˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
รักแห่งสยาม : งดงามและเจ็บปวด โดย ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ รักแห่งสยาม : งดงามและเจ็บปวด โดย ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม 
รักแห่งสยาม : งดงามและเจ็บปวด โดย ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม

(โดย **คุณ ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี 22 พฤศจิกายน 2550 11:43 น. )



(SPOILER: บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง)

คนทำหนังหลายคนใช้เวลานานกว่าจะเป็นที่จดจำจากบุคลิกในเนื้องานและความช่ำชองของพวกเขาเอง เมื่อมาถึงจุดที่ได้รับการยกย่องในการทำงาน ความชัดเจนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะปรากฏชัดขึ้น

ผู้กำกับบางคนเป็นเจ้าแห่งเทคนิค ในขณะที่บางคนเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งกาจ บางคนทำหนังออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ก็เข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ บางคนเดินเข้าหาอภิปรัชญาที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจ หรือบางคนอาจจะเชี่ยวชาญในการเล่นกับอารมณ์คนดู – ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หรือทุกอย่างรวมกัน

ด้วยผลงานเพียง 3 เรื่อง (และอีกจำนวนหนึ่งที่เขาทำในขณะเป็นนักศึกษาวิชาภาพยนตร์) คุณชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ว่า ขอเพียงเวลาสักเล็กน้อยในการบ่มเพาะตัวเองเท่านั้น - เขาก็จะสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่กล่าวมา

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทุกคนได้รับชม “รักแห่งสยาม” ผลงานชิ้นใหม่ของเขาจบแล้ว คงจะไม่มีท่าทีคัดค้าน หากจะบอกว่านี่คือคนทำหนังไทยอีกคนหนึ่งที่คนไทยควรภาคภูมิใจ

รักแห่งสยาม มีโครงสร้างคล้ายๆ กับหนังรักทั่วๆ ไป แต่หนังก็พาตัวเองให้ไปไกลกว่านั้นมาก กล่าวคือ หนังไม่ได้เพียงบอกเล่าเรื่องราวความรักของวัยรุ่นแค่ชั้นเดียว หากเต็มไปด้วยเงื่อนไขรายรอบตัวละครหลักที่ซับซ้อนตัวละครมีความชัดเจนมีมิติมีความลึกของบุคลิคและยังพิพาทถึงสถาบันสังคม ทั้งยังไม่มีการมาชี้หน้าสอนคนดู แต่กลับคลายปมเหล่านั้นอย่างเต็มไปด้วยชั้นเชิง

หนังเริ่มต้นด้วยเรื่องราวในวัยเด็กของ มิว และ โต้ง เด็กชายที่บ้านอยู่ตรงกันข้ามกัน มิว (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) อาศัยอยู่กับอาม่าที่ไม่ยอมย้ายตามครอบครัวไปต่างจังหวัด ในขณะที่บ้านของโต้ง (มาริโอ เมาเร่อ) อบอุ่นและสมบูรณ์ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อ แม่ พี่สาวและตัวโต้งเอง

เด็กทั้งสองผูกพันและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่จุดหักเหก็เกิดขึ้น และเปลี่ยงแปลงชีวิตทั้งสองคนไปตลอดกาล แตง-พี่สาวของโต้งหายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนๆ และพ่อก็โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ทุกคนเจ็บปวดจนกว่าจะอยู่ในบ้านหลังเดิมได้ จึงตัดสินใจย้ายออก พร้อมๆ กับในเวลาเดียวกันนั้น อาม่าของมิวก็จากโลกนี้ไป ทิ้งเด็กชายให้ใช้ชีวิตเพียงลำพัง

ไม่กี่ปีต่อมา มิว และโต้ง เจอกันโดยบังเอิญที่สยามสแควร์ มิวมีวงดนตรีที่กำลังจะได้ออกอัลบั้มกับค่ายเทปชื่อดัง ส่วนโต้งก็เหมือนเด็ก ม.6 ทั่วๆ ไป มีเพื่อน ไปเรียนพิเศษ และมีแฟน ความห่างเหินไม่มีผลอะไรกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ทั้งคู่ก็สนิทกันเหมือนแต่ก่อน

แต่ไม่นานนัก หนังก็เผยให้เห็นว่าบาดแผลบางอย่างในช่วงต้นเรื่องไม่ได้หายไป ครอบครัวของโต้งบอบช้ำจากความสูญเสียในครั้งนั้น และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น พ่อกลายเป็นคนที่ติดสุราเรื้อรัง และแม่ก็หวาดระวังไปเสียทุกอย่าง เพราะเธอไม่อยากทำผิดพลาดอะไรอีก

มิวเป็นเด็กหนุ่มที่ปิดตัวเงียบ บ่อยครั้งที่เราเห็นว่าเขาร่าเริงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานเกินไป และอีกส่วนหนึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึกกับโต้ง

ตึกแถวที่เคยเป็นบ้านของโต้งเมื่อตอนเด็กๆ มีครอบครัวคนจีนย้ายเข้ามาอาศัย และหญิง (กัญญา รัตนเพชร์) - ลูกสาวของบ้านนั้นก็มาตกหลุมรักมิวอย่างหัวปักหัวปำ เธอคลั่งไคล้มิวเหมือนเด็กสาวชื่นชอบนักร้องวัยรุ่น ทั้งๆ ที่ฝ่ายชายแสดงท่าทีเมินเฉยกับเธอตลอดมา

จุดขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้งในขณะที่ปมที่ผูกไว้ตั้งแต่ต้นยังไม่ได้รับการสะสาง มันมาพร้อมกับหญิงสาวที่ชื่อ จูน (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เจ้าหน้าที่ประสานงานของค่ายเทปที่มาทำหน้าตาดูแลวงดนตรีของมิว เธอหน้าตาคล้ายกับแตง - พี่สาวที่หายตัวไปของโต้ง - เหมือนกับเป็นคนๆ เดียวกัน มิวพาโต้งและแม่ของโต้งมาพบจูน ทันทีที่แม่ของโต้งเห็น เธอตัดสินใจว่าจ้างจูนให้ปลอมตัวเป็นลูกสาวของตนเอง เพื่อหวังว่าอาการป่วยของสามีจะดีขึ้น

ราวกับว่าปมปัญหาแค่นั้นยังไม่พอ ถัดจากนั้นโต้งก็ตัดสินใจถอยตัวออกจากแฟนสาว (ที่เพื่อนๆ ให้คำจำกัดความว่า “เขาน่ะสวยเลือกได้ แต่เขาเลือกมึง”) และเบนความสนใจไปที่มิว

แม้ในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งขมวดเกลียวเข้าด้วยกันจะมีตัวละครอย่างน้อยๆ 5-6 ตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนังก็เฉลี่ยความนึกคิด และพื้นที่ให้แต่ละตัวอย่างสมน้ำสมเนื้อ หย่อนและตึงในระดับพอดี หลายฉากหลายตอนที่หนังพาตัวเองเข้าไปเฉียดใกล้ความซ้ำซาก แต่ผู้กำกับก็ดึงกลับมาให้เหตุการณ์ดำเนินไปในวิถีทางที่มันควรจะเป็นจริงๆ

ตัวอย่างของการตบฉากบีบคั้นให้อยู่ในระดับพอดี มีอยู่หลายตอนด้วยกัน หนึ่งในนั้น คือ ตอนที่ คุณสุนีย์ (สินจัย เปล่งพานิช) แม่ของโต้งคอยลูกชายกลับบ้าน เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เธอจึงขับรถออกไปตามหา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหน

เธอเคว้งคว้างไปตามที่ต่างๆ อารมณ์จวนจะระเบิดอยู่ทุกเมื่อ แต่ทันทีที่รู้ว่าลูกกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และนอนหลับอยู่บนเตียง สิ่งที่เธอทำก็คือ วางโทรศัพท์มือถือของลูก –ที่ตนพกไปด้วย- อย่างเบามือ และยับยั้งตัวเองไม่ให้ปล่อยความคับแค้นใจกับลูก

หรือในอีกฉากหนึ่งที่สุนีย์ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างลูกชาย และเพื่อนสนิท เธอขับรถไปหามิวในวันรุ่งขึ้น และพยายามบอกให้อีกฝ่ายเข้าใจ ทั้งคำพูดและการแสดง เสียดแทงเข้าไปในใจของคนดู ทั้งๆ ที่ไม่มีช่วงไหนเลยที่เธอระเบิดอารมณ์ออกมา

รายละเอียดที่หนังวางไว้อย่างมีชั้นเชิง ทำให้คนดูได้เห็นและเข้าใจสุนีย์มากกว่าจะมองเธอเป็นตัวร้าย เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเธออยู่กันอย่างปกติ เหมือนคนที่ประคับประคองแก้วที่แตกร้าวอยู่แล้ว ไม่ให้ตกหล่นหรือแตกกระจายมากไปกว่านี้ แน่นอน หลายครั้งที่แก้วนั้นบาดมือเธอ

ในส่วนของตัวละครวัยรุ่น หนังก็คานน้ำหนักได้เท่าๆ กัน การคลี่คลายของตัวละครหลักทั้ง 4 ตัว ได้แก่ มิว โต้ง หญิง และโดนัท (อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) - แฟนสาวของโต้ง ลงเอยด้วยความผิดหวัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดที่จะต้องเก็บมาทำร้ายตัวเอง ตรงกันข้าม เด็กๆ ทุกคนกลับรู้ดีว่า พวกเขาจะก้าวผ่านมันไปได้ในที่สุด

บทสรุปของหนังบอกเล่าอย่างแกนๆ และไม่ได้รวบยอดชัดเจนว่าตัวละครทุกตัวจะผ่านอุปสรรคของตัวเองไปได้ เหนือสิ่งอื่นใด หนังพยายามจะบอกใบ้กับคนดูว่า ไม่ว่าเราจะเจอกับเรื่องร้ายๆ มามากมายแค่ไหน ขอแค่ยังมีความรักและความหวัง ปัญหาต่างๆ ก็คงไม่สาหัสเกินไปนัก

ยังมีรายละเอียดและลูกเล่นอีกมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความแยบยลในการเขียนบทและกำกับของคุณชูเกียรติ และเชื่อว่าผู้ชมจะได้รับอรรถรสในส่วนนี้อย่างเต็มที่

คงจะไม่มากเกินไปนอกจากจะบอกว่ามันเป็นหนังไทยที่คนไทยควรภูมิใจแล้ว มันยังเป็นงานที่คนดูหนังต้องสนับสนุน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว ตำแหน่ง AIM Yahoo Messenger MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
น้อยใจมาดาม ไม่มาคอมเม้นท์วิจารณ์ผม เม้นท์แต่น้องเอกคนเดียว ฮ่าๆๆ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  

สงสารคนที่ไม่ดูกับคนที่เข้าใจผิดๆ
กับหนังเรื่องนี้นะ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
หนังเรื่องนี้พอดู รอบที่ 2 แล้วได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมามากมายคับ พอนำเพลงมาฟังจะเข้าใจในความหมายของเพลงมากๆด้วย ผุ้กำกับเพื่อนมาดามคนนี้ไปได้ไกลจิงๆคับ

Cool


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันดีจริงๆ ทุกๆทางมันมีความเป็นไปได้จริงในสังคม และเป็นไปแล้วในหลายครอบครัวและหลายตัวละครในโลกแห่งความเป็นจริง แล้วจะไม่ลังเลเลยถ้าจะมีคนชวนไปดูรอบที่ 4



แก้ไขล่าสุดโดย Chris เมื่อ Thu Nov 29, 2007 2:16 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เป็นหนังที่ดีมากคร่ะเมื่อกี้ก็ไปดูรอบดึกเป็นรอบที่สามมา

มันไม่ใช่หนังเกย์ อย่างที่คนอื่นๆเข้าใจ

แต่มันคือหนังที่สะท้อนภาพ ปัญหาต่างๆในครอบครัว ยุคสังคมปัจจุบันอย่างลงตัว

แต่ทิวก็รู้สึกว่ามันขัดๆ อะไรเหมือนน่าจะมีกว่านี้นิดส์หนึ่ง

ทิวรัก สุนีย์ มากคร่ะ

ทิวอยากรู้เรื่องแตง กับ จูนคร่ะ อันนี้ยังคลุมเครืออยู่สำหรับทิว ใครช่วยอธิบายที



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เจ๋งมากคับ

ชอบอะ คนดูเรื่องนี้ หลายคนก็หลายความคิด โดยส่วนมาก ดี 95%

ฟีเวอร์จิงๆ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เป็นหนังรัก ที่ดีที่สุด ตั้งแต่เคยดูมา

สอนอะไร เราหลาย หลาย อย่าง ดุแล้ว มองกลับมาดูตัวเอง

รัก โต้ง มิว หญิง สุนีย์ จูน แตง มากมาก



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แตงกับจูนเป็นคนละคนกัน

จบข่าวคับ


หนังบอกตอนจบ ตอนที่บอกว่าใครเป็นคนถ่ายรูป


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 2
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com