วย echo, overdubs และ filters ที่เปลี่ยนเสียงของหญิงสาวอายุเกินบรรลุนิติภาวะอย่างเธอนั้นให้กลายเป็นสาวแรกรุ่นที่กำลังอ่อยเหยื่อได้ พูดง่ายๆว่ากลายเป็นลอลิต้าในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนกอธมาเป็นอิเลคโทร ต้องยกเครดิตทั้งหมดให้กับ "Danja" ที่ทั้งบีทและเลเยอร์ผลงานของเขาเองนั้นทำให้เพลงนี้สะกดคนฟังได้อยู่หมัด
Piece of Me เริ่มด้วยเสียงแส้และโซ่แบบอิเลคโทรที่ซ้อนกันทำเป็นแบ็คบีทที่สลับไปมา เสียงแบบนี้เองทำให้คนฟังย่อมนึกไปถึงการบันทึกการเล่น S&M ของคนเล่นครั้งแรกไปบนเทป (เอิ่ม S&M .. หาคำแปลกันเอง 55+ มัน Parental Advisory อ่ะจะ ย่อมาจาก Sadism & Mu... อะไรซักอย่าง โหดมะๆ) ทางด้านดนตรีนั้นตัวเพลงเสียงเหมือนกับเพลงของมาดอนน่าในอัลบั้มใหม่ของเธอเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงตัวบริทนีย์ในด้านความคิดสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองและการขาดความสามารถที่จะผลักดันอิเลกโทรนิกแดนซ์ป็อปให้ก้าวหน้าไปอีก จังหวะนั้นถูกกดให้อยู่ในช่วงปานกลาง เสียงร้องของเธอนั้นก็ถูกดัดแปลงอย่างมากอีกครั้ง ส่วยทางด้านเนื้อเพลงนั้นกลับไปพึ่งสิ่งเดิมๆอย่าง "I'm famous and people won't leave me alone" ที่บรรดาป็อปสตาร์วัยรุ่นทั้งหลายคอยบอกย้ำให้เราฟังบ่อยๆ และพยายามที่จะให้พวกเรารู้ว่าชีวิตของพวกเธอนั้นลำบากแค่ไหนเพราะชื่อเสียงต่างๆและเงินทองทั้งหลายที่พวกเธอนั้นเองก็ต่างดิ้นรนที่จะได้มากันเอง แม้ทั้งสองด้านดนตรีและเนื้อร้องนั้นต่างตกสมัย แต่เพลงนั้นก็ยังคงสะกดผู้ฟังได้เพราะว่าเสียงร้องนั้นถูกมิกซ์กับเสียงดนตรีเป็นอย่างดีนั่นเอง
ส่วน Radar บริทนีย์นั้นทิ้งการดัดแปลงเสียงร้องไปเกือบหมดซึ่งก็น่าเศร้าที่ว่ามันกลับแสดงให้เห็นถึงลิมิทของเสียงเธอในฐานะนักร้องเอง เสียงร้องของเธอกลับกลายเป็นว่ายิ่งน่ารำคาญและเหมือนหุ่นยนต์เสียมากกว่าหลังจากที่ถูกดัดแปลงแล้วเสียอีก เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงพวกนั้นที่ว่าจะติดหูมากๆเมื่อแม้ว่าจะไม่ตั้งใจฟังคอรัสของเพลงแต่มันจะติดอยู่ในหูของคนฟังและทำให้คนฟังต้องฮัมเพลงและร้องตามแม้ว่าเพลงนั้นจะหายไปจากความทรงจำระยะสั้นของคนฟังตั้งนานแล้ว บริทนีย์กระซิบกระซาบอีกครั้งในเพลง Break the Ice บอกย้ำคนฟังว่า Its been a while. I know I shouldnt have kept you waiting. But Im here now. หลังจากนั้นเธอก็ปล่อยเสียงร้องสลับไปมาระหว่างเสียงแบบเด็กสาวของเธอและเสียงกระเส่าของเธอพร้อมกับการถอนหายใจที่ถูกซ้อนเข้ามาเพื่อเอฟเฟคที่งดงาม นี่เป็นแทรคที่เหมาะกะหูฟังเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเลเยอร์ทั้งหลายนั้นทำให้เพลงเหมือนมีชีวิตอยู่ในหูฟังเลยทีเดียว
จากจุดยืนของการโปรดิวซ์เพลงนั้น Blackout ค่อนข้างที่จะดีมากเลยทีเดียว ด้วยจำนวนของการเลเยอร์เสียงและ overdubs สร้างเสียงร้องของสเปียร์สฟังดูเต็มไปด้วยพลังและเมื่อฟังด้วยหูฟังนั้นสามารถที่จะสะกดคนฟังได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามแล้วนี่ก็เป็นแค่ของหวานสำหรับหูคนฟังที่ถูกขัดเกลามาให้หวานหูแต่ก็จะละลายหายไปและถูกลืมได้ง่ายๆเช่นกัน เพลงที่ย้อนยุคอย่าง Heaven On Earth ที่นำบริทนีย์มาเย่ายวนเสน่ห์ของเธออีกครั้งนั้นก็เหมือนกับเวทย์มนต์แต่เมือนำมาเทียบกับภาพที่ค่อนข้างจะหลุดโลกของเธอแล้วนั้นมันก็ยากสำหรับคนฟังที่จะถูกปลุกอารมณ์ด้วยเสียงร้องในเพลงแนวนี้ของเธอได้ง่ายๆ แต่เอาน่า เมื่อเอาภาพต่างๆออกไปแล้วนั้น เพลงนี้นั้นเองก็คือหนึ่งในแทรคที่แข็งแรงที่สุดในอัลบั้ม เสียงร้องของสเปียร์สค่อนข้างจะมั่นคงและออกจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆไปสู่ช่วงท้ายของเพลง คอรัสนั้นเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆในเพลงนี้ ทำให้ขนลุกและยิ้มตามไปได้ง่ายพร้อมกับเมโลดี้ของเพลงเองได้เลยทีเดียว
ต่อจากแทร็คละลายหัวใจอย่าง "Heaven on Earth" แล้วนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ "Get Naked (I Got A Plan)" ชื่อเพลงบอกทุกอย่างในเพลงง่ายๆไปแล้ว บริทนีย์ยั่วยวน ถอนลมหายใจ ส่งเสียงกระเส่าและทำทุกอย่างที่ Prince จะทำเพื่อจะแหย่คู่ขาของคนฟังว่างั้นเถอะ การโปรดิวซ์แทรคนี้ค่อนข้างจะแปลกแยกแต่ว่าก็โดดเด่นที่การนำเสียงร้องชายมายืดหยุ่นแล้วหมุนไปมาตลอดช่วงเพลง และเมื่อบริทนีย์กล่าวออกมาว่า "If I Get On Top, You Gonna Lose Your Mind" คุณก็แทบจะเชื่อว่าเธอกำลังพลิกตัวขึ้นมาบนตัวคุณเลยทีเดียว นี่คือฝันเปียกที่ถ่ายทอดออกมาทางเสียงเพลงและคงจะกลายเป็นแทรคในคลับเปลื้องผ้าหลายๆแห่งเป็นอย่างแน่นอน
ไหนๆก็เข้าสู่ช่วงที่ค่อนข้างจะส่อนไปทางเพศเป็นอย่างยิ่งแล้ว แทร็คต่อมา Freakshow ก็เชื่อมต่อช่วงแห่งความบันเทิงด้วยบริทนีย์ร้องเกี่ยวกับการส่ายสะโพกของเธอ! เสียงจังหวะนั้นออกจะเหมาะหูแต่ว่าก็เช่นเดียวแทร็คอื่นๆในอัลบั้มอย่าง Gimme More ทั้งหมดก็คือการฟิลเตอร์เสียงร้องของเธอที่ถูกนำมาสร้างให้เข้ากับจังหวะและเสียงเพลงที่เหมือนกับขนมอมยิ้ม หวานหู ติดหู แต่แล้วก็ทำให้คุณเบื่อ ใน Toy Soldier นั้นบริทนีย์แกล้งเลียนเสียงแบบ The Gap Band โดยไร้การดัดแปลงแต่แน่นอนว่าก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงเธอนั้นเหมาะกับการกระซิบกระซาบและนำมาดัดแปลงเสียมากกว่า
เสียงกีตาร์อะคูสสิกและเสียงปรบมือนำเข้าสู่เพลง Ooh Ooh Baby อีกเพลงที่ฟังคล้ายแนวของอิตาเลี่ยนอย่างน้อยในด้านเสียงร้อง จากทุกแทรคในอัลบั้มนั้น แทรคนี้เองดูเหมือนว่าจะเป็นแทรคที่ค่อนข้างจะมีความเป็นเมนสตรีมและสามารถพุ่งเข้าแท่นอันดับเพลงป็อปได้ง่ายๆทีเดียว ที่จริงแล้วมันฟังดูเหมือนว่าจะอยู่ผิดอัลบั้มเมื่อนำมาเปรียบกับเพลงอื่นๆที่ออกจะเป็นแนวอิเลกโทรแดนซ์เป็นส่วนใหญ่
Are we Ready? คือคำถามที่นำเข้าสู่เพลง Perfect Lover ที่บริทนีย์ก็หยอกล้อพวกเราอีกครั้งด้วยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบว่าคุณต้องการจะเห็นเนื้อหนังของเธอหรือไม่ สิ่งที่โดดเด่นออกมาจากอัลบั้มของแทรคนี้นั้นคือเสียงร้องของเธอที่นำมาซ้อนกันสองชั้นและที่จริงแล้วบริทนีย์ทำได้ดีทีเดียว เพราะว่าเธอเองนั้นลดโทนเสียงลงมาสู่ระดับกระซิบที่แหย่พวกเราด้วยแรงเสน่หาจากตัวเธอ (โอว .. คนวิจารณ์หื่นมั๊ก) นี่แหละคือเวลาที่บริทนีย์นั้นร้อนรุ่มและแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เธอขึ้นสู่การเป็นไอดอลในทีแรก น่าเสียดายที่ว่ามันช่างเป็นอดีตไปแล้วสำหรับเธอ
อัลบั้มจบลงที่เพลงป็อปเข้าสมัยอย่าง Why Should I Be Sad สเปียร์กลับมาพึ่ง The Neptunes อีกครั้งพร้อมกับยินยอมให้ดัดแปลงเสียงของเธอให้เหมาะกับการฟังในบ้านมากกว่าที่จะออกไปเหงื่อแตกกันในคลับ ตัวเพลงเองเป็นแดนซ์ช้าๆบนอัลบั้มก็ว่าได้ ชื่อเพลงนั้นบ่งบอกถึงเวลาที่เธอสูญไปกับการใช้ชีวิตร่วมกันกับ KFED แต่ว่าเธอก็บอกลากับทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแล้ว ตัวธีมของเพลงเองนั้นเหมาะกับการปิดอัลบั้มเป็นอย่างมาก แต่ว่าทางด้านดนตรีนั้นเพลงนี้กลับกลายเป็นแทรคที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีพลังนักในตัวอัลบั้ม
สิ่งที่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับตัวอัลบั้มนั้นคือว่าตัวอัลบั้มนั้นไม่ได้นำอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับความสามารถของเธอทั้งด้านเนื้อร้องและดนตรีออกมาแสดง ไม่ใช่ว่าตัวอัลบั้มสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของวงการป็อปแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะกระโดดออกมาจากกระโปรงของมาดอนน่าและพยายามที่จะแหวกแนวออกมาซักนิด เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ศิลปินอย่างมาดอนน่าและเดวิด โบวี่สามารถคงอยู่ในวงการได้อย่างยาวนาน พวกเขานำสิ่งนอกกระแสมาอัดเข้ากระแส บริทนีย์เองสมควรที่จะมาพร้อมกับโปรดิวเซอร์มือใหม่ๆแต่ฝีมือดีๆที่จะนำโฉมหน้าใหม่ แนวเพลงใหม่เข้าสู่วงการ ส่วนด้านเนื้อร้องนั้นเธอต้องการความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆเพื่อจะนำให้เธอพ้นไปจากเพลงที่เรียงความได้ว่า จะเอาชั้นมั้ย เพราะว่ามันค่อนข้างน่ากลัวสำหรับผู้ฟังในเมื่อเธอนั้นทั้งหย่าและก็มีลูกถึงสองคนแล้ว ที่จริงก็ไม่ผิดที่อยากจะเซ๊กซี่หรอกนะ แต่ว่าการไปกระโดดโลดเต้นบนชายแดนของหนังโป๊นั้นค่อนข้างจะไร้รสนิยมไปหน่อย ถึงแม้เธอจะเคยเป็นโลลิต้าชุดนักเรียนก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็นานมาแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องกลายมาเป็นศิลปินเพลงแจ๊ซอะไรหรอกนะ แต่เธอสมควรอย่างมากที่จะออกมาจากวงเวียนของเธอเองและออกมาสำรวจแนวเพลงและเนื้อเพลงแนวอื่นๆที่อยู่นอกกระแสซะมั่ง ไม่งั้นเธอก็จะจบอยู่ที่การเป็นดาราหน้าแทบลอยด์ไปวันๆและคนฟังก็จะสงสัยว่าที่จริงแล้วชีวิตคุณคงจะเหลวแหลกมากกว่าที่ปรากฏให้โลกเห็นมากมายนักหรือเปล่า
Thx Britneythailand
.............
เหนด้วยดีนะค่ะ ที่ อูว์ๆ เบบี้ ค่อนข้างโดดจากเพลงอื่นๆ
ถ้ามี สเตจ ออฟ เกรท นะอั้ลบั้มนี้คงเนี่ยมกว่านี้เยอะ เสียดายชอบเพลงนี้จัง
_________________
JLo Thailand https://www.facebook.com/Jlothailand
.