
Kylie Minogue - X (4)
คำสารภาพบาป นานแค่ไหนแล้วที่เราจะรีวิวงานชิ้นนี้ ถ้ามองย้อนไป ก็แน่นอนแหล่ะ ตั้งแต่อัลบั้มนี้ออก เราในฐานะแฟนเพลง และลูกรักของไคลี่ย์ ก็อยากจะเขียนถึงผลงานการกลับมาของไอดอลคนโปรดของเรา มีหลายๆ คนที่รออ่านผลงานของเรา คอยถามไถ่เรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะได้เขียนซะที เรายอมรับเลยนะ ว่าโคตรยุ่งเลยอ่ะ ยังไงขอขอบคุณทุกคนมากๆ นะ ที่รออ่าน แม้จะน้อยนิด แต่การถามไถ่ ก็ทำให้เรารู้ว่ามีคนรออ่านงานของเรา ที่เป็นของเราอย่างใจจริง ที่ออกมาล่าช้าขนาดนี้ ขอโทษจริงๆ (เราไม่ได้สำคัญตัวนะ แต่เราอยากจะขอบคุณคนที่รออ่านจริงๆ เพราะแค่มีเพียงไม่กี่คนได้อ่าน แล้วรู้สึกประทับใจ นั่นก็คือความภูมิใจ และซึ้งใจของนักเขียนอย่างเราแล้ว)
เกริ่นนำสักเล็กน้อย Kylie Ann Minogue ชื่อนี้คงเป็นที่รู้จักในคนหมู่มาก ของนักฟังเพลงสากลทั่วไป แต่เพื่อกล่าวที่มาที่ไป ขออนุญาตย้อนอดีตเพื่อทำให้หลายๆ คนได้รู้จักเธอมากขึ้น เธอคือนักร้องชาวออสเตรเรียที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประวัติศาสตร์ออสเตรเลียเลยทีเดียว เธอแจ้งเกิดจาก ซีรี่ย์สุดดังเรื่อง Neighbor ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 แล้ว แล้วเธอก็ผันตัวมาเป็นนักร้องอย่างเต็มตัว โดยมีเพลงแจ้งเกิดอย่าง I should be so lucky แล้วที่ทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลกคือเพลง Locomotion และก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ และที่เพิ่งดังปรี้ยงปร้างเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ก็คืออัลบั้ม Fever ที่มีเพลงเด็ดอย่าง Cant get you out of my head ที่ดังไปทั่วโลก แต่หลังจากช่วงนั้น เธอต้องเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่มากสำหรับชีวิต นั่นคือ การเป็นมะเร็งเต้านม เธอใช้เวลา และค่อยๆรักษาจนตอนนี้อาการหายดีแล้ว และทำให้เธอกลับมาเฉิดฉาย และออกอัลบั้มอีกครั้งเพื่อฉลองในอัลบั้มที่ 10 ของเธอ จึงใช้ชื่อสั้นๆ ว่า X ที่แปลว่า 10 นั่นแหล่ะ
รูปแบบเพลง หายไปมากกว่า 4 ปี ทำให้เธอไคลี่ย์ต้องตีโจทย์เพลงต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการเดินเกมส์ไปตามยุคสมัย ทำให้อัลบั้มนี้เรียกได้เลยว่า Variety Pop ของแท้ เพราะความหลากหลายอย่างมาก ของทุกรูปแบบดนตรี มีเพื่อตอบโจทย์ความชอบทุกแนวหมด ทั้งElectronica ที่ผสมในหลายๆ แทรค Dance แนวถนัด R&B ตามสมัย Rock เก๋ๆ Jazz ชิวๆ Trance เบาๆ House ลอยๆ นี่คือส่วนน้อยที่เราเจอนะ ยังมีอีกหลายแนว ที่ชีเอาผสมปนเปเข้ามา และเขย่าๆ ให้อยู่ในส่วนผสม และอยู่บนพื้นฐานความเป็น Pop อีกครั้ง
จุดเด่น แน่นอนที่สุด เธอมาถึง ณ จุดตรงนี้ ใช้เวลามาเนิ่นนาน ความสำเร็จทั้งหมดที่เธอได้รับ แน่นอนว่า มันต้องมาจากฝีมือของเธอนั่นแหล่ะ เป็นสิ่งที่ผู้คนยอมรับ และในฐานะ ของผู้ฟังเพลงสากล ชื่อของเธอย่อมต้องอยู่ในความสนใจของคนหมู่มากอยู่แล้ว และสิ่งต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาก ย่อมทำให้คนสนใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีก อันนี้แค่เรื่องส่วนตัวนะ ยังไม่รวมถึงงานเพลงซึ่งยอมรับเลยว่า เธอละเอียดอ่อน และประณีต ในการทำทุกๆ องค์ประกอบของเพลงจริงๆ รายละเอียดดนตรี แม้จะยุบยับเยอะแยะไปหมด แต่แธอกลับทำให้เราบริโภคได้ง่ายๆ แต่มีมิติและน่าสนใจ นั่นคือสิ่งดีที่นักร้องคนนึงพึงทำให้กับคนฟังชิมิล่า
จุดด้อย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ Fever มันชั่งมากมายมหาศาลเหลือเกิน จนทำให้หลายๆ คนคาดหวังจะได้ฟังเพลงแดนซ์เก๋ๆ ซ่องแตกจากเธอ แต่อัลบั้มนี้ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนกลุ่มนี้ได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องเสียฐานแฟนเพลงไปพอสมควร (ยอมรับตรงๆ เลยนะ เราด้วยแหล่ะ เหอะๆ) และอีกข้อหลักๆเลยนะ เราว่าความหลากหลายของอัลบั้มนี้มันมากเกินไป จนทำร้ายตัวอัลบั้มมากกว่า จะถามว่าจับแนวได้มั้ย ก็จับได้นะ อย่างที่ได้บอก ครั้งแรกที่ได้ยินแต่ละแทรค แตกต่างกันมากๆ จนหลายคนที่ฟังผ่านๆ จะบอกว่าจับแนวไม่ได้ เลยเหมือนงานเหลวๆ ต้องเสพจนเข้าใจแก่นแท้ของงาน แต่สักกี่คนที่จะทนฟังมากขนาดนั้นได้หล่ะ และที่น่าเศร้าที่สุด คงหนีไม่พ้น ซิงเกิ้ลแรกเนี่ยแหล่ะ เพลงดีมั้ย ดีนะ ติดหูมั้ย มากๆเลยแหล่ะ แต่ไคลี่ย์มั้ย ไม่เลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอเสียอะไรไปหลายๆ อย่างเลยแหล่ะ จากสิ่งที่เรากล่าวมานี้ ซึ่งจริงๆ ตัวไคลี่ย์มีจุดยืน และภาพลักษณ์ที่แข็งโดยตัวของไคลี่ย์เองอยู่แล้ว ซึ่งเธอน่าจะเอามันมาใช้ประโยชน์มากกว่านี้
Track by Track
2 Hearts (2.5) ซิงเกิ้ลแรกที่ฮิตติดลมบนไปแล้ว เพราะมันโด่งดังไปในหลายๆ ประเทศ รูปแบบเพลงเป็นPop Rock ผสมเสียงกลองให้จังหวะโคน ติดกลิ่นเก๋ๆ แบบเพลงของตุ๊ดกรรไกร เข้าคอรัส ก็ประโคมวงชุดใหญ่ ผสมเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นเข้ามา ทำได้เก๋นะ เพลงนี้ และที่สำคัญ ติดหูมากๆ เสียอย่างเดียว ชื่อไคลี่ย์มาค้ำคอนี่แหล่ะ ทำให้แฟนๆ หลายๆคนผิดหวังไม่น้อย (รวมทั้งเราด้วย) แต่ฟังมากๆรอบเข้า เพลงนี้ยิ่งเก๋ และเข้าท่า เพียงแต่ ทนฟังมันได้กี่รอบหล่ะ
Wow (5) ซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ย้อนทำให้เราได้นึกถึงไคลี่ย์ที่โด่งดัง และคุ้นเคยมากกว่า Pop Dance แบบยูโร ที่ติดกลิ่นHouse อีกนิดหน่อย ซึ่งเพลงนี้ ไคลี่ย์ทำได้น่ารักน่าหยิกจริงๆ คอรัสติดหูแสนง่าย เชื่อเราสิ เพลงนี้ต้องดังได้ไม่ยาก ทำไมเจ้ไม่ตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแรกมิทราบ ออกมาดังมากแน่นอน เซ็งจิตจริงๆ แบบว่าฟังครั้งแรกแล้วปิ๊งเลย นี่ไม่รวมถึงตอนที่เล่นที่ Kylie show ด้วยนะ เพราะชุดเปรี้ยวล้ำมาก
ปล.ขอแอบบ่นเพลงนี้หน่อยเหอะ อิเจ้จะรีบปล่อยโหลดทำไมไม่ทราบ ได้ข่าวว่าปล่อย Physical ช่วงเดือนกุมภา ออกมาตอนนี้คนเค้าก็โหลดกันหมดแล้วสิ แล้วอันดับเพลงมันจะดีมั้ยหล่ะเนี่ย การตลาดเน่าชิงๆ อยากให้เจ้ได้อันดับ 1 ใน UK นะ สักเพลงในอัลบั้มก็ยังดี
Like a drug (5) อีกเพลงของอัลบั้มที่แน่นมากๆ ทั้งส่วนเนื้อหาดนตรี และรายละเอียดอื่นๆ อีกยุบยับ Pop Electronica บีทหนักๆ ที่ลูกเล่นเยอะมาก เพราะโคนเพลงเน้นการเดินจังหวะไปเรื่อยๆ แต่เน้นการอัดส่วนประกอบแต่ละอย่างเข้ามาในดนตรี จนหนักและแน่นในทุกๆบีทจริงๆ แต่กลับไม่หนักไปสำหรับเสียงบางๆ แหลมๆ ของไคลี่ย์ ถือว่ารายละเอียดต่างๆ เข้าที่ และพอดีมากๆ ถือเป็นอีกเพลงที่ฟังรอบแรกอาจจะแปลกใจ แต่มากรอบไปรับรอง คุณติดเพลงนี้เหมือนติดยาแบบชื่อเพลงแน่นอน
In my arm (2) ออกไปทาง Pop rock มากกว่า รายละเอียดเพลงนี้ บางนะ ถ้าวัดจริงๆ แต่เพลงนี้ได้หมัดเด็ดที่ คอรัสเนี่ยแหล่ะ เพราะมันติดหูได้ง่ายมาก เหมือนกับตัวดนตรีนั่นแหล่ะ ที่แม้รายละเอียดจะไม่หนาเท่าไหร่ แต่ที่ได้ก็คือการที่ทำให้เราฟังได้ง่ายๆ นั่นแหล่ะ แต่ต้องยอมรับว่าเพลงนี้ไม่ได้โดดเด่นในสายตาเราเท่าไหร่
Speakerphone (3.5) ว่าแล้ว เพลงนี้ทำไมฟังรอบแรกมันชั่งเหมือน Piece of me ของบริทจริงๆ นึกว่าหูเพี้ยนไป แต่พอไปดูรายชื่อ โพรดิวเซอร์แล้วถึงบางอ้อเลย เพราะคนเดียวกันเลย มิน่าหล่ะ อิซาวด์กระฉึกกระฉัก เดินบีทแบบ R&B เนิบๆ อย่างนั้น ผสมกับเสียงเครื่องเขย่า และเสียงผสมปรบมืออีกนิดหน่อย การร้องเสียงกระเส่าๆ เรียกว่าเหมือนกันมากกว่า 80%เลยแหล่ะ อาจจะแตกต่างนิดหน่อยตรงที่รายละเอียดลูกเล่น ที่ต่างไส่กันไปให้แตกต่างกัน โดยรวมเราคิดว่าเพลงนี้ทำได้หลากหลายมากกว่าเพลงของบริทนะ แต่เนื้อหาอาจจะไม่แรงเท่า แต่โดนรวมก็ทำได้น่าสนใจดีหรอก
Sensitized (4) เคที่ เดนิส จับมือรวมกับ กายแชมเบอร์ แค่นี้ คงทำให้เพลงนี้น่าสนใจแล้วหล่ะ ซึ่งถือว่าเพลงนี้ก็น่าสนใจจริงๆ แหล่ะ ถึงแม้บีทที่เธอทำตอนโคน จะมีการเดินแบบเนิบๆ เดินไปเรื่อยๆ แต่อย่างว่าแหล่ะ การไส่รายละเอียดเพลง ถือเป็นอีก 1 ความน่าสนใจ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ไส่เข้ามาได้ดีมาก ทำให้เพลงนี้ดูเซ็กซี่แบบมีคราสขึ้นอีกมาก นี่ยังไม่รวมการถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงของไคลี่ย์ ซึ่งทำเพลงเซ็กซี่ได้ดีอยู่แล้ว จึงทำให้เพลงนี้ ได้จุดที่ดีรวมทั้งองค์ประกอบที่ดี แต่มาตายอย่างเดียวก็คือเสียงอิชะนี ที่มาร้องวู้ๆๆ อยู่ข้างหลังนั่นแหล่ะ มีพองามก็โอหรอก ก็ถือว่าทำให้เพลงเด่นได้นะ แต่ฟังไปฟังมา มันน่ารำคาญมากกว่าทำให้น่าสนใจอ่ะ
Heart beat rock (1) เอ่อ Pop Rock ผสม R&B แบบกระฉึกกระฉัก ที่เหมือนจะเก๋ แต่มันไม่เด่น และไม่เด้ง ถือเป็นเพลงที่เราไม่ชอบที่สุดในอัลบั้มเลยแหล่ะ เจ้น่าจะลอยแพเพลงนี้ ไปให้พวกนักร้องเพลงพ๊อพเค้าร้องกันได้แล้ว ระดับเจ้ ไม่น่าจะทำเพลงแนวนี้แล้วนะ หรือนึกจะย้อนวัยอะไรยังไง
The One (4.5) อร้ายย เก๋มาก Pop Electronica เดินบีทเบาๆ ในแบบดนตรี Trance ทำให้เพลงดูลอยๆ แต่มีมิติ และน่าสนใจ น่าค้นหามากๆ ไคลี่ย์พาเราร่องรอยไปสู่ห้วงดนตรีของเธอได้อย่างน่าอัศจรรย์ และป่าวประกาศให้รู้เลยนะ ว่า Im the one ของเพลงนนี้และจุดศุนย์กลางของโลกของเธอ เพราฉะนั้น เธอนั่นแหล่ะ ที่ต้องเข้ามาหาฉันเท่านั้น ร้ายมั้ยหล่ะ นี่ยังไม่รวมองค์ประกอบเพลง ที่มีคอรัสติดหูง่ายๆ ร้องตามง่ายๆได้แบบร่องลอยไปสู่โลกใครโลกมันเลยแหล่ะ เริ่ดออก
No more rain (4) เพลงนี้เธอเขียนเพื่อต้องการจะเล่ามรสุมที่เธอต้องเผชิญ นั่นก็คือโรคมะเร็งนั่นแหล่ะ ที่ทำให้เธอต้องต่อสู้ และยืนหยัด ทำให้เธออยู่มาได้จนถึงวินาทีนี้ เนื้อหาให้กำลังใจดีมากๆ รวมถึงการร้องแบบเอาความรู้สึกที่เธอต้องเผชิญถ่ายทอดออกมา อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา ทำให้เรารู้เลยว่า มันไม่ได้ง่ายนัก ในวันที่มืดมน แต่เมื่อคุณผ่านมันมาได้ ย่อมมีแสงที่อบอุ่นรอคุณอยู่ ในวันนั้น เธอต้องการจะสื่อเพลงนี้ให้กับคนที่ตั้งใจรอเพลงนี้ของเธอจริงๆ ผ่านทางเมโลดี้ที่สวยงาม ของตัวเพลง
All I see (2) R&B ตามสมัยนิยมแบบห้อยนีโย เฮ้อ แต่แปลกนะ ที่หลายๆคน ชอบ โอเครแหล่ะ เพลงมันฟังง่ายจริง และฟังได้เรื่อยๆ เพลินๆ ก็จริง อันนี้ไม่ขอเถียง แต่ก็แอบไม่เข้าใจว่า ชีจะต้องลงมาเล่นกับเพลงแนวนี้ทำไม ในเมื่อคนทำก็เยอะแล้ว และยังตามสมัยมากเกินไป จนบางครั้งหลายคนอาจพาลรู้สึกเบื่อได้ง่ายๆ (รวมทั้งเรา)
Stars (3) Pop Rock ติดกลิ่น Trance ลอยๆ ที่เธอก็ทำมันได้สมชื่อจริงๆ นั่นแหล่ะ เพราะเพลงนี้ เหมือนหลุดไปบนท้องฟ้า ที่มีแต่ดวงดาวจริงๆล่องลอย และเคว้งคว้าง แต่ไม่หลุดไปจากมิติของเพลงที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นอีกเพลง ที่เป็นเพลงดี แต่ไม่เด่น เพราะตัวเพลง ตัวโคน รวมถึงเสียงไคลี่ย์และองค์ประกอบอื่นๆ ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร
Nu-di-ty (2.5) Pop R&B แบบกระฉึกกระฉัก ฝีมืออิคนเดียวกับที่โพรดิวซ์เพลง Speakerphone นั่นแหล่ะ แต่เพลงนี้กลับออกซาวด์แบบที่ญี่ปุ่นชอบ ยังไงไม่รู้สิ อาจจะเพราะอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นแบบที่ไคลี่ย์ไส่เข้ามาในเพลงมั้ง รวมถึงดนตรีเอง ก็แอบทำให้เรานึกไปถึง Hollaback Girl ของยัยเกวนด้วย สรุป เพลงนี้ทำเพื่อเอาใจแฟนเพลงญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยมั้ง รายละเอียดดนตรีน้อยมาก แต่ทำได้ไม่เด่นและเก๋เท่าโฮลาแบ็ค อาจจะเพราะเสียงไม่เด่นเท่ามั้ง แต่ส่วนตัวก็กลางๆ อ่ะ ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้ฟังไม่ได้ขนาดนั้น
Cosmic (4) Pop Jazz เบาๆ ปิดอัลบั้ม เน้นเมโลดี้ที่สวยงาม ทั้งเครื่องสาย เครื่องสี และออเครสต้าย่อมๆ เข้ามาผสม บวกกับการร้องคลอเมโลดี้ ที่ไคลี่ย์ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ถือว่าเป็นอีกแนวที่ไคลี่ย์ชอบทำมากๆ นะ (หลังๆ เราเห็นเธอร้องเพลง ในสไตล์ Jazz บ่อยเลยแหล่ะ) ก็ถือว่าตอบความต้องการ และเป็นอีก 1 ตัวตนที่เธอสนใจจริงๆ และต้องการจะนำเสนอให้ทุกคนได้รู้ และที่สำคัญ มันเพราะมากเลยแหล่ะ
อำลาปิดงานเขียนชิ้นนี้ นี่อาจจะไม่ใช่งานที่เป็นระดับ Masterpiece ของเธอ แต่ก็ถือว่าเธอทำได้ดีมากนะ ในหลายๆ แทรค เธอกล้าที่จะเสนองานในมุมมองที่เธอตั้งใจทำ มากกว่านำเสนองานที่หลายๆ คนคาดหวัง เพียงแต่คุณจะเปิดใจรอรับงานเพลงของเธอหรือป่าว แล้วคุณพร้อมที่จะลบ Dancing Diva ร่างเล็ก (ที่ยังเหลืออยู่นะ แต่อาจจะมีบทบาทน้อยลง) ไปหรือยัง และเชื่อเราสิ ถ้าได้ลองเปิดรับงานเธอแล้ว ความสุข ที่สาวร่างเล็กนามว่า Kylie Minogue ต้องการนำเสนอนั้น นำพาความสุขในการฟังเพลงมาให้คุณได้แน่นอน
สวยเลือกได้

แก้ไขล่าสุดโดย นาโอ เมื่อ Thu Jan 10, 2008 11:43 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________
Kylie Thailand Fansite
